`

Jump to content





ͧ SPLINTER CELL: conviction (ҡ) 100% COMPLETE


125 replies to this topic

#101 9th TEARDROP

    ¹

  •  DGO Blogger
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 16738 posts
  • Gender:Male

Posted 02 May 2010 - 08:04 AM

ถามหน่อยครับ.....

ไอ้พวกรายละเอียดอาวุธ พาหนะต่างๆพวกนี้นี่ชอบอ่านกันมั้ยครับ หรือไม่อ่านจะได้ไม่ต้องหา


QUOTE(MoDiFy @ Apr 29 2010, 11:49 AM) <{POST_SNAPBACK}>
ผมว่าสร้างกระทู้ใหม่เลยดีกว่าพี่
แยก 2 เกมไปเลย ไม่มีใครว่าหรอกครับ

กระทู้ไร้สาระกว่านี้มีเยอะแยะ :)
กระทู้ดีมีประโยชน์ ใครว่า เดี่ยวผมจัดให้...ยาววว

(co-op ป่ะ อุอุ)

เสียดายหมุดอะ รวมในกระปู๋ เอ๊ย... กระทู้เดียวมันตามอ่านง่ายกว่าด้วย

#102 jaysudster

    ѡдѺ٧鹷 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 791 posts
  • Gender:Male

Posted 02 May 2010 - 10:28 PM

QUOTE(9th TEARDROP @ May 2 2010, 08:04 AM) <{POST_SNAPBACK}>
ไอ้พวกรายละเอียดอาวุธ พาหนะต่างๆพวกนี้นี่ชอบอ่านกันมั้ยครับ หรือไม่อ่านจะได้ไม่ต้องหา


บอกตรงๆว่าชอบครับ อ่านแล้วเหมือนได้ครามรู้ไปด้วย yoyo_56.gif

ติดตามต่อๆไปครับ ชอบมากมาย

#103 tauruserz

    ѡ

  • Members
  • Pip
  • 3 posts

Posted 03 May 2010 - 09:21 AM

ขอบคุณครับ
เพิ่งเล่น Splinter Cell จบเอง มันส์มาก ได้มาอ่านยิ่งสนุกครับ

#104 9th TEARDROP

    ¹

  •  DGO Blogger
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 16738 posts
  • Gender:Male

Posted 03 May 2010 - 09:39 AM

QUOTE(tauruserz @ May 3 2010, 09:21 AM) <{POST_SNAPBACK}>
ขอบคุณครับ
เพิ่งเล่น Splinter Cell จบเอง มันส์มาก ได้มาอ่านยิ่งสนุกครับ

สมัครตั้งแต่ปี 08 แต่เพิ่งโพสครั้งแรกในกระทู้นี้ รู้สึกเป็นเขียดมากครับ อิๆ

Edited by 9th TEARDROP, 03 May 2010 - 09:40 AM.


#105 Tazdy

    ѡдѺ٧鹷 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 809 posts
  • Gender:Male
  • Location:L.A.

Posted 03 May 2010 - 09:50 AM

ชอบอ่านครับผม ยิ่งมีเงื่อนไขในการปลดของจะยิ่งดีมากๆครับ เพราะบางทีปลดอาวุธบางตัวไม่ได้เช่นใน SC
เอาแอบๆ ซ่อนๆ ไว้ก็ได้ครับ

#106 MoDiFy

    Old SuanKuLarB 122

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10860 posts
  • Gender:Male
  • Location:Bkk, Thailand

Posted 03 May 2010 - 01:07 PM

เพิ่งจบเหมือนกัน >_<
ผมว่าเกมนี้มันง่ายไปหน่อยหรือเปล่า อยากให้มีระดับความยากกว่านี้อีกระดับหนึ่งอ่ะ
(ปกติผมไม่เคยเริ่มเกมโดยระดับยากสุด แล้วจบเลยง่ะ-*-)

#107 thekengs

    Hello Again ^^

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 2121 posts
  • Gender:Not Telling
  • Location:One Two Three

Posted 04 May 2010 - 11:37 AM

ขอให้มีพลังแบบนี้ไปเรื่อยๆนะครับ

คุณหยาดเจ๋งมากๆเลยนะครับ....

#108 pakongkup

    ѡдѺ٧鹷 2

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1165 posts

Posted 04 May 2010 - 03:57 PM

เนื้อเรื่องsplinter cell มีผิดอยู่จุดนึง ตะกี้ว่าจะบอกแต่กะว่าอ่านให้จบก่อน เลยอ่านมาจนจบ พออ่านจบปรากฏว่าลืม โทษทีครับ - -

#109 9th TEARDROP

    ¹

  •  DGO Blogger
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 16738 posts
  • Gender:Male

Posted 04 May 2010 - 10:40 PM

QUOTE(pakongkup @ May 4 2010, 03:57 PM) <{POST_SNAPBACK}>
เนื้อเรื่องsplinter cell มีผิดอยู่จุดนึง ตะกี้ว่าจะบอกแต่กะว่าอ่านให้จบก่อน เลยอ่านมาจนจบ พออ่านจบปรากฏว่าลืม โทษทีครับ - -

กรรม นึกออกไวๆนะครับ สงสารคนอ่านเค้า เหอะๆ

ขอบคุณล่วงหน้า

#110 Niranam

    ѡдѺ٧鹷 2

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 961 posts
  • Gender:Male

Posted 06 May 2010 - 03:28 AM

สุดยอดมากกกกก ขอบคุณครับผม d16c4689.gif

#111 aordy

    ѡдѺ٧鹷 3

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1393 posts
  • Gender:Male

Posted 07 May 2010 - 03:28 PM

ขอบใจจ๊ะ แปลได้ถึงตับถึงไตดีแต้ ๆ yoyo_74.gif
ไปอยู่สำนักเดียวกับสุวิทย์ ขาวปลอดได้เลย (ว่าจะขอบใจตั้งนาน แต่วกไปโน้น ไปนี่ ลืมตลอด)

#112 ®å¥ЌΘçΦ♏$©™

    ѡͩѧ

  • High Members
  • PipPipPipPipPipPip
  • 356 posts
  • Gender:Male

Posted 07 May 2010 - 06:22 PM

โอว... ขอบคุณมากมายเลยครับ

Sprinter Cell ดองไว้นานแล้ว ยังไม่ได้เล่น
โดยส่วนตัวผมชอบอ่านเรื่องราวพวกนี้มาก ๆ เลยครับ
เรื่องเทคโนโลยีสงคราม พวกอาวุธต่าง ๆ
ผมชอบดูสารคดี Future Weapon ของ Discovery และ History Chanel
ได้มาอ่านแล้วเลยซึมซับมากกว่าปกติ (เว่อร์ไปป่าววะเนี่ย)
แต่ผมไม่ใช่พวกบ้าสงครามนะครับ
แต่เล่น Call of Duty และเกมส์ทหารเกือบทุกเกมส์

#113 halala

    ѡ§

  • High Members
  • PipPipPipPipPip
  • 302 posts
  • Gender:Male

Posted 09 May 2010 - 08:06 AM

ขอบคุณมากครับ yoyo_04.gif

#114 Zeroprofessional

    ҧͿش

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 7756 posts
  • Gender:Male
  • Location:Pattaya

Posted 09 May 2010 - 01:12 PM

แปลได้น่าติดตามมาก เอิ๊กๆ ชอบอ่ะ

#115 sadmovie

    ҧ ҧҡҧ

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 2696 posts
  • Gender:Male

Posted 09 May 2010 - 04:31 PM

ขอบคุณแทนเพื่อนๆ แล้วกันครับ สุดยอดของความมีน้ำใจ ทำได้ยังไง ไม่รู้จะตอบแทนกันยังไงดี

เอาไว้ไ้ด้เครื่องมาใหม่ จะมาขอแอบอ่านอีกรอบนะครับ คุณหยอด

ขอบคุณครับ


#116 visaisak

    ѡ

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1933 posts
  • Gender:Male

Posted 12 May 2010 - 03:10 PM

ขอบคุณมากๆๆ เพิ่งเล่นจบเลยเข้ามาอ่าน แปลได้มันมาก yoyo_89.gif

#117 theboy

    ѡ§

  • High Members
  • PipPipPipPipPip
  • 337 posts

Posted 12 May 2010 - 03:32 PM

หามาแปลเรือยๆเลยครับชอบๆ เดียวพาเพื่อนมาอ่านเยอะๆ

#118 auhibs

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 9311 posts
  • Gender:Male
  • Location:reality

Posted 13 May 2010 - 02:39 PM

เมื่อไหรจะเลิกเล่น ps2 มารีวิวเกมส์ xbox เร็วๆ

#119 9th TEARDROP

    ¹

  •  DGO Blogger
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 16738 posts
  • Gender:Male

Posted 15 May 2010 - 05:02 AM

CALL OF DUTY: modern warfare 1
เสียงเพรียกจากหน้าที่: สงครามสมัยใหม่



เกส: เอาข่าวดีกันก่อนนะ โลกเรายังไม่บุบสลาย ที่รัสเซียยังคงมีสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศตัวเอง
รัฐบาลที่นั่นยังคงง่วนอยู่กับการปราบกบฏกลุ่มต่างๆ หัวรบนิวเคลียกว่า15,000หัวยังคงถูกใช้บลัฟกัน

กัปตันไพรซ์: เหอะ... ไม่เห็นมีอะไรแปลก

เกส: คาเลต อัลอาสาด เค้าเป็นมหาอำนาจอันดับสองในตะวันออกกลาง ข่าวกรองว่าตอนนี้
เค้ากำลังมีแผนบางอย่างเพื่อก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งในตอนนี้ เรากำลังจับตาดูเค้าเป็นพิเศษ

กัปตันไพรซ์: แล้ว...ข่าวร้ายล่ะ

เกส: เรามีคนใหม่เข้ามาในหน่วยเรา สดๆซิงๆเลย เค้าชื่อว่า 'โซป'


บทนำ1 : F.N.G.
หุบเขาเครเดน ประเทศอังกฤษ
แทนสายตา : SAS* จ่า โซป แมคทาวิช


*SAS Special Air Service
เป็นหน่วยรบพิเศษทางอากาศ เเห่งกองทัพประเทศอังกฤษ
ซึ่งได้รับคำชมเชยเเละยกย่องเช่นเดียวกันกับ หน่วย Delta Force กับ Navy Seal ของ สหรัฐอเมริกา

SAS โด่งดังไปทั่วโลก จากเหตุการณ์บุกรวบผู้ก่อการร้ายซึ่งจับตัวประกัน
ายในสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำกรุงลอนดอน เมื่อปี คศ. 1980 ได้สำเร็จ
เเละมีอีกหลายปฏิบัติการที่ SAS ส่งสมาชิกของเข้าไปช่วยเหลือ

เช่น การลักพาตัว นาย Aldo Moro ที่ดำรงตำเเหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของอิตาลีในเวลานั้น ,
ปฏิบัติการช่วยชิวิตในเหตุการณ์ยึดรถไฟอาเซน,
ปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันร่วมกับ German GSG-9 บนเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบิน ลูฟ ฮันซา เยอรมนี
ซึ่งถูกสลัดอากาศ จับเป็นตัวประกัน ในกรุงโมคาดิชู เมืองหลวงของประเทศโซมาเลีย

หัวใจสำคัญที่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในเเต่ละารกิจนั้นมาจาก การใช้ระเบิด Stun Granade
ที่ทำให้หมดสติเเละ การใช้กลยุทธ์อันเเยบยล เนื่องจากชื่อเสียงเเละารกิจที่ผ่านมาทำให้หน่วย SAS
กลายเป็นต้นเเบบของการก่อตั้งหน่วยจู่โจมพิเศษปราบปรามผู้ก่อการร้ายของเเต่ละประเทศ
ทั่วโลก

ในปัจจุบันหน่วย SAS กำลังฝึกฝนเเละพัฒนายุทธวิธีต่อต้านการก่อการร้าย
ผ่านความร่วมมืออย่างเเน่นเเฟ้นกับหน่วยจู่โจมพิเศษของประเทศตะวันตก อย่างเช่น หน่วย GSG-9 ของเยอรมนี
เเละ Delta Force ของสหรัฐอเมริกา

credit: คุณ GM-Dokya จากเวปเกม special force


ลานฝึกซ้อมของหน่วย SAS

คนแรกที่โซปพบคือ เกส เขาเป็นหนี่งในหน่วย SAS หลังจากลองเทสเป้าแล้ว
เกสจึงบอกเราให้ไปพบกับ กัปตันไพรซ์ เพื่อทดสอบ CQB*

*CQB ย่อมาจาก Close Quarter Battle แปลว่าการรบระยะประชิด

"มี F.N.G.* มารายงานตัวครับกัปตัน ยังไงก็ช่วยเบามือกับเค้าหน่อยละกันครับ"

*F.N.G. ย่อมาจาก Fucking New Guy เป็นคำล้อพวกมาใหม่
มือใหม่ของหน่วย


"ได้... ชื่อเอี้ยไรของเมิงวะ 'โซป'(สบู่?) เนี่ย แล้วซื่อบื้ออย่างนายนี่ผ่านการคัดเลือกมาได้ไงวะ
เอ้า... ไอ้มือใหม่ เราจะทดสอบ CQB เข้าประจำตำแหน่งซะที ที่เหลือไปที่มอนิเตอร์"


ดูเหมือนกัปตันไพรซ์หัวหน้าคนใหม่จะเริ่มทดสอบโซปทันทีที่เห็นหน้า
เริ่มด้วยการยั่วโมโห เพื่อดูสาวะทางอารมณ์ขณะปฏิบัติการ

"การทดสอบนี่ นายต้องตะลุยผ่านด่านทดสอบให้ได้ใน 60วินะ
เกสที่ยืนอยู่นี่ทำเวลาได้ใน 19วิเอง โชคดี"


โซปทำการทดสอบด้วยการตะลุยผ่านฉากจำลองรูปแบบายในอาคาร
แต่เมื่อออกมาสิ่งที่โซปได้ยินไม่ใช่คำแนะนำ หรือความคิดเห็นใดๆจากหัวหน้าของเค้า

"พวกเรา.. ารกิจเรือสินค้ากำลังเริ่มละ เตรียมตัวให้พร้อม เราจะเดินทาง
ตอนตี 2 แยกย้ายได้"
ไพรซ์ สั่งให้คนของเขาเตรีมพร้อมรับารกิจที่จะเริ่มในคืนนี้

ซึ่งการเพิกเฉยต่อการทดสอบของโซปนั้น ทุกคนในหน่วยรู้กันดี
ว่านั่นหมายความว่า โซปนั้นทำการทดสอบได้เยี่ยมนั่นเอง

=======================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
=======================================

บทนำ2 : Crew Expandable

แทนสายตา: SAS จ่า โซป แมคทาวิช


=======================================

กัปตันไพรซ์: บราโว่ทีมฟังทางนี้ ข่าวกรองจากรัสเซียยืนยันว่า
พัสดุที่เราต้องการอยู่ในเรือสินค้าลำนี้ จะมีการรักษาความปลอดัย
บนตัวเรืออยู่บ้าง

เกส: กฏการปะทะ* ล่ะครับ


*กฏการปะทะ (Rule of Engagement) ในการปฏิบัติารกิจ
จะมีกฏในการปฏิบัติการให้เหมาะสมกับสถานที่นั้นๆ เช่น
ห้ามตอบโต้เด็ดขาด ยิงกลับเมื่อถูกยิงเท่านั้น หรือยิงเฉพาะที่อนุญาต


กัปตันไพรซ์: ....สังหารทุกคนที่พบ

=========================================

น่านน้ำไม่ทราบตำแหน่ง

ฮ.ของSASนำกำลังพลมาบินลอยลำอยู่บนเรือสินค้าลำหนึ่ง
พายุฝนและความมืดยามค่ำคืนอย่างนี้ ทำให้คนบนเรือไม่สามารถ
รู้ตัวได้เลย ว่าพวกเขากำลังจะถูกบุกรุกโดยหน่วยที่ถือเป็นสุดยอด
ของอังกฤษอย่าง SAS

แม้จะอยู่บนพื้นที่ปฏิบัติการแล้ว และอีกไม่ถึง60วินาทีจะโรยตัว
กัปตันไพรซ์ยังคงนั่งอัดซิการ์อยู่บนฮ. ด้วยสีหน้าเดียวกับตอนที่
เขาอาบน้ำให้หมาอยู่หลังบ้าน

"ไฟเขียวแล้ว ไปเลย"
จนได้ยินเสียงนักบินให้สัญญานเขาถึงจะเหวี่ยงซิการ์ทิ้งปิดหน้ากากลง
แล้วโรยตัวลงไปบนเรือเป็นคนแรก

"ยิงทันที" ไพรซ์ให้สัญญานกับหน่วย เมื่อทั้งหมดโรยตัวลงมาตรง
ห้องควบคุมเรือซึ่งมีการ์ดประจำการอยู่ 6-7คน

"ห้องควบคุม เคลีย" ไพรซ์นำกำลังตรงดิ่งลงไปยังห้องพักลูกเรือ
ฆ่าลูกเรือตามรายทางทุกคนที่พบ พวกเขาลงไปยังกราบเรือแล้ว

"หัวเรือเคลียแล้ว หน่วยอัลฟ่า ลุยได้"
เสียงวิทยุยืนยันการถึงการโรยตัวจากฮ.อีกลำของหน่วยอัลฟ่า
เพื่อสมทบกับบราโว่ของไพรซ์

"พร้อมครับ" อัลฟ่ารอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาทันที่ที่ถึงพื้นเรือ
"กระจายตัว ทิ้งระยะห่างกัน 3เมตร"

"เจอสองครับ บนทางเดิน"
"ผมเห็นละ ยิงทันที"
"รับทราบ" ฟุ่บๆๆๆ "สังหารเป้าหมายแล้ว"


ด้วยปืนเก็บเสียงที่ยิงท่ามกลางพายุทำให้จนบัดนี้ลูกเรือ
ตายกันไปครึ่งลำแล้ว ที่เหลือจึงเริ่มรู้ตัว และยิงสวนกลับมา
จากกาบหลังของเรือ

"เรามีการปะทะจากชั้นบน"
"รับทราบ กำลังเข้าปะทะเป้าหมาย"
หลังเสียงตอบรับจากฮ.
กระสุนมินิกันจากการยิงสนับสนุนของฮ. โปรยเข้าใส่ลูกเรือ
จนตายเกลี้ยงทั้งแนว

ไพรซ์นำกำลังเจาะลงไปชั้นล่างของเรือ ดิ่งไปยังที่อยู่ของพัสดุ
ที่เป็นจุดประสงค์ของารกิจต่อทันที ลูกเรือเริ่มยิงตอบโต้เต็มกำลังแล้ว

"ผมตรวจพบรังสีแรงมากเลยครับ" เกสรายงานโดยอ้างอิงจากเครื่องตรวจจับรังสี
เมื่อตู้คอนเทนเนอร์ต้องสงสัยถูกเปิดออก สิ่งที่อยู่ในนั้นคือกล่องเหล็กกันกระแทก
ขนาดเท่าโลงศพ มีสัญลักษณ์ของกัมมันตาพรังสีแปะหราอยู่บนกล่อง

"อืม.. นี่มันอักษรอาหรับนี่นา นี่บราโว่ซิก เราเจอพัสดุแล้ว พร้อมขนส่ง เปลี่ยน"

"ไม่ทันแล้วบราโว่ ฮ.กำลังยุ่ง พวกคุณรีบออกมาจากที่นั่นดีกว่า"

คำแนะนำจากหน่วยเหนือให้ถอนตัวทันที ไพรซ์ไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาทำตามคำแนะนำทันที

"โซป หยิบไฟล์บนกล่องนั่นมาซิ พวกเราถอนตัวเต็มกำลัง
กริฟฟอน(ฮ.)สถานการณ์ทางคุณเป็นไงมั่ง"

"เรากำลังแย่!!!! ยานบินศัตรูกำลังมาทางเรา... เฮ้ย มันยิงแล้ว....
พวกคุณออกมาให้เร็วที่สุดเลย เราอยู่ได้ไม่นานนักหรอก"


ขณะกำลังเร่งฝีเท้าขึ้นไปบนผิวเรือนั้น ทีมบราโว่ ของไพรซ์
ก็โดนแรงระเบิดไม่ทราบที่มาอัดเข้าจนล้มกลิ้งทั้งหน่วย คาดว่า
ระเบิดมาจากยานบินศัตรูที่ต้องการทำลายพัสดุที่พวกเขาต้องการให้จมไปกับเรือ

"บราโว่ซิกๆ พวกคุณเป็นไงบ้าง" ฮ.สอบถามทันทีที่เห็นการระเบิดเกิดขึ้นายในเรือ

"เรือกำลังจม... ไปเร็ว!!!" เกสตะโกนลั่น
"บิ๊กเบิ๊ด(ฮ.) นี่บราโว่ซิก เรากำลังออกไป.... ลุกขึ้นทหาร เราต้องออกไปจากที่นี่เดี๊ยวนี้!!"

ไพรซ์ฉุดโซปให้ลุกขึ้น น้ำเริ่มทะลักเข้ามาในลำเรือ จนเรือถึงกับเอียง

"บราโว่ซิก ยืนยันตำแหน่งคุณด้วย เปลี่ยน" ฮ. สอบถามตำแหน่งของคนที่เขาจะต้องรับ
"คุณลอยลำไว้เลย ผมกำลังถึง... แม่มเอ๊ย ทางออกอยู่ไหนวะ"

ทั้งหมดขึ้นมาอยู่บนผิวเรือ พวกเขาเห็น ฮ. ลอยลำเรี่ยผิวเรือ แม้ตัวเรือจะเอียงเกือบ
45องศาแล้วก็ตาม

"โดดเลย... โดดดดด" ทุกคนไม่มีทางเลือกนอกจากโดดขึ้นฮ.
แต่โซปที่โดดเป็นคนสุดท้าย ทำให้ระยะของฮ.ไกลเกินไป
เขาเข้าไปในฮ. เพียงครึ่งตัว เขากำลังไถลออกจากฮ.!!!!

แต่กัปตันไพรซ์ยังคงคว้ามือเค้าไว้ได้ทันท่วงที

"เราอยู่บนฮ.หมดแล้ว ถอนตัวเลย"
"รับทราบ กำลังถอนตัว.... หน่วยเหนือ นี่บิ๊กเบิ๊ด เราได้พัสดุแล้ว กำลังกลับฐาน เปลี่ยน"


ทั้งหมดถอนตัวออกมาจาการกิจโดยปลอดัยหมดทุกคน
แม้จะแบบเส้นยาแดงผ่าแปดก็ตาม.....

=======================================
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
=======================================

บทนำ 3: The Coup

========================================

าพจากดาวเทียมจารกรรมแสกนถนนสายหนึ่งในแถบตะวันออกกลาง
[ค้นหาตำแหน่ง: ประธานาธิปดี อัล ฟูลานิ]

กองบัญชาการ1:"รถมาแล้ว"
กองบัญชาการ2:"ติดตามต่อไป"

กล้องจากดาวเทียมจับตามรถยนต์คันหนึ่งที่กำลังแล่น
ในรถคันนี้ ประธานาธิปดี อัล ฟูลานิ กำลังถูกคุมตัวโดยกองกำลังกบฏของอัล อาสาด


============================================

ใจกลางเมืองในแถบตะวันออกกลาง
แทนสายตา: ประธานาธิปดี อัล ฟูลานิ


ประธานาธิปดี อัล ฟูลานิ กำลังถูกลากตัวไปเพื่อเปลี่ยนรถโดยทหารกบฏ2นาย

คาเลต อัลอาสาด นายทหารระดับสูง ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาลของตน
ด้วยข้อหามีนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อต่างชาติ และยึดอำนาจสูงสุดไว้ที่เขา

อัล อาสาด แถลงการปลุกระดมผ่านทางสื่อเป็นาษาอาหรับ
"ในวันนี้ เราจะผงาดขึ้นอีกครั้ง เพื่อต่อสู้กับการทรยศ และการคอรับชั่น"


นอกจากจะคุมตัวประธานาธิปดีไว้แล้ว เขายังนำกำลังทหารบุกเข้าในตัวเมือง
เพื่อล้างบางกองกำลังต่อต้านอื่นๆ ด้วยวิธีรุนแรงเกินกว่าที่โลกจะยอมรับได้


"พวกเราทั้งหลายได้ฝากความหวังของประเทศไว้กับชายผู้หนึ่ง"


"แต่มันกลับสมคบคิดกับคนนอก ทำให้เราต้องตกเป็นทาสของมันอย่างช้าๆ
และ ถ้าเรายอมมัน เราจะไม่มีวันถูกปลดปล่อยได้อีกครั้ง"


ายในรถคันใหม่ หนึ่งในคนที่คุมตัวเขาเป็นชายอายุ 30ปี ใส่ชุดวอร์ม
และหัวไข่ดาว เขาคือ ลูกชายหัวรุนแรงของ อัลอาสาด ผู้ก่อกบฏต่อเขานั่นเอง

"ขณะนี้ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะแสดงความแข็งแกร่งของเราให้มันได้ประจักษ์
พวกมันดูถูกเหยียดหยามเรา เราต้องแสดงให้มันรู้ว่าเราไม่กลัวมัน"

"ในฐานะที่เราเป็นหนึ่งที่ถือกำเนิดมาในผืนแผ่นดินนี้ เราจะปลดแอกพี่น้องของเรา
จากการกดขี่ของต่างชาติให้จงได้"


ทหารทำการยิงประชาชนกลางเมือง มีการนำรถหุ้มเกราะ ฮ.สังหาร
หรือแม้แต่เจท มาใช้ปฏิบัติการายในเมืองของตนเอง

"ทหารของเรานั้นแข็งแกร่ง และเรามีจุดมุ่งหมายอันมุ่งมั่น
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ทหารของเราใกล้เหลือเกินแล้ว ที่จะบรรลุจุดประสงค์
ซึ่งจะทำให้เราสามารถฟื้นฟูอิสราพให้กลับคืนมาเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งได้"


เมื่อถึงที่หมาย อัล ฟูลานิ อดีตผู้นำได้ถูกลากลงจากรถ และถูกกระทืบด้วยคอมแบท
เข้าเต็มหน้า ก่อนที่จะถูกถูลู่ถูกังไปยังหลักประหาร

ชายหัวล้านไว้เครายาว ที่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ชาวอาหรับ ได้ยืนคอยเขาอยู่

"ในเมื่อพวกมันสร้างความฉิบหายให้กับประเทศของเรา
เราก็ควรทำให้มันฉิบหายเฉกเช่นกัน"


คาเลต อัลอาสาด ผู้นำคนใหม่ก็อยู่ที่หลักประหารนั้นด้วย
เขาตรงไปยังชายต่างชาติเครายาว รับปืนจากเขา ก่อนที่จะหันไปพูดกับกล้อง
ที่ทำการถ่ายทอดการประหารนี้ไปยังทั่วโลก

"และนี่... คือจุดเริ่มต้นของการล้างแค้น"

อัล ฟูลานิ ซึ่งถูกมัดตรึงกับหลักประหาร ทำได้เพียงมองนายทหารของประเทศตนเอง
เดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ และยกปืนขึ้นลั่นไกใส่ใบหน้าเขาอย่างเลือดเย็น

เปรี้ยงงงงง!!!!

