`

Jump to content









Photo

Walkthrough The Legend of Kyrandia Book Two : The Hand of Fate > บทต้น



~Welcome to Just Adventure~


The Legend of Kyrandia Book Two

-The Hand of Fate-

"มหัศจรรย์ตำนานแห่งไคแรนเดีย บทที่ 2
ตอน หัตถ์แห่งโชคชะตา"


Posted Image


-DOSBox & ScummVM-


"If you like Adventure , you will also like"


Quote

+จากใจผู้เขียน+

+มาปิดท้ายไตรภาคบทสุดท้าย ด้วยภาคต่อทรงคุณค่าของตำนานแห่งไคแรนเดียกันต่อค่ะ . . ซึ่งหลังจากสร้างชื่อได้พอสมควรจากภาคแรกแล้ว ทางเวสต์วู้ดก็ไม่รอช้า บรรจงเข็นภาค 2 ที่มีชื่อตอนสุดไฉไลว่า The Legend of Kyrandia Book Two : The Hand of Fate ออกมาเอาใจแฟนๆ ในปีต่อมาทันที (1993)

+และแน่นอนว่าคราวนี้ก็ยังลงครอบคลุมให้กับทั้ง 2 สื่อสุดฮิตในยุคนั้นอย่าง CD-ROM และ ฟลอปปีดิสก์เหมือนเช่นเคย . . ส่วนเวอร์ชั่นที่ผู้เขียนได้มาเล่นนั้น หึ.. หึ... ไม่ต้องบอก หลายๆ ท่านก็คงจะเดากันถูก ว่าย่อมเป็นฉบับแผ่นดิสก์ 3.5 กุ๊กกู๋ อย่างไม่ต้องสงสัย (55) . . เอาเป็นว่าอาบีจังหมดกับร้านเกม PC ไร้นาม ชั้นใต้ดิน ของเซ็นทรัล ลาดพร้าวไปไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวเชียวแหละ!!

+The Hand of Fate ภาคนี้ นอกจากจะมาพร้อมกับความจุที่มหาศาลกว่าเดิมแล้ว ทางผู้สร้างยังได้เพิ่มเติมระบบชูรสใหม่ๆ ลงไปในเกมอีกหลายต่อหลายอย่าง รวมทั้งยังลดความยุ่งยากในการดำเนินเรื่องบางช่วงลงด้วยค่ะ . .

+เชื่อว่าทางทีมงานคงจะได้บทเรียนมาจากเกมภาคแรกพอสมควร ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็คือ ตั้งแต่ช่วงฉากเขาวงกตใต้ดินของแชปเตอร์สามเป็นต้นไป ตรงนี้ในจุดนั้นๆ หากผู้เล่นไม่ได้วาดแผนที่กันหลงเอาไว้ หรืออาศัยคู่มือเป็นแสงสว่างนำทาง มีหวังแฟนนุแฟนนาคงได้ของขึ้นหัวเสียกันไม่ใช่น้อย ด้วยเพราะความหิน และวกวนของดันเจี้ยนนั่นเอง ดีไม่ดี แทนที่จะสนุกสมความตั้งใจ อาจจะพาลเกลียดเกมนี้เข้าไส้ไปเลยด้วยซ้ำ!!

+สำหรับเกมภาคใหม่นี้พัฒนาขึ้นกว่าต้นฉบับในทุกๆ ด้านค่ะ ที่เห็นกันได้ชัดๆ ชนิดโดดเด่นมาแต่ไกลเลยก็คือ คุณภาพของกราฟิคที่สวยเนียนสดใสขึ้น และสร้างสรรค์งานอาร์ตดีไซน์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของฉากพรรณา หรือแต้มสีที่ใช้ก็ตาม . . ตรงนี้ต้องขอปรบมือให้กับความตั้งใจของผู้สร้าง ที่จงใจปรับแต่งเอนจิ้นของเก่าเดิมที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีเลิศยิ่งขึ้นไปอีกจนถึงขีดสุด จนไม่สามารถพัฒนาให้ยอดเยี่ยมไปกว่านี้ได้อีกแล้วค่ะ

+แถมผู้สร้างยังเพิ่มเสน่ห์ใหม่ๆ มาปรุงแต่งให้เกมน่าสนใจ และดูมีอะไร!? มากยิ่งขึ้น ด้วยการหยิบยืมเทคโนโลยีเก๋ไก๋ในเวลานั้น อย่าง “โพลีกอน 3D” มาใช้กับเกมด้วย ซึ่งก็สามารถผสมผสานกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับงานศิลป์สวยๆ แบบ 2D ได้อย่างไม่น่าเชื่อ!? มาถึงตรงนี้ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความจุที่เพิ่มมาเป็นเท่าตัวนั้นน่ะ เค้าเอาไปทำอะไร!?

