เห็นคุณ 9th TEARDROP ตัดสินใจไปแล้ว เลยไม่แน่ใจว่าผมจะสามารถ add value ให้กระทู้นี้ได้อีกหรือเปล่านะครับ :p
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเลือกซื้อทีวีเป็นเรื่องของ "รสนิยม" เกือบ 100% ครับ นั่นเป็นเหตุผลว่าทีวีที่วางเรียงกัน และเปิดภาพวีดีโอเดียวกันวนไปวนมาในร้านมันถึงแสดงภาพไม่เหมือนกัน ทีวีส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมี "Demo mode" ซึ่งเป็นโหมดสำหรับเปิดแสดงในร้าน จะเรียกโหมดนี้เป็นโหมดที่ "เรียกร้องความสนใจ" ก็ไม่ผิดเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าเราเอาทีวีเครื่องนั้นมาตั้งที่บ้านเรา ภาพที่แสดงก็จะเป็นอีกอารมณ์นึง เพราะมันไม่ได้แสดงภาพด้วย "Demo mode" อีกต่อไป และสภาพแสงในห้องรับชมของเราก็ไม่เหมือนกับสภาพแสงในร้านด้วยครับ
ผู้ผลิตทีวีตั้งใจที่จะทำให้ทีวีแต่ละรุ่น แต่ละ series มี characteristic ของภาพไม่เหมือนกัน เพราะพวกเขาคิดว่า ถ้าทำออกมาหลายๆ series มันจะต้องมีตัวใดตัวหนึ่งที่ภาพสวยโดนใจคุณแน่ๆ แต่ละคนมีรสนิยมต่างกัน หรือแม้แต่ความสามารถในการรับรู้ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน (เด็ก, คนแก่, ชาย, หญิง) ซึ่งผู้ผลิตก็ทราบข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดีครับ
ย่อหน้าข้างบน ผมต้องการจะสื่อว่าเรามักจะตัดสินทีวี "จากความรู้สึก" ของเรา แต่ผมไม่ได้หมายความว่าการตัดสินทีวี "จากความรู้สึก" เป็นเรื่องที่ผิดนะครับ เพราะมัน "logical" อยู่แล้วที่ความชอบ ประสบการณ์ส่วนตัว และสิ่งที่เราได้ยินต่อกันมาจะมีผลต่อการตัดสินใจของเรา เราไม่มีโอกาสเข้าถึงและเปรียบเทียบทีวีที่เราจะซื้อกับ "reference system" หรือ "benchmark system" จากสตูดิโอ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่มีโอกาสได้เปรียบเทียบว่าทีวีรุ่นที่เราสนใจเมื่อเทียบกับทีวีร
ุ่น "อ้างอิงจากสตูดิโอ" ว่ามันต่างกันมากน้อยแค่ไหน เราจึงใช้ "ความรู้สึก" หรือ "ภาพที่เราคิดว่า 'สวย' ในอุดมคติของเรา" เป็นเกณฑ์เปรียบเทียบแทน
ถ้าทีวีทุกรุ่นถูกปรับให้แสดงภาพเหมือนกับ "reference system" ก็เท่ากับว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะผลิตทีวีออกมาหลายๆ รุ่น เพราะยังไงทุกรุ่นก็จะแสดงภาพได้เหมือนกันหมด จึงเป็นเหตุผลให้ทีวีแต่ละรุ่นมันแสดงภาพไม่เหมือนกันครับ มันไม่แปลกเลยที่คุณจะได้รับทราบข้อมูลที่ผสมปนเปจากหลายๆ คน คนนี้บอกว่ายี่ห้อนี้ดีกว่า ในขณะที่อีกคนบอกว่าอีกยี่ห้อหนึ่งดีกว่า เพราะฉะนั้นคุณจะอยู่ในสถานะ "ลังเล" อยู่ตลอดเวลา ยิ่งได้รับข้อมูลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งลังเลมากขึ้นเท่านั้น จากประสบการณ์ทดสอบ LCD/Plasma หลายๆ ยี่ห้อ ผมบอกได้เลยว่า ถ้าทีวีเหล่านั้นถูก "calibrate" หรือ "ปรับภาพ" ให้เทียบเท่ากับ reference system แล้ว รับรองว่าคุณไม่จำเป็นต้องไปซื้อทีวีรุ่นแพงๆ เลยครับ แต่ความท้าทายมันอยู่ตรงที่ว่า ไม่ใช่ทีวีทุกตัวจะสามารถปรับให้เทียบเท่ากับ reference system ได้ คุณจึงจำเป็นต้องทดสอบทีวีเหล่านั้นด้วยตัวเองครับ
ผมเห็นด้วยที่ Spec ของ LCD/Plasma TV ในปัจจุบันมันไม่ "Suggestive" อีกต่อไปแล้ว เพราะแต่ละยี่ห้อก็เคลมว่าตัวเองมีสเป็กสูงเหมือนกันหมด มันไม่มีคำตอบตายตัวหรอกครับว่าทีวีรุ่นไหน/ยี่ห้อไหนดีที่สุด การเข้าใจความแตกต่างของพวกมันต่างหากที่จะทำให้คุณสามารถเลือกทีวีให้ถูกใจคุณมากที
่สุดได้
เกริ่นมาซะยาว อยากจะให้คุณ 9th TEARDROP ไป "ลอง" ด้วยตัวเองที่ร้านครับ อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ไปนะครับ
- Laptop ที่มีพอร์ท DVI/HDMI
- เครื่องเล่นเกมที่คุณเล่นประจำ (360 หรือ PS3)
- เกมที่เล่นประจำ แนะนำให้เลือกเกมที่:
- เกมที่มีการเคลื่อนไหวของ "วัตถุ" ในภาพมากๆ และเร็วๆ เช่นเกมฟุตบอล เป็นต้น สำหรับทดสอบ response time ผมหมายถึงเกมที่มีการเคลื่อนไหวของ "วัตถุ" นะครับ ไม่ได้หมายถึงการเคลื่อนไหวของ "ฉาก" (เกมแข่งรถเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการทดสอบ response time ครับ เนื่องจากผู้ผลิตชอบใส่ Motion blur และอื่นๆ)
- เกมที่มีฉากมืดๆ เยอะๆ เพื่อดูว่า contrast ratio อยู่ในระดับที่พอรับได้หรือไม่ จอที่มี contrast ดีๆ จะต้องแสดงรายละเอียดของภาพในฉากมืดๆ ได้เยอะ แต่จอที่ contrast ratio ไม่ดีจะทำให้ภาพดูมืดไปหมด จนแทบมองไม่เห็นรายละเอียดเลย
- ไฟล์รูปภาพ JPG ขนาด 1920 x 1080 พิกเซล เป็นพื่นสี ขาว ดำ แดง น้ำเงิน เขียว สีละ 1 ไฟล์ เพื่อเอาไปเปิดทดสอบ Dead pixel
- แผ่น DVD/BD หนังเรื่องโปรดของคุณ
การทดสอบหลักๆ สำหรับจอที่นำมาใช้เล่นเกมคงมีเท่านี้ครับ ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย
ลองศึกษาจากตรงนี้ได้ครับ ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น ราคา บริการหลังการขาย ตรงนี้จะขึ้นอยู่กับ judgment ของคุณครับ
สรุปแล้วได้รุ่นไหนมาอย่าลืมมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
อย่างอื่นมีหมด ยกเว้น Laptop ที่มีพอร์ท DVI/HDMI อันนี้อ่ะจิ มีใครพอจะให้หยิบยืมหรือบริจาคบ้างไหมครับ