"สงครามศักสิทธ์ของพวกเราได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว"

=================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
=================================

Act 1.1 : Blackout

=======================================

เกส: กัปตันครับ อัลอาสาด ทำการสังหารประธานาธิปดี อัลฟูลานิ ถ่ายทอดไปทั่วโลกเลยครับ
กัปตันไพรซ์: ทางอเมริกามีแผนจัดการกับ อัลอาสาดไว้แล้วล่ะ แล้วตอนนี้ก็สายไปที่จะช่วย
อัลฟูลานิแล้ว แต่ายใน 3ชม.นี้ โค๊ดเนม นิโคไลกำลังจะถูกเก็บที่รัสเซีย

เกส: นิโคไลเหรอครับ??
กัปตันไพรซ์: นิโคไลเป็นสายของข่างกรองสากล เค้าเป็นคนให้ข่าวเรื่องเรือสินค้ากับเราเอง
ตอนนี้นิโคไลงานเข้าละ เราจะพาเขาออกมา เราดูแลเพื่อนของเราเสมอ ไปกันเหอะ


==========================================

เทือกเขาคอเคซัส รัสเซีย
แทนสายตา : SAS จ่า โซป แมคทาวิช


SAS สามนาย ประกอบด้วย กัปตันไพรซ์ เกส และโซป
ถูกปล่อยตัวออกปฏิบัติการในารกิจช่วยเหลือไว้ใกล้กับจุดนัดพบ
กับกองกำลังทหารรัสเซียจำนวนหนึ่ง

"ลอยัลลิส รอพบเราทางทิศเหนือข้างหน้านี่เอง ไป"
"ลอยัลลิสเหรอครับ? ว่าแต่เค้าเป็น รัสเซียดี หริอเลวอะครับ"

"เอาเป็นว่าเค้าไม่ยิงเราทันทีที่เห็นก็แล้วกัน"
"อ่อ.. ครับ ได้งั้นก็ดี"


อุปสรรคแรกคือป้อมการ์ดที่กระจายตัวอยู่หลายหลัง
แต่ความมืดในช่วงรุ่งสางจะช่วยพรางตัวกับพวกเขา

การ์ดในป้อมถูกสังหารทีละคนอย่างเงียบเชียบ
"ดีมาก เราคงต้องฝ่าป้อมยามอีกหลายหลังข้างหน้า คามารอฟกับคนของเค้า
น่าจะอยู่แถวๆทิศตะวันตกเฉียงเหนือ"


จนถึงจุดนัดพบ ซึ่งเป็นลานหญ้าระดับเข่า แต่SASกลับมองไม่เห็นผู้ใด

"เกส.. นายได้กลิ่นตุๆมะ" แม้ในสนามรบไพรซ์ก็ยังคงทดสอบลูกทีมของเขา
"ครับผม.. คามารอฟครับ" แม้จะเป็นลูกทีม แต่เกสก็ระดับพระกาฬเช่นกัน

เงาของชายผู้นึงเดินออกมาจากพงหญ้าชูปืนขึ้นเหนือหัว และไม่มีท่าทีคุกคาม
"ยินดีต้อนรับสู่รัสเซียใหม่ กัปตันไพรซ์" จ่าคามารอฟผู้บังคับหน่วยรัสเซียในารกิจนี้
แสดงตัว ณ จุดนัดพบ

ทันใดนั้นทหารรัสเซียอีกกว่า 10นาย ก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากพื้นหญ้าราวกับงอกออกมา
จากสนามหญ้าที่เมื่อสักครู่นี้ดูเหมือนจะไม่มีใครเลย

"ว่ามา...คนของผมถูกกักไว้ไหน คามารอฟ เร็วๆเหอะ เรามีสายต้องช่วยออกมานะ"
จากคำพูดนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ท่าทางSASคงต้องช่วยทหารรัสเซีย
ทำอะไรบางอย่างก่อน

"เอิ่ม... มี BM21* อยู่หน้าผาฝั่งตรงข้าม มันยิงใส่ประชาชนที่อาศัยใต้หุบเขาไม่เลี้ยงเลย
ตายไปเป็น 100แล้ว"

*BM21 คือยานเกราะยิงจรวดพิสัยกลาง ลักษณะคล้ายรถบรรทุก
แต่ช่วงท้ายรถเป็นเครื่องยิงจรวดที่สามารถยิงได้ต่อเนื่องเป็นสิบนัด



ระหว่างพูดคุย มาคารอฟ กลับส่งสัญญานมือให้หน่วยตนเองรุกคืบทันที

"เดี๋ยว.. จะรีบไปไหนล่ะ จำเรื่องที่เบรุทได้มั้ย นายต้องอยู่กับเราว่ะ"
ท่าทางไพรซ์จะมีบทเรียนอะไรบางอย่างจากมาคารอฟที่เบรุท จึงไม่ยอมห่างจากเขา

"... เออ ท่าทางชั้นจะติดหนี้นายอยู่นี่นะ" มาคารอฟทำหน้าเซ็ง
"เหอะ...ก็เออดิวะ"

ทหารจากทั้ง2ประเทศทยอยขึ้นไปยังหุบเขา เมื่อมองลงมาจากผา
พบว่าเป็นฐานของทหารจำนวนหนึ่ง รถBM21 จำนวน 2คันกำลังพ่นจรวดออกมาไม่นับ

"ทางนี้... มีจุดซุ่มดีๆ ที่นายจะซุ่มยิงได้" มาคารอฟแนะนำ
"พลซุ่มยิงอยู่ในตำแหน่งแล้ว เกส.. นายระวังซ้าย"
"รับทราบ.. ระวังซ้าย"


ทันทีที่ทุกคนอยู่ในตำแหน่ง สไนเปอก็แจกกระสุนนัดแรกเข้าที่พลประจำปืนกลทันที
หลังจากนั้นปืนทุกกระบอกที่เหลือก็พ่นกระสุนใส่ทหารด้านล่างทุกกระบอก
จนดูเหมือนเป็นการฆ่าล้างบางมากกว่าการสู้รบ

BM21 ทั้ง2คันหยุดปล่อยจรวดทันทีที่โดนคนของคามารอฟอัดอาวุธหนักเข้าใส่
แต่ฝั่งเจ้าถิ่นก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ นำฮ.ขึ้นฟ้าสำเร็จ 2ลำ



"เฮ้ย... ฮ.มา"
"นายไมเห็นบอกเลยนี่หว่า มาคารอฟ ว่ามีฮ.ด้วย"
ไพรซ์เซ็งกับลูกเล่นของมาคารอฟ
"ผมก็ไม่ได้บอกว่าไม่มีนี่หว่า เราต้องไปช่วยคนของผมจากฮ. ทางนี้"

มาคารอฟทิ้งฐานซุ่ม พาคนของเขาและไพรซ์ไปยังทิศทางที่ฮ.บินไป
"ให้ไวนะ มาคารอฟ ผมมีคนที่ผมต้องช่วยเหมือนกัน" ไพรซ์ย้ำ
"น่า.. อย่าห่วงเลย เราทำลาย BM21ได้แล้วเนี่ย เดี๋ยวเราจะดิ่งไปหาข่าวกรองของคุณลย"


เมื่อตามมาคารอฟไป เกสกลับพบว่าเค้าพามาปะทะกับกองกำลังขนาดใหญ่
เหมือนจะหลอกใช้ฝีมือของไพรซ์มากกว่าที่จะพาเลี่ยงไปพบกับคนที่ไพรซ์
ต้องการช่วยจริงๆ งานนี้ท่าจะยาวกว่าที่คิด

"ผมว่าเราอัดแม่มเลยมั้ยครับ" เกสเริ่มหมั่นไส้มาคารอฟ
"ยังก่อน" ไพรซ์ออกปากไว้

ฝ่ายเจ้าถิ่นฉลาดกว่าที่คิด ฮ.เมื่อสักครู่นี้ถูกใช้ลำเลียงพลขึ้นที่สูง
เพื่อนำกำลังมาตีขนาบผู้โจมตีจากอีกด้าน แทนที่จะตกเป็นฝ่ายรับจากด้านล่างฝ่ายเดียว
หากมาคารอฟไม่ย้ายจุดโจมตีมาตรงนี้ เห็นทีคนของเขาคงไม่เป็นฝ่ายได้เปรียบอีกต่อไป

ทันทีที่สังหารทหารจากฮ.หมด มาคารอฟกึ่งออกคำสั่งกับไพรซ์เพิ่มขึ้นอีก

"กัปตันไพรซ์ คนของผมถูกต้านอย่างหนัก ช่วยยิงสนับสนุนจากผานั่นที"
"แล้วสายของผมล่ะ ผมไม่มีเวลาแล้วนะ"
ไพรซ์ย้ำเป็นรอบที่60

"ก็รีบช่วยผมสิ... คุณยิ่งช่วยให้คนของผมเจาะได้ลึกเท่าไหร่ พวกคุณก็ไปถึง
สายคุณได้เร็วเท่านั้นแหละ"


ไพรซ์จำใจเสียเวลาในารกิจของตนไปช่วยารกิจของมาคารอฟอยู่นาน
จนคนของมาคารอฟสามารถยึดหมู่บ้านด้านล่างได้สำเร็จ

"เออ.. คราวนี้เราก็รุกคืบได้ซะที ตามผมมาที่สถานีไฟฟ้า"

มาคารอฟทำท่าครุ่นคิดถึงแต่ารกิจของตนเองต่อไป
"ฟังนะไพรซ์ เราจะบุกครั้งสุดท้ายละ ถ้าเราได้การยิงสนับสนุนจากพลซุ่มยิงของนาย
เราน่าจะ..."


เกสหมดความอดทนแล้ว เค้าดิ่งไปหามาคารอฟยกตัวเขาขึ้นราวกับ
จะโยนเขาลงจากหน้าผา

"ซุ่มยิงป้าเมิงดิ!!!!... บอกมาได้แล้วสายของเราถูกกักตัวไว้ที่ไหน"

"อย่า... เฮ้ย!!! adsddjsddshc(คงด่าแม่เกสเป็นาษารัสเซีย)"
"คนของกุอยู่ไหน"
เกสยังคงดันมาคารอฟจนตอนนี้ร่างท่อนบนของเขาต่องแต่งไปนอกผา

"ในบ้านโว๊ย.... ในบ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือ สุดหมู่บ้านเนี่ยยยย ปล่อยยยยยกู๊"
"ก็แค่เนี้ย แม่มลีลาอยู่นั่นน่ะ"

"เอาล่ะ.. เกส โซป เราไม่มีเวลาละ เราจะตะลุยแบบรวดเดียวเลยนะ"


SASทั้ง3 โรยตัวลงจากผาเข้าไปผสมโรงกับคนของมคารอฟที่กำลังรุกคืบหมู่บ้าน
จนไปถึงบ้านหลังที่ต้องการ...

"เกส อ้อมหลังไปตัดไฟ โซป... เตรียมพร้อม"

เกสตัดไฟเสร็จ บ้านทั้งหลังก็มืดสนิท แต่กล้องแสงดาว*ที่พวกเขานำมาด้วย
ก็ทำให้พวกเขาเห็นชัดเจนแม้ในความมืด

*กล้องแสงดาว (Night Vision Google) อันนี้คอเกมรู้จักกันดีอยู่แล้วล่ะ
(แล้วเมิงจะเชิงอรรถทำไม) ก็เผื่อคนไม่รู้ว่ามันมีชื่อไทยไง...


การ์ดเฝ้านิโคไลที่มีแค่5-6นาย ตายยกบ้าน
ในที่สุดทีมSASก็มาช่วยคนของเค้าทันเวลา นิโคไลนั่งจุมปุ๊กอยู่บนชั้น 2ของบ้าน
ไพรซ์เข้าไปพิสูจน์ทราบพัสดุทันที

"ใช่เขาจริงๆ"
"นิโคไล คุณเป็นไรมั้ย เดินไหวมั้ย"
เกสถาม

"ครับ.. ผมยังสู้ไหว ขอบคุณที่มาช่วย" นิโคไลได้ปืนมากระบอกหนึ่ง
"บิ๊กเบิ๊ด นี่บราโว่ซิก.. เราได้พัสดุแล้ว มารับเราที่LZ*1 เปลี่ยน"

*LZ (Landing Zone) จุดลงจอดของอากาศยาน หรือจุดที่นัดหมายไว้
อ่านว่า แอลซี ไม่ใช่แอลแซท เพราะตัวZฝรั่งเค้าไม่ได้อ่านว่าแซท
ครูอนุบาลหลอกเรามาตลอด โง่จริงๆกุ


"อเมริกาเริ่มโจมตี อัลอาสาดหรือยังครับ"
นิโคไลที่ถูกกักตัวอยู่นาน อัพเดทข่าวทันทีที่เป็นอิสระ

"ยัง... แต่กำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้แหละ ทำไมเหรอ"
"ก็อเมริกันกำลังพลาดไงครับ พวกเค้าไม่มีทางจับอัลอาสาดได้แบบเป็นๆแหง"

พวกเขาทั้ง4 ไปถึงจุดถอนตัวได้โดยปลอดัย ารกิจสำเร็จเสร็จสิ้น

=====================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
=====================================

Act 1.2 : Charlie don't surf*

Charlie don't surf* เป็นประโยคเด็ดในหนังสงครามระดับคลาสสิคเรื่อง Apocalypse Now
ซึ่งออกฉายในปี 1979 ซึ่งเป็นหนังสงครามที่าพสวยดี
ความหมายของมันในปัจจุบันคือ 'บุกตะลุยให้ราบ เพื่อที่เราจะทำอย่างใดอย่างนึงได้สะดวก'


===========================================

าพสแกนพื้นผิวสนามรบ แล้วประมวลผลเป็น3Dขึ้นบนจอที่ฐานบัญชาการ
แสดงให้เห็นสาพสนามรบให้ผู้บัญชาการได้เห็นาพรวมมากที่สุด
าพที่เห็นคือ เรือหลายสิบลำกำลังปล่อยฝูงฮ.ขึ้นสู่ฟ้า เพื่อรุกคืบเข้าหาเมืองๆหนึ่ง

ร้อยโท วาคูเอซ: "ทหาร... มีรายงานเข้ามาว่าเราพบอาคารที่มีความเป็นไปได้ว่าเป็นแหล่งกบดานของอัลอาสาด
เราจะบุกเข้ายึดอาคารนั้นเพื่อจับตัวอัลอาสาดกัน ฮูร่า*? ลุยโลด."


===========================================

ฮูร่า* Hurrah เป็นคำที่ใช้กันหลายความหมายระหว่างทหาร
โดยมากหมายความว่า รับทราบ หรือ เปล่งเสียงเพื่อปลุกใจ ผู้ใช้คือหน่วยSEAL
และ นาวิกโยธิน


ริมฝั่งเมืองหลวงประเทศหนึ่ง ในตะวันออกกลาง
แทนสายตา: u.s.m.c.* จ่า พอล แจคสัน


u.s.m.c.* United States Marine Corps คือ หน่วยนาวิกโยธินสหรัฐ

ทันทีที่ฝูงบินลำเลียงพลของสหรัฐเลียบฝั่ง เจ้าบ้านก็ต้อนรับด้วยฝูงRPGเช่นกัน
แต่ฝูงฮ. ก็บินเลยผ่านเข้าฝั่งไปได้อย่างง่ายดาย

สาพของเมืองตอนนี้ ถูกใช้เป็นป้อมปราการไปทั้งเมือง มันคือสนามรบเต็มรูปแบบ
เมื่อถึงจุดปล่อยตัว จ่า พอล แจคสัน ก็โรยตัวลงจากฮ.พร้อมเพื่อนร่วมลำอย่างคล่องแคล่ว

นาวิกเริ่มลากขดลวดหนามมากั้นเป็นสิ่งกีดขวาง แล้วไล่บี้ไปทีละอาคาร
ตามแต่จุดที่หน่วยของตนได้รับคำสั่งมา

"หน่วยที่2 รวมพลที่ผม มุ่งหน้าไปอาคารเป้าหมาย ไปๆๆ
นั่นๆๆ ตึกทางซ้ายนั่น stack up* เลย"
ร้อยโท วาคูเอซ ผู้บังคับหน่วยของ แจคสัน สั่งการ

stack up* หนึ่งในยุทธวิธีชาจเข้าสิ่งปลูกสร้าง โดยมีทหาร2นายขนาบข้างประตูซ้ายขวา
อีก1นาย เปิดประตูหรือระเบิดประตู ทันทีที่ประตูเปิดคนที่เปิดจะถอย ให้ทหารที่ยืนซ้ายขวา
เข้าไประวังคนละมุมพร้อมๆกัน


ประตูบ้านระเบิดออก ทหารอัลอาสาดรออยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ยิงสักนัด
ก็ลงไปปนอนคลุกฝุ่น
"แจคสัน... นายนำ" ร้อยโท วาคูเอซ มอบหมายหน้าที่

สาพายในอาคารเต็มไปด้วยทหารกบฏ อาวุธสงครามกองราวคลังแสง
มีการตอบโต้ประปรายแต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการเคลียอาคาร

"ข้างหลังเช็คศพด้วย เราต้องแน่ใจว่าอัลอาสาดมันไม่ได้กองอยู่แถวๆนี้"
"เช็คแล้วครับ ไม่มีอัลอาสาดครับ"

"เรียกฐาน นี่เรดด๊อก เราเคลียอาคารต้องสงสัยแล้ว แต่ไม่พบอัลอาสาด"
"ครับ รับทราบครับ.. พวกเรา ฐานแจ้งว่าตอนนี้อัลอาสาดกำลังถ่ายทอดอะไรบางอย่าง
อยู่ที่ห้องส่งสถานีโทรทัศน์ไม่ห่างจากนี่เท่าไหร่ เราจะเดินเท้าไป"


ระหว่างทางนาวิกโยธินถูกต่อต้านอย่างหนักจากกองกำลังกบฏ
ทุกหน้าต่าง หลังคา ระเบียง เต็มไปด้วยการซุ่มโจมตีไปตลอดทาง
จนถึงสถานีโทรทัศน์

"พบอาคารเป้าหมาย ทางเราล้อมไว้ทุกด้านแล้วครับ"
"ดี.. เตรียมเข้าอาคาร"


ส่วนออฟฟิศของสถานีโทรทัศน์ถูกฝ่ายกบฏใช้เป็นที่ซุ่มโจมตี
แถมยังมีRPG อยู่บนชั้นลอย ทำให้ฝ่ายนาวิกโยธินต้องใช้เวลาอย่างมาก
จึงจะเจาะส่วนนี้เข้าไปได้

แต่ายในห้องส่งกลับมีแต่ความว่างเปล่า
"เคลีย!!"
"เคลียครับ"

"เวร... ที่มันพล่ามอยูในทีวีนี่มันแค่เทป
" ร้อยโท วาคูเอซ พูดอย่างเสียดาย
"แหล่ม... ไอ้หน่วยข่าวกรอง เอาไปเลย 1แต้ม บ้าชมัด"จ่ากรี๊ก หนุ่มผิวสีขาซ่าประชดประชัน

"กริ๊ก ปิดเทปห่านนั่นที"
"ครับผม.. ผมมีอะไรที่น่าฟังกว่าที่แม่มพล่ามเยอะ"

"เรียกฐาน จากเรดด๊อก... สถานีโทรทัศน์ถูกยึดแล้ว แต่ไม่พบอัลอาสาด
การถ่ายทอดเป็นแค่เทป .... รับทราบ เปลี่ยน"


เพลงฮิปฮอปถูกเปิดขึ้นในห้องส่งแทนเสียงปลุกระดมาษาอาหรับของ อัลอาสาด
"เย่... ฮู๊หร่า"
จ่ากรี๊กโยกหัวไปตามจังหวะเพลงไปด้วยอย่างไม่รู้สึกรู้สา

"ทหาร รวมพล เรามีงานใหม่ละ เตรียมตัวให้พร้อม"........

========================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
========================================

ACT 1.3 : The bog

=========================================

ผู้ประกาศข่าว: "หลังจากการปะทะกันอย่างหนักในวันนี้ นาวิกโยธินสหรัฐรุกคืบเข้าไปในพื้นที่
เพื่อจับตัว อัลอาสาด ซึ่งกบดานในที่มั่นของเขา การต่อสู้เกิดขึ้นในเมืองหลวง
ปืนต่อต้านอากาศยานถูกยิงขึ้นฟ้า อาคารบ้านเรือนลุกเป็นไฟส่องสว่างราวกับ......."