+งานอีกส่วนที่ไม่พูดถึงเลยเป็นไม่ได้นั่นคือ “ดนตรี และซาวนด์ประกอบ” ของเทพนิยายบทนี้ค่ะ ที่คราวนี้ทางผู้สร้างได้เน้นประพันธ์ดนตรีประกอบ ให้สร้างอารมณ์ร่วมกับผู้เล่นได้สนุก และอินยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม . . หลายๆ ธีมที่เลือกใช้ ล้วนบอกเล่าสภาวะของตัวละคร และช่วยขับเน้นสภาพแวดล้อมในโลกไคแรนเดียได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของเกมก็ตาม

+งานนี้ต้องขอยกความดีให้กับทีมงานทุกท่านนะคะ ที่บรรจงสร้างเกมดีๆ มาให้เราๆ ได้เล่นกัน . . เอาล่ะค่ะ เกริ่นมาก็เสียยืดยาว ได้เวลาออกเดินทางกันซะที ประตูโลกจินตนาการบานนี้เปิดรอท่านอยู่แล้ว!!

-Prolouge-

+หลังคืนความสงบสุขอยู่ได้ไม่นาน หายนะครั้งใหม่ก็มาเยือนไคแรนเดียอีกครั้งจนได้ เมื่อจอมเวทย์สาว “แซนเธีย” ได้พบว่าดินแดนทั่วอาณาจักรอันกว้างใหญ่ กำลังสูญสลายหายไปทีละน้อย ๆ ด้วยพลังอำนาจลึกลับไร้ขอบเขตที่ไม่อาจประมาณได้

+ซึ่งในการนี้ “หัตถ์จอมปราชญ์” ที่ปรึกษาสูงสุดของราชสำนัก ได้เสนอทางแก้วิบัติภัยครั้งนี้ ด้วยการให้สมาคมส่งผู้กล้าไปตามหาสมอหินไร้คู่เปรียบ ของวิเศษล้ำค่าที่ซุกซ่อนอยู่ ณ ลึกสุดใจกลางโลก เพื่อใช้เยียวยามหานครไคแรนเดียก่อนที่จะสายเกินไป . . และแซนเธียก็คือผู้ถูกเลือกให้มาเป็นผู้กอบกู้คนสำคัญนั่นเอง!! การผจญภัยครั้งใหญ่ของแม่มดสาว ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!

+รู้จักกับระบบเกมสักนิด+

+การควบคุมของเกมภาคนี้ ก็ไม่ได้ต่างจากภาคแรกค่ะ ด้วยทางเวสต์วู้ดได้ออกแบบให้เกมเน้นเล่นง่ายเข้าไว้ ดังนั้นพวกอินเตอร์เฟสแสนยุ่งยาก รกหน้าจอแบบเกมแอดเวนเจอร์ทั่วๆ ไป จึงไม่ปรากฏให้รำคาญใจในเกมชุดนี้อย่างแน่นอน

+ฉะนั้น จึงมั่นใจได้เลยว่า คุณๆ สามารถสั่งการให้ตัวเอกในเกมทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา เพียงแค่คลิกเม้าส์ซ้ายปุ่มเดียวเท่านั้นเองค่ะ . . นับว่าเป็นจุดเด่นหลักๆ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนของเกมตระกูลนี้เลยก็ว่าได้นะ

+การเก็บไอเท็ม และใช้ของ+

+หลักพื้นฐานสำหรับการเล่นเกมแอดเวนเจอร์ก็คือต้องงกไว้ก่อนค่ะ พูดง่ายๆ ก็คือตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเจออะไรตก หรือวางกองอยู่ที่พื้น ให้จัดการเก็บมาให้หมดเลยนะ เพราะเป็นไอเท็มที่จำเป็นต่อการดำเนินเรื่องแทบทั้งนั้น (แต่ของไร้ประโยชน์ก็มีไม่ใช่น้อยนะ)

