หลังจาก Draft ไว้ซะนานในที่สุดก็เสร็จซะทีสำหรับบทสัมภาษณ์ตอนที่ 2
บทสัมภาษณ์ อ.อิโนะอุเอะ (Vagabond) กับ อ.โอดะ (One Piece) ตอนที่ 2
คนสัมภาษณ์ : อ.โอดะเริ่มอ่าน Vagabond ตั้งแต่ตอนไหนครับ?
อ.โอดะ : ผมเริ่มอ่านตอนที่ฉบับรวมเล่มเริ่มวางจำหน่ายไปแล้ว โดยอ่านรวดเดียวเลย แน่นอนว่าผมมี Vagabond ทุกๆเล่ม หลังจากที่เรื่องนี้เริ่มลงตีพิมพ์ ทำให้เกิดกระแสท่ามกลางพวกเรากลุ่มนักเขียนการ์ตูนรุ่นใหม่ มันให้ความรู้สึกถึงเสน่ห์ที่น่าสนใจ, ธีมของเรื่องที่ลึก และเหนือสิ่งอื่นใดทำให้รู้สึกอยากเห็นงานศิิลปะของอ.อิโนะอุเอะมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับไม่รู้ว่าอาจารย์มีความสามารถด้านศิลปะมากถึงขนาดไหนกันแน่ ผมรู้สึกถูกดึงดูดเข้าไปสู่งานของอาจารย์ตั้งแต่เรื่อง Purple Kaeda
อ.อิโนะอุเอะ : อืม ผมมั่นใจว่าผมได้พัฒนาการวาดมากขึ้นหลังจากเรื่องนั้น แต่ว่ามันแปลกอย่างหนึ่ง ตอนที่ผมเขียนเรื่อง Purple Kaeda ผมคิดว่า "ผมก็เป็นนักวาดฝีมือดีคนหนึ่ง!" (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ ผมแทบไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปให้ใครดูเลย
อ.โอดะ : ผมได้ไปดูงานแสดงศิลปะของอ.อิโนะอุเอะ (Last Manga Exhibition) และผมแทบจะไม่เข้าใจความหมายของภาพเลย ว่าภาพไหนเป็นภาพที่สวยหรือเป็นภาพของอะไร เพราะว่ามันเป็นอะไรที่อยู่เหนือความเข้าใจของผมขึ้นไป ภาพพวกนี้มันวาดมาได้ยังไง? ยกตัวอย่างเช่น ภาพวาดมุซาชิที่ทางเข้าด้านหน้า มันเป็นรูปที่ใหญ่มากแต่สัดส่วนต่างๆแทบไม่มีผิดเพี้ยนไปแม้แต่น้อย
อ.อิโนะอุเอะ : จริงๆแล้ว ถ้าอ.โอดะมองดีๆ จะเห็นว่าสัดส่วนมันเบี้ยวไปเหมือนกัน มันมีหลายๆรูปในงานแสดงที่ผมก็กังวลเกี่ยวกับมันเหมือนกัน
อ.โอดะ : แต่ผมไม่คิดยังงั้นเลยนะครับ ทุกๆผลงานล้วนน่าทึ่งและอยู่เหนือกว่าระดับที่ผมจะสามารถอธิบายได้
ช่วงหลังๆมานี้ ผมเริ่มสนใจในศิลปะยุคเอโดะ ผู้คนในยุคนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้, ไม่มีร้านการ์ตูน และผมคิดว่าไม่น่าจะมีสื่อบันเทิงในรูปแบบต่างๆที่จะใช้เวลากับมันเหมือนในปัจจุบัน ในแง่นึงสิ่งนี้ทำให้คนสมัยนั้นสามารถให้เวลาและความสำคัญกับงานฝีมืิอมากกว่าในปัจจุบัน เพราะเหตุนี้ทำให้เค้าสามารถทำในสื่งที่คนทั่วๆไปในปัจจุบันไม่สามารถเปรียบเทียบได้ เมืื่่อผมดูงานในสมัยนั้น มันดูน่ามหัศจรรย์มาก แม้แต่ในภาพวาดทั่วไป เค้ายังสามารถขีดเขียนเส้นที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ต่อให้ใช้คนที่มีทักษะสูงในปัจจุบันยังยากที่จะลอกเลียนแบบได้
ผมคิดว่างานศิลปะของอ.อิโนะอุเอะมีกลิ่นอายในระดับเดียวกันกับงานศิลปะของยุุคเอโดะ มันทำให้ผมสงสัยว่านักวาดสมัยใหม่จะสามารถวาดภาพพวกนี้ได้หรือ?
