ความแตกต่างระหว่างสาย HDMI ราคาถูกกับราคาแพง
RockLobster 22 May 2008
เห็นด้วยอย่างคุณ Burm บอกไว้
ระยะทางของสาย คือสาเหตุที่ทำให้สายมีหลายเกรด ไม่เหมือนกันครับ
สายราคาสูงขึ้นที่ตัวนำคุณภาพสูงขึ้นด้วย ไม่ใช่แบบที่หลอกขาย
มักจะนำสัญญาณได้ระยะที่ไกลกว่า โดย error ไม่มาก
ขัดบทความที่แปลมานิดตรง digital 0 1 ก็มี error เมื่อถึงปลายทางได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย
จึงมีทฤษฎี error detection/correction จำนวนมากออกมา
หากข้อมูลถึงปลายทาง มี error มากเกินกำหนด เช่น 1 กลายเป็น0, 0กลายเป็น1 เพราะระดับไฟฟ้าเปลี่ยน ทำให้ปลายทางตีความผิด
ทำได้แค่ตรวจจับ แก้ไขปลายทางไม่ได้
ความเร็วส่งระดับ 1,000 ล้านบิทต่อวินาที หากสายไม่ดี อาจเสียสัก 20 ถึง 50ล้านบิทต่อวินาที
และเมื่อเป็นภาพเสียงที่แสดงทันที ไม่ใช่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่รอส่งใหม่กันได้แบบการ copy file (detect แต่ไม่สามารถ correct ต้องใช้ retransmission)
เมื่อมีการส่งข้อมูลซ้ำใหม่อีกรอบ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะข้อมูลนั้นไม่เป็นที่ต้องการแล้ว (เล่นภาพวินาทีถัดไปแล้ว วินาทีที่เสียก่อนหน้า ถึงส่งข้อมูลดีมาใหม่ก็ไร้ค่า)
ดังนั้นเมื่อเกิด error มาก จึงแสดงออกบนจอแสดงผล เช่น ภาพกระตุก หรือเสียงสะดุด ส่วนใหญ่ no signal เลย รออุปกรณ์ทดสอบเชื่อมต่ออีกครั้ง
ส่วนสายที่ดี เทียบกับที่ดีมาก อันนี้ใช้คนดู โดยไม่ใช้เครื่องมือวัดค่า แยกได้ยากมาก
เพราะ error เล็กน้อย ตาคนแยกไม่ออก เช่น จุดสีเสียไม่กี่ pixels จากในจอแสดงอยู่เป็น 2ล้านกว่า pixels ต่อ frame (full hd 1920x1080 i/p) เสี้ยววินาทีเปลี่ยน frame แล้ว ทำให้ดูไม่ออก เว้นแต่เป็นต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้เห็นเป็นจุดรบกวน
แนะนำว่า ควรดูระยะทาง หากสั้นสุด ใช้สายถูก คุณภาพหัวเชื่อมต่อดี ก็เพียงพอแล้ว
หัวเชื่อมต่อสำคัญ หากไม่สนิท เห็นผลเสียได้ชัดเจน
Edited by RockLobster, 23 May 2008 - 12:59 AM.
ระยะทางของสาย คือสาเหตุที่ทำให้สายมีหลายเกรด ไม่เหมือนกันครับ
สายราคาสูงขึ้นที่ตัวนำคุณภาพสูงขึ้นด้วย ไม่ใช่แบบที่หลอกขาย
มักจะนำสัญญาณได้ระยะที่ไกลกว่า โดย error ไม่มาก
ขัดบทความที่แปลมานิดตรง digital 0 1 ก็มี error เมื่อถึงปลายทางได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย
จึงมีทฤษฎี error detection/correction จำนวนมากออกมา
หากข้อมูลถึงปลายทาง มี error มากเกินกำหนด เช่น 1 กลายเป็น0, 0กลายเป็น1 เพราะระดับไฟฟ้าเปลี่ยน ทำให้ปลายทางตีความผิด
ทำได้แค่ตรวจจับ แก้ไขปลายทางไม่ได้
ความเร็วส่งระดับ 1,000 ล้านบิทต่อวินาที หากสายไม่ดี อาจเสียสัก 20 ถึง 50ล้านบิทต่อวินาที
และเมื่อเป็นภาพเสียงที่แสดงทันที ไม่ใช่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่รอส่งใหม่กันได้แบบการ copy file (detect แต่ไม่สามารถ correct ต้องใช้ retransmission)
เมื่อมีการส่งข้อมูลซ้ำใหม่อีกรอบ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะข้อมูลนั้นไม่เป็นที่ต้องการแล้ว (เล่นภาพวินาทีถัดไปแล้ว วินาทีที่เสียก่อนหน้า ถึงส่งข้อมูลดีมาใหม่ก็ไร้ค่า)
ดังนั้นเมื่อเกิด error มาก จึงแสดงออกบนจอแสดงผล เช่น ภาพกระตุก หรือเสียงสะดุด ส่วนใหญ่ no signal เลย รออุปกรณ์ทดสอบเชื่อมต่ออีกครั้ง
ส่วนสายที่ดี เทียบกับที่ดีมาก อันนี้ใช้คนดู โดยไม่ใช้เครื่องมือวัดค่า แยกได้ยากมาก
เพราะ error เล็กน้อย ตาคนแยกไม่ออก เช่น จุดสีเสียไม่กี่ pixels จากในจอแสดงอยู่เป็น 2ล้านกว่า pixels ต่อ frame (full hd 1920x1080 i/p) เสี้ยววินาทีเปลี่ยน frame แล้ว ทำให้ดูไม่ออก เว้นแต่เป็นต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้เห็นเป็นจุดรบกวน
แนะนำว่า ควรดูระยะทาง หากสั้นสุด ใช้สายถูก คุณภาพหัวเชื่อมต่อดี ก็เพียงพอแล้ว
หัวเชื่อมต่อสำคัญ หากไม่สนิท เห็นผลเสียได้ชัดเจน
Edited by RockLobster, 23 May 2008 - 12:59 AM.