+หนึ่งในข้อปรับปรุงที่น่าชมเชยของเกมภาคนี้ก็คือ แซนเธียนั้นสามารถพกพาไอเท็มติดตัวไปได้มากถึง 20 ชิ้นทีเดียวค่ะ ต่างกับภาคแรก ที่แบรนดอนสามารถเก็บได้เพียง 10 ชิ้นเท่านั้น . . โดยสรรพไอเท็มที่เก็บได้ตลอดทาง สามารถนำไปวางบนชั้นไม้ด้านล่าง (ในเมนูช่องเก็บของ) และสามารถเลื่อนชั้นเก็บได้อีก 2 แถว รวมทั้งหมดเป็น 20 ช่องพอดีค่ะ

+และหากไอเท็มชิ้นไหนไม่ใช้แล้ว หรือยังไม่จำเป็นในตอนนี้ เราสามารถวางทิ้งไว้ที่พื้นตามทางผ่านทั่วไปได้ค่ะ แต่วางได้จำกัดจำนวนต่อ 1 ฉากเท่านั้นนะ และหากต้องการใช้ ก็สามารถเดินกลับมาเก็บคืนได้ทุกเมื่อ จนกว่าจะตัดบทบังคับตามเนื้อเรื่องค่ะ . . ซึ่งตรงนี้ อาจจะถือเป็นระบบต้นแบบที่ทาง Capcom หยิบยืมไปต่อยอดอีกที กับเกมดังอย่าง Resident Evil Zero ในเวลาต่อมา ก็ได้จ้า

+ว่าด้วยเรื่องของหม้อปรุงยา และตำราเวทย์มนตร์+

+เนื่องจากแซนเธียเป็นทั้งจอมเวทย์ และนักเล่นแร่แปรธาตุในคราวเดียวกัน ดังนั้นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับเธอ ก็คือหม้อต้มยา และตำราเวทย์มนตร์ค่ะ ซึ่งไอเท็มทั้ง 2 อย่างนั้น มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้

ตำราเวทย์มนตร์ – เป็นหนังสือที่รวบรวมรายการของวัตถุดิบที่สำคัญในการปรุงยา อันนำมาซึ่งคาถาทรงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ซึ่งในช่วงแรกๆ นั้น จะยังมีไม่ครบทุกหน้า แต่สามารถเก็บเพิ่มเติม (หน้าที่ขาดหายไป) ได้ในช่วงหลังของเกมค่ะ

หม้อต้มยา – ใช้สำหรับปรุงยา โดยการใส่วัตถุดิบที่สำคัญ (จากตำราเวทย์มนตร์ ) ลงไป โดยหากไม่ใช้แล้ว หรือปรุงพลาดผิดขนาน สามารถดึงโซ่เหล็กข้างๆ เพื่อเทยาในหม้อทิ้งได้ค่ะ

+เซฟบ่อยๆ เข้าไว้ ช่วยผ่อนร้ายให้คลายเป็นดี+

+ข้อดีอีกจุดหนึ่งของเกมนี้ก็คือ เราสามารถเซฟได้ทุกที่ ทุกเวลา และอย่างไม่มีจำกัดเสียด้วยค่ะ ตรงนี้อาบีจังขอแนะนำว่า หมั่นเซฟให้บ่อยๆ เข้าไว้ เป็นการดีนะคะ และจะวิเศษมาก หากคุณแยกเซฟ และเซฟสลับไปกันค่ะ . . ด้วยเพราะเกมมีจุดอันตรายหลายจุดที่ผู้เล่นคาดไม่ถึง และมันสามารถนำภัยมาให้กับแซนเธียได้อย่างไม่ต้องสงสัย ชนิดเผลอพลาดไปที เกมโอเวอร์เปล่าๆ ปลี้ๆ ไม่มีคอนตินิวแต่อย่างใดนะคะ

