เพื่อนๆคิดว่าในยุคนี้ยังจำเป็นต้องมีเว็บไซ...
godkap 27 Sep 2018
ตามหัวข้อยุคนี้เราถูกแทนที่โดย Facebook ,Youtube และอื่นๆ
เชื่อว่า 70-80% ที่เราเล่นโซเชี่ยลกันก็วนๆอยู่ในบริการของเจ้าใหญ่
แล้วเพื่อนๆคิดว่าในยุคนี้ธุรกิจขนาดเล็ก SME ที่ไม่ใช่พวก company หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องมีเว็บ officialเช่น ebay,shoppe,netxfixหรือพวกบริษัทต่างๆ
ธุรกิจขนาดเล็กยังควรจะมีหรือคุ้มค่าไหมในการลงทุนไหม
การสร้างเว็บไซต์ที่มีค่าใช่จ่ายสูงและดูแลยากกว่าก็ดูเหมือนผู้ประกอบ
การทุกค้นต้องแต่หน้าใหม่ยันหน้าเก่าก็เลือกที่จะไปลงทุนสร้างกับบริการนั้นๆ
ทุกวันนี้ข้อมูลที่เราค้นหาใน google เช่นการทำ seo ให้ติดsearchหน้า1ก็เข้าใจว่ายังกระตุ้นยอดขายได้
แต่ผู้คนและปริมาณมันก็หายไปด้วยความล้าหลังของเว็บไชต์ยกตัวอย่างเช่น เว็ปdgoเรา อนาคตจะเป็นอย่างไรไปในทิศทางไหนก็ไม่ทราบ
เชื่อว่า 70-80% ที่เราเล่นโซเชี่ยลกันก็วนๆอยู่ในบริการของเจ้าใหญ่
แล้วเพื่อนๆคิดว่าในยุคนี้ธุรกิจขนาดเล็ก SME ที่ไม่ใช่พวก company หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องมีเว็บ officialเช่น ebay,shoppe,netxfixหรือพวกบริษัทต่างๆ
ธุรกิจขนาดเล็กยังควรจะมีหรือคุ้มค่าไหมในการลงทุนไหม
การสร้างเว็บไซต์ที่มีค่าใช่จ่ายสูงและดูแลยากกว่าก็ดูเหมือนผู้ประกอบ
การทุกค้นต้องแต่หน้าใหม่ยันหน้าเก่าก็เลือกที่จะไปลงทุนสร้างกับบริการนั้นๆ
ทุกวันนี้ข้อมูลที่เราค้นหาใน google เช่นการทำ seo ให้ติดsearchหน้า1ก็เข้าใจว่ายังกระตุ้นยอดขายได้
แต่ผู้คนและปริมาณมันก็หายไปด้วยความล้าหลังของเว็บไชต์ยกตัวอย่างเช่น เว็ปdgoเรา อนาคตจะเป็นอย่างไรไปในทิศทางไหนก็ไม่ทราบ
Burm 27 Sep 2018
เดี๋ยวนี้ การทำ website มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ
เครื่องมือ framework มันมีหลากหลายมากมาย
มีทั้งแบบทำเอง หรือจะแบบใช้เป็น PaaS (Platform as a Service แบบพวก Wix)
ค่า host ก็ถูกแสนถูก ยิ่งคุณจะทำ static website ไว้แสดงข้อมูลองค์กรเฉยๆ ก็เอาลง S3 ไป รายเดือนน่าจะไม่กี่ร้อย (ถ้าคนใช้เยอะ) ถ้าไม่มีคนใช้น่าจะไม่กี่สิบบาท
สิ่งที่ต้องจ่าย โดยมากมักจะเป็นค่าออกแบบ แต่ถ้าไม่ซีเรียส เท็มเพลทดีๆ ก็มีขายราคาไม่สูงนัก
ปัญหาจริงๆ ของ website คือการที่ผู้ประกอบการ "ไม่เข้าใจ" ว่า website มันคืออะไร แล้วมันควรจะเป็นยังไง
โดยมากจะคิดไปไกลถึง Feature มากมายมหาศาล (ecommerce, สะสมแต้ม แลกรางวัล ตรวจสถานะซ่อม บลาๆ) ทำได้ไหม มันก็ทำได้
แต่พวกนี้เขาจะคิดแค่ว่า "ก็ทำ web" ซึ่งจริงๆมันมากกว่านั้นเยอะมาก
ซึ่งถ้าไปไกลขนาดนั้น มันจะเริ่มเป็น WebApp แล้ว
ถ้าพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรมี น่าจะเป็น mobile App ครับ
ยุคนี้ Static Website มันไม่จำเป็นต้องมี แต่ด้วยราคามันถูกโอเวอร์ จะทำทิ้งๆก็ได้
แต่สิ่งที่เติบโตมา มันคือ Web Application คือ Website ที่มีฟังก์ชั่นเหมือน app ครับ
สามารถทำงาน offline ได้ ติดต่อ resource อื่นๆ ในเครื่อง เช่นกล้อง, gps หรือ มีระบบ notification สามารถเตือนได้