mrzane 23 May 2008
QUOTE (harts @ May 23 2008, 03:01 PM) <{POST_SNAPBACK}>
จขกท ใช้ system อะไรอยู่บ้างครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณที่สนใจนะครับ ข้างล่างนี้เป็น setup ของผม แต่ผมว่ามันคงไม่เกี่ยวกับ topic ที่เรากำลังคุยกันอยู่ในขณะนี้เท่าไหร่นะครับ เพราะบทความนี้เป็นบทความที่ผมแปลมาครับ (กลัวกระทู้ถูกเบี่ยงเบนประเด็นครับ)
Setup ของผมมี:
Sharp LCD 37" เป็น 720p รุ่น 37bx5m
Denon AVR2808
ลำโพงกะหลั่ว 5.1 ตัวครับ ฮ่าๆๆ กำลังเก็บเงินซื้อชุดใหม่อยู่ มีตัวไหนแนะนำมั้ยครับ
Sony BD Player
Philips DVD Player (with upscaling capability)
ส่วนในห้องนอนผมมี:
PS3
XBOX360
HP LCD Monitor 24"
Creative DDTS 100 Decoder
Creative Gigaworks G550W
harts 23 May 2008
อ่อ LCD เหมือนกันเลยแต่ของผม 42 แล้ว avr ก็เหมือนกันด้วย
เรื่องสาย Hdmi มันก็คงต่างกันนิดๆ ครับ แต่ไม่เห็นผลโดยรวมมาก แต่เรื่องสาย ดิจิตอลที่เสียบเข้า avr ผมว่าเสียงต่างกันเยอะนะครับ
ส่วนลำโพงงบเท่าไหร่อะครับ ^^
เรื่องสาย Hdmi มันก็คงต่างกันนิดๆ ครับ แต่ไม่เห็นผลโดยรวมมาก แต่เรื่องสาย ดิจิตอลที่เสียบเข้า avr ผมว่าเสียงต่างกันเยอะนะครับ
ส่วนลำโพงงบเท่าไหร่อะครับ ^^
tbn_d 23 May 2008
มอง ๆ ดูแล้ว เรื่องภาพนี่ ไม่ค่อยส่งผลถึงส่งก็น้อยมากเพราะการแปลความหมายของ สีอาจจะเข้าใจได้ง่ายในระบบดิจิตอล สั่งแบบไหนก็ได้
แบบนั้นเกือบ 100% แต่เรื่องเสียง ผมคิดว่ามันมาจากการสังเคราะห์โดยเครื่องดนตรี ซึ่งเป็นสิ่งข้อนข้างจะลำบากในการตีความในระบบดิจิตอล
ทั้งเรื่องตัวถอดรหัสและสายรวมถึงตัวรับ ผมว่า เป็น เฟคเตอร์ ทุกอย่างครับ เป็นตัวแปลอิสระ
แบบนั้นเกือบ 100% แต่เรื่องเสียง ผมคิดว่ามันมาจากการสังเคราะห์โดยเครื่องดนตรี ซึ่งเป็นสิ่งข้อนข้างจะลำบากในการตีความในระบบดิจิตอล
ทั้งเรื่องตัวถอดรหัสและสายรวมถึงตัวรับ ผมว่า เป็น เฟคเตอร์ ทุกอย่างครับ เป็นตัวแปลอิสระ
paween_a 25 May 2008
QUOTE (RockLobster @ May 22 2008, 11:00 PM) <{POST_SNAPBACK}>
เห็นด้วยอย่างคุณ Burm บอกไว้
ระยะทางของสาย คือสาเหตุที่ทำให้สายมีหลายเกรด ไม่เหมือนกันครับ
สายราคาสูงขึ้นที่ตัวนำคุณภาพสูงขึ้นด้วย ไม่ใช่แบบที่หลอกขาย
มักจะนำสัญญาณได้ระยะที่ไกลกว่า โดย error ไม่มาก
ขัดบทความที่แปลมานิดตรง digital 0 1 ก็มี error เมื่อถึงปลายทางได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย
จึงมีทฤษฎี error detection/correction จำนวนมากออกมา
หากข้อมูลถึงปลายทาง มี error มากเกินกำหนด เช่น 1 กลายเป็น0, 0กลายเป็น1 เพราะระดับไฟฟ้าเปลี่ยน ทำให้ปลายทางตีความผิด
ทำได้แค่ตรวจจับ แก้ไขปลายทางไม่ได้
ความเร็วส่งระดับ 1,000 ล้านบิทต่อวินาที หากสายไม่ดี อาจเสียสัก 20 ถึง 50ล้านบิทต่อวินาที
และเมื่อเป็นภาพเสียงที่แสดงทันที ไม่ใช่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่รอส่งใหม่กันได้แบบการ copy file (detect แต่ไม่สามารถ correct ต้องใช้ retransmission)
เมื่อมีการส่งข้อมูลซ้ำใหม่อีกรอบ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะข้อมูลนั้นไม่เป็นที่ต้องการแล้ว (เล่นภาพวินาทีถัดไปแล้ว วินาทีที่เสียก่อนหน้า ถึงส่งข้อมูลดีมาใหม่ก็ไร้ค่า)
ดังนั้นเมื่อเกิด error มาก จึงแสดงออกบนจอแสดงผล เช่น ภาพกระตุก หรือเสียงสะดุด ส่วนใหญ่ no signal เลย รออุปกรณ์ทดสอบเชื่อมต่ออีกครั้ง
ส่วนสายที่ดี เทียบกับที่ดีมาก อันนี้ใช้คนดู โดยไม่ใช้เครื่องมือวัดค่า แยกได้ยากมาก