+ซึ่งหากเจอเหตุแบบนี้เข้า สิ่งที่พอจะช่วยยาใจได้ก็คือ เรียกเซฟล่าสุดขึ้นมาแก้ตัวใหม่ค่ะ . . แต่ก็เท่านั้น เพราะหากผู้เล่นไม่เคยเซฟเลย หรือเซฟไว้ก็ตั้งไกลมะโว้ ตรงนี้ก็คงต้องขอให้ยอมทำใจ เพราะคุณๆ ต้องไล่เล่นใหม่สถานเดียวค่ะ (ฮา)

-บทที่ 1 แม่มดสาว แห่งบึงรัตติกาลนิรันดร์-


Posted Image


+เกมจะเริ่มขึ้นมาที่กระท่อมของจอมเวทย์สาวแซนเธีย ผู้กำลังหัวเสียด้วยเพราะหม้อปรุงยา และตำราเวทย์มนตร์ของเธอถูกมือดีขโมยไปค่ะ . . ก่อนอื่น ให้หยิบ “ผลบลูเบอร์รี่ (Blueberry) ที่พื้น , “ขวดเปล่า” (Empty Flask) จากชั้นล่างสุดของตู้ไม้ และ “ขวดน้ำ” (Water) ที่ซ่อนอยู่ใต้พรม มาเก็บไว้ค่ะ แล้วออกไปข้างนอกได้เลย

+เก็บ “ผลบลูเบอร์รี่” อีกพวงที่ตกอยู่บนพื้น แล้วเดินขึ้นไปทางเหนือ 1 ฉาก

+ที่นี่คือท่าเรือ (Dock) ค่ะ ให้เก็บ “เห็ด” (Mushroom) ที่งอกอยู่ทางขวามา แล้วเดินไปต่อทางซ้าย

Posted Image


+จะเจอดงต้นไม้กินคน 2 ต้นยืนตระหง่านอยู่ (Weed Patch) ตรงนี้ให้สำรวจยังโพรงไม้ที่ถูกตัด แล้วจะเจอ “ตำราเวทย์มนตร์” ที่หายไปค่ะ . .

+จากนั้นขึ้นไปทางเหนืออีก 1 ฉาก จะเจอตาไม้ขนาดยักษ์ (Gnarlwood Tree) . . ให้เด็ด “กิ่งเล็กๆ” (Gnarlybark) ที่งอกทะลุดิน มาเก็บไว้ค่ะ แล้วเดินขึ้นเหนือไปอีก 1 ฉาก

+มาถึงจะเจอนายท่าเรือ “แฟร์รี่” จอมงก ที่เขาจะไม่ยอมให้เราโดยสารไป จนกว่าจะหาทองคำมาเป็นค่าจ้างค่ะ . .

Posted Image


+เดินไปทางขวา 2 ฉาก จะมาถึงยังทางเข้าถ้ำ (Cavern Entrance) ได้ และจะได้พบ “มาร์โก้” และ “หัตถ์จอมปราชญ์” สหายของเขาที่นี่ด้วย . . ให้เก็บ “หัวหอม” (Onion) ที่งอกอยู่มาเก็บไว้ แล้วกลับไปทางซ้าย 3 ฉาก

+จะมาถึงทาง 3 แยกของบึงทมิฬ (Dark swamp) ค่ะ ตรงนี้ให้สำรวจที่รังนกทางซ้ายมือ จะได้ “ขนนก” (Feather) มา แล้วเดินขึ้นเหนือไปเลย

Posted Image


+ที่นี่คือร้านขายสมุนไพรป่า (Herb’s Shack) ค่ะ . . ตรงนี้ให้เอาน้ำในขวดเทใส่ต้น Fireberry ก่อน แล้วค่อยหยิบผลมันมาค่ะ จากนั้นเดินเข้าไปในกระท่อมได้เลย

Note - ถ้าไม่ได้หยิบน้ำเปล่ามา ก็เอาขวดเปล่าตักน้ำในบึงมาราดใส่ต้น Fireberry แทนนะ

+คุยกับคุณกบเจ้าของร้านเสร็จแล้ว ให้หยิบ “ถุงปุ๋ย” (Plant Food) , “ม้านั่ง 3 ขา” (Furniture) และ “ขวดเปล่า” อีกใบจากหน้าเคาน์เตอร์มาเก็บไว้ค่ะ แล้วออกจากกระท่อมได้เลย

