การเพาะกาย ไม่ใช่แค่การสักแต่ยกลูกเหล็กขึ้นลงเท่านั้น มันมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่จะสร้างเราให้เป็นนักเพาะกาย ตามที่เราต้องการ ส่วนประกอบที่จะพูดถึง และถือเป็นเคล็ดลับ ในความสำเร็จของผม มีดังต่อไปนี้ครับ
โภชนาการ
คุณจะยกลูกน้ำหนัก ให้ได้มหาศาลยังไงก็ได้ เท่าที่ร่างกายคุณมีประสิทธิภาพที่จะทำได้ แต่หากไม่มีการทานอาหารที่เหมาะสมแล้ว กล้ามเนื้อคุณก็จะไม่เติบโต กล้ามเนื้อคนเรา เปรียบได้กับเครื่องยนต์กลไก ซึ่งจะไม่ทำงานเลย หากปราศจากเชื้อเพลิง และเชื้อเพลิงที่ว่านี้ก็คือ อาหารนั่นเอง การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใดๆก็ตาม จะเกิดปฏิกิริยาอีเลคโตรเคมีคอล คือการเผาผลาญอาหาร ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเชิงเดี่ยว ดังนั้นหากบกพร่องเรื่องสารอาหารหลัก วิตะมินหรือเกลือแร่ ละก็ การเติบโตของมัดกล้าม ก็จะได้รับผลกระทบ ในทางลบไปด้วย
เคล็ดลับเกี่ยวกับสารอาหารของผมคือ ผมจะเน้นหนักเรื่องเนื้อวัวแดง ซึ่งจะทานปริมาณมากๆ บางคนฟังแล้วไม่เชื่อ เพราะคิดว่าเนื้อแดง มีไขมันติดมาด้วย สู้เนื้อไก่และเนื้อปลาก็ไม่ได้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าคนเหล่านั้นมีอคติกับเนื้อวัวแดงไปเอง สำหรับช่วงเก็บตัวเข้าแข่งขัน อาหารของผมมีเพียงสองอย่างคือ เนื้อวัวแดง และมะเขือเทศเท่านั้น ที่ทำให้มัดกล้ามผมแข็งแกร่ง และดูเต็ม สวยงามกว่าคนอื่น
เอาจิตใจใส่ไว้ในกล้ามเนื้อ
ในทุกๆครั้งที่เรายกลูกน้ำหนัก ให้เราเพ่งสมาธิ ให้เข้าไปในการทำงานของกล้ามเนื้อ ไม่ใช่คิดแต่เพียงว่า กำลังยกลูกน้ำหนักขึ้น และก็ผ่อนน้ำหนักลง แต่จงใส่จิตใจลงไป ให้รู้สึกว่าเราเป็นตัวกล้ามเนื้อ ที่กำลังถูกบริหารนั้นเสียเอง ให้รู้สึกว่าตอนนี้กำลังถูกยืดตัวออกไปอย่างมาก ตอนนี้กำลังเกร็งตัวเข้ามาอย่างมาก ฯลฯ ทำให้ได้อย่างนี้ แล้วคุณจะประสบความสำเร็จ ในระยะเวลาอันใกล้ครับ
ยึดทางสายกลางในการเลือกขนาดลูกน้ำหนัก
คุณไม่ควรใช้น้ำหนักที่เบาเกินไป และขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรใช้ลูกน้ำหนักที่หนักไปด้วย เหตุผลก็คือ เมื่อคุณใช้ลูกน้ำหนักที่เบา คุณจะบริหารได้มากครั้ง ผลที่ตามมาก็คือ คุณจะหมดแรงก่อนที่กล้ามเนื้อคุณจะล้าจริงๆ เพราะคุณใช้ออกซิเจนไปหมดแล้ว ส่วนเหตุที่ไม่ควรใช้ลูกน้ำหนักที่หนักไปก็คือ เมื่อใช้ลูกน้ำหนักที่หนักมาก กล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ จะเข้ามาช่วยกล้ามเนื้อเป้าหมายของคุณทันที (เช่นการนอนดันหน้าอก โดยใช้น้ำหนักมากเกินไปละก็ กล้ามไทรเซบจะถูกเรียกงาน เข้ามาช่วยโดยทันที - webmaster)