เพราะ error เล็กน้อย ตาคนแยกไม่ออก เช่น จุดสีเสียไม่กี่ pixels จากในจอแสดงอยู่เป็น 2ล้านกว่า pixels ต่อ frame (full hd 1920x1080 i/p) เสี้ยววินาทีเปลี่ยน frame แล้ว ทำให้ดูไม่ออก เว้นแต่เป็นต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้เห็นเป็นจุดรบกวน
แนะนำว่า ควรดูระยะทาง หากสั้นสุด ใช้สายถูก คุณภาพหัวเชื่อมต่อดี ก็เพียงพอแล้ว
หัวเชื่อมต่อสำคัญ หากไม่สนิท เห็นผลเสียได้ชัดเจน
ระยะทางของสาย คือสาเหตุที่ทำให้สายมีหลายเกรด ไม่เหมือนกันครับ
สายราคาสูงขึ้นที่ตัวนำคุณภาพสูงขึ้นด้วย ไม่ใช่แบบที่หลอกขาย
มักจะนำสัญญาณได้ระยะที่ไกลกว่า โดย error ไม่มาก
ขัดบทความที่แปลมานิดตรง digital 0 1 ก็มี error เมื่อถึงปลายทางได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย
จึงมีทฤษฎี error detection/correction จำนวนมากออกมา
หากข้อมูลถึงปลายทาง มี error มากเกินกำหนด เช่น 1 กลายเป็น0, 0กลายเป็น1 เพราะระดับไฟฟ้าเปลี่ยน ทำให้ปลายทางตีความผิด
ทำได้แค่ตรวจจับ แก้ไขปลายทางไม่ได้
ความเร็วส่งระดับ 1,000 ล้านบิทต่อวินาที หากสายไม่ดี อาจเสียสัก 20 ถึง 50ล้านบิทต่อวินาที
และเมื่อเป็นภาพเสียงที่แสดงทันที ไม่ใช่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่รอส่งใหม่กันได้แบบการ copy file (detect แต่ไม่สามารถ correct ต้องใช้ retransmission)
เมื่อมีการส่งข้อมูลซ้ำใหม่อีกรอบ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะข้อมูลนั้นไม่เป็นที่ต้องการแล้ว (เล่นภาพวินาทีถัดไปแล้ว วินาทีที่เสียก่อนหน้า ถึงส่งข้อมูลดีมาใหม่ก็ไร้ค่า)
ดังนั้นเมื่อเกิด error มาก จึงแสดงออกบนจอแสดงผล เช่น ภาพกระตุก หรือเสียงสะดุด ส่วนใหญ่ no signal เลย รออุปกรณ์ทดสอบเชื่อมต่ออีกครั้ง
ส่วนสายที่ดี เทียบกับที่ดีมาก อันนี้ใช้คนดู โดยไม่ใช้เครื่องมือวัดค่า แยกได้ยากมาก
เพราะ error เล็กน้อย ตาคนแยกไม่ออก เช่น จุดสีเสียไม่กี่ pixels จากในจอแสดงอยู่เป็น 2ล้านกว่า pixels ต่อ frame (full hd 1920x1080 i/p) เสี้ยววินาทีเปลี่ยน frame แล้ว ทำให้ดูไม่ออก เว้นแต่เป็นต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้เห็นเป็นจุดรบกวน
แนะนำว่า ควรดูระยะทาง หากสั้นสุด ใช้สายถูก คุณภาพหัวเชื่อมต่อดี ก็เพียงพอแล้ว
หัวเชื่อมต่อสำคัญ หากไม่สนิท เห็นผลเสียได้ชัดเจน
ผมเห็นด้วยกับคุณ RockLobster ทุกประการครับ การเกิด noise จะทำให้มีปัญหาข้างบนดังกล่าวได้ครับ
ไม่ใช่ว่าการเกิด noise นั้น (ที่เกิดจากสายที่มีคุณภาพไม่ดี) จะไม่มีผลต่อคุณภาพของสัญญาณเลยครับ
tekkenman 27 May 2008
ภาพไม่ต่าง เสียงไม่ต่าง แต่ต่างที่เงิน และ วัสดุที่ทำสาย และความกระหยิ่มใจว่าโอ้ววววววว สายของกระผมมันยอดนะ :aha:
tekkenman 27 May 2008
สายถูก ๆ มักมีปัญหานะครับ ภาพหายบ้างล่ะ หัวหลวมไม่ได้มาตรฐานบ้างล่ะ ภาพน่ะไม่ต่าง เสียงไม่ต่าง แต่คุณภาพด้านการใช้งานต่างกันเยอะครับ ตอนนี้ เพลย์สาม ที่มีปัญหาเรื่องภาพ พอเปลี่ยนเป็นสายแท้มียี่ห้อ ก็ไม่มีปัญหากันเลยนะ
Burm 27 May 2008
สาย Monster สุดยอดมากครับ แตกต่างแน่นอน
ที่มาของความแตกต่าง
http://www.gizmorepublic.com/accessories/m...-cable-scam-830
Edited by Burm, 27 May 2008 - 03:58 PM.
ที่มาของความแตกต่าง
http://www.gizmorepublic.com/accessories/m...-cable-scam-830
QUOTE
Spoil
ทีวีนึงต่อสาย HDMI Monster อีกตัวนึงใช้สาย Composit หรือสาย AV ธรรมดา
บูธนี้ตั้งในร้านค้าร้านหนึ่ง
ทีวีนึงต่อสาย HDMI Monster อีกตัวนึงใช้สาย Composit หรือสาย AV ธรรมดา
บูธนี้ตั้งในร้านค้าร้านหนึ่ง
Edited by Burm, 27 May 2008 - 03:58 PM.