บางเจ้าใช้วิธีทำ web app แล้วทำ mobile app มาครอบไว้แค่รับ notification ตอนไม่เปิด app เฉยๆ ก็มีครับ
tools และภาษาใหม่ๆ ที่รองรับเรื่องนี้ และ infrastructure ใหม่ๆ (เช่น serverless) ทำให้ราคาของการบริหาร resource แบบนี้ลดลงไปเยอะมาก
คิดถึง webapp สมัยก่อนที่ต้องมี web server ต้องมีเรื่องการ scale แต่ถ้าเป็นพวก serverless ก็ไม่ต้องมี server แค่เขียน code อย่างเดียว
เดี๋ยว platform มันจัดการให้หมด แถมราคาก็ถูกกว่า เพราะคิดค่าใช้เป็นครั้งๆ
แต่ Dev ก็ต้องปรับตัวเยอะอยู่
โดยสรุปคือ
- static website ไม่จำเป็นต้องมี แต่มีก็ได้ เพื่อความน่าเชื่อถือองค์กร ข้อมูลบางอย่างที่ถ้าไปอยู่บน social มันจะหายาก เช่น company profile แถมยังราคาถูกกว่าเมื่อก่อน และบริหารง่ายกว่าเดิมมาก
- สื่อ Social จะมาแทนในรูปแบบของการสื่อสารองค์กร เมื่อสมัยก่อน website องค์กรมักจะไม่มีช่องทางติดต่อ อย่างมากก็ email แต่สื่อ social จะมาเติมเต็มตรงนี้ รวมถึงเป็นช่องทางในการโฆษณาต่างๆ แทนการซื้อ ad รวมถึงการใช้ influencer โดยไม่ต้องโปรโมทใน page ตัวเองยังได้
- Dynamic Web ที่ตอนนี้เริ่มแปรสภาพเป็น Web App ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจ แต่หากตั้งเป้าหมายไว้สูง ราคาค่างวดก็จะสูงตาม การบริหารระยะยาวก็จะไม่ยากมากเหมือนเมื่อก่อน (web ล่ม db ล่ม ไม่ต้องกลัวเท่าไหร่ หากเลวร้ายจริงๆ นั่งอยู่บ้านก็ restart db ได้ แบบตอนผมเริ่มทำ dgo remasterd ใหม่ๆ)
- Mobile App ความสำคัญจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะ WebApp ทำแทนได้แทบทุกอย่าง เราจะเห็นเทรนด์ของ mobile app บางเจ้าเริ่มทำเป็นตัวครอบ webapp เฉยๆ ก็มีครับ แถมประโยชน์อีกอย่างคือ มัน update ง่าย ไม่ต้องรอ review
เครื่องมือ framework มันมีหลากหลายมากมาย
มีทั้งแบบทำเอง หรือจะแบบใช้เป็น PaaS (Platform as a Service แบบพวก Wix)
ค่า host ก็ถูกแสนถูก ยิ่งคุณจะทำ static website ไว้แสดงข้อมูลองค์กรเฉยๆ ก็เอาลง S3 ไป รายเดือนน่าจะไม่กี่ร้อย (ถ้าคนใช้เยอะ) ถ้าไม่มีคนใช้น่าจะไม่กี่สิบบาท
สิ่งที่ต้องจ่าย โดยมากมักจะเป็นค่าออกแบบ แต่ถ้าไม่ซีเรียส เท็มเพลทดีๆ ก็มีขายราคาไม่สูงนัก
ปัญหาจริงๆ ของ website คือการที่ผู้ประกอบการ "ไม่เข้าใจ" ว่า website มันคืออะไร แล้วมันควรจะเป็นยังไง
โดยมากจะคิดไปไกลถึง Feature มากมายมหาศาล (ecommerce, สะสมแต้ม แลกรางวัล ตรวจสถานะซ่อม บลาๆ) ทำได้ไหม มันก็ทำได้
แต่พวกนี้เขาจะคิดแค่ว่า "ก็ทำ web" ซึ่งจริงๆมันมากกว่านั้นเยอะมาก
ซึ่งถ้าไปไกลขนาดนั้น มันจะเริ่มเป็น WebApp แล้ว
ถ้าพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรมี น่าจะเป็น mobile App ครับ
ยุคนี้ Static Website มันไม่จำเป็นต้องมี แต่ด้วยราคามันถูกโอเวอร์ จะทำทิ้งๆก็ได้
แต่สิ่งที่เติบโตมา มันคือ Web Application คือ Website ที่มีฟังก์ชั่นเหมือน app ครับ
สามารถทำงาน offline ได้ ติดต่อ resource อื่นๆ ในเครื่อง เช่นกล้อง, gps หรือ มีระบบ notification สามารถเตือนได้
บางเจ้าใช้วิธีทำ web app แล้วทำ mobile app มาครอบไว้แค่รับ notification ตอนไม่เปิด app เฉยๆ ก็มีครับ
