ว่าด้วยเรื่องของ"รูรับแสง"
#1
Posted 26 January 2010 - 02:08 PM
มันจะมีม่านที่สามารถเปิดให้แสงเข้าได้มาก หรือ หรี่ให้แสงเข้าได้น้อย ม่านตรงนี้เรียกว่า ไดอะแฟรม
ทำหน้าที่ เปิดกว้าง หรือ หรี่เข้า แต่แน่นอน จะเปิดกว้างหรือหรี่เข้า ไดอะแฟรมจะทำให้แสงลอดผ่านมันได้
ช่องที่แสงลอดผ่านมันได้เนี่ย เรียกว่า รูรับแสง !!
ในการกำหนดให้แสงเข้า ว่าจะให้แสงเข้าเท่าใดนั้น
ใช้ตัวเลขหนึ่งเป็นตัวกำหนด เรียกว่า F-stop อ่านว่า เอฟ สตอป (ออกเสียงต่ำ)
ถ้าออกเสียงสูงจะเป็น สต๊อป เราออกเสียงต่ำนะ สะ ต่อบ
โดยมีตัวเลขดังนี้
1 , 1.4 , 2 , 2.8 , 4 , 5.6 , 8 , 11 , 16 , 22 , 32 , 45 , 64
ตัวเลขเหล่านี้ จริง ๆ แล้วเป็นตัวหารจ้า
ได้จากขนาดของลำแสงที่ผ่านเข้าเลนส์ไปยังภาพ หารด้วยทางยาวโฟกัสของเลนส์นะ
แล้วไอ้ตัวเลขที่ว่านี้ เอาไว้ใช้ทำไร...
เวลาที่เราได้ยินพวกเล่นกล้องพูดกันถึงว่า เขาใช้ F-Stop เท่าไหร่ เช่นใช้ F16 หรือ F8 นั่นก็อย่าเข้าใจผิดว่าเขาใช้ เครื่องบินขับไล่ รุ่นต่างๆ ไปถ่ายภาพกันนะครับ แต่เขาใช้ความกว้างในการเปิดรูรับแสง
หรือความกว้างชัตเตอร์ เป็น 1/16 หรือ 1/8 ซึ่งแต่ละตำรา แต่ละกล้องก็ดันใช้สัญญลักษณ์ไม่เหมือนกันอีก แต่ขอให้เข้าใจไว้ว่า ถ้าพูดถึงความกว้างของรูรับแสงก็จะมีสัญญลักษณ์ดังนี้คือ F16, f/16 หรือ 1:16 ก็จะหมายถึง
ความกว้างหน้ากล้องขนาด 1/16 เหมือนกันหมดหน้าที่ของ รูรับแสง คือจะเป็นตัวความคุมความชัดลึก ชัดตื้นของรูปภาพ ถ้ารูรับแสงแคบๆ (หรือ F เยอะๆ) จะมีความชัดลึกมากกว่าการใช้รูรับแสงกว้างๆ (หรือรูรับแสงกว้าง)
สำหรับขนาดรูรับแสงของชัตเตอร์เรียงลำดับจากกว้างมาก ไปหาแคบๆ
1 แต่ละตัวเลขนั้น จะห่างกัน 1 สตอป
หมายความว่า ..... จาก F4 ไปถึง F11 ห่างกัน 3 สตอป
2 เนื่องจากมันเป็นตัวหาร ดังนั้น เมื่อค่าของ F-stop ยิ่งมากขึ้นปริมาณแสงจะเข้าน้อยลง อันนี้สำคัญมากกกกกกก !! ต้องจำให้ดีนะงับ ทำนองกลับกัน เมื่อค่าของ ตัวเลขน้อยลง แสงก็เข้าได้มากขึ้น
(ห้ามจำว่า เลขน้อยแสงเข้าน้อย เลขมากแสงเข้ามาก ผิดนะ !!ให้ท่องว่า เลขมากขึ้น แสงเข้าน้อยลง เลขน้อยลง แสงเข้ามากขึ้นอันนี้ถึงจะถูก !!)
รูรับแสงนั้น นอกจากจะใช้ หรี่ ๆ ถ่าง ๆ เพื่อให้แสงเข้ามาก ๆ น้อย ๆดังใจนึกแล้ว
มันยังมีผลโดยตรงต่อเรื่องของ Depth of fieldอันแปลเป็นไทยว่า ช่วงความชัด ของภาพด้วยนะ
สิ่งที่จะคุยให้ฟังได้ตอนนี้คือ ....