อ.อิโนะอุเอะ : ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ (หัวเราะ)
อ.โอดะ : และในงานแสดงภาพวาดของอาจารย์ ยังมีภาพวาดถึง 150 รูปใช่มั้ยครับ? มันแทบไม่น่าเชื่อเลยนะครับ
อ.อิโนะอุเอะ : ถ้าอ.โอดะถูกกดดันจากคนรอบข้างมากๆ ก็สามารถทำในสิ่งที่น่าประหลาดใจแบบนี้ได้เช่นกัน
อ.โอดะ : ผมเคยถูกกดดันจากกำหนดส่งงานหลายๆครั้ง แม้ว่าผมจะสามารถผ่านเหตุการณ์์เหล่านั้นมาได้ แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้แบบที่อ.อิโนะอุเอะทำแน่ๆ
อ.อิโนะอุเอะ : ถ้ามันเป็นงานศิลปะของเรา เราจะสามารถทำมันได้
อ.โอดะ : ไม่ ไม่เลยครับ ผมไม่สามารถอย่างนั้นทำได้ และสุดท้ายผมก็จะจบลงที่พยายามทำให้เสร็จเป็นหน้าๆไป
อ.อิโนะอุเอะ : อืม ผมเข้าใจครับ
อ.โอดะ : จริงๆแล้ว เมื่อผมวาดไปถึงจุดนึงที่ผมคิดว่ามันใช้ได้ผมก็จะพอ ผมยังไม่สามารถไปถึงจุดที่สามารถไว้ใจและปล่อยให้มีช่องว่างในหน้ากระดาษได้
อ.อิโนะอุเอะ : สำหรับผม ช่องว่างเป็นอะไรที่สำคัญมาก แต่มันก็ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกัน ใช่มั้ย?
อ.โอดะ : ผมคิดว่า สิ่งนั้นคือเซนส์ทางด้านศิลปะ
อ.อิโนะอุเอะ : บางทีมันอาจจะเป็นลักษณะนิสัยส่วนตัวของผมก็ได้ ถึงแม้ว่าจะมีภาพที่จะในใจแต่การจะให้ทำตามที่วางแผนไว้มันไม่น่าสนใจเลยสำหรับผม ในขณะที่ผมกำลังวาดอยู่ถ้าผมเริ่มคิดว่ามันใช้ได้แล้วผมก็จะหยุดตรงนั้นเลย มันเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่ค่อยรับผิดชอบส่วนตัวของผม
อ.โอดะ : อ.อิโนะอุเอะมีภาพอยู่ในใจก่อนที่จะเริ่มวาดรึเปล่าครับ? ผมเคยได้ยินว่ามีหลายๆคนที่มีความสามารถที่น่าทึ่งเช่นนี้อยู่ โดยพวกเขาจะวาดตามภาพที่จินตนาการในหัวของเขา
อ.อิโนะอุเอะ : อันนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะ แต่คิดว่าผมก็มีภาพอยู่ในหัวเหมือนกันแต่อาจจะไม่ได้ชัดเจนมากเท่าไร
อ.โอดะ : สำหรับผม ภาพที่อยู่ในหัวมันค่อนข้างจะเลือนลางไม่รู้ว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์รึเปล่า แต่เมื่อวาดไปเรื่อยๆภาพจะค่อยๆชัดขึ้น ผมก็แค่วาดตามภาพนั้นไป
อ.อิโนะอุเอะ : ผมคิดว่าของผมก็คล้ายกับแบบนี้เหมือนกัน
อ.โอดะ : ผมยังไม่สามารถไปถึงระดับที่สามารถวาดเส้นต่างๆออกมาได้ตามที่คิดทันที ผมมีเพื่อนคนนึงที่มีความสามารถในการจดจำรูปภาพเหมือนถ่ายภาพเอาไว้ในหัว โดยเขาจะไม่ลืมภาพที่เคยเห็นเพียงครั้งเดียว เวลาที่เขาวาดตัวละครตัวหนึ่งเข้าสามารถวาดตัวละครนั้น ซ้ำๆได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ภาพเก่าๆมาใช้ในการอ้างอิงเลย มันเป็นความสามารถที่น่าทึ่งมาก ผมมักจะลืมภาพของตัวละครที่ผมเพิ่งวาดไปเร็วมาก และถ้าผมอยากจะวาดตัวละคนนั้นอีกครั้งผมต้องไปขุดเอางานเก่าๆมาดูอีกครั้งหนึ่ง