+เดินไปทางแยกซ้ายมือของบึงทมิฬ จะเจอบ่อทราบดูด (Quicksand BogX ค่ะ . . ให้เดินไปผลักต้นไม้ใหญ่ข้างหน้า แล้วใช้มันเดินข้ามไปเก็บ “กุญแจหัวกระโหลก” (Skeleton’s Key) จากมือลึกลับกลางบ่อมา

Posted Image


+จากนั้นเดินต่อไปทางซ้ายอีก 1 ฉาก จะมาโผล่ยังทะเลสาบขนาดเล็กได้ แต่ยังไม่ทันไร เราจะถูกขวางไว้โดยจระเข้พันธุ์เขื่องตัวหนึ่ง . . ตรงนี้ ให้เอาขนนกไปจั๊กกะจี๋มัน แล้วหมอจะเส้นตื้นจนร้องไห้ออกมาไม่หยุด ทีนี้ให้เอาขวดเปล่าไปรอง “น้ำตา” (Reptile Tears) มันมาเก็บไว้เลยค่ะ

+หันไปสำรวจยังโพรงไม้ด้านหลัง แล้วจะได้ “หม้อยา” ที่หายไปกลับคืนมา . . ใครนะ ช่างเอามาซ่อนได้!?

Posted Image


+เดินขึ้นเหนือไปอีก 1 ฉาก จะมาโผล่ยังบ่อน้ำพุร้อน (Hot Sulphur springs) ได้ค่ะ . . ให้เดินไปเก็บ “ผงกำมะถัน” (Sulphur) ที่มุมซ้ายบนมา แล้วเปิดตำราเวทย์มนต์ไปยังหน้าคาถา “Swampsnake Potion” ได้เลยค่ะ เราจะมาปรุงยาอสรพิษชายเลนกันแล้ว!!

+วิธีปรุงยา Swampsnake Potion ฉบับแม่หมอคนงาม+

1.เอาขวดเปล่า 1 ใบ ตักน้ำร้อนในบ่อมา แล้วนำไปเทใส่หม้อต้ม
2.นำม้านั่ง 3 ขา , หัวหอม , น้ำตาจระเข้ , กิ่ง Gnarlybark และผงกำมะถัน ใส่ตามลงไป
3.หากทำสำเร็จ จะได้น้ำยาสีเขียวสดมาค่ะ จากนั้นตักใส่ขวดเก็บไว้ 1 ใบ

Posted Image


+กลับไปยังหน้าถ้ำอีกครั้ง (ตรงที่เจอมาร์โก้) แต่ยังไม่ต้องเข้าไป ให้เดินลงมาทางใต้ก่อนค่ะ จะมาถึงยัง “ต้นหิ่งห้อยเรไร” (Firefly Tree) ได้

+เซฟไว้ก่อนสักนิดนะคะ แล้วนำผลบลูเบอร์รี่ไปป้อนให้ฝูงหิ่งห้อยกิน จากนั้นก็คอยจำตำแหน่งสีทั้ง 7* ที่มันจะขึ้นมาให้ดูดีๆ ค่ะ . . ตรงนี้มีโอกาส 2 ครั้งนะคะ เพราะยังมีผลบลูเบอร์รี่สำรองอยู่อีก 1 ลูก ซึ่งทางที่ดี ควรจะหากระดาษมาจดจะดีกว่า . . แต่หากไม่ทันจริงๆ ก็โหลดเซฟมาดูซ้ำใหม่ได้เรื่อยๆ นะ

Note - *ตรงนี้ เฉลยให้ไม่ได้ค่ะ เพราะเกมจะแรนด้อมทุกครั้งที่เล่น

Posted Image


+เดินเข้าไปนถ้ำ จะเจอหนูจอมกร่างขวางทางไว้ค่ะ ให้ใช้ “น้ำยาอสรพิษจำแลง” สำแดงเดชทันใด แล้วหมอจะตกใจกลัวจนเผ่นหนีป่าราบไปเลย (ฮา)

+เดินไปต่อทางขวา จะมาถึงยังชั้นในสุดของถ้ำแห่งความตาย (Dark Cavern) จนได้ค่ะ . . ตรงนี้ให้เราแก้ปริศนาด้วยการใส่รหัสสีที่เราได้มาจากต้นหิ่งห้อย กับซี่ฟันแต่ละซี่ ซึ่งตำแหน่งสีที่เรียงบนฟันนั้น มีดังนี้ค่ะ