tools และภาษาใหม่ๆ ที่รองรับเรื่องนี้ และ infrastructure ใหม่ๆ (เช่น serverless) ทำให้ราคาของการบริหาร resource แบบนี้ลดลงไปเยอะมาก
คิดถึง webapp สมัยก่อนที่ต้องมี web server ต้องมีเรื่องการ scale แต่ถ้าเป็นพวก serverless ก็ไม่ต้องมี server แค่เขียน code อย่างเดียว
เดี๋ยว platform มันจัดการให้หมด แถมราคาก็ถูกกว่า เพราะคิดค่าใช้เป็นครั้งๆ
แต่ Dev ก็ต้องปรับตัวเยอะอยู่
โดยสรุปคือ
- static website ไม่จำเป็นต้องมี แต่มีก็ได้ เพื่อความน่าเชื่อถือองค์กร ข้อมูลบางอย่างที่ถ้าไปอยู่บน social มันจะหายาก เช่น company profile แถมยังราคาถูกกว่าเมื่อก่อน และบริหารง่ายกว่าเดิมมาก
- สื่อ Social จะมาแทนในรูปแบบของการสื่อสารองค์กร เมื่อสมัยก่อน website องค์กรมักจะไม่มีช่องทางติดต่อ อย่างมากก็ email แต่สื่อ social จะมาเติมเต็มตรงนี้ รวมถึงเป็นช่องทางในการโฆษณาต่างๆ แทนการซื้อ ad รวมถึงการใช้ influencer โดยไม่ต้องโปรโมทใน page ตัวเองยังได้
- Dynamic Web ที่ตอนนี้เริ่มแปรสภาพเป็น Web App ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจ แต่หากตั้งเป้าหมายไว้สูง ราคาค่างวดก็จะสูงตาม การบริหารระยะยาวก็จะไม่ยากมากเหมือนเมื่อก่อน (web ล่ม db ล่ม ไม่ต้องกลัวเท่าไหร่ หากเลวร้ายจริงๆ นั่งอยู่บ้านก็ restart db ได้ แบบตอนผมเริ่มทำ dgo remasterd ใหม่ๆ)
- Mobile App ความสำคัญจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะ WebApp ทำแทนได้แทบทุกอย่าง เราจะเห็นเทรนด์ของ mobile app บางเจ้าเริ่มทำเป็นตัวครอบ webapp เฉยๆ ก็มีครับ แถมประโยชน์อีกอย่างคือ มัน update ง่าย ไม่ต้องรอ review
paween_a 27 Sep 2018
สำหรับองค์กรเล็ก ๆ ผมว่าแค่ facebook line ig อะไรพวกนี้ก็น่าจะพอไหวแล้วครับ ขอให้ google แล้วติดขึ้นมาเพื่อไว้ใช้หาข้อมูลในบริษัทเบื้องต้น ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ แต่ที่สำคัญกว่ามีหรือไม่มี web คือ การติดต่อกับบริษัทเราได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ส่งอะไรไปเงียบหาย สำคัญกว่ามี web ครับ
silapakorn 27 Sep 2018
ผมทำสื่อโฆษณาให้บริษัททั้งไทยและนอกนะครับ พบว่าบริษัทส่วนใหญ่ก็จะมีเว็บของตัวเองครับ
เอาไว้บอกเล่าประวัติ โชว์หน้าตา-ผลงาน ที่สำคัญคือเอาไว้สั่งซื้อของได้ ใช้ง่าย-ดูง่ายกว่าหน้าร้านค้าของ fb อีกครับ
น้อยมากที่จะเจอบริษัทที่ลงเว็บหลักของตัวเองเป็นหน้า fb
เอาไว้บอกเล่าประวัติ โชว์หน้าตา-ผลงาน ที่สำคัญคือเอาไว้สั่งซื้อของได้ ใช้ง่าย-ดูง่ายกว่าหน้าร้านค้าของ fb อีกครับ
น้อยมากที่จะเจอบริษัทที่ลงเว็บหลักของตัวเองเป็นหน้า fb
Oae 27 Sep 2018
อยู่ที่ประเภทธุรกิจครับ
ถ้าเป็น SME สายงาน it หรืออื่นๆที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ยังควรต้องมี website
ถ้าขายเสื้อผ้า online ทั่วไปก็ไม่ต้องมี
ถ้าเป็น SME สายงาน it หรืออื่นๆที่ต้องการความน่าเชื่อถือ ยังควรต้องมี website
ถ้าขายเสื้อผ้า online ทั่วไปก็ไม่ต้องมี
umbababa 27 Sep 2018
ไม่มีเว็บไซด์ แล้วจะให้ กูเกิล เสิจหาอะไรเจอล่ะครับ...