อ.อิโนะอุเอะ : ผมก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ผมเอาภาพตัวละครเก่าๆออกมาดูตลอดเวลา บางครั้งผมก็ลืมวาดบางอย่างลงไป ไม่ว่าจะเป็นหนวดเคราหรือรายละเอียดอื่นๆ
อ.โอดะ : จริงเหรอครับ? ฟังแล้วสบายใจเลย ทำให้ผมรู้สึกว่าสามารถทำอย่างนี้ต่อไปได้ (หัวเราะ)
อ.โอดะ : แล้วอ.อิโนะอุเอะไปหาความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานต่างๆ มาจากไหนครับ?
อ.อิโนะอุเอะ : อืม มันก็ง่ายๆนะ เวลาที่อาจารย์มองดูงานเก่าๆของตัวเอง มันดูแล้วน่าอายใช่มั้ย?
อ.โอดะ : ครับ นิดหน่อย
อ.อิโนะอุเอะ : ผมคิดว่ามันเกิดจากความรู้สึกที่ว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านั้น
อ.โอดะ : ผมคิดอยู่เสมอเลยว่าตัวเองเป็นนักเขียนที่มีความทะเยอทะยานสูงคนนึง แต่หลังจากได้เข้าไปชมงานแสดงศิลปะของอ.อิโนะอุเอะ (Last Manga Exhibition) มันทำให้ผมรู้สึกหมดกำลังใจเลยทีเดียว
อ.อิโนะอุเอะ : ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ว่าแต่อ.โอดะเขียนวันพีซมากี่ปีแล้วครับ?
อ.โอดะ : 12 ปี ครับ
อ.อิโนะอุเอะ : น่าทึ่งจริงๆ การได้ลงตีพิมพ์นานขนาดนั้นทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
อ.โอดะ : ไม่เลยครับ ผมคิดว่า Slam Dunk เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม สำหรับการตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องยาวสักเรื่องหนึ่ง
ตอนแรกผมวางแผนสำหรับเรื่องวันพีซไว้ที่ 5 ปี แต่ดูเหมือนว่าผมจะต้องใช้เวลามากกว่า 2 เท่าของที่คิดไว้
อ.อิโนะอุเอะ : หลังจากที่ผมอ่านวันพีซถึงเล่ม 52 ดูแล้วยังไม่มีที่ท่าว่าจะจบในเร็วๆนี้เลยนะ
อ.โอดะ : ครับ... ต้องขอบคุณที่มันประสบความสำเร็จ ทำให้แผนในชีวิตของผมที่วางไว้ต้องเปลี่ยนไปหมดเลย (หัวเราะ)
จบตอนที่ 2 ครับ
**Purple Kaede เป็นผลงานชิ้นแรกของอ.อิโนะอุเอะที่ลงตีพิมพ์ในจัมป์ ในช่วงปี 1988
บทสัมภาษณ์ อ.อิโนะอุเอะ (Vagabond) กับ อ.โอดะ (One Piece) ตอนที่ 1
Credits : http://www.gottsu-ii...oda-part-2-of-6
http://halcyonrealms.com/
บทสัมภาษณ์ อ.อิโนะอุเอะ (Vagabond) กับ อ.โอดะ (One Piece) ตอนที่ 2
คนสัมภาษณ์ : อ.โอดะเริ่มอ่าน Vagabond ตั้งแต่ตอนไหนครับ?