เราเคยเห็นภาพ ที่หน้าชัด ๆ แล้วด้านหลังเบลอไปหมดเลยมั้ยหรือ
เราเคยเห็นภาพที่ชัดตั้งแต่เชียงใหม่ไปปัตตานีมั้ย (หมายถึงชัดหมดเลยทั้งภาพ)
สิ่งเหล่านี้ เป็นผลส่วนหนึ่งมาจาก ช่องรับแสง ทั้งสิ้น
เอาเอานำภาพมาประกอบ ชัดลึกชัดตื้น
credit: พี่ dust และ ปีไม้หอม ขอนำมาเป็นความรู้ให้เพื่อนๆ
#2
Posted 26 January 2010 - 02:14 PM
พูดง่าย ๆ ลองเปิดค่า F เยอะ ภาพจะมืดง่าย เพราะ รูรับแสงจะเปิดแคบนั้นเอง
หรือ ถ้าค่า F น้อย ๆ ภาพจะสว่าง เพราะ รูรับแสงเปิดกว้างนั้นเอง
รูรับแสงนี้สำคัญยิ่ง ขอบคุณน้องแอล มาก ๆ คร๊าบบบ
#3
Posted 26 January 2010 - 02:39 PM
ต้องเรียนควบคู่กับเรื่องสปีดชัตเตอร์และการชดเชยแสงด้วยครับ
หรือเรียกง่าย ๆ เลยคือต้องอ่านเรื่องแสงให้กระจ่างครับ
พูดง่าย ๆ ลองเปิดค่า F เยอะ ภาพจะมืดง่าย เพราะ รูรับแสงจะเปิดแคบนั้นเอง
หรือ ถ้าค่า F น้อย ๆ ภาพจะสว่าง เพราะ รูรับแสงเปิดกว้างนั้นเอง
รูรับแสงนี้สำคัญยิ่ง ขอบคุณน้องแอล มาก ๆ คร๊าบบบ
เพิ่มเติมให้ด้วยครับต้องอยู่ในสมมติฐานว่าเราใช้ mode M ที่เราปรับเฉพาะค่า F โดยให้ค่าสปีดชัตเตอร์และ ISO เท่าเดิม
และการวัดแสงวัด ณ จุด ๆ เดียวกันครับ
#4
Posted 26 January 2010 - 02:42 PM
#5
Posted 26 January 2010 - 02:55 PM
จะได้ ฝึกปรับค่า ความสัมพันธ์ และสร้างสรรค์ ภาพจาก ชัตเตอร์ กับ รูรับแสง
#6
Posted 26 January 2010 - 03:28 PM
โดยจุดประสงค์หลักของการปรับโหมด M เพื่อได้ภาพที่ถ่ายออกมาแปลกตา และสร้างสรรค์ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด แต่ต้องคู่กับ Manual Focus ด้วย
หากคุณต้องการถ่ายภาพทั่วๆไป ท่องเที่ยว หรือถ่ายคน เล่นโหมด A จะดีสุดครับ
โหมด S เอาไว้ถ่ายอะไรที่ต้องเคลื่อนไหวเร็วๆ หรือ ถ่ายคนกระโดด ถ่ายรถวิ่ง โดยถ่ายให้ติดอันเดอร์ไว้แล้วมาดันด้วย Curve ในกรณีถ่ายคนโดดให้นิ่งที่สุด
ถ้าคิดอะไรไม่ออก ปรับไป AUTO เลยครับ
ตากล้องหลายๆคนมือโปร ใช้ AUTO กันเยอะนะ ไม่ได้พูดเล่น ในสถานการณ์แสงไม่คงที่ หรือสถานการณ์ที่ต้องเคลื่อนไหวมากๆ ไปนี่ที่นั่นที ปรับ AUTO จะเวิร์คที่สุด เช่น ถ่ายภาพสงคราม แผ่นดินไหวหรือการทำข่าว
มีคนเคยพูดไว้ว่า ตากล้องคนไหน ที่คิดว่า AUTO ไม่สำคัญ ไม่ต้องมีก็ได้ แสดงว่า ยังไม่ใช่ตากล้องที่แท้จริง
Edited by mennie, 26 January 2010 - 03:30 PM.
#7
Posted 26 January 2010 - 03:44 PM
เช่นถ่าย รถแข่ง ถ่ายอะไรที่มันเกิดขึ้นฉับพลัน ฉะนั้นเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ ก็ พยายาม ใึกใช้ทุกๆโหมดนะครับ
อย่าไปคิดว่ามันไม่ โปร เพราะ โปรบางทีก็ใช้ พวกโหมดช่วยเหมือนกัน อิอิ
#8
Posted 26 January 2010 - 03:52 PM
อีกหน่อยก็ต้องมาคุยกันถึงเรื่องเลนส์ต่อด้วยครับ เพราะเลนส์แต่ละตัวค่า f ไม่เท่ากัน
ซึ่งค่า f ที่ว่านี้มีผลต่อการละลายฉากหลังโดยตรง
ยิ่งเลนส์ที่มีค่า f น้อยเท่าไหร่ (ช่องรับแสงกว้าง) ก็สามารถละลายฉากหลังได้ดียิ่งขึ้น
เช่น 1.4 หรือ 1.8 เป็นต้น หรือการใช้เลนส์เทเลก็ทำได้เหมือนกัน
ส่วน Auto ผมว่าก็จำเป็นนะครับในกรณีที่ต้องถ่ายอะไรที่รวดเร็วและคิดอะไรไม่ทัน (หรือไม่ก็ปรับโหมด P)
#9
Posted 26 January 2010 - 04:27 PM
ลำพังแค่ F อาจจะไม่เพียงพอ
ลองเทียบกัน 135 f2 ยังไงก็ละลายหลังได้สวยกว่า 85 1.8
ส่วนตัวถ้าไม่ซีเรียสรูปมากก็ P โล้ด
อ้อบางกรณีจำเป็นต้องใช้ M ครับ เพื่อให้ได้ภาพที่เรากำหนดได้เอง อย่างการถ่ายพลุ ที่กำหนด iso100 (หรือต่ำสุด)กับ F8-11 คู่กับ speed B
ซึ่งก็อีกนั่นแหละ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสปีดชัตเตอร์กับรูรับแสงก็จะไม่สัมพันธ์กันอีกแล้ว เพราะเราต้องการเก็บพลุให้ได้อย่างต้องการ
#10
Posted 30 January 2010 - 04:49 PM
#11
Posted 21 April 2010 - 11:58 AM
#12
Posted 27 January 2011 - 12:09 PM
#13
Posted 27 January 2011 - 02:27 PM
#14
Posted 13 August 2011 - 11:55 AM
#15
Posted 10 June 2013 - 09:52 PM
#16
Posted 24 June 2013 - 05:17 PM