กองบัญชาการ : "รับทราบตำแหน่งแล้ว ทวนตำแหน่ง พิกัดที่ 52541-9 ท่านได้ยินชัดเจนหรือไม่ เปลี่ยน"
ร้อยโท วาคูเอซ : "นี่บราโว่ซิก.... ตำแหน่งได้รับการบันทึกแล้ว เปลี่ยน"

กองบัญชาการ : "บราโว่ซิก เรามียานเกราะอัลบรามติดหล่ม ชื่อรหัส 'หมูศึก' คุณได้รับมอบหมายให้เป็นกำลังสนับสนุนโดยด่วน"
ร้อยโท วาคูเอซ : "รับทราบ บราโว่กำลังไป บอก'หมูศึก'ว่าให้เตรียมพร้อม เปลี่ยน"


=========================================

เมืองหลวงในตะวันออกกลาง
แทนสายตา : USMC จ่า พอล แจคสัน


เมืองหลวงยามค่ำคืนลุกเป็นไฟสว่างไสวราวกับกลางวัน หน่วยของแจคสันได้รับารกิจใหม่
คุ้มกันรถถังติดหล่มที่กำลังโดนกองกำลังกบฏรุมทึ้ง ระหว่างเดินทางหน่วยของเขา
มีความจำเป็นต้องผ่านอาคารหนึ่งซึ่งเป็นที่มั่นของกองกำลังกบฏ

ทันทีที่เห็นเหล่านาวิกโยธิน เจ้าถิ่นก็รัวฐานปืนกล 3ฐาน ลงมาใส่จากตัวอาคารไม่นับ
ทหารรับกระสุนเสียชีวิตจากการซุ่มโจมตีทันทีสองนาย
"ซุ่มโจมตี!!!!.........ระวังๆ"
วาคูเอซ ซึ่งขณะนี้อยู่บนทางยกระดับโล่งแจ้ง จึงไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าไปคลุกวงใน
กับมันายในตัวตึก

"ยิงกดดันโว้ยยย เราต้องเข้าไปในตึกเดี๋ยวนี้" วาคูเอซตะโกนเสียงหลงทันที่เขาหาที่กำบังได้
ระหว่างนั้นฝูงฮ. ของฝ่ายเดียวกันบินผ่านหัวไป ลำที่โชคร้ายที่สุดไฟลุกที่หาง
หมุนควงลงจูบพื้นห่างจากหน่วยของแจคสันไปไม่ถึง10เมตร

"ไปโว้ย แจคสัน ไปๆๆๆ" วาคูเอซเร่งเมื่อเห็นแจคสันอยู่ใกล้เขาที่สุด
"เปิดไนท์วิชั่นเลย" แม้ใต้ตัวตึกมืดมากแต่กล้องแสงดาวก็ทำให้เขามองเห็น
ทหารกบฏหลายสิบคนกำลังง่วนอยู่กับการยิงต้านนาวิกจากอีกฝั่ง
โดยไม่ทันสังเกตว่าหน่วยของแจคสันได้กำลังจะตีขนาบพวกเขาแล้ว

นาวิกที่อยู่อีกฝั่งซึ่งเปิดไนท์วิชั่นเช่นกัน เมื่อสังเกตเห็นสายเซนเซอร์ที่สาดผ่านกลางคืน
ของหน่วยแจคสัน ทำให้พวกเขารู้ว่าพวกเขากำลังได้รับการสนับสนุนจากทหารฝ่ายเดียวกัน
พวกเขาถือโอกาสนี้ชาจเข้ามาในตัวตึกกับหน่วยของแจคสันทันที

"แจคสัน นายกับ รอยเซวิส ขึ้นไปข้างบน เราจะปิดทางเข้าไว้ให้" คำสั่งของวาคูเอซ
แต่ยังไม่ทันไร รอยเซอวิส ก็โดนทหารกบฏที่ซ่อนตัวอยู่กระโจนเข้าใส่ที่หัวเลี้ยวบันได
ทั้ง 2กอดปล้ำกันชุลมุน แจคสันควักมีดออกมาปักกลางหลังของผู้บุกรุกเพื่อช่วยชีวิต
รอยเซวิสไว้

ทหารอัลอาสาดบนชั้น 2ยังคงยืนเรียงแถวตั้งอกตั้งใจยิงลงมาอย่างเมามัน
แจคสันสาดกระสุนหมดทั้งแมกกาซีน ฆ๋าไปได้ร่วม10คนในคราวเดียว

"แจคสัน (กุอีกแล้วเหรอวะ) ใช้ป้อมปืนกลของมันเลย"
ด้วยความมืด อีกทั้งทหารฝ่ายกบฏไม่มีแว่นไนท์วิชั่น ทหารกบฏอีกฝั่ง
โดนกระสุนจากป้อมปืนของพวกเดียวกันพรมใส่จนเกลี้ยงตึก

"บราโว่โปรดทราบ ขณะนี้หมูศึก กำลังโดนรุมอย่างหนัก ขอให้พวกท่านไปที่นั่น A.S.A.P.*"

A.S.A.P.* As Soon As Possible เร็วที่สุดที่จะทำได้ อ่านออกเสียงว่า เอ-แสป

กองบัญชาการเร่งเร้าคำสั่งลงมา
"รับทราบแล้ว เรากำลังเดินทาง เปลี่ยน"

หลังตอบวิทยุเสร็จ วาคูเอซ รู้ทันทีว่าคงไม่เร็วอย่างที่กองบัญชาการต้องการแน่
เพราะ ทางด้านหลังตึที่เพิ่งยึดมาได้นี้ กำลังถูกทหารอีกกลุ่มตั้งป้อมอัดกระสุน
เข้ามาด้วยจำนวนที่เยอะกว่าเมื่อกี้หลายเท่าตัว

"โอ๊ย... แม่มเยอะชิบเป๋ง " จ่ากริ๊กทหารผิวสีโวยวาย
"หุบปาก แล้วPin Down* มันไว้ให้ได้ กรี๊ก" วาคูเอซ เอ็ด กรี๊กขณะที่ตัวเองก็ยิงต้านไปด้วย

Pin Down* หนึ่งในศัพท์ทางยุทธวิธี หมายถึง ยิงกดดันตรึงจนศัตรูต้องหดหัวอยู่กับที่

"ครับพ้ม!!! ยิงกดดันโว๊ยยยย!!!!" กรี๊กแหกปาก ทำเอาทั้งหน่วยซัดกระสุนไม่ยั้งใส่ฝ่ายต่อต้าน
เปิดช่องให้ แจคสัน หลุดรอดเลาะไปทางด้านข้างได้ แต่กลับเจออุปสรรคอันใหม่
"ศัตรู!!! บนทางยกระดับบบ"

แค่ทหารราบหลายสิบที่ตั้งป้อมยิงบนที่สูงก็เสียเปรียบมากเพียงพอแล้ว
แต่ยังมียานเกราะอีก 5คันอยู่บนนั้น!!!!

"เฮ้ย... พลทหารเวส (ทหารอาวุธหนักต่อต้านยานเกราะประจำหน่วย) อยู่ไหนวะ"
"เวสมันตายแล้วๆ แจคสันไปหยิบ Javelin* ทีวะ"


FGM-148 Javelin* เป็นเครื่องยิงจวรดนำวิถีพกพาจากพื้นสู่อากาศต่อต้านยานเกราะ
จากประเทศอังกฤษ ชื่อของมันมีความหมายว่า 'หอกซัด' ซึ่งเป็นอาวุธระยะไกลที่
ใช้กันมาตั้งแต่โบราณยุคหินนู่นเลย

ด้วยหัวจรวดนำวิถีที่อาศัยการล๊อคเป้าก่อนยิง โดยหลังจากยิงจรวดจะบินสูงกว่า 100เมตร
เพื่อที่จะโจมตีทางด้านบนซึ่งเป็นส่วนที่บางที่สุดของยานเกราะ
นอกจากนี้ยังสามารถปรับเป็นโหมดยิงตรง เพื่อทำลายเป้าหมายที่เป็น
สิ่งปลูกสร้างได้อีกด้วย

ขณะยิง หัวจรวดจะยังไม่จุดระเบิดเพื่อพุ่งไปข้างหน้า แต่จะจุดระเบิดเมื่อหัวจรวด
หลุดออกจากปากกระบอกไปแล้วระยะหนึ่ง ทำให้สามารถยิงจากายในอาคารได้
อีกทั้งยังทำให้หาตำแหน่งผู้ที่ยิงคลาดเคลื่อนอีกด้วย เพราะกว่ามันจะบินขึ้นฟ้า
กว่าจะกระทบเป้า ผู้ยิงก็เกษียณมาเที่ยวูเก็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด จะยิงโดยทหาร 2นาย คนแรกเป็นผู้เล็งยิง
คนหลังเติมกระสุน และระวังโดยรอบ แต่ถ้าจำเป็นจะยิงคนเดียวแม่ก็ไม่ว่า

มูลค่า: [ตัวเครื่องยิง]4,000,000 บาท [มิซไซล์ลูกละ]2,560,000 บาท
นน.: [ตัวเครื่องยิง] 6.4 กก. [มิซไซล์ลูกละ] 11.8 กก.

ระยะทำการ: 75-2500 เมตร
ระบบนำวิถี: จับความร้อน
ผู้ใช้ : 1-2คน


แจคสัน พบจาเวลินแล้ว มันวางนิ่งอยู่บนศพของพลทหารเวสผู้ที่มีหน้าที่แบกมัน
เขาแบกมันขึ้นชั้น 2ของอาคารที่ใกล้ที่สุดทันที

แจคสันอาศัยเพียงมุมอับกระสุนแถวๆหน้าต่าง ล๊อคเป้ายานเกราะศัตรู
ทันทีที่ยิง หัวจรวดหลุดออกจากปากกระบอก ก่อนจะจุดระเบิดพุ่งสูงขึ้นฟ้า
แล้วดิ่งเข้าฟาดรถถังจนกระจุยในนัดเดียวราวกับโดนค้อนยักษ์ทุบ

กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยานเกราะศัตรูก็ระเบิดไปแล้ว 3คัน
อีก 2คันพยายามถอยร่นลงจากสะพาน แต่ตราบใดที่เครื่องยังปล่อยไอร้อน
จรวดก็หาเหยื่อของมันเจอ

ทหารนายหนึ่งใช้สเปรย์ไฮโดรเจนเหลว ฉีดใส่รั้วเหล็กให้แข็งตัว
จากนั้นจึงใช้มือฉีกรั้วออกราวกับฉีกไม้ เพื่อเปิดทางคืบหน้าให้กับหน่วย

"อัลฟ่าซิก(ยานเกราะหมูศึก) รายงานสถานการณ์ด้วย"
วาคูเอซ เช็คาพรวมก่อนที่เค้าจะถึงหมูศึกายในไม่กี่นาทีข้างหน้า

"ครับผม!!! พวกมันดาหน้าเข้ามาไม่หยุดเลยครับ หน่วยผมเหลือ 4คนแล้ว
แต่ยานเกราะยังคงสาพครับ เปลี่ยน"

ทหารประจำยานเกราะรายงานกลับ ทั้งยิงต่อสู้ไปด้วย

สาพของยานเกราะหมูศึกยังคงปกติเมื่อดูจากายนอก มันจอดแน่นิ่ง
ท้ากระสุนอยู่กลางลานกว้าง โดยมีเพียงทหาร 4นาย ขดตัวยิงสู้อยู่ข้างรถ
โดยอาศัยตัวรถเป็นเกราะกำบัง ดูลำบากว่าใครกำลังป้องกันใครกันแน่

"นี่หมูศึก.. บราโว่ซิก โปรดทราบ ตอนนี้ปืนใหญ่เราเดี้ยงไปแล้ว
ขยับไม่ได้ด้วย แต่ปืนกลหนักเรายังใช้งานได้ดีอยู่ พวกท่านช่วยระวัง
RPG ให้เราเป็นพิเศษด้วย เปลี่ยน"


หมูศึก สื่อสารกับผู้มาสนับสนุนทันทีที่สายตาเห็น
ขณะที่ RPG ของแสลงยานเกราะวิ่งเฉี่ยวปากกระบอกหมูศึกไปเพียงไม่กี่เซน

"นี่ฐาน... บราโว่ซิก โปรดทราบขณะนี้ข้าศึกนำกำลังสนับสนุนมาทางตะวันตก เปลี่ยน"
"รับทราบ.. ขอกำลังสนับสนุนทางอากศด่วนครับ"

ร้อยโทวาคูเอซประเมินสถานการณ์ว่าตอนนี้ก็โดนรุม 5:1 อยู่แล้ว ยังมีกำลังเสริมมาเพิ่มอีก
อยู่ในที่โล่งแจ้งอย่างนี้ จะเสร็จมันเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

"เอ่อ... ขอปฏิเสธบราโว่ซิก มี ZPU*ศัตรูอยู่ในพื้นที่คุณ เราไม่สามารถเอาฮ.ไปเสี่ยงได้
แนะนำให้คุณทำลาย ZPUก่อน เปลี่ยน"



ZPU* เป็นปืนกลหนักต่อต้านอากาศยานชนิดหนึ่ง มีกระบอกปืน 4กระบอกในตัวเดียว
ผลิตโดยรัสเซีย ที่เราเห็นกระสุนสว่างวาบเป็นสายบนท้องฟ้าในหนังนั่นแหละ


"แจคสันนน แจคสันโว๊ยยย... หา ZPUแล้วทำลายมันโดยด่วน กำลังเสริมบินมาไม่ได้
โลเปซ, เกน ไปช่วยแจคสัน ไปๆๆๆๆ"


การจะหาตำแหน่งอะไรสักอย่างในห่ากระสุนแบบนี้ บางทีมันก็ไม่ยากอย่างที่คิด
เพียงแจคสันมองขึ้นไปบนฟ้า แล้วหาสายกระสุนสีส้มที่พุ่งขึ้นฟ้าสายที่ใกล้ที่สุด
มันอยู่ห่างจากหมูศึกเพียง 200เมตรเท่านั้น

เขาเลาะเข้าายในอาคารด้านข้าง แสงประกายวูบวาบที่เกิดจากการยิง ZPU
กระพริบฟ้องทันทีว่ามันถูกซ่อนอยู่ในจุดอับสายตาเพียงข้ามฝั่งไปนี่เอง

เมื่อแจสุนไปถึง พลยิงยังคงส่งสายกระสุนขึ้นฟ้าอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
พลอารักขาZPU ล้มกลิ้งลงก่อน พลยิงจึงร่วงตาม
ปืนต่อต้านอากาศยานตั้งสงบนิ่งไร้พิษสง

ข้อควรปฏิบัติในสนามรบ เมื่อยึดอาวุธที่ไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายเราเมื่อไหร่
ให้ทำลายให้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ไม่งั้นศัตรูจะแห่กันมายึดคืน

C4 ก้อนโตถูกแปะติดกับ ZPUเพียงลูกเดียวปืนก็บิดเบี้ยวใช้การไม่ได้

"ดีมากแจคสัน ฮ.กำลังมา แต่นายต้องไปวาง IR beacon เพื่อแจ้งตำแหน่งพวกเรา"

IR beacon* InfraRed beacon สัญญานแจ้งตำแหน่งระบบความร้อน
โดยการวางไว้กลางสนามรบ เพื่อให้นักบินทราบตำแหน่งว่าฝั่งใดคือศัตรู
เพื่อป้องกันการยิงพวกเดียวกัน


"โอเค.. ชัดแจ่ม ทราบตำแหน่งคุณแล้ว เราจะเข้าปะทะทันทีจากออกเฉียงเหนือของคุณ"
นักบินจากฮ.สังหารคร๊อบบร้าซึ่งเป็นกำลังเสริมทางอากาศ คอนเฟิมตำแหน่งมาทางวิทยุ

ฮ.คร๊อบบร้า 2ลำแจกจรวดทักทายทหารฝ่ายกบฏทันทีที่มาถึง
จนอาคารที่ใช้ซุ่มแหลกกระจาย ทหารRPGฝ่ายกบฏนายหนึ่งถึงกับลอยละลิ่ว
ลงมาจากชั้น 3 แถมด้วยปืนกลมินิกันที่สาดไม่หยุด ทำให้กองกำลังที่เคยเป็นปัญหา
เมื่อสักครู่นี้สลายไปอย่างง่ายดายเมื่อไม่มี ZPUคอยคุ้มกันทางอากาศ

"อ่า.. หมายเลข2 ยังเห็นใครเหลือมั้ย" นักบินจากต่างลำสอบถาม
"ทางเราไม่เห็นเหมือนกัน โอเคเพื่อน... ารกิจเสร็จสิ้น เราขอถอนกำลัง โชคดีสหาย"

"เรียกฐาน... นี่บราโว่ซิก ทางสะดวกแล้วส่งทหารช่างมาซ่อมหมูศึกได้เลย เปลี่ยน"
"รับทราบ.. ส่งทหารช่างแล้ว คุณทำได้ดีมาก เปลี่ยน"


"ทุกคน.. รวมพลที่รถถัง" จ่ากรี๊กเรียกรวมพลตามที่ วาคูเอซสั่ง
"ฟังนะ... เรามีเวลาไม่มากถ้าจะเอารถถังออกจากที่นี่ ตั้งรับรอบตัวรถตรงนี้ ๆ แล้วก็ตรงนี้
ซื้อเวลาให้ทหารช่าง ฮูร๊า?"

"ฮู๊ร่า!!!!!!!!!"


ารกิจเข้าช่วยเหลือรถถังหมูศึกจากการปิดล้อมของศัตรูประสบผลสำเร็จอย่างดงาม

========================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
========================================


ACT 1.4 : Hunted

แทนสายตา: SAS จ่า โซป แมคทาวิช

============================================

เกส: "เราได้ตัวนิโคไลแล้ว กำลังเดินทางไปยังเซฟเฮ้าส์ที่แฮมเบิก ETA* 0700* เปลี่ยน"

ETA* Estimated Time of Arrival เวลาถึงจุดหมายอย่างคร่าวๆ

0700* ในที่นี้หมายถึงเวลาเจ็ดโมงเช้า เวลาทหารเอ่ยหรือเขียนถึงเรื่องเวลา
เขาจะเรียกเป็นหน่วยแบบนี้ อย่างกรณีนี้ไม่ได้อ่านออกเสียงว่า เซเว่นโอคล๊อก
แต่ออกเสียงเป็น โอ-เซเว่น-ฮันเดรด


===========================================

ทางตะวันตกของรัสเซีย


หลังจาการกิจชิงตัวสายข่าว นิโคไล ออกมาจากกองกำลังต่อต้านของรัสเซียได้สำเร็จ
ทั้ง 4ก็โดยสารฮ. หวังพานิโคไลข้ามพรมแดนไปยังเซฟเฮ้าส์

"อี๊ดดด ๆ ๆ ๆ ๆ" เสียงสัญญานเตือนจากการถูกล๊อคเป้าดังรัวขึ้นบนหน้าปัดฮ.ที่พวกเขาโดยสาร

หัวจรวด SAM* ก็พุ่งโชว์หางเป็นสาย ดิ่งมายังฮ.ของSAS

SAM* Surface-to-Air Missile จรวดต่าต้านอากาศยาน


"เฮ้ย!!! ชิบหงายละ มิซไซล์มา เกาะไว้!!!"..............ตูมมม!!!!
มิชไซล์จับเปาะเข้าที่ท้ายเครื่องจนหมุนควง

"เมย์เดย์ๆ นี่แฮมเมอร์ซิกโฟ เรากำลังตก ย้ำ เรากำลังตก....." ....โครมมมมม!!!!
.............
..........
.....
..

โซปได้สติพบว่าตัวเองนอนอยู่กลางทุ่ง แรงกระแทกพื้นทำให้เขาหลุดออกจากตัวเครื่อง
"นายยังครบ 32 เอ้า...ลุกซะที" กัปตันไพรซ์ตรงเข้ามาฉุดโซป

บรึ้มมมมม!!! ซากฮ.ระเบิดซ้ำ เท่ากับเป็นการแจ้งตำแหน่งให้กับฝ่ายต่อต้านของรัสเซีย

"เร็วน่า... เราต้องออกห่างจากที่นี่ก่อนที่ หน่วยลาดตระเวนจะมาดูจุดตกนะ
รายงานความเสียหายซิ"

"นักบินทั้งหมดเสียชีวิตครับ"
.... "เวรเอ๊ย!!! ไม่เป็นไร จุดถอนตัวไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ ไปกันเลย"


ผู้รอดชีวิตทั้ง 5 ประกอบไปด้วย ทหารSAS1นาย ไพรซ์ เกส โซป และ นิโคไล จึงอาศัยความมืด
หวังเดินเท้าให้ถึงจุดถอนตัว

"บราโว่ซิก ....นี่ฐาน ยานบินสนับสนุน AC-130 กำลังเดินทางเข้าไปสนับสนุนการถอนตัว
แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย เปลี่ยน"

"บราโว่ซิกรับทราบ เปลี่ยน...."
"AC-130 งั้นเหรอ ไม่ได้บู๊ด้วยกันมานานละ
" ทันทีที่ได้ยินว่าจะได้รับการสนับสนุน
จากมังกรเพลิง เกสก็ยิ้มได้ขึ้นมาทันควัน

"ซุ่มไว้นะ หลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด" ไพรซ์สั่งการ

หน่วยของไพรซ์ ได้ลัดเลาะไร่นา ท้องร่องไปในความมืด
ขณะนั้น ฮ.ศัตรูก็บินสวนเข้ามา แสดงให้รู้ว่าพวกมันคือ หน่วยลาดตระเวนเข้ามาดูจุดตกนั่นเอง

"หยุด... มีศัตรูอยู่แถวนี้"
ไพรซ์ได้ยินเสียงพูดคุยเป็นาษารัสเซียแว่วมา
ขณะพยายามตัดผ่านบ้านของชาวไร่ พวกเขาซุ่มอยู่ในโรงเก็บของ

ทหารฝ่ายต่อต้าน กำลังพูดคุยกึ่งข่มเหงกับชาวนารัสเซีย

"เอาล่ะ.. เรามาฆ่าไอ้พวกเปรตนี่ก่อนที่มันจะฆ่า ตาลุงนั่นดีกว่า"

แต่ไม่ทันแล้ว สิ้นประโยค... ชายในชุดทหารก็ซัดปืนพกเข้าหัวชาวนาจนหงายตึง
ก่อนที่ SASจะซุ่มซัดกระสุนฆ่าพวกมันตายตกตามกันไป

ขณะเดินทาง พวกเขาพบฮ.อีกลำ แต่ลำนี้เปิดสปอทไลท์ค้นหา
คาดว่าพวกลาดตระเวณคงรายงานกลับหลังจากเจอแค่เครื่องเปล่ากับศพนักบิน
คงไม่มีทางที่นักบินจะมาขับฮ. เล่นกันลำพังตอนนี้แน่ๆ

"หมอบลง... ฮ.มา นิ่งไว้ๆ" ดูเหมือนลูกทีมจะหมอบกันก่อนที่ไพรซ์จะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ
จนฮ.ออกจากพื้นที่พวกเขาจึงลุกขึ้น

แต่แล้วทหารในรถบรรทุกที่เพิ่งขับสวนมาดันเห็นพวกเขา การต่อสู้จึงเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
รถบรรทุกปล่อยทหารลงมาอีกหลายสิบ

"ศัตรู!!! 6นาฬิกา* ยิงตอบโต้" ไพรซ์ตั้งกระบวนรับการโจมตีจากด้านหลัง

6นาฬิกา* ขออธิบายตรงนี้นิดนึง คิดว่าหลายท่านคงทราบแล้วว่าการบอกทิศทาง
ของทหาร เขาจะไม่บอกว่า ข้างหน้า ทางซ้าย
เขาจะเรียกตามทิศทางเข็มนาฬิกา โดยถือว่าเลข 12คือด้านหน้า ดังนั้น 6นาฬิกาในที่นี้
จึงหมายถึงศัตรูอยู่ทางด้านหลังเรานั่นเอง

โดยวิธีนี้จะสามารถชี้ตำแหน่งได้ละเอียดกว่า เช่น 4นาฬิกา ก็คือด้านซ้ายเยื้องหลัง
เวลาผู้เขียนเจอสาวงามก็จะบอกเพื่อนสั้นๆเป็นโค้ดว่า '2นาฬิกา' เท่านี้เป็นอันรู้กัน


ทันทีที่ไพรซ์ยิงกลับ ประกายไฟจากปลายปืนก็บิกตำแหน่งของพวกเขา
ฮ.เมื่อสักครู่ตีลำกลับมา สาดไฟค้นหา และยิงมินิกันกราดลงมาด้วย

ไพรซ์สังเกตเห็นว่าใกล้ๆกับเขานั้น มีประตูสำหรับลงไปยังชั้นใต้ดินของโรงนา
เขาสั่งการให้เกสงัดประตูเพื่อหลบหนี

"ประตูเปิดละครับ" .... "ทุกคนเข้าไปในบ้าน ไปๆๆๆ"

ทั้งหมดอาศัยบ้านเป็นกำแพงตั้งรับ ต่างจากกองกำลังต่อต้านที่อยู่ที่โล่งด้านนอก
ไพรซ์อาศัยความได้เปรียบจุดนี้ ถล่มกองกำลังต่อต้านจนล่าถอยไป

"ทำไมมันถอยง่ายๆอย่างงี้"
"ก็เพราะมันมีแผนที่่ดีกว่าเมื่อกี้ไง มันคงหาที่เหมาะๆซุ่มโจมตีเรา"


แม้จะรู้อย่างนั้น แต่ก็ต้องเดินทางไปต่อ แต่ด้วยความระมัดระวังที่มากขึ้น
เสียงเยอรมันเชพเพิดเห่ากรรโชกมาแต่ไกล แยกเขี้ยวพุ่งเข้าใส่โซปทันทีที่เห็นหน้า
.....แต่พวกมันก็ไม่ไวไปกว่าปืนในมือเขา

ทหารต่อต้าน อีกหลายนายซุ่มโจมตีSASจากบ้านร้าง แต่ไม่อาจหยุดพวกเขาลงได้


ข้างหน้าเป็นไร่ โปร่งโล่ง แต่กองกำลังค้นหากระจายตัวปิดทางของไพรซ์เต็มไปหมด
แถมฮ.ยังเปิดไฟค้นหาบินวนอยู่รอบบริเวณ

ไพรซ์พยายามพาหน่วยของตนผ่านไปอย่างเงียบๆ แต่กองกำลังต่อต้านไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
พวกมันเปิดฉากยิงใส่หน่วยของไพรซ์ทันทีที่เห็น คราวนี้ทั้งไร่กำลังรุมทึ้งพวกเขากลางลานเปิดโล่ง

"วิ่งยิง!!!!!! เข้าไปในบ้านข้างหน้าให้ได้"
ไพรซ์ออกคำสั่งแก้ไขสถานการณ์
เมื่อพูดจบ ไพรซ์ส่งกระสุน3นัดไปที่ฮ. พลยิงมินิกัน ประจำฮ.ก็ร่วงผลอยลงมาจากเครื่อง
เปิดโอกาสให้หน่วยของเขาตีฝ่าไปกบดานในเรือนเพาะชำเล็กๆแถวๆนั้น