Wiistation360 27 May 2008
ยังไงก็ต่างครับสายแพงกับสายถูก ลูกค้าเพิ่อนผมหลายคนได้ลองใช้ปลั๊กไฟ Wattgate เอาไปลองแล้วบอกไม่กล้าถอด กลัวเสียงไม่เหมือนเดิม ปลั๊กไฟตัวละ 7000 เขายังยอมซื้อมาเล่นกัน สายสัญญาณเสียงดิจิตอล ลองแบบเป็น OFC, LC-OFC, 6NLC เสียงมันก็ต่างกันทั้งนั้น เครื่องเสียงกับจอภาพมันผลิตไว้ให้คนดูครับ ไม่ได้เอาไว้อ้างอิงทฤษฐีหรือเอาไว้จับสโค๊ปเล่นๆ
mannoza 27 May 2008
QUOTE (Burm @ May 27 2008, 03:58 PM) <{POST_SNAPBACK}>
สาย Monster สุดยอดมากครับ แตกต่างแน่นอน
ที่มาของความแตกต่าง
http://www.gizmorepublic.com/accessories/m...-cable-scam-830
ที่มาของความแตกต่าง
http://www.gizmorepublic.com/accessories/m...-cable-scam-830
เอิ๊กๆ เว็บนี้ผมก็ไปเห็นมาตอนที่ค้นหาข้อมูลเรื่องสายถูก/แพงจากอินเตอร์เน็ต
ขำๆ นะ คงไม่ได้ทำแบบนี้กันทุกร้านน่า หุหุหุหุ
Cluangar 10 Jun 2008
เห็นหัวข้อนี้นึกถึงสมัยก่อนมีนักคอมท่านนึงที่ไปพิสูจน์เรื่องแผ่นเขียน audio cd กับเหล่าเกจิ audiophile อ่านแล้วขำๆมันส์ๆ สำหรับผมอยู่ฝั่ง com การส่งเป็น digital นั่นเขามีมาตราฐานตามหลักวิทยาศาสตร์ การส่งข้อมูลแบบ digital มันการันตรีเรื่องข้อมูลอย่างไรเสียต้องเหมือนต้นฉบับ ถ้าการส่งเกิดผิดพลาดระดับชั้น physical layer เขามีกระบวนการในการตรวจสอบเพื่อทำการส่งข้อมูลส่วนที่เสียหายกลับมาได้ซึ่งต่างจะ analog ที่ไม่ได้กระบวนการพวกนี้ media ที่เป็นตัวกลางในการส่งสัญญาณต่างๆในโลก digital เขามีกฎกติกาชัดเจน สายส่งข้อมูลอะไรถ้าเป็นไปมาตราฐานกลางเช่น ieee ย่อมทำงานได้อย่างถูกต้อง คุณจะซื้อสายที่เกินกว่ามาตราฐานมันก็ไม่ได้ช่วยให้ข้อมูลที่วิ่งผ่านสายสัญญาณต่างก
ัน
ัน
Ongsama 18 Jun 2008
สายราคาถูกมีปัญหาจริงๆหรอครับ
เริ่มหวั่นๆแล้ว ตอนแรกอ่านเห็นราคาถูกกับแพงการแสดงภาพไม่ต่างกัน เลยกะจะฝากพ่อซื้อแล้ว แต่ถ้ามันมีปัญหาแบบภาพไม่ติด หรืออะไรพวกนี้ ผมอาจจะต้องเก็บเงินซื้อสายแพงไปเลยดีกว่ามั้ง
เริ่มหวั่นๆแล้ว ตอนแรกอ่านเห็นราคาถูกกับแพงการแสดงภาพไม่ต่างกัน เลยกะจะฝากพ่อซื้อแล้ว แต่ถ้ามันมีปัญหาแบบภาพไม่ติด หรืออะไรพวกนี้ ผมอาจจะต้องเก็บเงินซื้อสายแพงไปเลยดีกว่ามั้ง
mrzane 18 Jun 2008
QUOTE (Ongsama @ Jun 18 2008, 07:59 AM) <{POST_SNAPBACK}>
สายราคาถูกมีปัญหาจริงๆหรอครับ
เริ่มหวั่นๆแล้ว ตอนแรกอ่านเห็นราคาถูกกับแพงการแสดงภาพไม่ต่างกัน เลยกะจะฝากพ่อซื้อแล้ว แต่ถ้ามันมีปัญหาแบบภาพไม่ติด หรืออะไรพวกนี้ ผมอาจจะต้องเก็บเงินซื้อสายแพงไปเลยดีกว่ามั้ง
เริ่มหวั่นๆแล้ว ตอนแรกอ่านเห็นราคาถูกกับแพงการแสดงภาพไม่ต่างกัน เลยกะจะฝากพ่อซื้อแล้ว แต่ถ้ามันมีปัญหาแบบภาพไม่ติด หรืออะไรพวกนี้ ผมอาจจะต้องเก็บเงินซื้อสายแพงไปเลยดีกว่ามั้ง
จริงๆ แล้วมันต้องแยกนิดนึงครับ ระหว่าง สายราคาถูก กับ สายราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน ครับผม สองตัวนี้ต่างกันพอสมควรเลย
nickname026 18 Jun 2008
จากประสบการณ์นะครับ พอดีที่บ้านผมมีสาย HDMI 2 เส้นครับ เส้นนึงแถมมากับทีวีราคาประมาณไม่กี่ร้อยบาทครับ อีกเส้นผมซื้อมาครับของ SONY(ไม่ได้ดีไรมากมายอะ)ลองต่อกับ PS3 แล้วได้ผมที่แตกต่างกันอย่างแน่นอนครับและสามารถสังเกตุเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยด้วยคร
ับ
อันนี้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ
" แม้การนำสัญญาณที่เป็นแบบดิจิตอลไม่ควรจะมีการสูญเสีย ซึ่งถ้ามองในด้านของ computer ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูล แล้วสัญญาณปลายทางกับต้นทางที่ได้จากการส่งแบบดิจิตอล จะเหมือนกัน
แต่ในเชิงของการเล่นเครื่องเสียง มันจะมี factor ในด้านบุคลิกที่เกิดจากลักษณะตัวนำ,การเคลือบเงิน หรือการถักเกลียว อะไรต่างๆเหล่านี้ก็เป็นที่มาของความแตกต่างประการหนึ่ง