ข้อมูลสำคัญๆส่วนใหญ่อยู่บนเว็บไซด กับ เว็บบอร์ด ทั้งนั้นเลย
ในเฟชบุ้คมันเหมือนไดอารี่ ที่สร้างมาเพื่อมือถือมากเกินไป
Edited by umbababa, 27 September 2018 - 11:11 AM.
ข้อมูลสำคัญๆส่วนใหญ่อยู่บนเว็บไซด กับ เว็บบอร์ด ทั้งนั้นเลย
ในเฟชบุ้คมันเหมือนไดอารี่ ที่สร้างมาเพื่อมือถือมากเกินไป
Edited by umbababa, 27 September 2018 - 11:11 AM.
paween_a 27 Sep 2018
umbababa, on 27 September 2018 - 11:09 AM, said:
ไม่มีเว็บไซด์ แล้วจะให้ กูเกิล เสิจหาอะไรเจอล่ะครับ...
ข้อมูลสำคัญๆส่วนใหญ่อยู่บนเว็บไซด กับ เว็บบอร์ด ทั้งนั้นเลย
ในเฟชบุ้คมันเหมือนไดอารี่ ที่สร้างมาเพื่อมือถือมากเกินไป
ข้อมูลสำคัญๆส่วนใหญ่อยู่บนเว็บไซด กับ เว็บบอร์ด ทั้งนั้นเลย
ในเฟชบุ้คมันเหมือนไดอารี่ ที่สร้างมาเพื่อมือถือมากเกินไป
google ก็ search บน fb เจอนะ ส่วนใหญ่จะดีกว่า search บน fb ด้วยซ้ำ
ติดนิดเดียวสำหรับ fb คือบางครั้งต้องมี account fb ก่อน ถึงจะดูข้อมูลบน fb ได้ แค่นั้น
one 27 Sep 2018
ไปเล่นwebญี่ปุ่น(ไม่รู้เขาเรียกว่าwebได้ไหม)หรือweb board
เหมือนเล่นยุคpantownเลยครับ
ไม่คิดว่าญี่ปุ่นยังมีแบบนี้
คุยครบ1000post หาย เริ่มต้นใหม่
เหมือนเล่นยุคpantownเลยครับ
ไม่คิดว่าญี่ปุ่นยังมีแบบนี้
คุยครบ1000post หาย เริ่มต้นใหม่
Piggyealker 27 Sep 2018
ธุรกิจหลายๆตัวผมว่าไม่เหมาะกับแค่มีหน้าร้านแบบ Facebook นะ
ต้องทำหลายๆช่องทางไป บางอย่างมีแต่ Facebook ก็ได้ บางอย่างมีแต่เวปก็ได้
ตอนนี้จะทำอะไรก็ Search Google อยู่ดีนะ เพียงแต่มันเป็นหน้าเวป หรือ หน้าเพจเฟส เท่านั้น
ยิ่งระบบซับซ้อนที่ต้องเขียนขึ้นเองยังไงก็ต้องทำเป็นเวป จะเขียนอะไรยัดลงเฟส คงไม่สะดวกเท่าเวป
งานเวปมันก็มี purpose ของมันต่างกับเฟส
งานเวปแพงๆ กับงานเฟสขายของ อันเดียวกัน
เจ้าของ Product
https://www.isseymiy...n/brands/baobao
คนเอา Product ไปขาย
https://www.facebook...60129917469872/
https://www.facebook...100008456971252
Edited by Piggyealker, 27 September 2018 - 12:41 PM.
ต้องทำหลายๆช่องทางไป บางอย่างมีแต่ Facebook ก็ได้ บางอย่างมีแต่เวปก็ได้
ตอนนี้จะทำอะไรก็ Search Google อยู่ดีนะ เพียงแต่มันเป็นหน้าเวป หรือ หน้าเพจเฟส เท่านั้น
ยิ่งระบบซับซ้อนที่ต้องเขียนขึ้นเองยังไงก็ต้องทำเป็นเวป จะเขียนอะไรยัดลงเฟส คงไม่สะดวกเท่าเวป
งานเวปมันก็มี purpose ของมันต่างกับเฟส
งานเวปแพงๆ กับงานเฟสขายของ อันเดียวกัน
เจ้าของ Product
https://www.isseymiy...n/brands/baobao
คนเอา Product ไปขาย
https://www.facebook...60129917469872/
https://www.facebook...100008456971252
Edited by Piggyealker, 27 September 2018 - 12:41 PM.