แต่แทนที่จะหนีพ้น เขากลับพาหน่วยมาปะทะเข้ากับกองกำลังที่ซุ่มอยู่ในโรงนาร้าง
ในความซวยนั้นมีโชคซ่อนอยู่ พวกเขาพบ Stinger วางนิ่งอยู่ในโรงนา
ความซวยของไพรซ์กลับกลายเป็นความซวยของ ฮ.ค้นหาลำนั้นทันที



FIM-92 Stinger

เป็นเครื่องยิงจรวดนำวิถีต่อต้านอากาศยานขนาดพกพาจากอเมริกา
ชื่อของมันมีความหมายว่า 'เหล็กใน'
มันสามารถล๊อคเป้า และติดตามความร้อนจากยานบินแล้วเลี้ยวตามได้

มูลค่า: 1,216,000 บาท
นน.: 15.2 กก.
ยาว: 1.52 เมตร

ระยะทำการ: 4,800 เมตร
ระบบนำวิถี: ตรวจจับความร้อน
ผู้ใช้: 1คน


"โซป เอาสติงเกอร์สอยมันเลย!!!"
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ โซปล๊อคเป้าแล้วลั่นไกทันที มิซไซล์ดีดตัวพุ่งใส่ฮ.ราวมีชีวิต
แต่นักบินก็ไม่ใช่กากๆ เขาโปรยพลุล่อออกมาจากฮ.ได้ทันท่วงที ทำให้มิซไซล์
พลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย

แต่ไม่ใช่กับลูกที่ 2 ซึ่งเลี้ยวราวกับงูฉกเข้ากลางลำ ส่งผลให้ฮ.จอมตื้อร่วงลงพื้น
ได้สำเร็จ แต่ข้างหน้ากลัีบเป็นปั๊มน้ำมันที่ทั้งรถบรรทุก และยานเกราะ
พร้อมทหารราบอีกหลายสิบ แวะจอดเติมน้ำมันกันอยู่

"บราโว่ซิกโปรดทราบ ขณะนี้ AC-130 บินเข้าน่านฟ้าในตำแหน่งของคุณ
และพร้อมปฏิบัติการแล้ว เปลี่ยน"

"บราโว่ซิก นี่ 'ค้อนศึก'(ยานบิน AC-130)พร้อมยิง หากต้องการการสนับสนุน
ชี้ตำแหน่งได้"
เสียงนักบิน AC-130ยืนยันความพร้อมมายังไพรซ์

หมดเวลาหนีหัวซุกหัวซุนแล้ว เมื่อไพรซ์ได้รับการสนับสนุนจาก AC-130
ซึ่งเปรียบได้กับมังกรเพลิงล่องหน... การตอบโต้เริ่มขึ้นจริงๆซักที


"ถึง ค้อนศึก ารกิจยิงหวังผล ระยะใกล้มาก เป้าหมายคือ ยานเกราะ และทหารราบ
100เมตรทางตะวันตกเฉียงใต้จากเรา"
กัปตันไพรซ์ชี้เป้าให้นักบิน

"รับทราบ ปฏิบัติทันที"

หลังจากถ่ายทอดตำแหน่งได้2วินาที ก็มีสิ่งคล้ายดาวหางดวงเล็กๆหลายดวงฟาดผ่านฟ้า
กระแทกลงไปกลางวงกลุ่มต่อต้าน ยานเกราะระเบิดกระจุยทันที
และอีกหลายนัดที่ตามมาก็ล้างบางกลุ่มทหาราบจนตายคาที

.......โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมด ไม่มีใครรู้ได้ว่าตนโดนโจมตีจากไหน และอะไร

"บราโว่ซิก.. เราจะทำการวนคุ้มกันให้ท่านจนถึงจุดถอนตัว ขอให้ท่านรีบเดินทาง เปลี่ยน"
"รับทราบ ค้อนศึก... เราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ไป..พวกเรา"

===================================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
===================================================

ACT 1.5 : Death from above
แทนสายตา: จออินฟาเรทยานรบ AC-130

====================================================

[ล๊อคตำแหน่ง: AC- 130 Spectre]

[ พลปืนที่ 1]
[ 25mm gatling gun........ RPM* : 1800 ]


RPM* Rounds Per Minute จำนวนนัดต่อนาที หรือ Rate of fire นั่นแหละ
เท่ากับว่าถ้ามีเวลาสัก 1วิ แกทลิ่งสามารถสาดกระสุนใส่คุณได้ถึง 30นัด แม้ว่านัดที่
5เป็นต้นไป มันจะผ่านตัวคุณไปเฉยๆเพราะ 4นัดแรกมันเจาะตัวคุณจนโหว่ไปหมดแล้วก็เหอะ


[ พลปืนที่ 2 ]
[ 40mm bofors cannon....... RPM: 100 ]

[ พลปืนที่ 3 ]
[ 105mm m102 howitzer cannon...... RPM: 10 ]


====================================================

ทางตะวันตกของรัสเซีย

AC- 130* ยานรบสนับสนุนระยะไกลฉายาที่ทหารเรียกกันติดปากว่า 'มังกรเพลิง'
ได้บินวนอารักขาการถอนตัวของ SAS ราวกับเป็นสัตว์อสูรในเทพนิยาย


มังกรอารักขา AC-130 เห็นแท่งดำๆที่ยื่นออกจากด้านซ้ายของตัวเครื่องข้างเดียวปะครับ
นั่นคือสารพัดอาวุธของเค้า มวยถนัดซ้ายว่างั้นนะ


AC- 130* Spectre
ยานรบสนับสนุนติดอาวุธหนัก าคอากาศสู่พื้น(Air to Ground) และถือเป็นยานรบ
เอนกประสงค์นิยมใช้ในหลายารกิจตั้งแต่ ดูลาดเลา โจมตีเป้าหมายาคพื้นดิน
อารักขา หรือแม้แต่ส่งพลร่มจำนวนมาก ซึ่งสามารถเลือกติดเซทอาวุธให้เหมาะสม
กับปฏิบัติการที่ต่างกันไปได้

มังกรตัวนี้ มีตาจับความร้อนที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล
และความมืด เป็นการทีมเวิคของทีมทั้ง 13นาย บนตัวเครื่อง

ในารกิจอย่างนี้ AC-130 จะบินวงเป็นวงกลมเหนือพื้นที่ในระดับความสูงเกินกว่าที่มิซไซล์
จากาคพื้นดินจะโจมตีได้ แล้วเอียงตัวเครื่องเพื่อให้ปืนหลากประเทที่ติดอยู่ข้างลำเพียงข้างเดียวนั้น
ได้องศาพอที่จะยิงสู่พื้น

มันสามารถบินวนได้นานกว่ายานบินทั่วไป และสามารถปฏิบัติารกิจได้ในวันที่สาพอากาศ
เลวร้าย ดวงตาของเครื่อง นอกจากเรด้าแบบที่เครื่องบินพึงมีแล้ว ยังมีกล้องกำลังสูง
ที่มองด้วยระบบอินฟาเรท ทำให้สามารถแยกแยะศัตรูบนพื้นได้แม้ว่าจะมีเมฆหมอกบัง
และทำการที่ความสูง 9,000เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้คู่ต่อสู้มีเพียงเครื่องบินขับไล่เท่านั้น



บาฮามุท จากFF ซีรี่ย์ชัดๆ าพที่ท่านเห็นนี้ไม่ได้ถูกตกแต่งให้เก๋ไก๋สไลเดอร์แต่อย่างใด
แต่(ผู้เขียนคาดว่าน่าจะ)เป็นาพขณะปล่อยพลุล่อ คราวนี้ต่อให้โดนล๊อคเป้าสัก 4ลูก
ก็ไม่โดนกุง่ายๆหรอกเว้ย แถมเครื่องขนาดนี้มีพลุสำรองอีกเพียบ



าพเพ้นบน AC-130 ที่โชว์อยู่ในฟอริด้า ซึ่งบ่งบอกตัวตนมันได้ชัดเจนมาก
ผีล่องหนที่ยิงปืนไฟจากดวงจันทร์ ...ใช่เลย


มูลค่า: 4,224 - 6,080 ล้านบาท
ประเทศ: อเมริกา
จำนวนยูนิต: 43 ลำ (ใช้ปฏิบัติการจริง 25 ลำ)

ความยาว: 29.8 ม.
ความเร็วสูงสุด: 480 กม:ชม
เพดานบิน: 9,100 ม.

ลูกเรือ: 13 นาย
ประกอบด้วย นายทหาร 5นาย (นักบิน, ผู้ช่วยนักบิน, ต้นหน, ผู้ควบคุมระบบการยิง, นายทหารช่างอิเลคโทรนิค)
และ ทหารอีก 8นาย (ทหารช่างการบิน, ผู้คุมจอาพ, ผู้ควบคุมระบบตรวจจับอินฟาเรท, พลเติมกระสุน, ผู้ควบคุมปืนกระบอกต่างๆอีก 4นาย)
(ผู้เขียนไม่รู้ว่าชื่อจริงๆของตำแหน่งเหล่านี้ทหารเค้าเรียกกันยังไงนะ แต่พยายามแปลให้ตรงกับาษาอังกฤษที่สุดละ)



การปฏิบัติารกิจของ AC- 130


"เราจะผ่านเมืองข้างหน้าเพื่อไปยังจุดถอนตัวทางตะวันออก ช่วยยืนยันด้วย
ว่าคุณรับสัญญานอินฟาเรทบนตัวพวกเราชัดเจนหรือไม่ เปลี่ยน"

หน่วยSAS นำทีมโดยกัปตันไพรซ์ยืนยันตำแหน่งเพื่อปฏิบัติารกิจร่วมกัน

"สัญญานอินฟาเรทบนตัวพวกท่านทำงานปกติ สัญญานชัดเจน เปลี่ยน"
ผู้ควบคุมมอนิเตอร์อินฟาเรทบน AC-130 ตอบรับ

"ลูกเรือทุกนาย ระมัดระวังการยิงด้วย เป้าหมายเดินเท้ามีสัญญานกระพริบ
นั่นคือคนของเรา"

"เอ่อ.. มอนิเตอร์ช่วยยืนยันว่าสิ่งปลูกสร้างคล้ายโบสถ์ในเมืองนั่น ใช่โบสถ์หรือไม่"
"ยืนยันว่าเป็นโบสถ์ ...นั่น ท่าทางจะได้เวลาลุยแล้ว"

"หน่วยยิง ขอให้ท่านหลีกเลี่ยงความเสียหายของโบสถ์ อย่ายิงใส่โบสถ์โดยตรง"
"รับทราบ... เราพบยานพาหนะกำลังขับเคลื่อนแล้ว"

"มีคนออกมาจากโบสถ์ครับ"
"เราพบ กลุ่มบุคคลติดอาวุธ ออกมาจากโบสถ์ ขออนุญาติยิงครับ"


าพที่เห็นจากจอมอนิเตอร์ ปรากฏร่างเงาคนหลายคนวิ่งออกมาจากโบสถ์
เด่นชัด ทั้งที่สาพจริงนั้นมืดสนิท และมีเมฆกั้นระหว่างพวกเขาก็ตาม

"คุณได้รับอนุญาติยิงทั้งพาหนะ และบุคคล ที่อยู่ในระยะสายตา"
"รับทราบครับ... ลูกเรือทุกนาย คุณได้รับอนุญาตให้ยิง แต่ห้ามยิงใส่โบสถ์"


กลุ่มบุคคลติดอาวุธปะทะกับ หน่วยSASที่ด้านล่าง เท่ากับการประกาศการ
เป็นศัตรูกับพวกเขาด้วย 40mm bofors cannon* ถูกยิงออกไป 3นัด

ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!......

หลังจากนั้น 1วินาที ก็เกิดกลุ่มควันจากการระเบิด 3ลูกเรียงแถวบนพื้นดิน
กลุ่มต่อต้านที่เรียงแถวกับแนวกำแพง เพื่ออาศัยเป็นกำบังปะทะกับSAS
ได้ลอยขึ้นฟ้า 3-4เมตร ไปคนละทิศละทาง โดยไม่มีสิทธิรู้ด้วยซ้ำว่าโดนอะไรเข้า



40mm bofors cannon*
รุ่นแรกเริ่มเดิมที่นั้นเป็นปืนใหญ่อัติโนมัติต่อต้านอากาศยาน ซึ่งใช้กันมาตั้งแต่
สงครามโลกครั้งที่ 2กันเลยทีเดียว แต่ปัจจุบันสามารถพัฒนามาติดตั้งกับเครื่องบิน หรือแม้แต่รถถัง



ดูขนาดกระสุนของ โบฟอ ซะก่อน เรียกว่าแค่ปลอกกระสุนหล่นจากเครื่องมาโดนหัวก็ไม่รอดแล้ว

"เรียกไฟป่า(AC-130)... นี่บราโว่ซิกโปรดทราบ เราตัดผ่านโบสถ์ขนาดใหญ่และกำลังจะไปถนนอีกเส้น
ช่วยยิงเปิดเส้นทางด้วย ....เลิกกัน"


"รับทราบ... ยิงทุคนที่ไม่มีสัญญานกระพริบ ทั้งหมดเป็นกลุ่มต่อต้าน"
"มีรถเข้ามาในพื้นที่ครับ"
"ยิงทันที"

"เดี๋ยวๆๆ อย่ายิง... อย่ายิงยานพาหนะก่อนได้รับอนุญาต ย้ำอย่าโจมตีพาหนะบนถนนหลัก"


"เรียกไฟป่า ขณะนี้เรากำลังเข้ายึดรถพลเรือนที่อยู่บนถนนหลัก อย่ายิงรถเด็ดขาด"
กัปตันไพรซ์ บอกแผนใหม่ของเขาให้ยานรบรับรู้

"ลูกเรือ.... ห้ามโจมตีพาหนะบนถนนหลัก นั่นรถพลเรือน
ทีมาคพื้นดินกำลังจะใช้รถพลเรือน ห้ามยิงยานพาหนะใดๆบนถนน นอกจากชัดเจนว่าเป็นศัตรู
"

ทีมSAS ใช้อาวุธยึดรถพลเรือนทันทีที่พวกเขาจอดตามปืนของไพรซ์ที่เล็งไปทางเขา

"เหอะๆ ผมว่าไอ้นั่นคงเยี่ยวราดแล้วมั้งนั่น รถสวยซะด้วย"
"คงไม่ใช่แค่เยี่ยวล่ะงานนี้ คงขี้ราดน่องเลยล่ะ ฮ่ะๆๆๆ"


"เรียกไฟป่า... เราติดสัญญานอินฟาเรทบนหลังคารถทั้ง 2คันแล้ว โปรดยืนยันว่าคุณได้รับสัญญาน เปลี่ยน"
ทีมของไพรซ์เข้าไปอยู่ในตัวรถแล้ว

"รับทราบ... รับสัญญานได้ชัดเจน ลูกเรือ.. ห้ามโจมตีพาหนะที่มีสัญญานกระพริบ
ย้ำ ห้ามโจมตีพาหนะที่มีสัญญานกระพริบ นั่นคนของเรา"

"ศัตรูกำลังสุมกำลังซุ่มโจมตีที่โค้งหน้าครับ"

ผู้คุมมอนิเตอร์ดุจมีตาทิพย์ นอกจากจะเห็นในความมืดแล้ว การมองจากมุมสูง
ก็ทำให้เห็นอะไรที่อีกฝ่ายไม่อยากให้เห็นได้ง่ายเช่นกัน

"เอ่อ.. มอนิเตอร์ โค้งที่คุณว่าน่ะ โค้งไหนระบุด้วย ....เปลี่ยน"
"ผู้ควบคุมการยิง คุณเห็นหอเก็บน้ำตรงหัวโค้งหรือไม่ ...เปลี่ยน"

"คุณหมายถึง หอเก็บน้ำตรงแยกหน้านี่ใช่มั้ย"
"เอ่อ... ใช่ครับ อันนั้นแหละ มันซุ่มอยู่ที่โค้งหลังหอเก็บน้ำอันนั้น"

"เอาไงดี.. เราจะไปเคลียทางโค้งนั่นก่อนมั้ย หรือวนคุ้มกันดี"
"มีการซุ่มโจมตีในหมู่บ้านเลยทางโค้งที่ว่าด้วยครับ"

"หมู่บ้านที่ว่านี่ไกลแค่ไหน"
"อ่า... น่าจะประมาณ 200เมตร ไปตามทางโค้งนั่นน่ะครับ"

"งั้นผมขอตัดสินใจให้เราล่วงหน้าไปเคลียการซุ่มโจมตีให้าคพื้นดินก่อนดีกว่า
เตรียมการปะทะด้วย"

"ระวัง... พวกเขาถึงโค้งแล้ว คาดว่าพวกมันใช้ต้นไม้บังตา"
"เฮ้ย.. มีคนยิง RPGด้วย"


หางจรวด RPG พุ่งเป็นสายยาวไปทางรถของหน่วยSAS กองกลังต่อต้าน
ตั้งป้อมบนดาดฟ้าตึกทางเข้าหมู่บ้าน

"รับทราบ..ลูกเรือทั้งหมด ตั้งกระบอกไปที่หมู่บ้าน สังเกตหางRPG เคลียให้ราบ"
"รถหุ้มเกราะตรงนั้น มันกำลังออกจากโรงนา"
"เป้าหมายทั้งหมดในหมู่บ้าน ชัดเจนว่าเป็นศัตรู ซัดมัน"


"ไฟป่า เรากำลังถูกซุ่มโจมตี ยิงสนับสนุนด้วย เปลี่ยน"
ไพรซ์ร้องเสียงหลงใส่วิทยุ โดยไม่รู้ว่าเหล่าลูกเรือ AC-130 เตรียมการ
ปูพรมแดงให้เขาอยู่นานแล้ว

ปังงง!!!!!

เสียงทึบเพียงนัดเดียวดังออกจากตัวยานรบ นั่นก็เพียงพอแล้ว
หากมันเป็น 1นัดจาก 105mm m102 howitzer cannon*



105mm m102 howitzer cannon*
เดิมถูกใช้เป็นปืนใหญ่สำหรับทหารราบ ตัวกระบอกทำจากอลูมเนียมทำให้มีน้ำหนักไม่มาก
สามารถขนส่งโดย ฮ. หรือผูกร่มแล้วปล่อยลงมาพร้อมพลร่มได้


อาคารที่หน่วยต่อต้านใช้เป็นที่ซุ่มยิง RPG สลายหายไปทั้งอาคาร
การระเบิดทำให้เกิดควันคลุ้งตลบสูงเท่าตึก 8ชั้น
ไม่ต้องถามถึงทหารต่อต้านเกือบ 10นายที่อยู่บนหลังคา


"Ka-boom*!!!" พลยิงพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ

Ka-boom* หากแปลตรงตัวคือการที่เรายิงปืนแล้ว แทนที่กระสุนจะออกจากปากกระบอก
ปืนกลับระเบิดตรงรังเพลิงแทน ในที่นี้หมายถึง การระเบิด นั่นเอง


"ทหารบนตึกรูปตัวยู"
"เอ่อ.. ตึกไหนรูปตัวยู"
"ตึกแรกเลย ที่หลังคาแบนๆไง"


ทั้งยานเกราะ และทหารต่อต้าน หลายสิบนาย ไม่สามารถรั้งรถธรรมดาเพียง
2คันไว้ได้ เนื่องจากถูก AC-130 ยิงถล่มจนไม่เป็นกระบวน
ราวกับฝูงมดที่เดินเรียงแถวให้มนุษย์ใช้นิ้วบี้ทีละตัว โดยไม่อาจตอบโต้
SAS ขับผ่านหมู่บ้านมาได้แล้ว

"เรียกไฟป่า พวกผมใกล้จุด LZแล้ว กำลังสละรถเพื่อเดินเท้า เข้าไปในโรงเก็บซากรถ"
"รับทราบ.. ลูกเรือ าคพื้นดินเปลี่ยนเป็นเดินเท้า ห้ามยิงใส่บุคคลที่มีสัญญานกระพริบ"

"พบศัตรูเดินเท้าในสุสานรถ"


แม้ซากรถทั้งหลายที่กองๆอยู่ จะเป็นกำบังสำหรับยิงต่อสู้อย่างดี
แต่กับ AC-130แล้ว มันไม่มีประโยชน์ใดๆ กลุ่มต่อต้านทั้งหมดเหมือนอาศัย
กระดาษแผ่นบางๆเป็นที่กำบัง

"ไฟป่า... เราถึงLZแล้ว เราถูกโจมตีอย่างหนักจากทุกทาง ขอการยิงสนับสนุน
ในระยะอันตรายด้วย"

ไพรซ์หมายถึงเขาอนุญาตให้ยานรบยิงสนับสนุนในระยะประชิดใกล้ตัวพวกเขา
แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการยิงโดนพวกเขาด้วยก็ตาม

"ศัตรูกำลังรุมทึ้งพวกนั้นจากทุกทางเลย ยิงระวังพวกเขาด้วย ใช้แค่ 25mm
(Gatling gun)จะดีกว่านะ "


สถานการณืกำลังมั่วนัวสุดๆ SASกำลังตกอยู่ในวงล้อม ซึ่งระยะใกล้เท่านี้
AC-130 ทำงานได้ไม่ถนัดนัก เนื่องจากกลัวจะโดนพวกเดียวกันไปด้วย

"ลูกเรือโปรดทราบ ฮ.ที่จะเข้ามาทำการถอนตัว เข้ามาในพื้นที่แล้ว
ทุกนายระมัดระวังปืนของท่านด้วย"


"ไฟป่า นี่บราโว่ซิก เรากำลังขึ้นเครื่องเพื่อถอนตัวแล้ว ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน เลิกกัน"
ไพรซ์และหน่วยSASทุกนายวิ่งฝ่ากระสุนไปยังฮ.ได้อย่างปลอดัย พร้อมนิโคไล

"เหอะๆ เกือบไปเหมือนกันแฮะ ลุ้นแทบตาย"
"เหมือนผมเลย..."

"ลูกเรือทุกท่าน.. VIP* ปลอดัย ารกิจเสร็จสิ้น ทำได้ดีมากทุกท่าน"
"รับทราบ... กำลังกลับฐาน"


VIP* อย่าดูถูกว่าเป็นคำย่อที่เจอบ่อย ยังมีหลายคนไม่รู้ว่ามันย่อมาจากอะไร
มันย่อมาจาก Very Important Person บุคคลที่สำคัญมากๆ ไง ง่ายๆงี้เลย


=======================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
=======================================

ACT 1.6 : War pig
แทนสายตา: U.S.M.C. จ่า พอล แจคสัน


================================================

ผู้ประกาศข่าว : "การปะทะในเมืองหลวงอย่างหนักตลอดคืน ทำให้เหล่านาวิกโยธินสหรัฐ
ใกล้เป้าหมายในการจับกุม ผู้นำกองกำลังกบฏ คาเลต อัลอาสาด มากขึ้น"

"มีรายงานว่า กองกำลังของอัลอาสาด ได้ถอยร่นเข้าไปใน ทำเนียบประธานาธิปดีแล้ว"

[ค้นหาตำแหน่ง: หมูศึก]......

ร้อยโทวาคูเอซ: "เรียกฐาน.. นี่ร้อยโทวาคูเอซ หมูศึกกำลังเดินทาง เราไม่พลาดงานนี้แน่ๆ"

[M1A2 Abrams]

[มูลค่า: 4.5-6 ล้านเหรียญสหรัฐ]
[สัญชาติ: อเมริกัน]

[หุ้มเกราะ: Steel - encased depleted uranium]
[เครื่องยนต์ขับเคลื่อน: multi-fuel turbine engine]

[ปืนหลัก: 120mm M256 smoothbore]
[ปืนรอง: m240 machinegun]
[ลูกเรือ : 4 นาย]


================================================

เมืองหลวงในตะวันออกกลาง

"แจคสันโว้ยยยย... เหม่อไรอยู่วะ มาตั้งแนวรับสิโว๊ยยย"
เสียงเรียกจากผู้หมวด วาคูเอซ ที่กำลังยิงปะทะกับกลุ่มกบฏจำนวนมาก

ณ ที่เดิม หล่มที่รถถังชื่อรหัสหมูศึก ขอความช่วยเหลือจนทหารช่าง
สามารถทำให้ตัวรถถังกลับมาใช้งานได้ตามปกติ หลังจากรบมาทั้งคืนแล้ว
พวกเค้าก็ยังเฝ้าที่นี่จนเช้า แถมงานยังไม่จบเท่านี้

"บราโว่ซิก.. นี่หมูศึก ขอบคุณที่ช่วยดูแล ตอนนี้เราขับเคลื่อนได้แล้ว
และกำลังขนาบไปทางซ้ายของท่าน เพื่อยิงสนับสนุน เปลี่ยน"


รถถัง M1A2 Abrams* ชื่อรหัสหมูศึก เคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อกรุยทางให้ทหารราบ
ย่างสามขุมไปช้าๆ ดุจพยัคฆ์ย่ำออกจากกรง



M1A2 Abrams*
รถถัง M1 Abrams เป็นรถถังหลักของทหารอเมริกัน โดยตั้งชื่อตาม นายพลCreighton Abrams
อดีตผู้บังคับการรบในสงครามเวียดนามในปี 1968

มันถูกติดอาวุธอย่างดี เสริมเกราะหนา อีกทั้งยังเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว
ทำให้มันสามารถทำหน้าที่แนวหน้าบุกทะลวงในสนามรบได้เป็นอย่างดี

มันถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในสงครามอ่าวเปอเซียในปี 1991 สิ่งที่ทำให้มันกลายเป็นวีรบุรุษสงคราม
ก็คือปืนหลัก ที่มีระยะหวังผลไกลถึง 2,500เมตร ในขณะที่รถถังอื่นๆของอิรักนั้น
ทำการได้ไกลสุดเพียง 2,000เมตรเท่านั้น

ทำให้มันสามารถโจมตีได้ก่อนซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่ส่งผลมาก ในการต่อสู้ของรถถัง
อีกทั้งเกราะด้านหน้าของตัวรถนั้น สามารถทนรับได้แม้กระสุนปืนใหญ่ของตัวมันเองด้วยซ้ำ
แต่ด้านข้าง หรือด้านหลังนั้น ไม่รับประกัน

มูลค่า: 198,720,000 บาท
จำนวนที่ผลิต: 9,000+ คัน
ความเร็ว: 67 กม.:ชม.