สองคือคุณภาพของตัวนำ ทั้งตัวสาย ตัวหัวและการเชื่อมสายที่ต้องใช้ตะกั่วบัดกรี สายแพงๆเค้าอาจจะใช้ตะกั่วเงินเกรดสูงหรือใช้วิธีบีบอัดโดยไม่ใช้ตะกั่ว ตัวหัวมีการเคลือบทอง ตัวนำก็เป็นทองแดงคุณภาพดี ซึ่งก็มีผลต่อคุณภาพเสียงออกมามากพอสมควร
สามคือเรื่องของชีลด์ ที่สายแพงๆจะกันสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า บางเส้นอาจมีชีลด์มากถึง 3-4 ชั้น ต่างจากสายเส้นถูกๆอาจมีชั้นเดียวและไม่ดีมาก ซึ่งถ้ามองในด้านภาพจะเห็นเป็น noise เยอะกว่า ถ้ามองในด้านเสียง noise พวกนี้ก็สามารถฟังออก เสียงจะคลุมเคลือแย่ลง
รวมๆหลายๆอย่าง+ลองฟังด้วยหู จะรู้ว่าสาย HDMI แต่ละเส้นจะมีความแตกต่างและมีบุคลิกของตัวเองอยู่แน่นอน เครื่องเสียงมันก็อย่างนี้ละครับ ถ้าเอาเหตุผลทางทฤษฎีมาอธิบาย หลายๆเรื่องก็ตอบคำถามได้ไม่หมด
คิดๆแล้วเรื่องนี้มันก็คงเหมือนกับเรื่องของสายๆไฟ ที่คนไม่เคยลองจะบอกว่ามันไม่น่าต่างกัน แซวกันบ่อยๆว่าเอาสายแพงๆไปเสียบเตารีดแล้วมันจะร้อนขึ้นมั้ย เสียบตู้เย็นจะเย็นกว่าปกติรึเปล่า ถ้ามองในด้านเทคนิก ตัวนำมันก็เหมือนๆกัน จะทองแดงดีไม่ดีมันก็นำไฟได้เหมือนๆกัน ไม่น่าต่าง จะเสียงชัดขึ้นใสขึ้น มีมิติทรวดทรงดีขึ้นไม่น่าเป็นไปได้
ก็คงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนที่เล่นเครื่องเสียงถอนตัวไม่ขึ้น และคนที่ไม่ได้เล่นจะไม่เข้าใจ เอาแค่ผมไปคุยกับเพื่อนเรื่องพวกนี้ หลายๆคนก็หัวเราะ แซวกันจนสนุก บางคนแซวแรงๆว่า เพี้ยนหรือเป็นอะไรมากรึเปล่าซื้อสายเล่นเส้นเป็นหมื่นๆ บางเส้นซื้อมอไซค์ได้คัน เรื่องอย่างนี้ต้องลองอย่างไม่มีอคติแล้วจะเข้าใจครับ"
อันนี้ผมเอามาเป็นข้อความของคุณชัยวัฒน์ ร้านปิยะนัสครับ http://www.piyanas.com/webboard/detail.php?id=2559
ลองใช้วิจารณญานแล้วการทดลองจริงกันดูนะครับ
ับ
อันนี้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ
" แม้การนำสัญญาณที่เป็นแบบดิจิตอลไม่ควรจะมีการสูญเสีย ซึ่งถ้ามองในด้านของ computer ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นข้อมูล แล้วสัญญาณปลายทางกับต้นทางที่ได้จากการส่งแบบดิจิตอล จะเหมือนกัน
แต่ในเชิงของการเล่นเครื่องเสียง มันจะมี factor ในด้านบุคลิกที่เกิดจากลักษณะตัวนำ,การเคลือบเงิน หรือการถักเกลียว อะไรต่างๆเหล่านี้ก็เป็นที่มาของความแตกต่างประการหนึ่ง
สองคือคุณภาพของตัวนำ ทั้งตัวสาย ตัวหัวและการเชื่อมสายที่ต้องใช้ตะกั่วบัดกรี สายแพงๆเค้าอาจจะใช้ตะกั่วเงินเกรดสูงหรือใช้วิธีบีบอัดโดยไม่ใช้ตะกั่ว ตัวหัวมีการเคลือบทอง ตัวนำก็เป็นทองแดงคุณภาพดี ซึ่งก็มีผลต่อคุณภาพเสียงออกมามากพอสมควร
สามคือเรื่องของชีลด์ ที่สายแพงๆจะกันสัญญาณรบกวนได้ดีกว่า บางเส้นอาจมีชีลด์มากถึง 3-4 ชั้น ต่างจากสายเส้นถูกๆอาจมีชั้นเดียวและไม่ดีมาก ซึ่งถ้ามองในด้านภาพจะเห็นเป็น noise เยอะกว่า ถ้ามองในด้านเสียง noise พวกนี้ก็สามารถฟังออก เสียงจะคลุมเคลือแย่ลง
รวมๆหลายๆอย่าง+ลองฟังด้วยหู จะรู้ว่าสาย HDMI แต่ละเส้นจะมีความแตกต่างและมีบุคลิกของตัวเองอยู่แน่นอน เครื่องเสียงมันก็อย่างนี้ละครับ ถ้าเอาเหตุผลทางทฤษฎีมาอธิบาย หลายๆเรื่องก็ตอบคำถามได้ไม่หมด
คิดๆแล้วเรื่องนี้มันก็คงเหมือนกับเรื่องของสายๆไฟ ที่คนไม่เคยลองจะบอกว่ามันไม่น่าต่างกัน แซวกันบ่อยๆว่าเอาสายแพงๆไปเสียบเตารีดแล้วมันจะร้อนขึ้นมั้ย เสียบตู้เย็นจะเย็นกว่าปกติรึเปล่า ถ้ามองในด้านเทคนิก ตัวนำมันก็เหมือนๆกัน จะทองแดงดีไม่ดีมันก็นำไฟได้เหมือนๆกัน ไม่น่าต่าง จะเสียงชัดขึ้นใสขึ้น มีมิติทรวดทรงดีขึ้นไม่น่าเป็นไปได้
ก็คงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนที่เล่นเครื่องเสียงถอนตัวไม่ขึ้น และคนที่ไม่ได้เล่นจะไม่เข้าใจ เอาแค่ผมไปคุยกับเพื่อนเรื่องพวกนี้ หลายๆคนก็หัวเราะ แซวกันจนสนุก บางคนแซวแรงๆว่า เพี้ยนหรือเป็นอะไรมากรึเปล่าซื้อสายเล่นเส้นเป็นหมื่นๆ บางเส้นซื้อมอไซค์ได้คัน เรื่องอย่างนี้ต้องลองอย่างไม่มีอคติแล้วจะเข้าใจครับ"