Mr_yakult 27 Sep 2018
เว็บไซค์ ผมว่าก็ต้องยังคงมีอยู่ควบคู่ ไปกับ ทั้ง Facebook และ Youtube ครับ
Xpert 27 Sep 2018
ผมว่าเว็บไซต์ เครดิตดีกว่าเพจนะ
อย่างน้อยคุณก็ควบคุมเองได้หมด ไม่ต้องกลัวว่าบริษัทเจ้าของเว็บโซเชี่ยลเกิดวันนึงมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ธุรกิจคุณก็อาจไปทั้งยวง พร้อมเขาน่ะแหละ
โซเชียล ใช้เป็นอีกเครื่องมือนึง จะเหมาะกว่า
อย่างน้อยคุณก็ควบคุมเองได้หมด ไม่ต้องกลัวว่าบริษัทเจ้าของเว็บโซเชี่ยลเกิดวันนึงมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ธุรกิจคุณก็อาจไปทั้งยวง พร้อมเขาน่ะแหละ
โซเชียล ใช้เป็นอีกเครื่องมือนึง จะเหมาะกว่า
umbababa 27 Sep 2018
เว็บไซด์ส่วนตัว เป็นบ้านหลังเดี่ยว
เฟชบุ้ค ทวิสเตอร์ เป็นคอนโด
เว็บบอร์ด อย่างdvg เป็น แฟรต
Edited by umbababa, 27 September 2018 - 06:12 PM.
เฟชบุ้ค ทวิสเตอร์ เป็นคอนโด
เว็บบอร์ด อย่างdvg เป็น แฟรต
Edited by umbababa, 27 September 2018 - 06:12 PM.
bigpao21 27 Sep 2018
Burm, on 27 September 2018 - 09:56 AM, said:
เดี๋ยวนี้ การทำ website มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ
เครื่องมือ framework มันมีหลากหลายมากมาย
มีทั้งแบบทำเอง หรือจะแบบใช้เป็น PaaS (Platform as a Service แบบพวก Wix)
ค่า host ก็ถูกแสนถูก ยิ่งคุณจะทำ static website ไว้แสดงข้อมูลองค์กรเฉยๆ ก็เอาลง S3 ไป รายเดือนน่าจะไม่กี่ร้อย (ถ้าคนใช้เยอะ) ถ้าไม่มีคนใช้น่าจะไม่กี่สิบบาท
สิ่งที่ต้องจ่าย โดยมากมักจะเป็นค่าออกแบบ แต่ถ้าไม่ซีเรียส เท็มเพลทดีๆ ก็มีขายราคาไม่สูงนัก
ปัญหาจริงๆ ของ website คือการที่ผู้ประกอบการ "ไม่เข้าใจ" ว่า website มันคืออะไร แล้วมันควรจะเป็นยังไง
โดยมากจะคิดไปไกลถึง Feature มากมายมหาศาล (ecommerce, สะสมแต้ม แลกรางวัล ตรวจสถานะซ่อม บลาๆ) ทำได้ไหม มันก็ทำได้
แต่พวกนี้เขาจะคิดแค่ว่า "ก็ทำ web" ซึ่งจริงๆมันมากกว่านั้นเยอะมาก
ซึ่งถ้าไปไกลขนาดนั้น มันจะเริ่มเป็น WebApp แล้ว
ถ้าพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรมี น่าจะเป็น mobile App ครับ
ยุคนี้ Static Website มันไม่จำเป็นต้องมี แต่ด้วยราคามันถูกโอเวอร์ จะทำทิ้งๆก็ได้
แต่สิ่งที่เติบโตมา มันคือ Web Application คือ Website ที่มีฟังก์ชั่นเหมือน app ครับ
สามารถทำงาน offline ได้ ติดต่อ resource อื่นๆ ในเครื่อง เช่นกล้อง, gps หรือ มีระบบ notification สามารถเตือนได้
บางเจ้าใช้วิธีทำ web app แล้วทำ mobile app มาครอบไว้แค่รับ notification ตอนไม่เปิด app เฉยๆ ก็มีครับ
tools และภาษาใหม่ๆ ที่รองรับเรื่องนี้ และ infrastructure ใหม่ๆ (เช่น serverless) ทำให้ราคาของการบริหาร resource แบบนี้ลดลงไปเยอะมาก
คิดถึง webapp สมัยก่อนที่ต้องมี web server ต้องมีเรื่องการ scale แต่ถ้าเป็นพวก serverless ก็ไม่ต้องมี server แค่เขียน code อย่างเดียว
เดี๋ยว platform มันจัดการให้หมด แถมราคาก็ถูกกว่า เพราะคิดค่าใช้เป็นครั้งๆ
แต่ Dev ก็ต้องปรับตัวเยอะอยู่
โดยสรุปคือ