นน.: 62ตัน
ลูกเรือ: 4นาย (ผู้การรถถัง, พลปืน, พลขับ, พลเติมกระสุน)


"ฮ.ศัตรูเข้ามาในพื้นที่!!!! 2ลำ" เสียงทหารในหน่วยตะโกนเตือนทันทีที่เห็น
"เอา RPG สอยมันสิวะ"

แต่จุดมุ่งหมายของทั้ง 2ลำนั้นไม่ได้เข้ามาโจมตีทางอากศ หากแต่เข้ามาส่งกำลังหนุนเท่านั้น
ทหารกบฏโรยตัวลงจากเครื่องเป็น 10นาย ทำให้การต่อสู้ยุ่งยากขึ้นไปอีก
เพราะซากรถเมล์ที่จอดนิ่งอยู่กลางลาน กลายเป็นเกราะกำบังอย่างดีให้พวกเขา

แต่ทันทีที่ หมูศึก ใกล้จะขนาบข้างซากรถได้ ทหารกบฏก็ถอนกำลังถอยร่น
ออกไปทันที เหมือนรู้ว่าซากรถเมล์คงไม่ได้ช่วยกันกระสุนรถถังแน่นอน

หมูศึก เป็นทัพหน้ากรุยทางเข้าไปในตัวเมือง เหยียบทุกอย่างที่ขวางทางจนแบนราบ
ด้วยน้ำหนัก 62ตันของมัน โดยมีนาวิกโยธินตามหลังไปติดๆ

"เอ่อ.. บราโว่ซิก ข้างหน้านี่มีความเป็นไปได้ที่เราจะถูกซุ่มโจมตี
เราจะไปได้ต่อเมื่อ พวกคุณเคลียทางให้แล้ว"


แม้จะแข็งแกร่งอย่างไรก็ตาม หมูศึก ก็ไม่ได้เป็นอมตะ จรวดRPGสัก 2เม็ด
เข้าทางด้านหลังในมุมดีๆ ก็มีสิทธิดับได้เหมือนกัน เพราะเกราะด้านหลังบางกว่าส่วนอื่นมาก
และการรบในเมืองที่มีตรอกซอกซอยคับแคบแบบนี ก็ไม่ใช่ของถนัดของหมูศึก

"สังเกตเงาที่ตัดกับขอบตึกให้ดีนะ ระวังด้วย" หมวดวาคูเอซเตือนหน่วย
การซุ่มโจมตีจากผาสูงอยู่ในกลศึกมาตั้งแต่โบราณ ศัตรูที่ซุ่มอยู่ก่อนย่อมไม่ยอมพลาด
ที่จะใช้มันแน่ ไม่ทันขาดคำพลRPG ก็ปรากฏตัวขึ้นบนดาดฟ้าตึกหลายนาย
เป้าหมายหลักของมันคือ รถถังจอมลุยอย่างหมูศึกนั่นเอง

จุดบอดของรถถังคือเหนือหัว เหมือนกับปูที่ทำอะไรไม่ได้เมื่อถูกกดกระดอง
หมูศึกกิน RPG เข้าไปหนึ่งลูกที่กราบขวาของตัวถัง
แต่ทหารราบก็สามารถเก็บพล RPG ได้ก่อนที่พวกมันจะป้อนลูกที่ 2ให้หมูศึก

หมูศึกไม่สนใจศัตรูที่นอกเหนือความสามารถตน แต่มุ่งไปที่ของถนัดแทน

"พลปืน ตึกกันสาดสีแดง ทิศ11นาฬิกา 30 ระเบียงชั้น2!!!!!"
"จับเป้าได้แล้ว ยิงงงงง!!!"
เปรี้ยง!!! หมูศึกอัดกระสุนเม็ดเป้งเข้าใส่อาคาร
ที่ฝ่ายกบฏใช้เป็นที่มั่น จนตึกโหว่เป็รรูใหญ่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เนื้อได้น้ำเท่าไหร่

แต่อย่างน้อยก็ได้ลูกขู่ เมื่อพลRPGถูกเก็บหมดแล้ว ฝ่ายกบฏที่ดูยังไง
ก็ไม่น่าต้านรถถังอยู่ก็ถึงกับล่าถอยลึกเข้าไปอีกชั้น เมื่อเห็นการต่อต้านเบาบางลง
หมูศึกจึงอาสาเป็นแนวหน้ารุกกดันเข้าไปอีกครั้ง

"บราโว่ซิก เราขอขึ้นนำ เปลี่ยน"
"รับทราบ"

"บราโว่ซิก อ่า... ข้างหน้าทางสะดวกหรือไม่ เปลี่ยน"
ที่ผู้การรถถังหมูศึกต้องถาม ไม่ใช่เพราะขลาดกลัว แต่เพราะมุมมองในรถถัง
นั้นแคบมาก ต่างจากทหารราบที่มีหลายตาและกระจายไปทั่วสนามรบ

หากผลุนผลันเข้าไปแล้วโดยซุ่มโจมตี ในที่แคบแบบนี้จะทำการถอยได้ยากมาก
และส่วนใหญ่หากรถถังระเบิด ทั้ง 4ชีวิตในรถมักไม่รอด เพราะในนั้นมีทั้งน้ำมันสำรอง
กระสุนรถถัง ที่ทวีคุณความแรงหากเกิดการระเบิดขึ้น

"รุกเลยท่าน แต่หยุดรอที่หัวโค้งก่อน" หมวดวาคูเอซรายงานสถานการณ์กับผู้การรถถัง
"รับทราบ เดินหน้า"

ทันทีที่ถึงโค้ง RPG 2สายก็พุ่งเฉียดหมูศึกไป แต่หมูศึกก็ไม่ยั่นหากจำเป็นต้องใช้หน้ารับ
โดยมีทหารราบรักษาด้านข้างและหลัง ลำพังแค่จรวดRPG 2-3ลูก คงเจาะหน้ารถไม่เข้า
ปืนกลหนักที่ติดตั้งอยู่ที่หน้ารถถังแผดไม่ยั้ง สลับกับปืนใหญ่เป็นระยะ
แต่ปืนกลหนักอีก 2กระบอกที่ด้านบนรถ ถูกงดใช้ในกรณีในเมือง เพราะต้องออกมายิงนอกตัวถังรถ

"มันถอยแล้วๆๆ ระวังด้วยอาจเป็นกับดัก" จ่ากรี๊กพูดเมื่อเห็นพวกมันถอนตัวจากที่มั่นทั้งที่
ยังเจาะไม่ทะลุ หมวดวาคูเอซจึงสั่งการให้กรี๊กตรึงกำลังอยู่ที่นี่

"กรี๊ก.. นายยิงล่อเป้ามันไว้ ผมจะอ้อมไปด้านหลังมัน แจคสันมากับผม"

แจคสันวิ่งเลาะออกหลังตึกตามผู้หมวดไป แต่ศัตรูก็ตั้งรับด้วยรังปืนกล 2กระบอก
ในซอยแคบๆอย่างนี้ก็เล่นด้วยยากพอดู หมวดวาคูเอซถึงกับดันถังขยะขนาดใหญ่
ที่เป็นเหล็กทั้งดุ้นไปข้างหน้าเป็นที่กำบัง เพื่อร่นระยะให้สั้นลง

เมื่อรังปืนกลสิ้นฤทธิ วาคูเอซนำหน่วยขึ้นไปก็ต้องตกใจเมื่อรู้แผนของศัตรู

"กรี๊กหลบ มีรถถังศัตรูอยู่ที่หัวมุม อย่าให้มันเห็นพวกนาย" วาคูเอซวิทยุบอกหน่วยของกรี๊กที่ตรึงอยู่อีกฝั่ง
แบบประจันหน้ากับรถถังในระยะแค่ 20เมตร ถ้ามันเห็นกรี๊กมันอัดไม่เลี้ยงแน่ๆ

ที่แท้ศัตรูล่าถอยเพราะต้องการล่อหมูศึกเข้ามาใกล้ แล้วอัดด้วยรถถังที่พวกมันซุ่มอยู่หัวมุมตึก
เพราะ ซากรถเมล์ที่พวกมันกั้นไว้ที่หัวโค้ง หากหมูศึกจะผ่านมันก็จะต้องออกมาดันซากรถเมล์

ซึ่งขณะนั้นหมูศึกจะอยู่ในสาพที่ไม่สามารถยิงปืนใหญ่ได้ถนัด ส่งผลให้รถถังฝ่ายกบฏอัด
ได้ก่อนอย่างน้อยก็ 2-3นัด ช่างเป็นแผนที่แยบยล

แต่ในเมื่อหมูศึกรู้ก่อนแล้ว มันก็เหมือนหนังคนละม้วน

"เรียกหมูศึก นี่บราโว่ซิก มีรถถัง T-72คอยซุ่มโจมตีคุณอยู่ตรงหัวโค้งที่ 10นาฬิกา
คุณสามารถปะทะหรือไม่ เปลี่ยน"


แม้รถถังกบฏยังไม่สังเกตเห็นหน่วยของวาคุเอซที่ซุ่มเงียบอยู่บนหัว
แต่หน่วยของวาคูเอสที่ไม่มีอาวุธหนักติดมาด้วยก็ได้แต่ยืนซื่อบื้อเช่นกัน

"บราโว่ซิก เราเปลี่ยนเป็นโหมดจับความร้อนแล้ว เห็นเป้าหมายหลังตึกชัดเจน
เปลี่ยนเป็นระบบยิงแบบบังคับเองซิ"


หมูศึกถลาเข้ามาพร้อมตั้งปืนไปยังตำแหน่งรถถังศัตรูเพื่อเตรียมพร้อมยิง
ทั้งที่ระหว่างรถทั้ง 2คันนั้นมีตึกหัวมุมบังอยู่

"เอาไปแดรก" ผู้การรถถังให้สัญญานพลยิงในรูปแบบไม่เป็นทางการ
เปรี้ยงงงงง!!!!!

หมูศึกซัดเพียง 1เม็ดเน้นๆ ทะลุกำแพงตึกที่ขวางอยู่เข้าจังๆตรงข้อต่อฐานปืน T-72
จนประกายไฟแล่บออกมาจากรอยต่อที่หลุดออก แสดงว่ามีการระเบิดเข้าไปถึงในตัวรถ
จนกระสุนที่เก็บอยู่ในตัวรถระเบิดเละเทะอยู่ในห้องโดยสาร ก่อนที่กระสุนปืนใหญ่
ที่เก็บอยู่ายในรถระบิดตาม จนฐานปืนลอยหลุดออกจากตัวถัง

อย่างนี้ต่อให้หมอพรทิพย์ก็บอกไม่ได้ ว่าในรถเคยมีคนอยู่กี่คน....

เหล่าทหารราบที่ไม่เคยเห็นลูกเล่นเก๋ๆของรถถังอย่างนี้ ถึงกับโห่ร้องอย่างสะใจ
"ยิงได้สวยหมูศึก เราออกไปจากนี่กัน" แม้แต่เสือยิ้มยากอย่างผู้หมวดวาคูเอซ
ยังถึงกับวิทยุชมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก

"รับทราบ.. แต่ เอ่อ เหอะๆ เราถึงหรือยังเนี่ย?" ผู้การรถถังบ่นอุบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

"นี่ฐาน บราโว่ซิกโปรดทราบ พวกคุณถึงไหนแล้ว พร้อมที่จะไปรวมพลร่วมกับ
กองพันที่ 2เลยหรือไม่ เปลี่ยน"
กองบังคับการวิทยุเข้ามาสอบถามหน่วยของผู้หมวด
ว่าในเมื่อารกิจช่วยเหลือหมูศึกเสร็จแล้ว พวกเขาพร้อมแค่ไหนสำหรับารกิจถัดไป

"นี่บราโว่ซิก แจ้งฐาน เราใกล้ถึงLZแล้ว บราโว่ซิกพร้อมลุยครับ"

เมื่อถึงLZ ขณะที่ฮ.กำลังลดระดับลงมารับ
"เรียกผู้หมวดวาคูเอซ นี่คนเถื่อน2-5 หน่วยเฉพาะกิจกำลังจะไปจับตัวอัลอาสาด
เราต้องการกำลังมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขึ้นมาเลยครับ"

"รับทราบ ทหาร!!! เรารู้ที่กบดานที่แน่นอนของอัลอาสาดแล้ว ขึ้นฮ.แล้วไปลุยกัน"


========================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
========================================

ACT 1.7: Shock and awe*
แทนสายตา: U.S.M.C. จ่า พอล แจคสัน

Shock and awe* คำนี้เราจะได้ยินกันบ่อยพอสมควร เป็นยุทธวิธีทางการทหาร
ที่สร้างความตระหนกแตกตื่นให้กับศัตรู และแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าอย่างรวดเร็ว

คือ มีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้งตั้งแต่เริ่ม ไม่มีกั๊ก อย่างในสงครามปลดปล่อยชาวอิรัก
(Operation Iraq Freedom) าคต่อของสงครามอ่าวเปอเซีย ที่ไปจับซัดดัมนั่นแหละ
ที่สหรัฐปูพรมสารพัดระเบิดแปลกๆ มิสไซล์พิสดารทั้งหลาย ยิงถล่มข้ามวันข้ามคืน

จนขวัญกำลังใจอีกฝ่ายไม่เหลือ เพราะรู้ว่ากำลังเราไม่ได้มีเท่าฝ่ายที่โจมตีเรา
เปรียบเหมือนคนกำลังจะต่อยกัน แต่อีกฝ่ายหันกลับไปเตะหมาตัวขาดสองท่อนไรงี้

==============================================

กองบัญชาการ: "ทหาร เราพบที่ๆมีความเป็นไปได้ว่าเป็นแหล่งกบดานสุดท้ายในเมืองหลวงของ อัลอาสาดแล้ว
กองพันที่ 1ล่วงหน้าไปก่อน

ข่าวกรองจากหน่วย SAS แจ้งเรามาว่า อัลอาสาดอาจจะมีหัวรบจากรัสเซียพร้อมใช้งานในครอบครอง
ดังนั้นความเร็วคือหัวใจของารกิจนี้

เนสทีมถูกปล่อยตัวประจำตำแหน่งไว้แล้ว ฟอสรีคอน กับ ไวล์วีเซล(เครื่องบินเจทขับไล่)
ได้เคลียการต่อต้านทางอากาศได้หมดแล้ว แต่กองกำลังาคพื้นดินของอัลอาสาด ยังเป็นัยคุกคาม"

ร้อยโทวาคูเอซ: "ท่าทางเราอัดมันด้วยทุกอย่างที่เรามีแล้ว ทะลวงมันให้ทะลุ อย่างไม่หยุดยั้ง
จับอัลอาสาดได้เมื่อไหร่ สงครามก็จบ... จัดมันให้หนัก ทหาร"


==============================================

เมืองหลวงในตะวันออกกลาง


ฮ.คอบบร้า (งูเห่า) จำนวนกว่า 10ลำเรียงหน้าตั้งแผงดิ่งเข้าสู่เมืองหลวงที่ปกคลุมด้วยทราย
เพื่ออารักขาฮ.เคลื่อนพล(ชื่อรหัส:คนเถื่อน) ที่แจคสันโดยสารอยู่
ก่อนที่ฝูงเครื่องบินเจทขับไล่จะบินข้ามหัวพร้อมปูพรมระเบิดใส่ด่านหน้าของฝ่ายตั้งร
ับ

"เรียกคนเถื่อน.. นี่ฑูตมรณะ เราจะโจมตีเป้าใหญ่ให้พวกคุณก่อน ส่วนคุณเก็บรายละเอียดเอาเองด้วย Mark19*"
เสียงนักบินหญิงประจำ ฮ.สังหารคอบบร้า แจ้งให้นักบินฮ.เคลื่อนพลทราบ



Mark19* (MK 19)
เป็นออโตเมติกแกรเนทลันเชอร์ หรือเรียกเก๋ๆว่า แกรเนท แมชชีนกัน
รับใช้ชาติมาตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนามจนถึงปัจจุบัน นิยมติดตั้งบนพาหนะ หรือ ฮ.
เพราะมีน้ำหนักมาก เป้าหมายหลักคือ ยานเกราะ และกลุ่มทหารราบ


รถถัง M1A2 Abrams ด้านล่าง เคลื่อนไหวเป็นหมู่มากกว่า 7คัน ก็กำลังเลื่อนสายพานคืบเข้าไปช้าๆ

"เราพบยานเกราะศัตรูจำนวนมากตั้งรับอยู่บริเวณตะวันตกริมแม่น้ำ เปลี่ยน"

สิ้นเสียงวิทยุ ฮ.คอบบร้าก็ระดมยิงมิซไซล์ลงสู่ยานเกราะศัตรูด้านล่างจนฝุ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ไม่สนใจว่าเป้าหมายจะเป็นตายร้ายดี ผู้ยิงก็รุกคืบต่อไปทันที

"เราโดนยิงๆ" นักบินคนเถื่อนรายงาน เมื่อถึงด่านหน้าทหารราบ และยานเกราะส่งกระสุน
ขึ้นมาทักทาย เสียงกระสุนกระทบตัวเครื่องดังป๋องแป๋งไปทั้งลำ

แจคสัน ประจำการพลปืนMark19ที่ติดอยู่ข้างฮ. อัดกระสุนหัวระเบิดตอบโต้ไปยังด้านล่าง
ยานเกราะศัตรูทั้งหมด เป็นรถหุ้มเกราะเบาเคลื่อนที่เร็วซึ่งมีเกราะที่บางกว่ารถถังมาก
จึงทานกระสุนระเบิดได้ไม่กี่นัด ก็ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ฮ.เข้ามาในเขตเมืองแล้ว ศัตรูตั้งฐานกระสอบทราบไว้บนดาดฟ้าตึกทั่วพื้นที่
เพื่อเป็นป้อมปืนต่อสู้อากาศยานแบบฉุกเฉิน ทดแทนอาวุธหนักต่อต้านอากาศยาน
ที่ถูกเครื่องบินขับไล่ทิ้งบอมบ์ไปหมดแล้ว อาวูธที่ใช้ก็มีเพียง RPGเท่านั้น

หากเราเคยเล่นเกมยิงกันมาก่อน จะรู้ว่าการยิงRPG ที่ไม่มีระบบนำวิถีใส่ฮ.ในระยะกว่า 100เมตร
นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย.... แต่สำหรับ ฮ.แล้วการยิงตอบโต้ไปยังเป้านิ่งด้านล่างนั้นง่ายกว่ามาก
คนไปทาง กระสอบทรายไปทางกันเลยทีเดียว

แต่ฝ่ายกบฏก็ไม่ได้เสียเปรียบไปซะทุกเรื่อง ด้วยจำนวนที่มากกว่า และสามารถงอกออกมา
ได้จากทุกที่ 180องศารอบฮ. จรวดRPGถูกยิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเป็นที่น่าหวาดเสียว

"ยานเกราะ แจคสัน เก็บมัน"

แจคสันมองเห็นอยู่ก่อนแล้ว ว่าที่ลานด้านล่างมียานเกราะศัตรู 2คันจอดรอตั้งรับ
พร้อมฝูงทหารราบ แจคสันซัดMark19เป็นชุด ชุดละ 3นัดใส่ยานเกราะด้านล่างแต่ละลำ
ก็ระเบิดขึ้นมาง่ายๆ

"เรียกฐาน นี่คนเถื่อน2-5 ทหารราบศัตรูเบาบางแล้ว ขออนุญาตลงจอดเพื่อส่งทหาร เปลี่ยน"
"เอิ่ม.. รับทราบ แบชเลอทูเซเว่น ให้รถถังอาบรามไปเป็นแนวหน้าก่อน
เรียกคนเถื่อน นี่ฐาน ส่งทหารลงแค่ครึ่งลำพอ ส่วนคุณพาที่เหลือตีวงกลับมาทางตะวันออก"


"รับทราบ เราจะไปที่นั่นทันที"
ทันทีที่ฮ.ของแจคสันลงจอด พลทหารก็กรูกันออกจากฮ. กระจายเข้ายึดพื้นที่อย่างรวดเร็ว
ยกเว้นแจคสันและหน่วยของเขา ที่ยังคงอยู่ในฮ. เพื่อรับารกิจอื่น

"ทหารฟังทางนี้ มีหน่วยบุกทะลวงกำลังถูกตรึง เขาต้องการความช่วยเหลือด่วน"
วาคูเอซบอการกืจที่เพิ่งได้รับมอบหมายมาให้ลูกทีมทราบ
ฮ. เริ่มลอยตัวขึ้นไปยังจุดหมาย โดยระหว่างนั้นแจคสันก็ยังคงระดมยิงใส่กบฏเท่าที่ตาจะเห็น

"เรียกคนเถื่อน นี่ฑูตมรณะ เราจำเป็นต้องกลับไปเติมจรวดและเชื้อเพลิงสักครู่ ดูแลตัวเองด้วย ทูไฟฟ์"
เสียงนักบินหญิงจากฮ.คอบบร้า ผู้ทำหน้าที่อารักขา ฮ.คนเถื่อนของแจคสันแจ้งให้ทีมของเธอทราบ

"ทีมบุกทะลวงถูกตรึง สถานการณ์ล่อแหลมมาก สังเกตสัญญานควันสีเขียว พวกเขาอยู่ตรงนั้น"
"รับทราบ เราเห็นเป้าหมายแล้ว" นักบินคนเถื่อนพยายามหาจุดลงจอดที่ปลอดัยที่สุด
ในรัศมี 200เมตร จากสัญญานควัน

"ทุกคน ระวังยิงกันเองด้วยนะ แถวสัญญานควันมีคนของเราอยู่ ไปพาเค้าออกมากัน"
แจคสันและหน่วยทยอยกันลงจากฮ.