อันนี้ผมเอามาเป็นข้อความของคุณชัยวัฒน์ ร้านปิยะนัสครับ http://www.piyanas.com/webboard/detail.php?id=2559
ลองใช้วิจารณญานแล้วการทดลองจริงกันดูนะครับ
boXy 20 Jun 2008
ส่วนสำคัญของสายสำหรับงาน HD น่าจะอยู่ที่ความสามารถในการส่งผ่านสัญญาณที่มีแบนด์วิทช์สูงๆ
ยิ่ง resolution สูงแบนด์วิทช์ยิ่งสูง ยิ่งมีความต้องการส่วนสัญญาณเสียงที่มีข้อมูลมากๆก็ยิ่งต้องการแบนด์วิทช์ที่สูง
แบนด์วิทซ์สูงๆ ก็ประกอบด้วยความถี่ (fundamental frequency) ต่ำไปยันความถี่สูง ก็ต้องการการตัวนำส่งที่ดีมาก เพื่อไม่ให้เกิดการลดทอนสัญญาณด้วยเฉพาะช่วงความถี่สูงๆ
สัญญาณดิจิตอล ที่เป็น 1 0 ก็คือลักษณะสัญญาณคลื่นสี่เหลี่ยม ซึ่งประกอบด้วยสัญญาณซายเวฟจำนวนมากๆจากความถี่ต่ำไปถึงความถี่สูง(Harmonic) ถ้าสัญญาณ 101010 มีความถี่สูง harmonic ก็ยิ่งมีความถี่สูงตาม และถูกลดทอนได้ง่ายจากตัวนำคุณภาพต่ำๆ และมีความยาวมากๆ ซึ่งมีโอกาสเปิดรับสัญญาณรบกวนได้มากขึ้นด้วย
ถ้าสัญญาณ 1010 ถูกลดทอนมากไปก็อาจทำให้ภาครับตีความผิดพลาดว่าเป็น 1 หรือ 0 ได้
ดังนั้น สายแพงๆก็มักมีคุณสมบัติในการลดทอน หรือถูกรบกวนต่ำกว่า แต่ในทางดิจิตอลมันก็มีจุดยอมรับได้อยู่จุดหนึ่งที่สายถูกหรือแพงก็ให้คุณภาพเดียวกั
น สัญญาณถูกส่งไปถึงปลายทางเหมือนกันเป๊ะ ถึงแม้สายราคาถูกจะมีการลดทอนไปบ้างแต่ก็ไม่มีผลต่อการตีความ ความเป็น 1 หรือ 0
ถ้าคุณใช้สัญญาณระดับสูงมาก (Resolution ของภาพ และ เสียง kbps สูง) และจำเป็นต้องใช้สายยาวๆ ก็ควรเลือกเส้นโตๆ และมีการป้องกันสัญญาณรบกวนที่ดี เพื่อลดโอกาสที่สัญญาณที่ปลายทางรับได้จะผิดเพี้ยนเกินกว่าจะอ่านเป็น 1 หรือ 0 ที่ถูกต้อง
เพราะการเกิดข้อผิดพลาดขึ้น อาจไม่ถึงกับทำให้ภาพไม่ปรากฏที่จอ (Synch. ไม่เสีย) แต่อาจเห็นสีเพี้ยนได้ เพราะการส่งสีญญาณพวกนี้จะเหมือน streaming คือผิดก็คือผิด ไม่มีการร้องของให้ตัวส่งส่งซ้ำ
ความเป็นดิจิตอล เหนือกว่าอนาล็อกก็ตรงที่มันทนทานต่อการรบกวนได้ดีกว่า
จากรูปแสดงคุณลักษณะคุณภาพของสัญญาณต่อการถูกรบกวนและการลดทอนสัญญาณ ของข้อมูลต้นฉบับที่สร้างขึ้นในแบบดิจิตอล ก็คือสัญญาณที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้น (จะต่างจากกรณีสัญญาณต้นฉบับที่เป็นอนาล็อกเช่นเสียง ที่ถูกแปลงเป็นดิจิตอล) ก็คือสัญญาณถูกสร้างขึ้นแบบใดก็ควรถูกนำส่งแบบนั้น
สัญญาณต้นฉบับที่เป็นดิจิตอลถูกส่งออกไปแบบดิจิตอล (เส้นสีแดง) ก็จะมีคุณภาพตรงตามต้นฉบับ ผ่านไปในระบบที่มีสัญญาณรบกวนหรือมีการลดทอนถึงจุดๆหนึ่งที่สัญาญปลายทางยังมีความถู
กต้องอยู่ แต่ถ้าเลยจุดนั้นไปคุณภาพจะตกเร็วมาก แทบใช้การไม่ได้จนถึงใช้การไม่ได้เลย (เพราะแยกไม่ออกว่า 1 หรือ 0) ขณะที่สัญญาณอนาล็อกยังให้ผลดีกว่า
การส่งสัญญาณต้นฉบับแบบดิจิตอลแท้ๆ ไปในแบบอนาล็อก จะต้องมีการแปลงสัญญาณเป็นอนาล็อกก่อน (D to A convertor) ย่อมมีความเพี้ยนของการแปลงเกืดขึ้นบ้าง มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวแปลง แต่จะให้เหมือนต้นฉบับคงไม่ได้ (อาจจะเหมือน 99.9%)
สัญญาณอนาล็อก เมื่อผ่านไปในสายก็ย่อมถูกลดทอนค่าจริงลง จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความต้านทานของสายนำสัญญาณ สีแดงสดๆก็อาจเหลือแดงเกือบสด เป็นต้น ที่เราอาจปรับแก้หรือชดเชยได้ที่ตัวรับ
จากรูป สายนำสัญญาณดิจิตอลที่มีราคาถูกอาจมีค่าการลดทอนหรือการถูกรบกวนใกล้จัดหักของเส้นสี
แดง (แต่ยังอยู่ในพื้นที่ซ้ายมือของจุดหัก) ก็จะไม่มีความแตกต่างจากสายราคาแพงที่อาจให้คุณสมบัตืการลดทอนหรือรบกวนใกล้ๆจุดซ้าย
สุดของกราฟ
ปัญหาอยู่ที่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสายราคาถูกมันมีคุณสมบัติอยู่ตรงจุดไหน ก็คงต้องทดลองแล้วเอามาแชร์ประสบการณ์กัน
ยิ่ง resolution สูงแบนด์วิทช์ยิ่งสูง ยิ่งมีความต้องการส่วนสัญญาณเสียงที่มีข้อมูลมากๆก็ยิ่งต้องการแบนด์วิทช์ที่สูง