สำหรับกล้ามเนื้อส่วนเล็กๆเช่น หลังส่วนล่าง และหัวไหล่ของผม ผมจะเลือกใช้อุปกรณ์ออกกำลังกาย แบบสายเคเบิลทันที เพราะผมคิดว่า เมื่อใช้เคเบิล ผมจะมีสมาธิมากกว่า คือยกน้ำหนักได้เต็มที่ ไม่ต้องคอยรักษาสมดุลย์ไม่ให้ล้ม
บริหารแต่ละครั้งให้เต็มเหยียด
หมายถึงว่า ตอนที่ยกขึ้นข้างบน ก็ต้องยกขึ้นให้สูงสุด เวลาที่ผ่อนน้ำหนักลง ก็ต้องเอาลงให้ต่ำสุดเช่นกัน เราเรียกว่าบริหารให้เต็มเหยียด และตลอดเวลาที่บริหารแต่ละครั้ง ต้องมีความรู้สึกว่า คุณกำลังควบคุมลูกน้ำหนักนั้น ให้ขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกล้ามเนื้อ ทำไปเรื่อยๆ
เกร็งกล้ามเนื้อ
ในการบริหาร ผมจะมีจุดที่ผมเกร็งกล้ามเนื้ออยู่สองที่คือ
ตอนที่เหยียดลูกน้ำหนักจนสุดแล้ว เช่นเมื่อผมเหยียดแขนสุดแล้วในท่านอนดันหน้าอก ผมจะเกร็งกล้ามหน้าอกมากที่สุด เพื่อเรียกเลือดไปที่กล้ามเนื้อดังกล่าวให้มากที่สุด
ตอนโพสท่าขณะที่พักระหว่างเซท นี่เป็นเทคนิคส่วนตัวของผมเลย คือเมื่อพักระหว่างเซท ผมจะต้องฝึกโพสท่าทันที ซึ่งการโพสท่าก็ต้องอาศัย การเกร็งกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการจะโชว์ด้วย จึงเป็นการทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นหดตัวอย่างเต็มที่ เพื่อที่เวลามันขยายขึ้นมา มันก็จะขยายอย่างเต็มที่เช่นกัน
ใช้จินตนาการ
ในทุกๆวัน ตอนที่ผมนั่งอยู่ในรถที่กำลังเดินทางไปโรงยิม ผมจะนั่งหลับตา สร้างจินตนาการเลยว่า วันนี้ผมจะเข้าไปยิมเพื่อบริหารกล้ามเนื้อส่วนใด ด้วยท่าบริหารไหน กี่ครั้ง กี่เซท และเมื่อถึงเวลาที่ผมได้ลงมือบริหารจริงๆนั้น ผมจะบังคับจิตใจผมให้อยู่กับตัว ไม่สนใจว่ารอบข้างจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
เมื่อคุณได้เป็นนักเพาะกายอาชีพอย่างผม คุณจะมีปัญหาที่ว่า สมาชิกในโรงยิม อยากจะกระทบไหล่คุณ อยากชวนคุย หรือถามเคล็ดลับการบริหาร บางคนก็ยืนอยู่ใกล้ๆ ไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องมองคุณอยู่ตลอดเวลาที่คุณบริหาร ทั้งหมดนี้ถ้าคุณไม่มีสมาธิแล้ว การบริหารในวันนั้นของคุณก็ไม่มีผลอะไรขึ้นมาเลย ดังนั้นคุณต้องเอาจิตใจไว้กับตัวเอง และหัดปฏิเสธบ้าง ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามทุกข้อก็ได้ครับ