อ.โอดะ : ผมเริ่มอ่านตอนที่ฉบับรวมเล่มเริ่มวางจำหน่ายไปแล้ว โดยอ่านรวดเดียวเลย แน่นอนว่าผมมี Vagabond ทุกๆเล่ม หลังจากที่เรื่องนี้เริ่มลงตีพิมพ์ ทำให้เกิดกระแสท่ามกลางพวกเรากลุ่มนักเขียนการ์ตูนรุ่นใหม่ มันให้ความรู้สึกถึงเสน่ห์ที่น่าสนใจ, ธีมของเรื่องที่ลึก และเหนือสิ่งอื่นใดทำให้รู้สึกอยากเห็นงานศิิลปะของอ.อิโนะอุเอะมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับไม่รู้ว่าอาจารย์มีความสามารถด้านศิลปะมากถึงขนาดไหนกันแน่ ผมรู้สึกถูกดึงดูดเข้าไปสู่งานของอาจารย์ตั้งแต่เรื่อง Purple Kaeda
อ.อิโนะอุเอะ : อืม ผมมั่นใจว่าผมได้พัฒนาการวาดมากขึ้นหลังจากเรื่องนั้น แต่ว่ามันแปลกอย่างหนึ่ง ตอนที่ผมเขียนเรื่อง Purple Kaeda ผมคิดว่า "ผมก็เป็นนักวาดฝีมือดีคนหนึ่ง!" (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ ผมแทบไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปให้ใครดูเลย
อ.โอดะ : ผมได้ไปดูงานแสดงศิลปะของอ.อิโนะอุเอะ (Last Manga Exhibition) และผมแทบจะไม่เข้าใจความหมายของภาพเลย ว่าภาพไหนเป็นภาพที่สวยหรือเป็นภาพของอะไร เพราะว่ามันเป็นอะไรที่อยู่เหนือความเข้าใจของผมขึ้นไป ภาพพวกนี้มันวาดมาได้ยังไง? ยกตัวอย่างเช่น ภาพวาดมุซาชิที่ทางเข้าด้านหน้า มันเป็นรูปที่ใหญ่มากแต่สัดส่วนต่างๆแทบไม่มีผิดเพี้ยนไปแม้แต่น้อย
อ.อิโนะอุเอะ : จริงๆแล้ว ถ้าอ.โอดะมองดีๆ จะเห็นว่าสัดส่วนมันเบี้ยวไปเหมือนกัน มันมีหลายๆรูปในงานแสดงที่ผมก็กังวลเกี่ยวกับมันเหมือนกัน
อ.โอดะ : แต่ผมไม่คิดยังงั้นเลยนะครับ ทุกๆผลงานล้วนน่าทึ่งและอยู่เหนือกว่าระดับที่ผมจะสามารถอธิบายได้
ช่วงหลังๆมานี้ ผมเริ่มสนใจในศิลปะยุคเอโดะ ผู้คนในยุคนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้, ไม่มีร้านการ์ตูน และผมคิดว่าไม่น่าจะมีสื่อบันเทิงในรูปแบบต่างๆที่จะใช้เวลากับมันเหมือนในปัจจุบัน ในแง่นึงสิ่งนี้ทำให้คนสมัยนั้นสามารถให้เวลาและความสำคัญกับงานฝีมืิอมากกว่าในปัจจุบัน เพราะเหตุนี้ทำให้เค้าสามารถทำในสื่งที่คนทั่วๆไปในปัจจุบันไม่สามารถเปรียบเทียบได้ เมืื่่อผมดูงานในสมัยนั้น มันดูน่ามหัศจรรย์มาก แม้แต่ในภาพวาดทั่วไป เค้ายังสามารถขีดเขียนเส้นที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ต่อให้ใช้คนที่มีทักษะสูงในปัจจุบันยังยากที่จะลอกเลียนแบบได้
ผมคิดว่างานศิลปะของอ.อิโนะอุเอะมีกลิ่นอายในระดับเดียวกันกับงานศิลปะของยุุคเอโดะ มันทำให้ผมสงสัยว่านักวาดสมัยใหม่จะสามารถวาดภาพพวกนี้ได้หรือ?