แบนด์วิทซ์สูงๆ ก็ประกอบด้วยความถี่ (fundamental frequency) ต่ำไปยันความถี่สูง ก็ต้องการการตัวนำส่งที่ดีมาก เพื่อไม่ให้เกิดการลดทอนสัญญาณด้วยเฉพาะช่วงความถี่สูงๆ
สัญญาณดิจิตอล ที่เป็น 1 0 ก็คือลักษณะสัญญาณคลื่นสี่เหลี่ยม ซึ่งประกอบด้วยสัญญาณซายเวฟจำนวนมากๆจากความถี่ต่ำไปถึงความถี่สูง(Harmonic) ถ้าสัญญาณ 101010 มีความถี่สูง harmonic ก็ยิ่งมีความถี่สูงตาม และถูกลดทอนได้ง่ายจากตัวนำคุณภาพต่ำๆ และมีความยาวมากๆ ซึ่งมีโอกาสเปิดรับสัญญาณรบกวนได้มากขึ้นด้วย
ถ้าสัญญาณ 1010 ถูกลดทอนมากไปก็อาจทำให้ภาครับตีความผิดพลาดว่าเป็น 1 หรือ 0 ได้
ดังนั้น สายแพงๆก็มักมีคุณสมบัติในการลดทอน หรือถูกรบกวนต่ำกว่า แต่ในทางดิจิตอลมันก็มีจุดยอมรับได้อยู่จุดหนึ่งที่สายถูกหรือแพงก็ให้คุณภาพเดียวกั
น สัญญาณถูกส่งไปถึงปลายทางเหมือนกันเป๊ะ ถึงแม้สายราคาถูกจะมีการลดทอนไปบ้างแต่ก็ไม่มีผลต่อการตีความ ความเป็น 1 หรือ 0
ถ้าคุณใช้สัญญาณระดับสูงมาก (Resolution ของภาพ และ เสียง kbps สูง) และจำเป็นต้องใช้สายยาวๆ ก็ควรเลือกเส้นโตๆ และมีการป้องกันสัญญาณรบกวนที่ดี เพื่อลดโอกาสที่สัญญาณที่ปลายทางรับได้จะผิดเพี้ยนเกินกว่าจะอ่านเป็น 1 หรือ 0 ที่ถูกต้อง
เพราะการเกิดข้อผิดพลาดขึ้น อาจไม่ถึงกับทำให้ภาพไม่ปรากฏที่จอ (Synch. ไม่เสีย) แต่อาจเห็นสีเพี้ยนได้ เพราะการส่งสีญญาณพวกนี้จะเหมือน streaming คือผิดก็คือผิด ไม่มีการร้องของให้ตัวส่งส่งซ้ำ
ความเป็นดิจิตอล เหนือกว่าอนาล็อกก็ตรงที่มันทนทานต่อการรบกวนได้ดีกว่า
จากรูปแสดงคุณลักษณะคุณภาพของสัญญาณต่อการถูกรบกวนและการลดทอนสัญญาณ ของข้อมูลต้นฉบับที่สร้างขึ้นในแบบดิจิตอล ก็คือสัญญาณที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้น (จะต่างจากกรณีสัญญาณต้นฉบับที่เป็นอนาล็อกเช่นเสียง ที่ถูกแปลงเป็นดิจิตอล) ก็คือสัญญาณถูกสร้างขึ้นแบบใดก็ควรถูกนำส่งแบบนั้น
สัญญาณต้นฉบับที่เป็นดิจิตอลถูกส่งออกไปแบบดิจิตอล (เส้นสีแดง) ก็จะมีคุณภาพตรงตามต้นฉบับ ผ่านไปในระบบที่มีสัญญาณรบกวนหรือมีการลดทอนถึงจุดๆหนึ่งที่สัญาญปลายทางยังมีความถู
กต้องอยู่ แต่ถ้าเลยจุดนั้นไปคุณภาพจะตกเร็วมาก แทบใช้การไม่ได้จนถึงใช้การไม่ได้เลย (เพราะแยกไม่ออกว่า 1 หรือ 0) ขณะที่สัญญาณอนาล็อกยังให้ผลดีกว่า
การส่งสัญญาณต้นฉบับแบบดิจิตอลแท้ๆ ไปในแบบอนาล็อก จะต้องมีการแปลงสัญญาณเป็นอนาล็อกก่อน (D to A convertor) ย่อมมีความเพี้ยนของการแปลงเกืดขึ้นบ้าง มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของตัวแปลง แต่จะให้เหมือนต้นฉบับคงไม่ได้ (อาจจะเหมือน 99.9%)
สัญญาณอนาล็อก เมื่อผ่านไปในสายก็ย่อมถูกลดทอนค่าจริงลง จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับความต้านทานของสายนำสัญญาณ สีแดงสดๆก็อาจเหลือแดงเกือบสด เป็นต้น ที่เราอาจปรับแก้หรือชดเชยได้ที่ตัวรับ
จากรูป สายนำสัญญาณดิจิตอลที่มีราคาถูกอาจมีค่าการลดทอนหรือการถูกรบกวนใกล้จัดหักของเส้นสี
แดง (แต่ยังอยู่ในพื้นที่ซ้ายมือของจุดหัก) ก็จะไม่มีความแตกต่างจากสายราคาแพงที่อาจให้คุณสมบัตืการลดทอนหรือรบกวนใกล้ๆจุดซ้าย
สุดของกราฟ
ปัญหาอยู่ที่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสายราคาถูกมันมีคุณสมบัติอยู่ตรงจุดไหน ก็คงต้องทดลองแล้วเอามาแชร์ประสบการณ์กัน
mannoza 20 Jun 2008
เว็บนี้มีทดสอบเทียบไว้ครับ
The Truth About Monster Cable
The Truth About Monster Cable, Part 2 (Verdict: Cheap Cables Keep Up... Usually)
The Truth About Monster Cable, Part 3 - Grand Finale
บทสรุปดูเหมือนว่าจะขึ้นอยู่กับความยาวของสาย
ลองอ่านดูละกันครับผม
The Truth About Monster Cable
The Truth About Monster Cable, Part 2 (Verdict: Cheap Cables Keep Up... Usually)
The Truth About Monster Cable, Part 3 - Grand Finale