- static website ไม่จำเป็นต้องมี แต่มีก็ได้ เพื่อความน่าเชื่อถือองค์กร ข้อมูลบางอย่างที่ถ้าไปอยู่บน social มันจะหายาก เช่น company profile แถมยังราคาถูกกว่าเมื่อก่อน และบริหารง่ายกว่าเดิมมาก
- สื่อ Social จะมาแทนในรูปแบบของการสื่อสารองค์กร เมื่อสมัยก่อน website องค์กรมักจะไม่มีช่องทางติดต่อ อย่างมากก็ email แต่สื่อ social จะมาเติมเต็มตรงนี้ รวมถึงเป็นช่องทางในการโฆษณาต่างๆ แทนการซื้อ ad รวมถึงการใช้ influencer โดยไม่ต้องโปรโมทใน page ตัวเองยังได้
- Dynamic Web ที่ตอนนี้เริ่มแปรสภาพเป็น Web App ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจ แต่หากตั้งเป้าหมายไว้สูง ราคาค่างวดก็จะสูงตาม การบริหารระยะยาวก็จะไม่ยากมากเหมือนเมื่อก่อน (web ล่ม db ล่ม ไม่ต้องกลัวเท่าไหร่ หากเลวร้ายจริงๆ นั่งอยู่บ้านก็ restart db ได้ แบบตอนผมเริ่มทำ dgo remasterd ใหม่ๆ)
- Mobile App ความสำคัญจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะ WebApp ทำแทนได้แทบทุกอย่าง เราจะเห็นเทรนด์ของ mobile app บางเจ้าเริ่มทำเป็นตัวครอบ webapp เฉยๆ ก็มีครับ แถมประโยชน์อีกอย่างคือ มัน update ง่าย ไม่ต้องรอ review
เครื่องมือ framework มันมีหลากหลายมากมาย
มีทั้งแบบทำเอง หรือจะแบบใช้เป็น PaaS (Platform as a Service แบบพวก Wix)
ค่า host ก็ถูกแสนถูก ยิ่งคุณจะทำ static website ไว้แสดงข้อมูลองค์กรเฉยๆ ก็เอาลง S3 ไป รายเดือนน่าจะไม่กี่ร้อย (ถ้าคนใช้เยอะ) ถ้าไม่มีคนใช้น่าจะไม่กี่สิบบาท
สิ่งที่ต้องจ่าย โดยมากมักจะเป็นค่าออกแบบ แต่ถ้าไม่ซีเรียส เท็มเพลทดีๆ ก็มีขายราคาไม่สูงนัก
ปัญหาจริงๆ ของ website คือการที่ผู้ประกอบการ "ไม่เข้าใจ" ว่า website มันคืออะไร แล้วมันควรจะเป็นยังไง
โดยมากจะคิดไปไกลถึง Feature มากมายมหาศาล (ecommerce, สะสมแต้ม แลกรางวัล ตรวจสถานะซ่อม บลาๆ) ทำได้ไหม มันก็ทำได้
แต่พวกนี้เขาจะคิดแค่ว่า "ก็ทำ web" ซึ่งจริงๆมันมากกว่านั้นเยอะมาก
ซึ่งถ้าไปไกลขนาดนั้น มันจะเริ่มเป็น WebApp แล้ว
ถ้าพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรมี น่าจะเป็น mobile App ครับ
ยุคนี้ Static Website มันไม่จำเป็นต้องมี แต่ด้วยราคามันถูกโอเวอร์ จะทำทิ้งๆก็ได้
แต่สิ่งที่เติบโตมา มันคือ Web Application คือ Website ที่มีฟังก์ชั่นเหมือน app ครับ
สามารถทำงาน offline ได้ ติดต่อ resource อื่นๆ ในเครื่อง เช่นกล้อง, gps หรือ มีระบบ notification สามารถเตือนได้
บางเจ้าใช้วิธีทำ web app แล้วทำ mobile app มาครอบไว้แค่รับ notification ตอนไม่เปิด app เฉยๆ ก็มีครับ
tools และภาษาใหม่ๆ ที่รองรับเรื่องนี้ และ infrastructure ใหม่ๆ (เช่น serverless) ทำให้ราคาของการบริหาร resource แบบนี้ลดลงไปเยอะมาก
คิดถึง webapp สมัยก่อนที่ต้องมี web server ต้องมีเรื่องการ scale แต่ถ้าเป็นพวก serverless ก็ไม่ต้องมี server แค่เขียน code อย่างเดียว
เดี๋ยว platform มันจัดการให้หมด แถมราคาก็ถูกกว่า เพราะคิดค่าใช้เป็นครั้งๆ
แต่ Dev ก็ต้องปรับตัวเยอะอยู่
โดยสรุปคือ