อ.อิโนะอุเอะ : ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ (หัวเราะ)
อ.โอดะ : และในงานแสดงภาพวาดของอาจารย์ ยังมีภาพวาดถึง 150 รูปใช่มั้ยครับ? มันแทบไม่น่าเชื่อเลยนะครับ
อ.อิโนะอุเอะ : ถ้าอ.โอดะถูกกดดันจากคนรอบข้างมากๆ ก็สามารถทำในสิ่งที่น่าประหลาดใจแบบนี้ได้เช่นกัน
อ.โอดะ : ผมเคยถูกกดดันจากกำหนดส่งงานหลายๆครั้ง แม้ว่าผมจะสามารถผ่านเหตุการณ์์เหล่านั้นมาได้ แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้แบบที่อ.อิโนะอุเอะทำแน่ๆ
อ.อิโนะอุเอะ : ถ้ามันเป็นงานศิลปะของเรา เราจะสามารถทำมันได้
อ.โอดะ : ไม่ ไม่เลยครับ ผมไม่สามารถอย่างนั้นทำได้ และสุดท้ายผมก็จะจบลงที่พยายามทำให้เสร็จเป็นหน้าๆไป
อ.อิโนะอุเอะ : อืม ผมเข้าใจครับ
อ.โอดะ : จริงๆแล้ว เมื่อผมวาดไปถึงจุดนึงที่ผมคิดว่ามันใช้ได้ผมก็จะพอ ผมยังไม่สามารถไปถึงจุดที่สามารถไว้ใจและปล่อยให้มีช่องว่างในหน้ากระดาษได้
อ.อิโนะอุเอะ : สำหรับผม ช่องว่างเป็นอะไรที่สำคัญมาก แต่มันก็ค่อนข้างยากอยู่เหมือนกัน ใช่มั้ย?
อ.โอดะ : ผมคิดว่า สิ่งนั้นคือเซนส์ทางด้านศิลปะ
อ.อิโนะอุเอะ : บางทีมันอาจจะเป็นลักษณะนิสัยส่วนตัวของผมก็ได้ ถึงแม้ว่าจะมีภาพที่จะในใจแต่การจะให้ทำตามที่วางแผนไว้มันไม่น่าสนใจเลยสำหรับผม ในขณะที่ผมกำลังวาดอยู่ถ้าผมเริ่มคิดว่ามันใช้ได้แล้วผมก็จะหยุดตรงนั้นเลย มันเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่ค่อยรับผิดชอบส่วนตัวของผม
อ.โอดะ : อ.อิโนะอุเอะมีภาพอยู่ในใจก่อนที่จะเริ่มวาดรึเปล่าครับ? ผมเคยได้ยินว่ามีหลายๆคนที่มีความสามารถที่น่าทึ่งเช่นนี้อยู่ โดยพวกเขาจะวาดตามภาพที่จินตนาการในหัวของเขา
อ.อิโนะอุเอะ : อันนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะ แต่คิดว่าผมก็มีภาพอยู่ในหัวเหมือนกันแต่อาจจะไม่ได้ชัดเจนมากเท่าไร
อ.โอดะ : สำหรับผม ภาพที่อยู่ในหัวมันค่อนข้างจะเลือนลางไม่รู้ว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์รึเปล่า แต่เมื่อวาดไปเรื่อยๆภาพจะค่อยๆชัดขึ้น ผมก็แค่วาดตามภาพนั้นไป
อ.อิโนะอุเอะ : ผมคิดว่าของผมก็คล้ายกับแบบนี้เหมือนกัน