[ฟันแถวบน] 1.เขียว 2.ม่วง 3.- 4.ส้ม
[ฟันแถวล่าง] 5.ฟ้า 6.แดง 7.เหลือง 8.น้ำเงิน

Posted Image


+เมื่อทำสำเร็จแล้ว ปากของกระโหลกยักษ์ก็จะเปิดออก เผยให้เห็นหีบสมบัติที่ซ่อนอยู่ข้างในค่ะ . . ให้ใช้กุญแจหัวกะโหลกไขเปิดหีบซะ แล้วจะได้ “แม่เหล็กแปรธาตุ” (Alchemist’s Magnet) มาค่ะ . . แต่อย่าเพิ่งไป ให้ลองค้นก้นหีบดูอีกครั้ง จะได้ “เนยเหลาเหย่” (Moldy Cheese) ติดมือมา 1 ชิ้นด้วยค่ะ

Note - แม่เหล็กแปรธาตุ สามารถใช้เปลี่ยนธาตุโลหะทุกชนิดให้เป็นทองคำได้ค่ะ และก็สามารถเปลี่ยนทองกลับไปเป็นธาตุดั้งเดิมของมันได้ด้วย เช่นกัน

+กลับไปยังสะพานที่อยู่หน้าถ้ำ (Natural Bridge) เอาเนยให้ชายแก่ชาวประมงไป แล้วหมอจะรีบถอนสมอ แจวเรือจากไปทันที (แถมทำเรือรั่วซะอีกแน่ะ)

Posted Image


+เดินลงมาทางใต้ กลับมายังดงต้นไม้กินคน (Weed Patch) จะพบมาร์โก้กำลังพลาดท่าให้ต้นไม้ขาใหญ่อยู่ค่ะ . . จัดการเอาปุ๋ยไปราดใส่ต้นไม้จอมตะกละ แล้วหมอจะหันไปเปรี้ยวใส่พวกเดียวกันแทนซะเลย (55)

+เดินไปยังท่าเรือทางขวา แล้วเก็บ “สมอเรือ” (Anchor) จากซากเรือของชาวประมงมาค่ะ

+เดินลงมาทางใต้ แล้วหยิบ “ซองจดหมาย” (Letter) จากหลังคากระท่อมของแซนเธียมาเก็บไว้ค่ะ

Posted Image


+กลับไปหานายท่าแฟร์รี่อีกครั้ง จะพบว่าเขากลายร่างเป็นมังกรไปแล้วค่ะ แถมยังเผลอพ่นไฟไหม้ใส่เรือของตัวเองอีกต่างหาก . . แฟร์รี่จะขอร้องให้เราช่วยตามหาจดหมายสำคัญ ทั้ง 4 ฉบับที่หายไป แล้วเขาจะยอมทำตามที่เราต้องการค่ะ

+เดินไปตามหาจดหมายที่เหลืออีก 3 ฉบับ ยังสถานที่ต่อไปนี้ อันได้แก่ ต้นหิ่งห้อย (Firefly Tree) , บ่อทรายดูด (Quicksand Bog) และบ่อน้ำพุร้อน (Hot sulphur springs) ค่ะ

Posted Image


+เมื่อได้จดหมายครบทั้ง 4 ฉบับแล้ว ให้นำกลับไปคืนให้แฟร์รี่ แล้วเขาจะพาเราขี่หลังเหิรฟ้า พาไปส่งยังเมืองต่อไปตามสัญญาค่ะ!!

-บทที่ 2 – ตะลอนชมบ้านไร่ ณ ชายทุ่ง-

+แฟร์รี่จะพาแซนเธียมาส่งได้แค่ลานทุ่งหญ้านอกชานเมืองค่ะ ด้วยเพราะสัมภาระของแม่มดสาวนั้นอัดแน่นพะรุงพะรังมากเกินไป แม้จะตัดใจทิ้งไปเสียหลายอย่างแล้วก็ตาม ถึงกระนั้น.. ก็ยังหนักเกินพิกัดอยู่ดี ว่าแล้วแฟร์รี่ก็เลยหย่อนแซนเธียลงมาหล่นปุอยู่ ณ กองฟางของบ้านไร่ชายทุ่งแห่งนี้นี่เอง!!

