รีวิวหนัง Splice หนังดีน่าดู

เห็น Splice ครั้งแรกแบบผ่านในเวป youtube ก็ค่อนข้างสะดุดตากับสเปเชียลเอฟเฟคท์สุดงามกับภาพผู้หญิงหน้าตาดูผิดรูปมีหางมีปีกตนนี้ เสียเหลือเกิน จนกระทั่งเห็นโปสเตอร์โปรโมทหนังตามโรงหนังใกล้บ้านที่โปรยหัวว่า "เธอล่า เธอสืบพันธุ์ บลาๆๆ" อะไรสักอย่าง บวกกับเป็นทีมผู้สร้าง Hellboy
แว่บ แรกแอบคิดว่า โอ้ว นี่มัน Species เวอร์ชั่นใหม่นิ พร้อมภาพตัวสปีชีส์วัยกำหนัดไล่ล่าผู้ชายสืบพันธุ์แบบสุดสยองผลุดพลายขึ้นมา ในหัวทันที ...."อืม ต้องดูให้ได้"

ต้องขอบอกก่อนว่าผมดาวน์โหลดหนังเรื่องนี้มาดูด้วยความที่รอกำหนดเข้าฉายไม่ไหวกอปร กับกระแสหนังที่ออกมาค่อนข้างดีเหลือเกิน เมื่อดูจบแล้วก็ต้องบอกว่าหน้าหนังที่ประเทศไทยโปรโมทสร้าง wrong impression ให้คนดูมากครับ มันไม่ใช่สปีชีส์ มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เกิดมาเพื่อแค่ล่าเหยื่อ และสืบพันธุ์แบบสัตว์เดรัจฉานเลย แต่มันดีกว่าที่คิดไว้เยอะ มีมิติและที่มาที่ไปที่น่าสนใจกว่าอยู่มากโข

เนื้อเรื่องจะเกี่ยว ข้องกับนักวิทยาศาสตร์ชีวเคมี Clive และ Elsa สองคู่ผัวตัวเมียที่สร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่รูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ เหมือนหนอน
ยักษ์ที่เกิดจากการดัดแปลงทางพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตหลายรูป แบบเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อหวังสกัดโปรตีนที่ใช้ในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร สุดท้ายบริษัทยาที่ให้งบสนับสนุนการค้นคว้าวิจัชุดนี้จำเป็นต้องตัดงบประมาณ ที่เริ่ม
บานปลายให้งานค้นคว้าเหลือแค่การสังเกตุการณ์การทำงานของโปรตีน ตัวนี้เท่านั้น ในขณะที่ความทะเยอทะยานของทั้ง Clive และ Elsa กลับมองไปไกลกว่านั้น พวกเขาต้องการนำ DNA ดังกล่าวไปทดลองกับ DNA มนุษย์เพื่อหวังว่าเป็นหนทางทางการแพทย์ในการรักษาโรคร้ายอย่างเช่นมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ ที่ยังหาหนทางรักษาไม่ได้ ไคลฟ์ และเอลซ่าจึงแอบทำการทดลองแบบลับๆ โดยการรวม DNA มนุษย์เข้ากับตัวทดลองดังกล่าวจนเกิดสิ่งมีชีวิตเพศเมียสายพันธุ์ใหม่ขึ้น ในขณะที่ทั้งสองเฝ้าสังเกตุพฤติกรรม และการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วผิดปกติของสัตว์ทดลองอย่างลับๆ Elsa ก็เริ่มเกิดความรู้สึกผูกพันธ์กับสัตว์ทดลองของเธอ และตั้งชื่อมันว่า Dren เรื่องทุกอย่างจึงเริ่มต้นตรงนี้....

ตัวหนังเล่าเรื่องตามสไตล์หนัง ชีวะ sci-fi ลุ้นระทึกทั่วไป แต่แทนที่ตัวหนังจะกลายเป็นหนังหวีดสยองแบบหนัง horror sci-fi ที่มีอยู่ดาษดื่น ตัวหนังกลับเลือกที่จะโฟกัสความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสามที่ออกมาในรูปแบบ ที่ให้ระทึก ซาบซึ้ง และดูสนุกมากทีเดียว ในฉากของห้องทดลองเพียงฉากเดียวทำให้ผมได้เห็นถึงสัญชาตญาณความเป็นแม่ ความหึงหวง และความไร้เดียงสาได้อย่างชัดเจนในแบบที่ไม่เคยเห็นจากหนังเรื่อง sci-fi เรื่องไหนมาก่อน และในขณะที่หนังถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ในวัยเด็กของ Dren ที่น่าสะพรึงกลัวสู่ความงามในแบบฉบับของสาวแรกแย้มที่พร้อมทำหน้าที่สืบเผ่า พันธุ์ ตัวหนังก็พาดำดิ่งให้เห็นด้านมืดของมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นตัณหาราคะ ความริษยาที่ดูสกปรก และอัปลักษณ์ยิ่งกว่าตัวประหลาดอย่าง Dren เป็นไหนๆ โดยเฉพาะเมื่อถึงในช่วงท้ายของหนังที่โยนจุดหักมุมแบบไม่ยั้งใส่คนดูทั้งที่ น่าอัดอึดอัด และชวนหดหู่เป็นอย่างยิ่งซึ่งพยายามบอกเล่าความจริงบางอย่างเกี่ยวกับสัจธรรมบางอย่างของการเป็น dominating species อย่างมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

ผมค่อนข้างตื่นเต้นปนหลอนในครั้งแรกที่ได้เห็น Dren เกิดออกมา ดูน่ารักน่าเอ็นดูแต่ก็ดูน่ากลัวแบบบอกไม่ถูก หนังค่อยๆ เผยวิวัฒนาการการเจริญเติบโตของ Dren ผ่านวิชวลเอฟเฟคท์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ การเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพ และทางอารมณ์ที่รวดเร็วจนเธอเองเริ่มสับสันกับตัวเองได้รับการถ่ายทอดผ่าน การแสดงของนักแสดงสาว Delphine Chanac และวิชวลเอฟเฟคท์ที่ทำงานร่วมกันได้ผลออกมาที่น่าทึ่งยิ่งนัก การแสดงของ Adrien Brody และ Sarah Polley ในบท Clive และ Elsa ถือว่าเจ๋งมาก สามารถทำให้ตัวหนังหลุดพ้นจากกรอบของความซ้ำซากจากหนังแนวนี้ได้พอสมควร แม้ว่าตัวหนังจะปูปูมหลังของทั้งคู่ได้ไม่เต็มที่เท่าใดนักก็ตาม

แม้ตัวหนังจะไมได้ประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้ และมันอาจจะไม่ใช่หนังตลาดแนวเลือดสาดสัตว์ประหลาดกินคน แต่ตัวหนังก็ถือว่ามีความกล้า และความคิดสร้างสรรค์กล้าคิดกล้าทำสอดแทรกมุมมองของเรื่องรักสามเศร้าแบบ พิลึกพิลั่น อารมณ์ขำตลกร้ายในเรื่องของการเลี้ยงลูก และความน่าสงสารของตัวประหลาดอย่าง Dren ที่อาจทำให้หลายคนหลงรักแบบไม่ทันรู้ตัว เหนือสิ่งอื่นใดมันเป็นหนัง "สัตว์ประหลาด" ที่ดูเป็น "มนุษย์" มากที่สุดเรื่องหนึ่ง