"เราจะวนเครื่องกลับมารับายใน 3นาที" พูดจบนักบินก็พาหอเหิรฟ้าออกไป ก่อนที่จะเป็นเป้านิ่ง

ทหารกบฏในบริเวณนี้เยอะมาก ไม่แปลกที่หน่วยบุกทะลวงจะถูกตรึง
หน่วยนาวิกโยธินค่อยๆเจาะการป้องกันเข้าไปยังสัญญานควันสีเขียว ทีมช่วยเหลือเห็นพวเขาแล้ว
ทีมบุกทะลวงกำลังเอาชั้น 2ของตึกที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง เป็นฐานตั้งรับ ทั้งหมดกำลังสาดกระสุน
ต้านกองกำลังอัลอาสาดเป็นฝูง ด้วยทหารเพียงไม่กี่นาย

เมื่อถึงฐานตึก ทหารกบฏเป็น 10นายกำลังหาทางที่จะขึ้นไปเก็บเหล่านาวิกข้างบน
แต่เนื่องจากบันไดเป็นทางเดียวที่จะขึ้นไปได้ และมันก็ถูกระวังหลังโดยหน่วยบุกทะลวงเป็นอย่างดี
พวกกบฏจึงยังไม่อาจเจาะขึ้นไปได้ จึงถูกหน่วยของแจคสันเข้าขนาบ

"หยุดยิงๆๆๆ ระวังด้วย เราอยู่บนชั้น 2" เสียงตะโกนเป็นาษาอังกฤษดังลงมาจากชั้น 2
ทันทีที่ได้ยินเสียงปืนที่เหล่าทหารนาวิกโยธินใช้กันประจำ เพื่อป้องกันการยิงกันเอง

"พวกคุณจะพาเราออกไปเหรอ" ผู้กองทีมบุกทะลวง ถามวาคูเอซที่เพิ่งขึ้นมาให้แน่ใจ
เมื่อเห็นจำนวนคนน้อยกว่าที่คิด

"พวกเรานี่แหละผู้กอง รีบไปครับ ก่อนที่พวกมันจะแห่กันมาอีก"
วาคูเอซโดดลงจากชั้น 2 นำทางด้วยตัวเอง

"คนเถื่อน นี่ฑูตมรณะ เรากลับมาพร้อมน้ำมันและจรวดเต็มอัตราศึก คิดถึงมั้ยจ้ะ"
ฮ.คอบบร้า ไม่พูดเปล่า สอยฮ.ลำเลียงพลขอฝ่ายกบฏร่วงทั้งที่ทหารกบฏกำลังโรยตัว

ทหารอัลอาสาดจำนวนมากขวางระหว่างพวกเขากับจุดLZ แต่เมื่อช่องว่างทางขวาเปิดจึง
โดนนาวิกออกตีขนาบข้าง

"ไปจุดถอนตัว ไปๆๆๆๆ" หมวดวาคูเอซนำทีมทั้ง 2วิ่งสุดแรงไปยังฮ.คนเถื่อนที่เพิ่งลง
จอดอ้าประตูหลังรอรับ

"แจคสัน ประจำปืน Mark19" งานเข้าแจคสันทันทีที่ขึ้นเครื่อง อะไรๆก็กุ

"คนเถื่อนโปรดทราบ ท่าทางเราจะมีปัญหาแล้่วล่ะ เปลี่ยน"

"ว่ามาเลยฐาน เราฟังอยู่"

"หน่วยซีลที่6 พบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับหัวรบนิวเคลียที่ ทำเนียบประธานาธิปดีทางตะวันตก
ทีมเนสกำลังเดินทาง ขอให้พวกคุณถอนตัวกลับฐานก่อน จนกว่าเราจะแน่ใจว่ามันจะไม่ตูมตามขึ้นมาจริงๆ"


บรึ้มมมมม!!!! จู่ๆเสียงระเบิดก็ดังลั่น ใบพัดท้ายของฮ.คอบบร้า ผู้ทำหน้าที่อารักขาทีมของแจคสัน
มาตั้งแต่เริ่ม ระเบิดไฟลุกไปทั้งหาง

"เราโดนยิงๆๆ ชั้นควบคุมใบพัดท้ายไม่ได้เลยค่ะ!!!!
เมย์เดย์ๆๆ นี่ฑูตมรณะ เตรียมรับแรงกระแทก!!! เราร่วงแน่ๆ!!!"

นักบินหญิงเพียงหนึ่งเดียวร้องแจ้งทางวิทยุ ในขณะที่ฮ.สังหารขอเธอเพดานบินต่ำลงเรื่อยๆก่อนที่จะ
หมุนควงลงกระแทกพื้นต่อหน้าต่อตาทุกคนบน คนเถื่อน2-5

โครมมมม!!! แรงกระแทกส่งฝุ่นขึ้นฟ้าคลุ้งเท่าตึก 3ชั้น

"แจ้งฐาน คอบบร้าตก ย้ำ คอบบร้าเราตก..... เรียกฑูตมรณะ นี่คนเถื่อน2-5 ตอบด้วย เปลี่ยน!!!!!!!"

นักบินคนเถื่อนวิทยุไปยังซากฮ.คอบบร้า เพื่อเช็คสถานการณ์เบื้องต้น
ในขณะที่ยังคงลอยลำวนอยู่บนซากเครื่องไปทิ้งกันไปไหน

.....แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

"เรียกฐาน เรามองเห็นจุดตกชัดเจน เราเห็นประกายไฟจากปืนขนาดเล็กแล่บในห้องนักบินของคอบบร้า
ขออนุญาตลงจอดเพื่อทำการช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ครับพ้ม!!!!"


เมื่อมองจากด้านบน กระจกครอบห้องคนขับของฮ.คอบบร้าใสจนมองเห็นได้ชัดว่า
นักบินหญิงที่ติดอยู่ในตำแหน่งนักบินที่ 2 นั้นยังไม่เสียชีวิต หรือหมดสติ แต่กำลังใช้MP5
อาวุธเดียวที่มีอยู่ ยิงต้านฝ่ายกบฏที่กรูเข้ามารุมทึ้งซากฮ.จากรอบทิศโดยลำพัง

"คนเถื่อน ผมขอเตือนก่อนนะ ว่าคุณยังอยู่ในเขตแรงระเบิดของหัวรบที่ว่า
คุณแน่ใจหรือไม่ที่จะทำารกิจนี้ เปลี่ยน"


"แน่ใจครับพ้ม!!!!!" นักบินตอบกลับโดยไม่ลังเล ราวกับเขาเองเป็นผู้ที่ติดอยู่ในซากเครื่อง

"จัดไป ทูไฟฟ์ ถ้าคุณยังยืนยันอย่างงั้น เอาเธอออกมาโดยเร็วที่สุด เปลี่ยน"
นักบินกางล้อลงแตะพื้นห่างจากจุดตกเพียง 70เมตร

"ฑูตมรณะตอบด้วย สถานการณ์ทางคุณเป็นไงบ้าง"


"แค่กกๆๆๆ ชั้น...ชั้นอยู่นี่ คิตติ้ง(นักบินที่หนึ่งที่นั่งหน้าเธอ) KIA*แล้ว
พวกมัน... พวกมันแห่กันเข้ามา ช่วยชั้นด้วย"
แม้น้ำเสียงเธอจะตื่นตระหนก
แต่ปืนในมือเธอก็ซัดทหารกบฏที่ทะเล่อทะล่าเข้ามาจนล้มคว่ำไปหลายคนแล้ว

KIA* Kill In Action เป็นคำย่อเพื่อรายงานสถานาพของทหารในขณะนั้น
ในที่นี้หมายถึง เสียชีวิตในหน้าที่ และยังมี WIA Wounded In Action = บาดเจ็บในหน้าที่
MIA Missing In Action = สูญหายในหน้าที่ (หาศพไม่พบ หรือโดนจับไปโดยไม่มีใครรู้)


"อึดไว้ๆ เรากำลังไปช่วยคุณออกมาเดี๋ยวนี้"

แจคสันนำทีมโดดลงจากปลายเครื่อง

"เรามีเวลาแค่ 90วินะแจคสัน พาเธอมาให้ได้ เ้ราไม่ทิ้งใครเด็ดขาด!!!"
วาคูเอซย้ำเรื่องเวลากับแจคสัน แต่ดูเหมือนผ่ายกบฏจะไม่ได้รับรู้ด้วย พวกมันกรูเข้ามา
ราวกับอีแร้งเห็นศพ

แจคสันอาศัยจังหวะที่เพื่อนในหน่วยตั้งแนวรับให้ เข้าไปอุ้มผู้กองหญิง
ออกมาจากซากคอบร้า หนีออกจากดงกระสุนโดยไม่หันกลับไปมอง

"เอ่อ...ผู้หมวดวาคูเอซครับ ถ้าพวกคุณรีบขึ้นเครื่องตอนนี้ผมจะดีใจมากๆเลย เร็วครับ"
นักบินคนเถื่อนเร่งรัด เพราะสถานการณ์ีที่ฐานสั่งให้ถอนตัวออกจากพื้นที่นั้นล่วงเลยมา
5 นาทีแล้ว

"รู้แล้วน่า กำลังไป"
"เรียกคนเถื่อน นี่ฐาน เรามีความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธนิวเคลียในเมืองหลวงนี้
ขอให้ท่านรีบถอนตัวจากพื้นที่ปัจจุบันโดยด่วนที่สุด ท่านยังอยู่ในรัศมีแรงระเบิด"


เหล่านาวิกขึ้นเครื่องหมดแล้ว แต่ทหารกบฏราวกับฝูงสุนัขที่กัดไม่ปล่อย
ยังคงกรูกันมายังฮ.ด้วยความบ้าคลั่ง


ฮ.คนเถื่อนลอยลำขึ้นมาได้พร้อมนักบินคอบบร้าโดยปลอดัย
"นาวิกโยธินทุกนายโปรดทราบ... เรากำลังโดนขีปนาวุธนิวเคลียโจมตี ขอให้ทหารทุกนาย
ถอนตัวจากเมืองหลวงโดยด่วนที่สุด ขอย้ำ ถอน.....ซ่าาาาาาาา"


บรึ้มมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

แจคสันเห็นการระเบิดที่มีรัศมีหลายร้อยเมตรเต็มๆตา จากท้ายฮ. แสงสว่างวาบ
ทาทุกสิ่งเป็นสีส้ม กลุ่มควันขยายตัวออกด้านข้างด้วยความเร็วหลายร้อยกม.ต่อ ชม.
ไล่กดทุกสิ่งทุกอย่างจนลู่ไปตามแรง าพของฮ.ลำอื่นๆที่รั้งท้ายคนเถื่อน
ปลิดปลิวราวกับดอกหญ้าต้องลม

และ เมื่อมันมาถึง ฮ.ของเขาย่อมไม่มีข้อยกเว้น

"เกาะไว้ๆๆๆๆ"
นักบินตะโกนบอกลูกเรือ ขณะที่เครื่องปะทะกับแรงอัดจนหมุนสะบัด
อย่างรุนแรงจนผู้หมวดประจำเครื่อง ที่ยืนถัดจากเขาถูกกระชากออกจากเครื่อง
หลุดลอยไปด้านนอก บนความสูงร่วม100เมตร

โครมมมม... เสียงกระแทกพื้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน

============================================
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
============================================


ACT 1.8 : AFTERMATCH
แทนสายตา : U.S.M.C. จ่า พอล แจคสัน


===========================================

ทันทีที่เกิดการระเบิด ข่าวจากทีวีทุกช่องทั่วโลกก็ตัดเข้าสู่รายงานข่าวด่วนทันที

"ดูเหมือนมีไรบางอย่างเกิดขึ้นแล้วครับ...."
"ความเสียหายกระจายวง.... "
"ไม่น่าเชื่อเลยครับ ว่าเขาจะปล่อยนิวเคลียโจมตีเมืองหลวงตัวเอง"
"รัศมีครอบคลุม 60ไมล์....."

[ค้นหาตำแหน่ง].....
[จ่า พอล แจคสัน]......


===========================================

แจคสันได้สติ รู้สึกถึงความผิดปกติ ฝุ่นสีแดงปกคลุมไปทั่ว
เขาพยายามคลานออกจากตัวเครื่องที่จอดนิ่งอยู่ ซากศพนายทหารทุกนาย
ที่ร่วมโดยสารมากับเขานอนตายเกลื่อนกลาดรอบตัวเครื่อง

แจคสัน พยายามลุกขึ้นยืนแต่ไม่สามารถทำได้
เขารู้ดี... ว่าเขาถูกอะไรโจมตี แต่แจคสันก็ยังอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองดูมัน

กลุ่มควันรูปดอกเห็ดขนาดยักษ์ มีเพียงการระเบิดของมันเท่านั้นที่ทำอย่างนี้ได้
อาวุธที่ชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ......

อาวุธนิวเคลีย นั่นเอง.......

อาวุูนิวเคลีย (เรียกว่า ปรมณู ในสมัยนั้น)
เป็นอาวุธที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากปฏิกริยานิวเคลีย ที่มีรัศมีวงกว้างคลอบคลุมเมืองได้ทั้งเมือง
และที่ต่างจากอาวุธทั่วไปคือ จุดประสงค์ของการใช้อาวุธอื่นๆตรงที่ อาวุธอื่นๆมักมีเป้าหมาย
เป็นการทำลายัยคุกคามที่อยู่ตรงหน้าเฉพาะส่วน แต่อาวุธนิวเคลียมักใช้เพื่อทำลายโครงสร้าง
ทางสังคมของฝั่งตรงข้ามด้วย แต่คงถูกกว่าถ้าจะบอกว่ามันทำลายทุกอย่างไม่เลือกต่างหาก
ทั้ง กองกำลัง สิ่งปลูกสร้าง ไปจนถึงDNAของมนุษย์ หรือแม้แต่อนาคตของผู้ถูกโจมตีก็ตาม

แม้ทั่วโลกจะทราบดีถึงอันตรายที่จะต้องกระทบต่อตนเองซึ่งเป็นผู้ใช้ ทุกวันนี้อาวุธนิวเคลีย
จึงมีบทบาทอีกอย่าง นั่นคือเอาไว้บลัฟกันและกัน เมิงปล่อยมากุก็ปล่อยไปนะเมิง
ตายทั้งคู่นะเว้ยเฮ้ย อย่านะอย่า

อย่างไรก็ตาม อาวุธนิวเคลียถูกใช้ในแง่ของการทำลายแบบเต็มตัวเพียง 2ครั้งเท่านั้นในประวัติศาสตร์โลก
คือในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 2ลูก (ซวยชิบเป๋ง) ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ
โดยผู้เสียชีวิต 220,000คนนั้นเป็นพลเมืองทั้งหมด นอกเหนือจากนั้น อีกเป็นร้อยครั้งเป็นการยิงทดลอง

ความร้ายแรงของมันนั้น ทำให้ญี่ปุ่นผู้ซึ่งมีความมุ่งมั่นในสงครามครั้งนั้นไม่แพ้ฮิตเลอร์
(ว่ากันตามหลักแล้ว ทหารญี่ปุ่นตอนนั้น หัวดื้อ เดนตาย สู้ถวายหัว มากกว่าทหารเยอรมันเยอะ)
ถึงกับประกาศยอมแพ้ายใน 6วัน และประกาศว่าชาตินี้ตนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียอีกเลย

หลังจากนั้นญี่ปุ่น จากชายชาติซามูไร ตายดีกว่าอยู่อย่างอัปยศ ถึงกับเปลี่ยนแปลงแนวทาง
ของประเทศตนจากเน้นกำลังทหาร ไปเป็นส่งออกAVอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้เลยทีเดียว


าพประวัติศาสตร์ ขณะที่ 'เด็กน้อย' (little boy) ระเบิดนิวเคลียบนฮิโรชิม่า

ส่วน 'ไอ้อ้วน' (fatman) อีกลูกที่นางาซากิ กลุ่มควันรูปดอกเห็ดสูงเสียดฟ้าถึง 18กม.
(เกม Fall out3 ใช้ชื่อเครื่องยิงนิวเคลียพกพาว่า 'Fatman' ตามระเบิดลูกนี้)



นี่คือหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ของฑูตสังหาร

ทันทีที่มันระเบิดเหนือพื้นดิน 500เมตร ความร้อนระดับเดียวกับผิวของดวงอาทิตย์
สูงถึง 5,000องศาเซลเซียสแผ่กระจายออก พร้อมแรงลมขนาดที่แรงกว่าเฮอริเคน
ที่แรงที่สุด 5เท่า เป็นตัวพาให้ความร้อนกระจายออก


วีดิโอจำลองเหตุการณ์ในฮิโรชิมา และนางาซากิ ขณะถูกแรงระเบิด
ในนี้มีบทสัมาษณ์ของผู้ที่รอดชีวิตในเหตุการณ์จริง
และ นักบินอเมริกัน ผู้ทิ้งระเบิดในครั้งนี้ (เขาเพิ่งตายเมื่อ พย.50)


"ในคลิปเค้าเล่าประมาณว่า ขณะที่เค้าใช้ชีวิตตามปกติในช่วงเช้า
เหมือน 8โมง 15 ของทุกวัน แต่จู่ๆเขาก็เห็นแสงสว่างวาบขึ้นบนท้องฟ้า
ไกลออกไป หลังแสงจ้าเค้าพยายามมองไปที่ท้องฟ้า เค้าเห็นเมฆพุ่งตัวขึ้นฟ้า
เป็นรูปดอกเห็ด

และ ควันดำที่วิ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ควันมาถึง เค้ากระเด็นลอย
ไปในอากาศ รู้สึกตัวอีกทีฮิโรชิม่าไม่เป็นเหมือนเดิม มันมีแต่ซาก และเสียง
ร่ำไห้ครวญคราง ราวกับแสงนั่นพาเค้ามาในนรกในพริบตา"


ความรู้สึกของประชาชนชาวอเมริกันที่มีต่อเหตุการณ์ในครั้งนั้น เมื่อแรกเริ่ม
ทุกคนสบายใจ สะใจ (ล้างแค้นญี่ปุ่นเรื่องที่เพิลฮาเบอร์) ที่มันทำให้สงครามจบได้

แต่หลังจากรับรู้ชะตากรรมที่ศัตรูของตนต้องแบกรับหลังระเบิด 2ลูกนั้นแล้ว
(อย่าลืมว่าผู้ที่โดนปรมณู ไม่ใช่ทหาร แต่เป็นประชาชนเหมือนพวกเขา)
ส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า 'สิ่งที่รัฐบาลตนเองทำนั้น ออกจะโหดร้ายเกินไป'

ทางรัฐบาลพยายามชี้แจงว่า เราทำเพื่อปกป้องชีวิตทหารอเมริกันอีกหลายแสน
ที่ยังต้องออกไปตาย หากสงครามยังดำเนินต่อไป ประชาชนก็กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
(มีผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งสิ้น กว่า 60ล้านคน)

เปรียบเหมือนกับการที่โจรขึ้นบ้าน แล้วคุณพ่อเราซัดลูกซองใส่จนขาพิการ ตาบอด
แม้จะเกินไปหน่อย แต่คุณพ่อก็ต้องยิงเต็มที่ ส่วนกระสุนจะไปโดนอะไรบ้างนั้น
ก็เป็นเรื่องสุดวิสัย


ปัจจุบันประเทศที่ประกาศว่ามีอาวุธนิวเคลียในครอบครอง สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย, อังกฤษ,
อิตาลี, จีน, อินเดีย, ปากีสถาน และ เกาหลีเหนือ

ประเทศที่อุ๊บอิ๊บเก็บเงียบแต่มีแน่ๆคือ อิสราเอล, ยูเครน พม่า อิหร่าน


....... แจคสันล้มพับลงกับพื้น แต่ไม่อาจละสายตาจากดอกเห็ดยักษ์ได้
ราวกับเขายังไม่เชื่อ ว่ามันถูกยิงออกมาจริงๆ

=============================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
=============================================

ACT 2.1: Safehouse
แทนสายตา : SAS จ่า โซป แมคทาวิช


==============================================

[ชื่อทหาร : จ่า พอล แจคสัน]
[ประจำการ : แนวหน้า]
[สถานะ : เสียชีวิตในหน้าที่]

นิโคไล : "ไอ้นี่มันป็อดจะตาย กัปตันไพรซ์ คนอย่างอัลอาสาดไม่กล้าระเบิดพลีชีพหรอก
ตอนนี้มันชิ่งไปมุดหัวในเซฟเฮ้าส์ที่ อาเซอไบจัน ฐานเก่าของมันเองแล้ว เดี๋ยวทางผมจะส่งพิกัดให้"

กัปตันไพรซ์ : " ได้ นิโคไล.... เกส จัดทีมมาซิ เราจะไปอาเซอไบจันทันที"

เกส : "ได้ครับผม ได้ยินมาว่าช่วงนี้เหมาะกับการไปเที่ยวที่นั่นพอดีเลยครับ"


==============================================

ตอนเหนือของอาเซอไบจัน

"นั่นไง... คนของคามารอฟมาแล้ว"

หน่วย SAS นำทีมโดยกัปตันไพรซ์ซุ่มอยู่ในกอหญ้ายามค่ำคืน แจ้งหัวหน้าหน่วย
ทันทีที่เห็นชายแต่งชุดทหารเดินดุ่มเลาะเข้ามาหาพวกเขาเพียงคนเดียว

"อัลอาสาดมันอยู่ในหมู่บ้านครับ กลุ่มอัลตร้าเนชันแนล(กลุ่มต่อต้านของรัสเซีย) คุ้มกันมันอยู่"

ชายผู้มาถึงรายงานข่าวกรองให้กับไพรซ์

"เจ๋ง... ไปพวกเรา"

หน่วยSAS เริ่มย่องขึ้นไปบนเนินเขาเพื่อปฏิบัติารกิจล่าตัว อัลอาสาด
ที่หนีมาจากตะวันออกกลาง หลังจากจุดระเบิดนิวเคลียใส่เมืองหลวงของตน
โดยารกิจนี้SAS ได้ขอความร่วมมือจากรัฐบาลรัสเซียให้สนับสนุนทั้งกำลังทหาร
และ การสนับสนุนทางอากาศ

ทางรัสเซียย่อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะ ลำพังกลุ่มต่อต้านต่างๆที่มีอยู่
ก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว แล้วนี่มีตัวพ่ออย่างอัลอาสาดที่นิวเคลียบอมลงเมืองหลวง
ตัวเองได้หน้าตาเฉยมากบดานอยู่ในพื้นที่เขาแบบนี้ด้วย

กลุ่มSAS ได้ยินเสียงปืนดังไกลมาจากหมู่บ้าน
"ข้างบนมันอะไรกันวะนั่น"
"ไอ้พวกอัลตร้าเนชั่นแนลไง มันกำลังฆ่าชาวบ้านเพื่อยึดหมู่บ้าน"
สายข่าวของคามารอฟเล่าเหตุการณ์
"เดี๋ยวสวย ไอเปรต" เกสตอบเขาไปอย่างนั้น

ปุๆๆๆๆๆ ทหารอัลตร้า เปิดฉากยิงใส่กลุ่มSASก่อน พร้อมตะโกนโหวกเหวกเป็นาษารัสเซีย
เพียงเท่านั้น ทหารต่อต้านที่กระจายไปทั่วหมู่บ้านก็แห่กันมาตามเสียง

ทีมSAS ตกอยู่ในูมิลำเนาที่เสียเปรียบเพราะอยู่ใต้เนิน แถมยังเป็นที่โล่ง
ผิดกับทหารต่อต้านที่คุมอยู่ในบ้านที่อยู่บนเนิน

"โซป!!! เรียกการสนับสนุนทางอากาศถล่มบ้านนั่นเลย"
ไพรซ์สั่งการ

ทันที่ยิงเลเซอร์ชี้ตำแหน่ง ก็มีเสียงตอบกลับ
"2-5 ทราบแล้ว พร้อมให้การสนับสนุน" เสียงตอบจากนักบินฮ.สังหารฮาวอค
ที่ตอบวิทยุกลับมาด้วยาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซีย

เมื่อเขามาถึง ก็พรมกระสุนปืนกลหนักที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าฮ. พร้อมจรวดใส่เป้าหมายไม่ยั้ง
จนทหารต่อต้านต้องล่าถอยออกไป เปิดโอกาสให้SAS ชิงกำบังในบ้านสำเร็จ

การปะทะอย่างหนักของกองกำลังต่อต้าน ทำให้หน่วย SASเสียเวลาไปมาก
การคุ้มกันของมันดีกว่าที่คิด บ้านหลังแล้วหลังเล่า แต่ไม่พบแม้เงาของอัลอาสาด

จนถึงบ้านไร่หลังสุดท้าย....

การคุ้มกันบางตาลงไปมาก อัลอาสาด หมดกำลังที่จะต่อสู้อีกแล้ว
ไพรซ์ค่อยๆ้ปิดประตูโรงนา หย่อนระเบิดแสงเข้าไป 1ลูก ก่อนที่จะโชว์สเตปเทพ
บุกเข้าชาจโดยลำพังโดยไม่ใช้ยุทธวิธีสแตคอัพใดๆ

กระสุนปืนพกของไพรซ์วิ่งเข้าเจาะหัวของบอดี้การ์ดอัลอาสาดทั้ง 2คนอย่างรวดเร็ว
ตามด้วยฮุคขวาเข้าเต็มกราม อัลอาสาด

..................
..........
......
...

ผัวะ!!!! ผลั่ก!!! ผัวะ!!!


สาพของผู้นำสูงสุดในตะวันออกกลาง ในขณะนี้ถูกมัดมือไพล่เก้าอี้
ปล่อยให้ไพรซ์ฮุคซ้ายฮุคขวาราวกระสอบทราย

"เมิงบอกมา... เมิงไปเอานิวเคลียมาจากไหน"

"ahhcduyducsdh!!!!!" อัลอาสาด ตอบเป็นาษาแขก ไพรซ์เลยป้อนหมัดให้แดรกไปเรื่อยๆ

ตี๊ดๆๆๆๆ BBของอัลอาสาดดังขึ้น...

"กัปตันครับ... โทรศัพท์มันดัง"
เกสส่งโทรศัพท์ของอัลอาสาดให้ไพรซ์ เขากดรับทันที
"dcmskdcndnsndvdkv" าษารัสเชียดังมาตามสาย โดยที่ไพรซ์ยังไม่ได้พูดอะไร

สีหน้าของไพรซ์เปลี่ยนไป เขากดโทรศัพท์ทิ้ง ควักปืนพกออกมาจ่อยิงเข้าที่กลางหน้าผาก
ของอัลอาสาดในระยะเผาขนทันทีที่วางสาย

ปัง!!!!!

"ใครเหรอครับ กัปตัน?" เกสถาม
"ไอ้ ซาคาเยฟ.... อิมรัน ซาคาเยฟ!!!!"