บทสรุปดูเหมือนว่าจะขึ้นอยู่กับความยาวของสาย
ลองอ่านดูละกันครับผม
nnnn 30 Jun 2008
แต่เหยื่อบางคน รู้ทั้งรู้ แต่ก้อยอมเป็นเหยื่อ ซึ่งเหยื่อประเภทนี้ อย่าได้ไปชวนคุยนะครับ ไม่จบ และไม่ยอมรับเหตุผลใดๆ
QUOTE (t610 @ May 20 2008, 05:11 PM) <{POST_SNAPBACK}>
จริงช่วยๆ กันให้ข้อมูลกันก็ดีครับ เพราะตอนนี้มีเหยื่อโดนหลอกทุกวัน อย่างกระทู้นี้ ใครบอกว่าสาย HDMI ถูกๆไม่ต่างอะไรกับของแพง โดนยำเละ โดยเฉพาะนาย AV.อะไรนั่นที่เป็นคนขายสาย บอกชัดๆ HDMI มันส่งสัญญาณแบบ Analog และคนที่แยกไม่ออกระหว่างของแพงกับของถูกเป็นพวกขาดประสบการณ์หรือ system ที่ทดสอบไม่ดีพอไปชิบ
http://forum.thaidvd.net/index.php?showtopic=34169&st=20
นี่คือตัวอย่างที่พี่เขายกมา
http://forum.thaidvd.net/index.php?showtopic=34169&st=20
นี่คือตัวอย่างที่พี่เขายกมา
RTM 06 Jul 2008
ผมก็มีประสบการณ์กับตัว เครื่องที่บ้านนี่แหล่ะ
แต่เดิมผมมีสาย HDMI ของ xtremeHD อยู่เส้นนึง ซื้อมาใช้ได้สักปีแล้วล่ะ
พอดีมีความจำเป็นต้องไปซื้อมาใช้อีกเส้น เพราะขี้เกียจถอดสับไปมาระหว่าง PS3 กับ HTPC
ไม่รู้จะซื้อไรก็เลยเอามันยี่ห้อเดิม รุ่นเดิมนี่แหล่ะ 2 เมตร ราคาพันนึง
พอลองเอาเส้นใหม่ต่อกับ PS3 เปิด 1080p คับ แทนเส้นเดิมที่หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ
ปรากฏว่ามันต่างแหะ
คือสว่างขึ้น แล้วก็คมขึ้นนิ๊ดดนึง เหมือนมี sharpen สีแปร๋นขึ้น ถึงจะไม่มากแต่ก็รู้สึกได้อ่ะคับ
เพราะคนที่บ้านที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยยังทักว่าทำไมมันสีมันจัดขึ้น
ผมว่าเรื่องวัสดุนี่ก็มีผลพอสมควรเลย ขนาดยี่ห้อเดียวกัน ซื้อคนละปี คนละ lot ภาพที่ได้ยังต่างกัน
เคยถามเพื่อนเหมือนกันที่เคยลองเอาสายราคากลางๆ ไปเทียบกับสาย HDMI ที่แถมมากับ Player บางตัว
ผลที่ได้ก็ต่างกันมากนิดหน่อย คำตอบที่ได้ก็คล้ายๆ กันคือสว่างขึ้นหน่อยนึง
แล้วพอเอาสายเทพมาลองเทียบกะตัวกลางๆ ก็ไม่ค่อยรู้สึกแล้วล่ะ
ผมว่าความแตกต่างระหว่างสายเส้นละ 300 บาท กับสายเส้นละ 1000 บาทนี่ก็อาจจะรู้สึกได้
แต่พอเอาเส้นละ 1000 ไปเทียบกับเส้นละ 5000 นี่มันไม่น่าจะต่างกันมากเท่ากับจำนวนเงินที่จ่ายไป
ผมเห็นด้วยกะ Rep ข้างบนนะที่ว่าวัสดุที่ใช้มันอาจจะช่วยให้อะไรดีขึ้นกว่าสายแถมราคาถูก
แต่ถ้าต้องจ่ายเส้นละ 3000-5000 นี่ออกจะไรสาระไปหน่อย เพราะผลที่ได้มันไม่ค่อยคุ้มเลย
แต่เดิมผมมีสาย HDMI ของ xtremeHD อยู่เส้นนึง ซื้อมาใช้ได้สักปีแล้วล่ะ
พอดีมีความจำเป็นต้องไปซื้อมาใช้อีกเส้น เพราะขี้เกียจถอดสับไปมาระหว่าง PS3 กับ HTPC
ไม่รู้จะซื้อไรก็เลยเอามันยี่ห้อเดิม รุ่นเดิมนี่แหล่ะ 2 เมตร ราคาพันนึง
พอลองเอาเส้นใหม่ต่อกับ PS3 เปิด 1080p คับ แทนเส้นเดิมที่หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ
ปรากฏว่ามันต่างแหะ
คือสว่างขึ้น แล้วก็คมขึ้นนิ๊ดดนึง เหมือนมี sharpen สีแปร๋นขึ้น ถึงจะไม่มากแต่ก็รู้สึกได้อ่ะคับ
เพราะคนที่บ้านที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยยังทักว่าทำไมมันสีมันจัดขึ้น
ผมว่าเรื่องวัสดุนี่ก็มีผลพอสมควรเลย ขนาดยี่ห้อเดียวกัน ซื้อคนละปี คนละ lot ภาพที่ได้ยังต่างกัน
เคยถามเพื่อนเหมือนกันที่เคยลองเอาสายราคากลางๆ ไปเทียบกับสาย HDMI ที่แถมมากับ Player บางตัว
ผลที่ได้ก็ต่างกันมากนิดหน่อย คำตอบที่ได้ก็คล้ายๆ กันคือสว่างขึ้นหน่อยนึง
แล้วพอเอาสายเทพมาลองเทียบกะตัวกลางๆ ก็ไม่ค่อยรู้สึกแล้วล่ะ
ผมว่าความแตกต่างระหว่างสายเส้นละ 300 บาท กับสายเส้นละ 1000 บาทนี่ก็อาจจะรู้สึกได้
แต่พอเอาเส้นละ 1000 ไปเทียบกับเส้นละ 5000 นี่มันไม่น่าจะต่างกันมากเท่ากับจำนวนเงินที่จ่ายไป
ผมเห็นด้วยกะ Rep ข้างบนนะที่ว่าวัสดุที่ใช้มันอาจจะช่วยให้อะไรดีขึ้นกว่าสายแถมราคาถูก
แต่ถ้าต้องจ่ายเส้นละ 3000-5000 นี่ออกจะไรสาระไปหน่อย เพราะผลที่ได้มันไม่ค่อยคุ้มเลย