เรื่องจำนวนครั้งที่ใช้
ถ้าบางคนคิดว่า การบริหารโดยใช้จำนวนครั้งสูงๆได้ผลละก็ ผมว่าเขาคิดผิด เพราะแท้ที่จริงแล้ว การบริหารน้อยครั้งในหนึ่งเซท โดยใช้น้ำหนักที่หนักมาก จะได้ผลดีกว่า สำหรับตัวผมแล้ว ผมจะบริหารกล้ามเนื้อชิ้นใหญ่ เช่นหน้าอก หรือกล้ามปีก เพียงเซทละ 5 - 6 ครั้งเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในทุกๆครั้งที่คุณยก คุณต้องใช้สมาธิ เอาใจเข้าไปอยู่ในกล้ามเนื้อชิ้นนั้นขณะบริหารด้วย
เรื่องจำนวนเซทที่ใช้
คุณไม่จำเป็นต้องใช้เซทเยอะๆหรอกครับ สำหรับตัวผมเอง จะบริหารเพียงท่าบริหารละ 2 เซทเท่านั้น และสำหรับท่าบริหารท่าแรก ผมจะวอร์มก่อน 2 เซท เมื่อบริหารท่าแรกเสร็จแล้ว ก่อนที่จะบริหารท่าที่สอง ผมจะวอร์มเพียงแค่เซทเดียวเท่านั้น
บริหารหลายๆมุม
เคล็ดลับนี้ ได้ผลกับการสร้างกล้ามเนื้อได้ดีเป็นอย่างยิ่ง กล้ามเนื้อแต่ละส่วนในร่างกายผม ผมจะบริหาร 5 มุม ส่วนกล้ามปีก ก็บริหาร 7 มุม (คำว่ามุมหมายถึง เมื่อเล่นท่า DECLINE DUMBBELL PRESSES ก็คือการบริหารหน้าอกมุมล่าง และเมื่อบริหารท่า INCLINE BENCHPRESS ก็คือการบริหารหน้าอกมุมบน - webmaster)
อย่าเป็นนักกล้ามที่หลงตัวเอง
การหลงตัวเอง เป็นกับดักชนิดดี ที่จะทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จในการเพาะกาย เพราะคุณเอาใจใส่ต่อสายตาคนรอบข้างมากเกินไป และอยากให้เขาประทับใจ ทำให้บางทีคุณต้องฝืนยกน้ำหนักที่หนักเกินไป บางทีก็เล่นเซทนั้นๆมากครั้งเกินไป เพื่ออวดหญิงสาว ตัวผมเองนั้น ผมยอมรับว่าก็เคยมีนิสัยเช่นนี้ แต่เมื่อผมบริหารมาถึง 6 ปีเต็ม ประสบการณ์ได้สอนผมว่า แทนที่จะเอาใจใส่ว่าจะต้องยกน้ำหนัก ให้หนักที่สุดในยิม ให้คนอื่นมายกต่อไม่ได้นั้น สู้การใช้สมาธิบังคับกล้ามเนื้อ ให้บริหารท่านั้นๆให้สมบูรณ์จะดีกว่า อีกทั้งคุณจะต้องหัดนิสัยตัวเอง ให้มีวินัยอย่างแข็งขันด้วย
ผมคิดว่าสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ เป็นความคิดและคำพูดที่ถูกต้อง เพราะผมได้ลองนำมาปฏิบัติแล้วได้ผล และใช้มาจนถึงทุกวันนี้ เห็นได้ชัดว่า ร่างกายผมสมบูรณ์ สมส่วน มีมัดกล้ามที่สวยงาม ในเมื่อมันใช้ได้ผลกับผม ก็ไม่มีสาเหตุอะไรที่คุณจะนำไปปฏิบัติไม่ได้นี่ครับ
ขอบคุณเวป
http://www.tuvayanon.net/21b8.html