เขาจำเสียงที่ดังในโทรศัพท์ได้ขึ้นใจ เพราะมันเป็นหนึ่งในผู้ก่อการร้ายที่โลกต้องการตัวมากที่สุด

=============================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
=============================================

ACT 2.2: All Ghillied Up
แทนสายตา: ร้อยโท(ในขณะนั้น) ไพรซ์


==================================================

กัปตันไพรซ์: "ตอนนั้น... ชั้นยังเป็นแค่ร้อยโทอยู่เลย คอยทำงานที่เป็นารกิจลับๆทั้งหลาย

โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลีย 'เชอโนบิล' ที่นั่นแม่มปาตี้ของพวกก่อการร้ายเลยแหละ
แม้ความหายนะจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านรกนี่จะโด่งดังไปทั่วโลก แต่คนเรา
มันก็ยังไม่เข็ด ยังคงมีคนหาทางต่อยอดหากินจากพลังนิวเคลียไปเรื่อยๆ เยอะด้วย

รวมถึงไอ้เปรตนี่... อิมรัน ซาคาเยฟ

แน่นอนว่าเราปล่อยไปเฉยๆคงไม่ได้....
ค่าอุปกรณ์ที่แพงระยับของอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับนิวเคลียพวกนี้ล่ะ มันจะเอาที่ไหนมาจ่าย
ถ้าไม่ใช่หามาจากสารพัดเรื่องชั่วๆของพวกมัน หากปล่อยไว้พวกมันก็จะวนลูปเดิม
ความฉิบหายอย่างที่เกิดขึ้นกับเชอโนบิล ก็จะเกิดขึ้นอีก

นี่เป็นคำสั่งแรกที่เกี่ยวกับการลอบสังหารจากรัฐบาลนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2เลยนะ
ตอนนั้นชั้นเป็นลูกทีมของ กัปตัน แมคมิลัน"


==================================================

ยูเครน 15ปีก่อนหน้านี้

ไพรซ์ นอนหมอบนิ่งอยู่ใต้กอหญ้าแห้ง ในหมู่บ้านใกล้ๆ เชอโนบิล ซึ่งได้รับผลกระทบเต็มๆจากเหตุการณ์
โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียเชอโนบิลระเบิดจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก

"รังสีตกค้างแถวนี้มากเกิน ท่าทางเราต้องอ้อมไปอีกทาง"
จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นจากกอหญ้าข้างตัวไพรซ์ ทั้งที่ไม่มีวี่แววว่าเสียงมาจากไหน

มันคือเสียงของ กัปตัน แมคมิลัน ที่อยู่ในชุด Ghillie Suit* ผู้หมอบนิ่งเนียนอยู่ในกอหญ้า
จนกลืนไปกับพื้น ซึ่งถ้าเขาไม่ขยับคงไม่มีใครมองเห็นแม้เขาจะอยู่ตรงหน้า



Ghillie Suit*
หลายๆท่านคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว มันคือชุดพรางของสไนเปอร์ที่พรางแบบ3มิติ
เนียนกลืนไปกับพงหญ้ารอบตัว โดยชุดจะมีตาข่ายคลุมทั้งตัวแล้วนำเอาเชือก
เถาไม้ในละแวกนั้นมาผูกปมติดกับตาข่าย ดูหนาจนทำให้ผู้ใส่ผิดรูปไปจากคน

เมื่อผู้ใส่อยู่ในสาพแวดล้อมที่เป็นป่าแล้วไม่เคลื่อนไหว ต่อให้อยู่ใกล้แค่50เมตร
ก็แทบจะมองไม่เห็น แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือ มองเห็นแต่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคือมนุษย์มากกว่า

เพราะ ปมเชือก เถาวัลย์ ที่สุมรวมกันจนยื่นไปมานั้นทำให้รูปร่างผู้ใส่ผิดจากคน
ในสมองของผู้ที่พบเห็นรู้จัก ผู้เห็นจึงไม่คิดว่าที่กองอยู่ตรงนั้นคือคนนั่นเอง


ดูเหมือนก้อนสายไหมมากกว่าปะ


นี่มันกองฟาง เอาปืนไปเสียบชัดๆ

แต่กิลลี่สูทใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน อย่างแรกเลยคือมันหนักมากๆแต่อาจจะไม่ใช่ปัญหานัก
หากผู้ใส่ไม่ถูกเปิดเผยตัวเพราะเขาก็ไม่ต้องเคลื่อนที่ แต่อีกปัญหาคือ อุณหูมิายในชุดนั้น
ร้อนและอับมากๆ อุณหูมิายในชุดสามารถสูงได้ถึง 50องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

นั่นหมายความว่าผู้ใส่ต้องมีความอดทนเป็นอย่างมาก อีกทั้งใบไม้ต่างๆอาจทำให้คันได้อีกด้วย

กิลลี่สูทใช้เป็นครั้งแรกโดนทหารสวีเดนในปี 1916 ซึ่งได้แรงบรรดาลใจมาจาก
พวกล่าสัตว์


"ระวังอย่าเข้าไปในเขตรังสีตกค้างด้วยนะ แถวนี้เข้มข้นมาก
ซี่ซั้วเดินล่ะก็เลี้ยงไม่โตแน่ๆ ตามมา ก้มต่ำไว้"


กัปตัน แมคมิลัน ผู้บังคับบัญชาของไพรซ์ในารกิจนี้ ออกวิ่งนำเข้าไปยังซากหมู่บ้านข้างหน้า
ไพรซ์ในชุด กิลลี่ เช่นกันออกเดินตามไปเงียบๆ

"ข้าศึก.... หน่วยลาดตระเวน ข้างหน้า"
แมคมิลันพูดผ่านทางวิทยุ พร้อมให้สัญญานมือหยุด เมื่อเห็นหน่วยลาดตะเวณ2นาย
เดินเหม่อลอยไปมาพูดคุยกันเป็นาษารัสเซีย

"เก็บมัน.. ตอนที่มันไม่ได้มองกันอยู่"
ฟุ่บ!!! ฟุ่บ!!!!

กระสุนสังหารเล็ดเสียงลมผ่านกระบอกเก็บเสียงของสไนเปอร์ไรเฟิลประจำตัวไพรซ์
ตามด้วยเสียงที่ 2จากปืนของแมคมิลัน เจาะหน้าผากเป้าหมายแทบจะพร้อมกัน

ระยะใกล้แค่ 50เมตร จากตรงหน้าพวกมันก็ไม่ได้ช่วยให้มันสังเกตเห็นผู้ที่สังหารมันเลย
2คู่หูเข้าพิงผนังของบ้านหลังหนึ่ง เพราะเขาได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากายใน

"ข้าศึก 4นายในบ้าน อย่าทะลึ่งเชียว นิ่งไว้ๆ เราจะผ่านไปเฉยๆ"
ไพรซ์ทำตามที่แมคมิลันแนะนำ พวกเขาย่องผ่านดงศัตรูไปได้แบบเงียบๆ
จนถึงทุ่งโล่งกว้างที่เต็มไปด้วยหญ้าแห้งสูงเทียมเข่า

"เสียงรถหุ้มเกราะนี่หว่า หมอบๆๆ"
ทั้ง 2มอบนิ่งแนบกับพื้นดิน มันไม่ใช่แค่รถหุ้มเกราะกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา
ยังมีทหารราบกว่า 20นายประกบมาด้วย คงเป็นหน่วยลาดตระเวณ

ทหารต่อต้านคนแล้วคนเล่า เดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่รู้ว่าใต้เท้าพวกเขา
ห่างไปแค่3-4เมตร จะมีศัตรูในชุดกิลลี่นอนซุ่มอยู่ถึง 2คน

หลังจากนั้น ทั้งคู่พบว่าพวกเขามาติดอยู่ในใจกลางกลุ่มทหารต่อต้านขนาดใหญ่
หลายร้อยคน ที่กำลังแบ่งกำลังพลไปตามจุดต่างๆ

"ชิบหายเอ๊ย.. มาอยู่ไรกันตรงนี้วะ เราจะผ่านไปแบบเนียนๆ ตามผมมาใกล้ๆ"
แมคมิลันบ่นอุบอิบ

"เดี๋ยวนะ... เดี๋ยว..... ไป!!!!!!"
เมื่อเห็นจังหวะเหมาะ จู่ๆแมคมิลันก็วิ่งตื๋อเข้าไปในกลุ่มต่อต้าน ก่อนที่จะมุดเข้าไปใต้ท้องรถที่จอด
รอคิวเป็นแถวยาวอยู่กลางถนน เขาค่อยๆคลานผ่านท้องรถที่จอดเรียงแถวยาวไปเรื่อยๆ

ก่อนที่จะจับจังหวะลับตา พรวดออกมาจากท้องรถจ้ำสุดแรง ข้ามไปอีกฝั่งแบบหน้าด้านๆ
กลางวันแสกๆอย่างนั้นเลย แน่นอน.. ไพรซ์ก็ไวพอที่จะเกาะติดหลังเขาราวกับลูกลิงเลยทีเดียว

พวกเขาเริ่มเข้ามาในตัวเมืองแล้ว สังเกตจากตึกสูงที่หนาตามากขึ้น
แต่ตึกทุกตึกไร้ผู้อาศัย มันถูกทิ้งร้างมาหลายปี

"ดูสาพเมืองนี้ดิ ที่นี่เคยมีคนอยู่กว่า 50,000เลยนะ ตอนนี้กลายเป็นเมืองแห่งความตายไปแล้ว
คงไม่มีที่ไหนเหมือนที่นี่อีกละล่ะ"


"นั่นไง.. โรงแรมเป้าหมาย เราจะขึ้นไปสังเกตการณ์กันบนนั้น"

กัปตันแมคมิลัน นำทีมมาถึงจุดซุ่มยิงสำเร็จ.....

============================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
============================================

ACT 2.3: One shot, One kill
แทนสายตา: ร้อยโท(ในขณะนั้น) ไพรซ์


=============================================

2วันผ่านไป.. SASทั้ง 2นายยังคงกบดานคอยเหยื่ออยู่ที่ชั้นบนสุดของซากโรงแรมเงียบๆ

=============================================

"เอาล่ะ หมวดไพรซ์ พวกมันมันกำลังจะถึงจุดนัดพบแล้ว" กัปตัน แมคมิลัน
บอกไพรซ์ซึ่งนอนหมอบอยู่ข้างๆเขา

หากสิงโตคือราชาแห่งสัตว์ m82 .50 caliber ที่วางนิ่งอยู่ตรงหน้าไพรซ์ก็คือ 'ราชาแห่งสไนเปอร์ไรเฟิล'



M82 .50 caliber Barrett sniper rifle

ถ้าเปรียบปืนเป็นดารา สไนเปอร์ไรเฟิลกระบอกนี้ก็คงอารมณ์ประมาณ บรูซ วิลลิส ที่ใครๆก็รู้จัก
ที่มันดังก็เพราะ บนโลกนี้ยังไม่มีเกราะปฏิบัติการชนิดใดทานทนแรงจูบของมันได้ แม้กระทั่งรถหุ้มเกราะ
อีกทั้งระยะทำการของมันสูงถึง 1.5กม. (และมีอ้างอิงว่าสูงสุดถึง 2.5กม.)

แถมมันยังเป็นปืนพกพาเพียงชนิดเดียวที่ใช้กระสุนได้ใหญ่ขนาดนี้
กระสุน.50โดยปกติแล้วกระสุนขนาดนี้จะใช้กับปืนกลหนักที่ถือไม่ไหว เช่นบนฐานยิง หรือบนพาหนะ
และมันยังยิงติดต่อกันได้อีกด้วย

ในสงครามอิรัก มีเจ้าปืนกระบอกนี้เข้าไปเพ่นพ่านอยู่ถึง 100กว่ากระบอก
มันถูกใช้ซุ่มยิงศัตรูที่แอบอยู่ในยานเกราะ หลังกระสอบทราย ไกลเป็นกิโลๆ เรียกว่าผู้ที่โดนนี่
ตายแบบมึนๆเลยทีเดียว


าพหน้าตรงของเป้าหมายลอบสังหารในครั้งนี้ เป็นชายวัยกลางคน หัวล้าน เครายาว ถูกวางไว้ตรงหน้า
มันคือ... 'อิมรัน ซาคาเยฟ' พ่อค้าอาวุธสงครามต้นเหตุแห่งการก่อการร้ายมากมายในโลกนี้
และมันกำลังนัดพบเจรจาอะไรบางอย่างกับคู่ค้าของมัน ในเมืองผีแห่งนี้

"ลมแรงไปหน่อยแฮะ สังเกตกระแสลมให้ดีด้วยไพรซ์"

รถหลายคันจอดแล่นมาจอดอยู่ตรงหน้า กองกำลังติดอาวุธหลายนาย
ลงมาคุมการเจรจาแลกเปลี่ยนในครั้งนี้

"จำที่ผมบอกได้ใช่มั้ย ลมแรงในระยะทางขนาดนี้ กระสุนนายเบี่ยงเป้าได้เป็นเมตรจากศูนย์ยิง
มานั่นแล้ว... ยืนยันเป้าหมาย อิมรัน ซาคาเยฟแน่นอน สังหารทันทีที่พร้อม"


ไพรซ์จับเป้าไปที่ซาคาเยฟ ที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับการเจรจาโดยไม่รู้ว่าตนกำลัง
ตกเป็นเป้าสังหารของรัฐบาลอังกฤษ แรงลมในวันนี้ทำให้ไพรซ์ยังไม่สามารถลั่นไกได้

ไพรซ์สังเกตกระแสลมจากธงในละแวกนั้น และเมื่อลมอ่อนแรง เขาก็เหนี่ยวไกลั่นกระสุน
สังหารออกมาในทันที.... เปรี้ยงงงงงงงงงง!!!!!!!!!

อิมรัน ซาคาเยฟ กระเด็นไปตามแรงกระสุน แขนซ้ายของเขาถึงกับขาดกระเด็นหลุดออกมาตรงนั้น

"ยิงได้สวย!!!!!!!! ยืนยันว่าโดนเป้าหมายแน่นอน"

ไพรซ์เดินทางเสี่ยงเข้ามาในกลางดงศัตรู นอนรออยู่หลายวัน เพื่อกระดิกนิ้วเพียงครั้งเดียวจริงๆ
เพราะทันที่เสียงปืนดัง ฮ.สังหารของศัตรูที่บินวนรักษาการณ์อยู่แถวนั้นก็บินหาที่มาของกระสุน
แต่มันยังไม่ทันจะหาเจอ ก็โดนกระสุนนัดที่ 2ของไพรซ์เจาะทะลุกระจกครอบปักเข้ากลางตัว
พลขับ จนเครื่องที่บินต่ำนั้นเสียการทรงตัวร่วงลงระเบิดกับพื้น

ไพรซ์พยายามใช้ลำกล้องกำลังสูง เพื่อซูมกลับไปสังเกตสถานะของเป้าหมายลอบสังหาร
แต่ควันจากฮ.ที่เขายิงตกกลายเป็นควันบังตา จุดซุ่มยิงนี้ใช้การไม่ได้อีกแล้ว

"ไปๆๆๆ ไพรซ์ ไม่ต้องแล้ว ไปทางลัดเลย"
แมคมิลันตัดสินใจพาลูกทีมถอยทันทีที่ฮ.สังหารอีกลำ ดิ่งตรงมายังตึกเหมือนมันจะรู้ตำแหน่งแล้ว
พวกเขาโรยตัวลงจากตึกโดยเชือกโรยตัวที่พวกเขาผูกไว้ก่อนแล้ว จังหวะเดียวกับที่มิซไซล์
จากฮ.พุ่งเข้าระเบิดชั้นบนสุดจนไฟพวยพุ่งออกจากตึก

"เรียกเดลต้าทูโฟ นี่อัลฟ่าซิก.... เราต้องถอนตัวเดี๋ยวนี้ ย้ำ เราต้องถอนตัวเดี๋ยวนี้
เจอกันที่จุดถอนตัวที่4"

แมคมิลัน ติดต่อกับผู้สนับสนุน พร้อมกับจ้ำออกจากเมืองไปด้วย

"เรียกอัลฟ่าซิก ยานบินพร้อมแล้วกำลังเดินทางไปยังจุดถอนตัว ETAใน20นาที
อย่าผิดเวลาโดยเด็ดขาด เรามีน้ำมันเหลือน้อยแล้ว เปลี่ยน"


ทหารต่อต้านแห่ออกมารุมจากทุกทิศทาง ชุดกิลลี่ กลายเป็นจุดเด่นเสียแล้ว

"ไพรซ์!!!! หนีไปทางอพาทเม้นนั่น เร็ว!!!!"
SASวิ่งหนีตาย ลัดเลาะไปในอพาทเม้น แต่ไม่อาจหลบให้พ้นสายตาที่มีอยู่ยุ่บยั่บไปได้
ทหารต่อต้านยังคงล่าพวกเขาไม่ลดละ

"ฮ.ไพรซ์ฮ.!!!!!!!! สอยมันให้ได้ ไม่งั้นหนีไม่พ้นแน่"

ปังๆๆๆๆๆ กระสุนจากทั้ง 2กระบอกของSAS สาดเข้าที่กระจกหน้าของฮ.อยู่หลายแมกกาซีน
จนในที่สุด ลัคกี้ชอต ก็เกิดขึ้นจนได้ ฮ.เสียการทรงตัวท้ายสะบัดฟาดเข้ากับอพาทเม้นดังโครม

แมคมิลันหันหลังเพื่อที่จะหนีต่อ โดยไม่ทันระวังฮ.ที่กำลังจะตกกำลังไถมากับพื้นตามแรงเฉื่อย
มุ่งมาทางเขาทั้งคู่อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

โครมมม!!!!!!

สิ้นเสียง กัปตันแมคมิลัน นอนนิ่งอยู่ใกล้กับซากฮ.
'โอ๊ยยยย!!!! ขาผม อั่ก... ขยับไม่ได้เลย ท่าทางต้องลำบากนายแล้วล่ะไพรซ์"

ฝึกSASเขาแบกซุงวิ่งกัน นี่แค่คนๆเดียวย่อมไม่ใช่ปัญหา ไพรซ์แบกผ้บังคับบัญชา
ขึ้นบนบ่าแล้วออกวิ่งไปยังจุดถอนตัว แน่นอน ทหารกบฏไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ

ไพรซ์แบกแมคมิลันสู้พลางหนีพลาง อาศัยซากตึกต่างๆลัดเลาะกำบังมาจนถึงจุดถอนตัวจนได้
เพียงแต่พวกเขามาเร็วเกินไป......

"เราถึงจุดถอนตัวแล้ว พวกคุณถึงไหนแล้วเดลต้าทูไฟฟ์"
"เอ่อ... เรากำลังเดินทางจากจุดปลอดัย ขอสัญญานแจ้งตำแหน่งจากทางคุณด้วย"


ทั้ง 2ทราบชะตากรรมตนเองดีว่าเมื่อปล่อยสัญญานแจ้งตำแหน่ง ศัตรูก็ต้องรู้ตำแหน่งพวกเขาด้วย
งานนี้ท่าจะยาวแน่นอน....

"ไพรซ์ วางผมลงข้างชิงช้าสวรรค์นั่น ผมยังยิงไหว.... ไม่ๆ ไปทางเหนืออีกนิดดีกว่า"

แมคมิลันหาจุดได้เปรียบจากกิลลี่สูทอีกครั้ง

"คุณไปวางกับระเบิดไว้ คุณได้ใช้มันแน่ๆ แล้วไปหาจุดซุ่มยิงซะไพรซ์
อีก30วิผมจะกดสัญญานเลยนะ ขอให้โชคดี"

แม้กระทั่งบาดเจ็บ แต่แมคมิลันก็ยังทำหน้าที่ผู้นำได้เป็นอย่างดี

"อัลฟ่าซิก นี่บิ๊กเบิ๊ด เราได้รับตำแหน่งคุณแล้ว กำลังเดินทาง เลิกกัน"
ฮ.ช่วยเหลือยืนยันการรับสัญญาน ทันใดนั้นกองกำลังติดอาวุธแห่กันมาจากทางซากตึก
ร่วมร้อยนาย แต่ในระยะนี้พวกมันยังทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากนอนกลิ้งเพราะกระสุนสไนเปอร์ของSAS

ตูมมมม!!! กับระเบิดเคล์มอที่ไพรซ์วางไว้เพื่อรักษาทางขวาของตนระเบิดขึ้น
ทำให้ไพรซ์รู้ตัวว่าพวกมันร่นระยะเข้ามาได้แล้ว และเขาพร้อมที่จะโดนโอบล้อมได้ทุกขณะ

จำนวนทหารต่อต้านที่เข้ามามีมากเกินไปจนยิงไม่ทัน ไพรซ์เปลี่ยนเป็นปืนไรเฟิล
สำหรับการต่อสู้ประชิดทันที

"บิ๊กเบิ๊ด!!!!! เราโดนรุม จำนวนมันต่างกันมาก คุณถึงไหนแล้ววววว"

แมคมิลันรู้ดีว่าเขาคงยันได้อีกไม่กี่นาทีแน่ๆ

"ทราบแล้ว เรากำลังเดินทางสุดกำลัง"
บิ๊กเบิ๊ดเองก็ต้องบินเข้ามาในถิ่นศัตรูลำเดียว
เขาเองก็หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นกัน เขาตอบกลับแมคมิลัน

การต่อสู้ 50ต่อ1แบบนี้ ไม่มีหวังที่จะชนะ ไพรซ์ได้แต่อาศัยกำบังยิงตอบเพื่อซื้อเวลาเท่านั้น
ทันใดนั้นฮ.เคลื่อนพลลำโตก็ลงมาขวางกลางวงระหว่างSAS กับทหารต่อต้าน

ทหารSAS 5-6นาย ลงจากฮ.มาตั้งรับการถอนตัว ทหารต่อต้านทั้งหมดเปลี่ยนเป้าหมาย
มายังฮ.ของผู้มาใหม่ทันที เมื่อมีคนรับลูกปืนแทนแล้วไพรซ์ฉวยโอกาสนี้วิ่งเข้าไปแบก
กัปตัน แมคมิลัน ขึ้นบ่าวิ่งไปที่ฮ.ถอนตัวทันที

"น้ำมันเราจะหมดแล้ว ผมจอดรอได้แค่ 30วิเท่านั้นนะ อัลฟ่าซิก ขึ้นมาเร็วๆ!!!!"
ไม่ต้องให้รอนาน ไพรซ์วางแมคมิลันลงที่เบาะบนฮ. แล้วคว้าปืนมายิงสู้จากท้ายฮ.
ซึ่งทหารต่อต้านก็ยังคงกัดไม่ปล่อย แม้ฮ.จะลอยลำขึ้นมาแล้วก็ตาม

============================================
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
============================================


ACT 2.4: Heat
แทนสายตา: SAS จ่า โซป แมคทาวิช


=============================================

เกส : "ยืนยัน ฮ.ถอนตัวจะETA ในอีกครึ่งชม.เป็นอย่างเร็วครับผม"

กัปตันไพรซ์ : "โอ่ย... ป่านนั้นเรากลายเป็นศพไปเป็น 10นาทีแล้วมั้งนั่น
ไอ้พวกกองกำลังอัลต้าเนชั่นแนลลิสโรคจิตของซาคาเยฟ มันต้องกรูมาหาเราเพื่อเอาอัลอาสาดคืนแหงๆ"

เกส : "มันคงมาเอาได้แค่ศพแหละครับ"

กัปตันไพรซ์ : "แหง...เราจะวางกับระเบิดไว้ในเนินจุดอัลฟ่าทางใต้ไว้ให้ทั่วเลย
แล้วแนวที่สองตรงบราโว่นี่ สู้พลางถอยพลางจนถึงยอดเนิน เราจะถ่วงเวลามันไว้แถวๆฟาร์มเพื่อรอฮ.ถอนกำลัง
มีคำถามมมั้ย?"