Posted Image


+หลังจากจัดแจงแต่งสวยเสียใหม่แล้ว ให้หยิบ “จดหมาย” ที่ตกอยู่ข้างๆ มาเก็บไว้ แล้วไปสำรวจที่กองฟาง จะได้ “ขวดเปล่า” มา 1 ใบค่ะ (ที่เราทิ้งลงมาตอนอยู่บนฟ้านั่นแหละ) แล้วอย่าลืมเด็ด “ยอดข้าว” (Grain Stalks) ที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ รั้วทางขวามาด้วย จากนั้นเดินไปทางขวา 1 ฉาก

+จะมาโผล่ยังลานเดินหน้าประตูเมือง (Outside City Gate) ได้ค่ะ ทว่า 2 ยามตัวดีดันไม่ยอมให้เราผ่านเข้าไปซะนี่ . . ตอนนี้ให้กลับไปยังทุ่งหญ้า (Meadow) ที่เราตกลงมาก่อนค่ะ

Posted Image


+มาถึงแล้ว จะเจอคุณผีจอมเด๋อโผล่มาดักเปิ้บเรากลางวันแสกๆ แต่สาวมั่นอย่างแซนเธียก็หาได้กลัวเกรงไม่!? คุยกับเขาแล้ว จะรู้ว่าหมออยากได้ร่างเนื้อมาก เพราะจะได้ทำอะไรต่อมิอะไรได้ถนัดถนี่หน่อย ตรงนี้ให้เอาขวดมากักวิญญาณเขาไว้เลยค่ะ แล้วเดินลงมาทางใต้ 1 ฉาก

Posted Image


+ที่นี่คือโรงนาค่ะ เอาจดหมายส่งมอบให้กับมร.กรีนเบอร์รี่ ชาวไร่ใจดี แล้วเขาจะบอกสูตรผสมคัสตาร์ดชั้นยอดให้เป็นการตอบแทน แถมยังแนะนำวิธีผ่านยามเฝ้าประตูเมืองจอมเฮี๊ยบให้กับเราอีกต่างหาก ด้วยเพราะ 2 หน่อนั้นโปรดปรานแซนด์วิซเป็นที่สุด ชนิดเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมขนาดนั้นเลยเชียว!!

+คุยกับมร.กรีนเบอร์รี่จบแล้ว ให้หยิบ “น้ำส้มสายชู” (Vinegar) ที่วางอยู่บนชั้นไม้ด้านหลังมาเก็บไว้ แล้วเดินไปทางซ้าย 1 ฉาก

Posted Image


+มาถึงแล้ว จะเจอกังหันวิดน้ำขนาดใหญ่หยุดทำงานอยู่ค่ะ ให้หยิบสลักไม้ที่คั่นร่องบนสายพานออก แล้วโม่หินอันเขื่องก็จะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง . . จากนั้นให้เดินไปหมุนวาล์วเหล็กที่แกนกลางของท่อยาวเพื่อปล่อยน้ำซะ แล้วเดินกลับไปทางขวา 2 ฉาก

Posted Image


+ที่นี่คือทุ่งเกษตรกรรมค่ะ ให้เก็บ “แม่เหล็กแปรธาตุ” คืนมา แล้วเดินไปยกฝักบัวรูปงวงช้างมารดใส่แปลงเกษตร แล้วพืชผลที่ปลูกอยู่ก็จะงอกเงยขึ้นมา ให้เก็บมาทั้ง “ผักกาดหอม” (Lettuce) และ “หัวไชเท้าแดง” (Radish) เลยค่ะ

+จัดการเอาขวดกักวิญญาณคุณผีจอมซนไปใช้กับหุ่นไล่กา แล้วหมอจะดีใจที่มีร่างในที่สุด ก่อนจะวิ่งหนีจากไปด้วยความสำราญใจ

+กลับไปยังโรงนาอีกครั้ง แล้วจะเจอเรื่องวุ่นๆ ของหุ่นไล่กาจอมแสบ กับเจ้าของไร่อย่างมร.กรีนเบอร์รี่ ซึ่งหลังจากเคลียร์ผลประโยชน์กันได้ไม่ลงตัว ภารกิจตามไล่ไถ่บัญชีแค้นก็บังเกิดขึ้นทันใด (ฮา)