- static website ไม่จำเป็นต้องมี แต่มีก็ได้ เพื่อความน่าเชื่อถือองค์กร ข้อมูลบางอย่างที่ถ้าไปอยู่บน social มันจะหายาก เช่น company profile แถมยังราคาถูกกว่าเมื่อก่อน และบริหารง่ายกว่าเดิมมาก
- สื่อ Social จะมาแทนในรูปแบบของการสื่อสารองค์กร เมื่อสมัยก่อน website องค์กรมักจะไม่มีช่องทางติดต่อ อย่างมากก็ email แต่สื่อ social จะมาเติมเต็มตรงนี้ รวมถึงเป็นช่องทางในการโฆษณาต่างๆ แทนการซื้อ ad รวมถึงการใช้ influencer โดยไม่ต้องโปรโมทใน page ตัวเองยังได้
- Dynamic Web ที่ตอนนี้เริ่มแปรสภาพเป็น Web App ขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจ แต่หากตั้งเป้าหมายไว้สูง ราคาค่างวดก็จะสูงตาม การบริหารระยะยาวก็จะไม่ยากมากเหมือนเมื่อก่อน (web ล่ม db ล่ม ไม่ต้องกลัวเท่าไหร่ หากเลวร้ายจริงๆ นั่งอยู่บ้านก็ restart db ได้ แบบตอนผมเริ่มทำ dgo remasterd ใหม่ๆ)
- Mobile App ความสำคัญจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะ WebApp ทำแทนได้แทบทุกอย่าง เราจะเห็นเทรนด์ของ mobile app บางเจ้าเริ่มทำเป็นตัวครอบ webapp เฉยๆ ก็มีครับ แถมประโยชน์อีกอย่างคือ มัน update ง่าย ไม่ต้องรอ review
ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับ
Pasaniva14 27 Sep 2018
เวปไซด์ บริษัทควรมีครับ อย่างน้อยเสมือนมีตัวตนมากกว่า เพจ และ ดูหน้าเชื่อถือกว่า เพราะยังไงคนก็ยังยึดติด บริษัทที่มีเวป แต่.... เวปแนวคอนเท้นกำลังจะตายมากกว่า คือ ยอดตกเช่น
Sanook Hunsa Mthai บราๆๆ จริงอยู่บางคนอาจจะเถียงว่ามันก็ยังฮิต ลองย้อนไปก่อนเฟส หรือ ทวีสมาครับ จะรู้ว่าเวปเหล่านี้ ดังขนาดไหน บางคนและผมเข้าแทบทุกวัน
แต่สมัยนี้ เข้าทวีส เฟส จบไวกว่า ขนาดเวปข่าว เวปกีฬา ก็ไม่เข้าเลย มีแค่ Soccersuck ที่เข้าไปเรื่อยๆ มียุคดึงดันเอามาเป็นเวปเทสสปีดมือถือซะงั้นเวปนี้ 555+
และเดี๊ยวนี้ เวปเพจที่อยู่ได้ ผมกลับมองเป็น Pantip บางห้อง ทีดังไม่มีวันตาย ผมเชื่อเวปนี้สุดๆจริง ไม่มีทางตาย 555+ เพราะความเป็นเวปบอร์ดตั้งแต่อดีตกาล มองการไกลมากๆ เลยดังจนขึ้นหิ้ง
ผมกลับมองว่า ตอนนี้และอนาคต เวปที่จะมาแทนเวปไซด์ คือ เวปเพจแนววีดีโอตัวเอง พวกชาแนลมากกว่า อารมสตีมสดๆ ไปในทางวีดีโอมากกว่า เพราะคนสมัยนี้เสพการเคลื่อนไหวไปหมด
ส่วนโมบายแอป ผมว่าจะมาแทน Webapp ในอนาคต ถ้ามันรองรับรูปแบบที่ เวปแอปทำได้ และกินรีซอสมากนะ
ท้ายสุด ไม่แน่ VR เสมือน จะเข้ามาแทน เวปก็เป็นได้ จัดการทุกอย่างในนั้น โดยที่เราเข้าไปอยู่ด้วย
Sanook Hunsa Mthai บราๆๆ จริงอยู่บางคนอาจจะเถียงว่ามันก็ยังฮิต ลองย้อนไปก่อนเฟส หรือ ทวีสมาครับ จะรู้ว่าเวปเหล่านี้ ดังขนาดไหน บางคนและผมเข้าแทบทุกวัน
แต่สมัยนี้ เข้าทวีส เฟส จบไวกว่า ขนาดเวปข่าว เวปกีฬา ก็ไม่เข้าเลย มีแค่ Soccersuck ที่เข้าไปเรื่อยๆ มียุคดึงดันเอามาเป็นเวปเทสสปีดมือถือซะงั้นเวปนี้ 555+
และเดี๊ยวนี้ เวปเพจที่อยู่ได้ ผมกลับมองเป็น Pantip บางห้อง ทีดังไม่มีวันตาย ผมเชื่อเวปนี้สุดๆจริง ไม่มีทางตาย 555+ เพราะความเป็นเวปบอร์ดตั้งแต่อดีตกาล มองการไกลมากๆ เลยดังจนขึ้นหิ้ง