เกส : "ลุยเลยดีกว่าครับ"


=============================================
ปัจจุบัน... 8ชั่วโมงหลังการตายของ อัลอาสาด
ตอนเหนือของอาเซอไบจัน


หลังจากสังหารอัลอาสาดไปแล้ว SASยังคงต้องรอฮ.สำหรับถอนตัวออกจากพื้นที่
แต่ทหารอัลตร้าเนชั่นแนลลิส คงไม่ปล่อยพวกเขาไปเฉยๆ

แทนที่SASจะตั้งรับที่โรงนา ไพรซ์มีแผนที่ลึกกว่านั้น เขานำหน่วยออกไปตั้งแนวรับ
ข้างหน้าแต่ไกล เพื่อที่จะได้มีพื้นที่สำหรับถอยร่นกลับมาที่โรงนาเพื่อซื้อเวลาเพิ่ม
แทนการหดหัวตั้งรับอยู่กับที่

"ไม่ต้องไปฟังแม่มพล่าม มันจะต้องจู่โจมยึดพื้นที่คืนแน่ๆ กระจายตัวรักษาปีกทางใต้ไว้"
กัปตันไพรซ์โพล่งสวนกับลูกทีม เมื่อได้ยินกองกำลังอัลตร้าเนชั่นแนลลิส
ประกาศออกลำโพง พยายามเกลี้ยกล่อมให้พวกSAS ยอมวางอาวุธ

"้กัปตันครับ พวกมันค่อยๆเคลื่อนพลขึ้นมาบนเนินแล้วล่ะ เอาเมื่อไหร่บอกเลยครับ"

โซปปีนขึ้นไปบนหอระฆังของซากโบสถ์ จากบนนั้นเขาเห็นพวกกองกำลังเรียงแถวหน้ากระดาน
ค่อยๆรุกคืบขึ้นเนินมาช้าๆ ขณะที่SASทุกนายนอนหมอบรอฟังคำสั่งเปิดฉากซุ่มโจมตีจากไพรซ์

"เอาเลย..." ไพรซ์ลงดาบ
"Ka-boom!!!" SASผู้มีหน้าที่กดสวิทกับระเบิดพูดขึ้นก่อนที่เขาจะกดให้กับระเบิดทำงาน

บรึ้มมมม!!!! ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กับระเบิดพุ่งขึ้นจากพื้นเป็นแนวแถวหน้ากระดาน กวาดเอาพวกกองกำลังที่เข้ามาอยู่ใน
รัศมีแรงระเบิดลอยกันไปคนละทาง จนเสียกระบวนรบ

"ยิงโว๊ยยยยย ยิ๊งงงง" ไพรซ์ตามน้ำไม่ให้ตั้งตัวติด
สิ้นคำสั่งไพรซ์ ทุกปากกระบอกปืนก็เทกระสุนลงเนินไปยังด้านล่าง
ทหารซาคาเยฟซึ่งอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบถึงกับไม่เป็นอันตั้งแนวรับ

"ยิงไป อย่าหยุด... ตอนนี้มันคงนึกว่าเรามีกำลังพลมากกว่าที่เป็นอยู่"
เฉพาะโซปคนเดียว ใช้ไรเฟิลติดลำกล้องสอยกองกำลังต่อต้านไปหลายสิบนาย
เนื่องจากอยู่ในยุทธูมิที่ได้เปรียบ

แต่ทหารต่อต้านก็ไม่ยอมให้อัดฝ่ายเดียว.... ระเบิดควันถูกปาออกมาเพื่ออำพรางตำแหน่ง

"กัปตันครับ พวกมันอ้อมมาทางถนนเพียบเลย ท่าทางมันจะตีโอบเรา"

ตูมมมมม!!!!!!!!!!!!!! ตูมมมม!!!!!!!! ตูมมมมม!!!!!!

เกิดระเบิดขึ้นใกล้กับแนวของSASไม่นับ เหมือนระเบิดตกมาจากฟ้า

"พวกมันรู้ตำแหน่งเราแล้ว มันยิงถล่มเราด้วย มอต้า ถอยโว๊ยยย!!!
โซป นายเห็นซากฮ.บนเนินมั้ย ไปประจำมินิกัน รักษาปีกซ้ายเรา ด่วน"


ซากฮ.ที่ตกอยู่นั้น ปืนมินิกันประจำเครื่อง หันไปทางทิศที่SASต้องการจะตั้งรับ
พอดิบพอดี โซปจึงใช้มันรัวใส่ทหารต่อต้านที่เพิ่งเดินกระเซอะกระเซิงออกมาจากกลุ่มควัน
ตายเรียบ ฮ.โรยตัวของทหารต่อต้านหลายลำร่วงลงทั้งที่ยังมีทหารเต็มลำ ทันทีที่โซป
ซัดมินิกันใส่ด้วยอัดตรา 30นัดต่อวินาที!!!!!

"โซปปปป พอแล้ว ถอยไปจุดระเบิดแนวที่2 จุดบราโว่"

โซปผละจากปืนมินิกันเข้าไปยังบ้านนัดหมาย ทหารต่อต้านที่รุมเข้ามาทุกทิศหลายสิบนาย
รับกับระเบิดแนวที่2 ที่วางนิ่งไว้แบบเต็มรักทันทีที่โซปกดสวิต

"เฮ้ย.. ยานเกราะศัตรูทางเหนือ แม่มเอ๊ย...กุโดนยิงว่ะ"

แมค ทหารต่อต้านยานเกราะประจำSAS รายงานสถานการณ์ แต่ท่าทางเขาจะ
รับหน้าที่จัดการกับยานเกราะไม่ไหวแล้ว

"โซป!!! แมคแย่แล้ว นายไปทำหน้าที่แทน ในโรงนา จาเวลิน อยู่ในโรงนา"
ไพรซ์มอบหมายหน้าที่ใหม่ให้กับโซป เขาสับขาออกจากที่มั่นสุดแรงไปยังโรงนา
ที่เป็นที่ตายของอัลอาสาดเมื่อคืน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของพวกเขา

รถถังของฝ่ายต่อต้านจำนวน 5คัน ดาหน้าเรียงแถวปิดหน้าฟาร์มไว้ แล้วส่งกระสุน
หมายถล่มSAS ไปพร้อมๆกับโรงนาฐานที่มั่นสุดท้าย

บรึ้มมมมม!!!! จู่ๆรถถังคันนึงก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง จรวดนำวิถีจาเวลิน
กระแทกลงกลางลำของรถถังคันที่2 ระเบิดขึ้นอีกครั้ง โดยฝีมือของโซป

เมื่อสูญเสียยานเกราะไปถึง 2คันติดๆ ทหารต่อต้านจึงปาระเบิดควันอำพราง
กันจ้าละหวั่น จนควันคลุ้งไปทั่วหวังปกปิดรถถังฝ่ายตนไม่ให้ตกเป็นเป้าอีก

แต่แล้วรถถังคันที่ 3ก็ระเบิดขึ้นอีก เพราะ จาเวลิน นั้นใช้ระบบล๊อคเป้าจับความร้อน
ดังนั้นม่านควันจึงไม่ได้ช่วยพวกมันเลย รถถังคันสุดท้าย ถูกหอกซัดฟาดลงมาจากฟ้าระเบิดลงอีกในที่สุด

ทันใดนั้นเสียงหวีดหวิวแหวกฟ้า ของเครื่องบินเจทขับไล่ 'แฮริเออร์' ก็บินต่ำคำราม
ผ่านหัวไปให้เห็นหลายลำ เพื่อข่มขู่กองกำลังต่อต้านไม่ให้รุกคนของเขามากกว่านี้
แฮริเออร์ เครื่องบินเจทขึ้นลงทางดิ่งโดยไม่ต้องใช้รันเวย์นั่นแหละ

"บราโว่ซิก นี่คือเหยี่ยวที่1 เรามาเพื่อสนับสนุนทางอากาศ เปลี่ยน"

แฮริเออ รายงานตัวกับาคพื้นดินทันทีที่มาถึง


"บราโว่ซิก นี่กริฟฟอน2-7 เราเพิ่ง ขณะนี้เราใกล้ถึงจุดถอนตัวแล้ว แต่เราลงจอดฟาร์มที่คุณอยู่
ไม่ไหวแน่ เราตรวจพบฐานจวดSAM (จรวดต่อต้านอากาศยาน)อยู่ในพื้นที่ เราไม่สามารถลงจอดไ้ด้
ขอให้คุณยืนยันจุดลงจอดใหม่ด้วย เปลี่ยน"

(แล้วแฮริเออร์มันบินเข้ามาได้ไงวะ)

ในที่สุดฮ.ถอนตัวที่SASรอคอยก็มาถึงซะที แต่งานวันนี้ไม่ง่ายเหมือนทุกวัน

"เออ.. ให้มันได้งี้ดิวะ!!! คราวนี้จะให้เปลี่ยนไปจอดตรงไหนกุจะรู้มั้ยวะเนี่ย"
ไพรซ์สบถแบบอย่างเซ็ง แต่ก็ยิงต้านไปพลาง

"บราโว่ซิก นี่กริฟฟอน2-7 เราทำได้อย่างมากก็แค่เข้าไปได้ถึงแค่ตีนเขาเท่านั้น
ไม่งั้นเราถูกล๊อคเป้าแน่ๆ"


"เฮ้ย.. พวกคุณเป็นไรมากป่าวเนี่ย กว่าผมจะฝ่าขึ้นมาถึงจุดนัดบนนี้ได้แทบกระอัก แล้วนี่พวกคุณ
จะให้ผมถ่อกลับไปที่เดิมเนี่ยนะ บ้าไปแล้ว"
เกสถึงกับก่นด่านักบินกลับไปทางวิทยุ
เพราะสถานการณ์จนมุมของเขาตอนนี้มันเหมือนมาสุดแรงแล้วจริงๆ

"เกสสส!!! ช่างม่าม บ่นไปก็เท่านั้น เราจะลงไปตีนเขาไปยังจุดถอนตัวใหม่
โซปปปปปป.... เอ็งนำ!!!!!!"


"บราโว่ซิก โปรดทราบ ผมมีเวลาให้พวกคุณแค่ 4นาที ผมหวังว่าตอนนั้นพวกคุณ
คงรอเราอยู่ที่จุดถอนตัวใหม่แล้วนะ"


"รับทราบ 2-7 เราจะฝ่าไปให้ทัน ไปโว๊ยพวกเรา.... ฝ่าไปให้ได้้"
พูดง่ายกว่าเยอะ เพราะนอกจากต้องวิ่งผ่านไร่โล่งๆนี่แล้ว ทหารต่อต้านยังคงดาหน้า
เข้ามาแบบไม่หยุด

ทางเดียวที่จะผ่านไปได้ทันนั้นต้องใช้ทุกอย่างที่มี แม้แต่การทิ้งบอมบ์ลูกละหลายล้าน
ใส่พื้นดินเปล่าๆเพื่อข่มขู่ก็ตาม

โซปใช้เลเซอร์ชี้เป้า ชี้นำร่องเป้าหมายให้กับฝูงบิน แฮริเออร์ ที่บินโฉบไปมาบนท้องฟ้า
"รับทราบ... เราจะเข้าปะทะทันที"

แฮริเออร์ 3ลำโฉบลงเหนือพื้นที่เป้าหมาย ก่อนที่จะปล่อย Cluster Bombลงมา
ระเบิดที่ถูกปล่อยลงมานั้นแตกตัวออกเป็น ระเบิดลูกเล็กๆอีกหลายสิบลูกโปรยกระจาย
ไปทั่วบริเวณที่ฝ่ายต่อต้านขวางพวกเขาอยู่

จากนั้นหน่วย SASก็อาศัยช่วงชุลมุนวิ่งลงเนินกันสุดชีวิตจนแทบไม่เป็นกระบวน ฝ่าผ่านกองกำลัง
ต่อต้านที่กำลังระส่ำจากระเบิดของเครื่องบินขับไล่ เรียกว่างานนี้มีฝีมืออย่างเดียวไม่ได้
้ต้องเฮงด้วย โซปวิ่งสลับฟันปลาซิกแซกไม่ให้ถูกเล็งได้โดยง่าย เลาะลงเนินเป็นขั้นๆ

จนถึงตีนเขา จุดนับพบใหม่...

ทันทีที่เขาปลอดัย เขานึกขึ้นมาได้ว่าหน่วยของเขายังไม่มีใครมาถึงเลย
แต่โซปก็โล่งอก เมื่อSASแต่ละนายค่อยๆทยอยกันมาถึงจุดนัด รวมถึงไพรซ์และเกส

ฮ.ถอนตัว 2-7 แตะพื้นส่งทหารราบออกมาตั้งแนวรับสนับสนุนการถอนตัว
หน่วยSASได้ขึ้นเครื่องกลับบ้านอย่างทันท่วงที

"เรียกฐาน นี่กริฟฟอน2-7 เราได้ตัวพวกเขาแล้ว เรากำลังกลับฐาน เปลี่ยน"

=========================================
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
=========================================


ACT 2.5: Sins of the father
แทนสายตา: SAS จ่า โซป แมคทาวิช


=====================================================

[U.S.M.C.].....
[SAS].....
[ารกิจร่วม].....

จ่ากรี๊ก : "ในที่สุดเราจัดการไอ้เหียกนี่จนได้"
กัปตันไพรซ์ : "มันยังไม่จบหรอก... อัลอาสาดมันไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ทหารอเมริกันของคุณต้องตาย เสียใจด้วยเพื่อน"

เกส : "อิมรัน ซาคาเยฟปะครับตัวการ ไอ้นี่มันผีชัดๆ การหาตัวมันไม่ใช่ง่ายๆ
ข่าวกรองว่ามันกบดานเงียบกริบไปแล้ว"

กัปตันไพรซ์ :"ผมมีแผนเข้าท่าอยู่อัน"
จ่ากรี๊ก :"ว่ามาเลยครับ"

กัปตันไพรซ์ : "นี่ลูกชายซาคาเยฟ แกนนำอัลตร้าเนชั่นแนล ลูกไม้เน่าๆย่อมหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ
ข่าวกรองจากคามารอฟรู้ที่อยู่ของไอ้ตัวลูกนี่"

จ่ากรี๊ก :"ไอตรูดนี่มันรู้แน่ๆ ว่าพ่อมันอยู่ไหน"
เกส :"แม่ม.. ต้องมารับกรรมที่พ่อมันก่อแท้ๆ"
จ่ากรี๊ก :"ไม่หรอก... เพราะไอ้นี่มันก็ชั่วเข้าเส้นเหมือนกัน"


===================================================
ทางใต้ของรัสเซีย

SASนำกำลังไปซุ่มโจมตีปั๊มน้ำมันซึ่งเป็นจุดที่คาดว่า ลูกชายของซาคาเยฟจะปรากฏตัว

"เรียกบราโว่ซิก นี่แร้ง1-6 เราทำการบลอคการสื่อสารแล้ว คุณบุกได้ทันทีที่พร้อม"
เรดิโอแจมเมอร์ถูกปล่อยจากฮ.เพื่อรบกวนการขอกำลังเสริมของศัตรู

"โซป นายขึ้นที่สูง เดี๋ยวพอผมให้สัญญานก็เก็บไอ้การ์ดบนหอสังเกตุการณ์นั่นก่อนเลย
ที่เหลือตามผมมา"


เมื่อไพรซ์เห็น SASทุกนายเข้าประจำที่แล้ว ไพรซ์จึงสั่งการทันที

"โซป... เปิดเลย"
เปรี้ยงงงงๆ... กระสุนทั้งสองนัดตุงเข้าอกการ์ดในระยะเวลาใกล้เคียงกันเป็นการเปิดฉาก

ทหารต่อต้านเองก็สู้ยิบตา ยิงกลับมาทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ก็ต้านได้ไม่นาน ทั้งหมดก็กลายเป็นศพ

"เคลีย!!!!"
"เอาล่่ะ เรามาจัดที่จัดทางกันใหม่ ดับไฟซะ แล้วเปลี่ยนไปใส่ชุดของพวกมัน
คามารอฟ เอาคนของนายมาที่ผมด้วย เผื่อต้องถามตอบอะไรเป็นรัสเซีย
เราจะเนียนไปเรื่อยๆนะ จนกว่าจะเห็นตัวลูกของซาคาเยฟ"

.................
..........
.....

2 ชม.ผ่านไป

"เหอะๆ พอใส่ชุดนี้แล้วนายดูเหมือนตัวตลกเลยว่ะ
ดีนะ ที่นายขึ้นมาอยู่บนนี้ เพราะหน้านายนี่ดูยังไงก็ไม่รัสเซียว่ะ"

จ่ากรี๊กแซวโซปแบบไม่ได้ดูตัวเองซึ่งเป็น แอฟริกัน-อเมริกันเลยสักนิด
ขณะที่เขาทั้งคู่อยู่บนหอสังเกตุการณ์

"นี่แร้ง1-6 ขณะนี้คอนวอยกำลังไปทางนาย นับได้ 6คัน เปลี่ยน"
"รับทราบ... ทุกคนห้ามยิงจนกว่าผมจะสั่ง"


รถบรรทุก และรถหุ้มเกราะ ประกบรถจี๊ป ผู้ที่อยู่ในจี๊ปคือเป้าหมายของปฏิบัติการครั้งนี้
ลูกชายของ อิมรัน ซาคาเยฟ นั่นเอง....

"เราต้องการแบบเป็นๆ ยิงระวังด้วย"

คอนวอยหยุดลง เมื่อเห็นเครื่องแบบของพวกเดียวกันเรียกตรวจ
โดยไม่ระแคะระคายสักนิดว่าทหารในเครื่องแบบคุ้นตา ไม่ใช่คนชาติเดียวกับเขาด้วยซ้ำ

"เดี๋ยวนะ เดี๋ยว... เอาเลย!!!"
ไพรซ์สั่งการทางวิทยุ
SASในเครื่องแบบทหารต่อต้าน ซัดM4อัดเข้าไปยังห้องโดยสารคนขับรถบรรทุกคันหน้าสุด
ตามด้วยRPG 1ลูกถ้วนเข้าใส่รถหุ้มเกราะ BMP จนระเบิดกระจุย

โซปซึ่งอยู่บนหอสังเกตการณ์ พยายามอย่างยิ่งที่จะเล็งไปยังคนขับรถจี๊ป
ที่ลูกชายซาคาเยฟโดยสารอยู่ แต่ไม่ง่ายนักเพราะพลขับพยายามพาจี๊ปออกจากพื้นที่สังหาร
แต่รถเกิดเสียหลักชนเข้ากับหอสังเกตการณ์ที่โซปยืนอยู่เข้าอย่างจังจนหอล้มโค่น
จ่ากรี๊ก กับโซป ที่ยืนอยู่บนนั้นก็ร่วงลงมาด้วยกัน

"ชิบหายแล้ววว!!!!" กรี๊กร้องเสียงหลง

โซปที่ตอนนี้ล้มกลิ้งอยู่กับพื้น ยังอยู่ในสาพมึนงงสังเกตเห็นชายในชุดวอร์ม
ก้าวลงจากจี๊ป อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไปทางหลังปั๊มน้ำมัน
คนๆนั้นคือ ลูกชายของซาคาเยฟ!!!

โซปพยายามลุกขึ้น และกวดตามไปเป็นคนแรก
"โซป ไปกับกรี๊ก เอาตัวมันมาให้ได้ เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เสร็จแล้วจะตามไป"
คนอย่างกัปตันไพรซ์ยังหูตาไวเสมอ

"เรียกบราโว่ซิก นี่แร้ง1-6 เรากำลังติดตามเป้าหมายจากด้านบน แหม่.. ไอ้นี่มันไวจริงเว้ย"
ฮ.สนับสนุนทางอากาศ อาศัยความคล่องตัวล้ำหน้าาคพื้นดินไปก่อน

"นั่นไงๆ เห็นแล้ว มันไปทางเหนือ มุ่งหน้าไปทางชานเมือง"

โซปออกจากปั๊มน้ำมัน เห็นชายในชุดวอร์มจ้ำล้ำหน้าเขาไปไกลร่วม 100เมตร
แม้จะอยู่ในระยะสังหาร แต่โซปก็ไม่สามารถใช้ปืนได้

"ทีมติดตามระวังด้วย ข้างหน้านั่นเป็นดงเลย" จากมุมมองด้านบนฮ.รายงานทันที
ที่เห็นกองกำลังติดอาวุธวิ่งมาตั้งแนวรับ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางถนน
แต่เนื่องจาการกิจนี้คือจับตัวลูกชายซาคาเยฟ ดังนั่นไม่ใช่เวลาจะมายิงกันอยู่
โซปโยนระเบิดแสงให้ทหารซาคาเยฟดูเล่นหนึ่งลูก แล้วผลุบตามหลังลูกซาคาเยฟไปติดๆ

"เป้าหมายเลี้ยวเข้าซอยทางซ้ายมือของท่าน ระวังศัตรูหลังรั้วสังกะสีด้วย เปลี่ยน"
โซปใช้ข้อได้เปรียบจากการรายงานของฮ. เลาะเข้าตีโอบทางด้านหลังกองกำลังที่ดักซุ่มอยู่
จนเห็นเป้าหมายเลี้ยวเข้าอาคารด้านหน้าอยู่ไวๆ

แต่แล้วโซปก็ต้องเบรคตัวโก่ง เมื่อศัตรูใช้ฐานปืนกลจากบนตึกยิงกราดกระเทาะเอากำบังปูน
ที่โซปใช้อยู่จนกระจุยกระจาย

"เรียกแร้ง1-6 ตอนนี้เราโดนถล่มจากฐานปืนกล จากชั้น5ของอาคารเป้าหมาย คุณทำไรได้บ้าง"

"เราเห็นแล้ว เราจะเคลียพื้นที่ให้เดี๋ยวนี้"

ฮ.ตะแคงหันข้างลำให้ตัวตึกแล้วพ่นกระสุนมินิกันเข้าใส่หน้าต่างที่เป็นที่ตั้งของฐาน
ปืนกล
ปรื้ดดดดดด!!!!!!!!!!! จนหน้าต่างไม่เหลือแม้กระทั่งวงกบ

"เป้าหมายอยู่บนชั้น 2 ออกเฉียงเหนือของท่าน ติดตามด่วน"
โซป และกรี๊ก ยังคงเป็นจ่าฝูงที่กระชั้นติดลูกซาคาเยฟมากที่สุด พกวเขาต้องเจอ
กับกองกำลังติดอาวุธที่คอยขวางอยู่ายในตึกเป็นระยะ

"หยุดๆๆ ไอ้นี่ผมขอ"
นักบินฮ.ซึ่งบินวนอยู่เหนือตึกเห็นฐานปืนกลอีกอันซึ่งตั้งไว้รับใครก็ตามที่ขึ้นมายั
งบันไดนี้
มินิกันทำให้กระสอบทราย และกำแพงตึกแหลกกระจุยเหมือนแผ่นโฟม พลปืนกลรับกระสุน
มินิกันเสียชีวิตคาปืน เปิดช่องให้โซปนำทีมกวดเป้าหมายต่อไปได้

"เป้าหมายจนมุมอยู่บนหลังคาแล้ว มันเสร็จคุณแน่"
โซปจ้ำขึ้นไปยังดาดฟ้า

"วางปืนลง!!! เดี๋ยวนี้!!!!!"
เสียงนั่นมาจากกัปตันไพรซ์ที่กำลังจ่อปืนไปที่ลูกชายซาคาเยฟบังคับให้เขาวางปืนพกลง
เขามาถึงก่อนโซปเสียอีก

"ให้ผมยิงขามันมั้ยครับ" กรี๊กเสนอ
"ไม่ๆๆ เราไม่อยากเสี่ยง โซปเข้าไปปลดอาวุธมัน แล้วมัดมันซะ"

ชายในชุดวอร์มชูสองมือขึ้นเหนือหัว แต่ก็ยังไม่ยอมวางปืนพกนั้นลง
เขาถอยจนสุดขอบตึก อีกเพียงก้าวเดียวเขาก็ร่วงลงจากตึกได้เลย

"วางอาวุธโว๊ยยย"
"โซปเชือก เร็วๆๆ"
"อย่าขยับ"


ขณะที่กำลังอยู่ในนาทีเป็นนาทีตายนั้น ชายในชุดวอร์มก็พูดขึ้น...
"dscnscdskdsnk......jcdfjb" ด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นาษารัสเซีย

"อย่าาาาาาา..." ไพรซ์ร้องห้าม แต่ไม่ทันแล้ว

ลูกชายเพียงคนเดียวของ อิมรัน ซาคาเยฟ ซึ่งเขาหมายมั่นให้สืบทอดเจตนารมย์
ชั่วจากเขาในอนาคต ลั่นไกปืนพกในมือ..... เป้าหมายคือขมับของเขาเอง

ปังงง!!!!
สมองทะลักออกมาพร้อมเลือดเป็นลิ่มๆ เจ้าของร่างทรุดลงแนบพื้นในวินาทีเดียวกัน
ท่ามกลางความตกตะลึงของกองกำลังร่วมอังกฤษ อเมริกา ที่เห็นารกิจที่กำลังจะสำเร็จอยู่ตรงหน้า
มลายหายไปในอากาศธาตุ

"ไอ้ห่านนี่... มันเจ๋งเหมือนกันแฮะ"
กรี๊กเอ่ยชม
"เรียกฐาน นี่บราโว่ซิก... ลูกชายซาคาเยฟเสียชีวิตแล้ว เรากำลังกลับ"
ไพรซ์พูดด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง

"ซวยละ... ไอ้นี่เป็นคนเดียวที่จะทำให้เราหาตัวซาคาเยฟได้ซะด้วย"
"ช่างมันเหอะ... มีอยู่คนนึงที่น่าจะมีคำตอบนี้ให้เรา"


========================================
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
========================================


Edited by 9th TEARDROP, 15 May 2010 - 05:09 AM.


#120 9th TEARDROP

    ¹

  •  DGO Blogger
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 16738 posts
  • Gender:Male

Posted 15 May 2010 - 05:06 AM

จอง