Posted Image


+หลังจากเจ้าบ้านไม่อยู่แล้ว ให้หยิบ “ชามน้ำสีน้ำเงิน” (Water Bowl) ของมังกรแดงมา แล้วมันจะร้องไห้ที่ถูกแย่งของรักไปค่ะ . . จากนั้นให้เดินลงไปยังห้องเก็บของชั้นใต้ดิน (Cellar) ทางซ้ายมือได้เลย

Note - *วิธีเก็บน้ำตามังกรแบบง่ายๆ ก็แค่นำชามไปวางคืนที่เดิม แล้วแฮ๊บกลับมาอีกรอบ พอเจ้ามังกรเริ่มร้องไห้แล้ว เราก็จัดการตักน้ำตามาเก็บไว้ค่ะ

+มาถึงแล้ว ให้หยิบ “เกือกม้า” (Horseshoe) ที่วางอยู่บนชั้นมา 2 อัน (เลือกเอาเฉพาะรูปตัว U นะ) แล้วอย่าลืมเก็บ “กรรไกรเหล็ก” (Shears) ที่แขวนอยู่ข้างๆ กันมาด้วย

+กลับไปยังทุ่งหญ้าอีกครั้ง แล้วเอาขวดเปล่าไปรีดนม (Milk) จากแม่แกะมา แล้วใช้กรรไกรตัดขน (Wool) มันมาซะด้วย

+นำนมสดไปเทใส่เครื่องทำเนยในห้องใต้ดินของโรงนา แล้วโยกคันกระเดื่องซะ ก็จะได้เนยแข็ง (Cheese) มา 1 ชิ้น

+กลับไปยังกังหันวิดน้ำ (Water Wheel) อีกครั้ง จัดการเอาเกือกม้าไปจี้ใส่กระไสไฟฟ้าข้างๆ โม่หิน แล้วจะได้ “แม่เหล็กเกือกม้า” (Magnet) มาแทนค่ะ . . เอาล่ะ ตอนนี้กางตำราเวทย์มนต์ขึ้นมาได้เลย ถึงเวลาปรุงรสแซนด์วิชชวนชิมกันแล้ว!!

+วิธีปรุงยา Sandwish Spell ฉบับแม่หมอผู้เลอโฉม+

1.นำหัวไชเท้าแดงไปหย่อนให้โม่หินบดจนละเอียด แล้วใช้ชามสีนำเงินตักหัวไชเท้าบดมา
2.เหยาะน้ำส้มสายชูใส่ลงไป แล้วจะได้ “มัสตาร์ด” มาแทน
3.เทมัสตาร์ดใส่หม้อยา
4.นำยอดข้าวไปหย่อนให้โม่หินบดจนละเอียด แล้วใช้ชามสีนำเงินตักข้าวสาลีบดมา
5.เทข้าวบด , ผักกาดหอม และเนยแข็งตามลงไป ก็จะได้น้ำยาแซนด์วิชสีส้มมา

+ใช้ขวดเปล่าตักน้ำยาแซนด์วิชในหม้อมา แล้วกดใช้กับตัวแซนเธีย ซึ่งเธอจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นแซนด์วิชจริงๆ ได้ 1 ชิ้นค่ะ

+กลับไปยังโรงนาอีกครั้ง เอาชามไปวางคืนให้เจ้ามังกร แล้วแฮ๊บกลับมาอีกรอบ ทีนี้พอมันเริ่มร้องไห้โยเยแล้ว เราก็จัดการตักน้ำตามาเก็บไว้ได้อย่างสบายๆ

+นำแซนด์วิชกลับไปมอบให้ 2 ยามเจ้าปัญหาที่ลานหน้าประตูเมือง แล้วหมอจะทะเลาะกันเอง จนยอมปล่อยให้เราลอบเข้าไปข้างในได้ในที่สุด (ฮา)

- -> โปรดติดตามตอนต่อไป




May 2024

S M T W T F S
   1 2 34
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

Search My Blog

2 user(s) viewing

0 members, 2 guests, 0 anonymous users