อ.โอดะ : ผมยังไม่สามารถไปถึงระดับที่สามารถวาดเส้นต่างๆออกมาได้ตามที่คิดทันที ผมมีเพื่อนคนนึงที่มีความสามารถในการจดจำรูปภาพเหมือนถ่ายภาพเอาไว้ในหัว โดยเขาจะไม่ลืมภาพที่เคยเห็นเพียงครั้งเดียว เวลาที่เขาวาดตัวละครตัวหนึ่งเข้าสามารถวาดตัวละครนั้น ซ้ำๆได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้ภาพเก่าๆมาใช้ในการอ้างอิงเลย มันเป็นความสามารถที่น่าทึ่งมาก ผมมักจะลืมภาพของตัวละครที่ผมเพิ่งวาดไปเร็วมาก และถ้าผมอยากจะวาดตัวละคนนั้นอีกครั้งผมต้องไปขุดเอางานเก่าๆมาดูอีกครั้งหนึ่ง
อ.อิโนะอุเอะ : ผมก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ผมเอาภาพตัวละครเก่าๆออกมาดูตลอดเวลา บางครั้งผมก็ลืมวาดบางอย่างลงไป ไม่ว่าจะเป็นหนวดเคราหรือรายละเอียดอื่นๆ
อ.โอดะ : จริงเหรอครับ? ฟังแล้วสบายใจเลย ทำให้ผมรู้สึกว่าสามารถทำอย่างนี้ต่อไปได้ (หัวเราะ)
อ.โอดะ : แล้วอ.อิโนะอุเอะไปหาความมุ่งมั่นและความทะเยอทะยานต่างๆ มาจากไหนครับ?
อ.อิโนะอุเอะ : อืม มันก็ง่ายๆนะ เวลาที่อาจารย์มองดูงานเก่าๆของตัวเอง มันดูแล้วน่าอายใช่มั้ย?
อ.โอดะ : ครับ นิดหน่อย
อ.อิโนะอุเอะ : ผมคิดว่ามันเกิดจากความรู้สึกที่ว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านั้น
อ.โอดะ : ผมคิดอยู่เสมอเลยว่าตัวเองเป็นนักเขียนที่มีความทะเยอทะยานสูงคนนึง แต่หลังจากได้เข้าไปชมงานแสดงศิลปะของอ.อิโนะอุเอะ (Last Manga Exhibition) มันทำให้ผมรู้สึกหมดกำลังใจเลยทีเดียว
อ.อิโนะอุเอะ : ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ว่าแต่อ.โอดะเขียนวันพีซมากี่ปีแล้วครับ?
อ.โอดะ : 12 ปี ครับ
อ.อิโนะอุเอะ : น่าทึ่งจริงๆ การได้ลงตีพิมพ์นานขนาดนั้นทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
อ.โอดะ : ไม่เลยครับ ผมคิดว่า Slam Dunk เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม สำหรับการตีพิมพ์การ์ตูนเรื่องยาวสักเรื่องหนึ่ง
ตอนแรกผมวางแผนสำหรับเรื่องวันพีซไว้ที่ 5 ปี แต่ดูเหมือนว่าผมจะต้องใช้เวลามากกว่า 2 เท่าของที่คิดไว้
อ.อิโนะอุเอะ : หลังจากที่ผมอ่านวันพีซถึงเล่ม 52 ดูแล้วยังไม่มีที่ท่าว่าจะจบในเร็วๆนี้เลยนะ
อ.โอดะ : ครับ... ต้องขอบคุณที่มันประสบความสำเร็จ ทำให้แผนในชีวิตของผมที่วางไว้ต้องเปลี่ยนไปหมดเลย (หัวเราะ)
จบตอนที่ 2 ครับ
**Purple Kaede เป็นผลงานชิ้นแรกของอ.อิโนะอุเอะที่ลงตีพิมพ์ในจัมป์ ในช่วงปี 1988
บทสัมภาษณ์ อ.อิโนะอุเอะ (Vagabond) กับ อ.โอดะ (One Piece) ตอนที่ 1
Credits : http://www.gottsu-ii...oda-part-2-of-6
http://halcyonrealms.com/