ผมกลับมองว่า ตอนนี้และอนาคต เวปที่จะมาแทนเวปไซด์ คือ เวปเพจแนววีดีโอตัวเอง พวกชาแนลมากกว่า อารมสตีมสดๆ ไปในทางวีดีโอมากกว่า เพราะคนสมัยนี้เสพการเคลื่อนไหวไปหมด
ส่วนโมบายแอป ผมว่าจะมาแทน Webapp ในอนาคต ถ้ามันรองรับรูปแบบที่ เวปแอปทำได้ และกินรีซอสมากนะ
ท้ายสุด ไม่แน่ VR เสมือน จะเข้ามาแทน เวปก็เป็นได้ จัดการทุกอย่างในนั้น โดยที่เราเข้าไปอยู่ด้วย
Daz 30 Sep 2018
เป็นบริษัทยังไงก็คงยังต้องมีครับ อย่างน้อยก็ไว้ให้เค้าดูได้เบื้องต้น
SnakeSolov 02 Oct 2018
คาดการณ์อะไรยากครับ เอาจริงๆแทบจะคาดการณ์อะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าอะไรจะหายไปอะไรจะยังคงอยู่
ทางที่ดีคือก็ทำมันทุกช่องทางนั่นแหละครับ ถ้าขยันจะลงมือทำธุรกิจอย่างจริงจังแล้วก็อย่ามานั่งคิดว่าควรมีหรือไม่ควรมี
กลยุทธ์อุดรูรั่วควรมีอยู่ในทุกธุรกิจอยู่แล้วครับเล็กใหญ่ ชาแนลไหนเรายังไม่มีก็คือเรารั่วอยู่ครับ ถ้าอยากอุดก็ทำถ้าขี้เกียจก็แค่ปล่อยผ่าน
อีกอย่างเห็นคนเทียบ FB กับ Google มันเทียบไม่ได้เลยครับถ้ามองในเรื่องของการเจริญเติบโต FB ถือว่าโตเร็วกว่ามากครับถ้าเทียบกับการที่
เรามีเรามองเห็น GG มาหลายสิบปีแต่ FB ใช้เวลาแค่นิดเดียวในการทำให้ตัวเอง World Wide ขนาดนี้ถ้าต่อไปมีการเอาจริงเรื่อง Search Engine
จากทาง FB มากกว่ามันก็ไม่แน่หรอกครับว่าคนจะใช้งานในด้านไหนมากสุด
ทางที่ดีคือก็ทำมันทุกช่องทางนั่นแหละครับ ถ้าขยันจะลงมือทำธุรกิจอย่างจริงจังแล้วก็อย่ามานั่งคิดว่าควรมีหรือไม่ควรมี
กลยุทธ์อุดรูรั่วควรมีอยู่ในทุกธุรกิจอยู่แล้วครับเล็กใหญ่ ชาแนลไหนเรายังไม่มีก็คือเรารั่วอยู่ครับ ถ้าอยากอุดก็ทำถ้าขี้เกียจก็แค่ปล่อยผ่าน
อีกอย่างเห็นคนเทียบ FB กับ Google มันเทียบไม่ได้เลยครับถ้ามองในเรื่องของการเจริญเติบโต FB ถือว่าโตเร็วกว่ามากครับถ้าเทียบกับการที่
เรามีเรามองเห็น GG มาหลายสิบปีแต่ FB ใช้เวลาแค่นิดเดียวในการทำให้ตัวเอง World Wide ขนาดนี้ถ้าต่อไปมีการเอาจริงเรื่อง Search Engine
จากทาง FB มากกว่ามันก็ไม่แน่หรอกครับว่าคนจะใช้งานในด้านไหนมากสุด
umbababa 04 Oct 2018
ไม่นานนี้ ผมเจอลูกค้าคนนึง เป็นหัวหน้าโรงพิมพ์ขายหัวเราะ
เขาเคยผ่าตัดกระดูกสันหลัง และใช้ท่ากายภาพง่ายๆ3ท่าของหมอญี่ปุ่นจนกลับมาเดินป๋อแช็งแรงเหมือนเดิม
ผมเลยขอภาพ หรือ url ลิ้ง์ที่เกี่ยวข้องมาศึกษาลองทำดู
ในใจก็คิด คงเป็น www.xxxxxxxx.xx พูดปากเปล่าก็คงได้
แกบอกมันเป็นเฟชบุ้คส่งไม่ได้ url ยาวววววววววววววววววววววววว หลายบรรทัด ส่วนเฟชบุ้คเขาเก็บ เฟรนไว้เฉพาะคนสนิดไม่อยากรับคนนอก
ก็เลยใ้ห้ส่งผ่านline แทน ได้ url ใน lineมา ยาววววววเฟื้อยอ แถม lineไม่ยินยอมให้ก๊อปปี้ลิ้งค์ออกมาคลิปบอร์ดอีก ต้องล๊อกอิน เฟชบุ้คผ่าน ไลด์เพื่อเข้าอีกที ซึ่งมันเสี่ยงพาสรั่วไหลไหมนะ เอาเหอะ...
ผมก็คิด เฟชบุ้ค เอย ไลด์ เอย มันจะยอมให้เราใช้สะดวก ต่อเมื่อเรายอมเป็น1ในวังวนของมันเท่านั้น ถ้าเราไม่ยอมอยู่ในเงื่อนไขของมันมันก็ปิดกั้นเราสารพัด บางครั้งก็ขึ้นในมือถือว่าถ้าอยากเข้าดูสินค้าชิ้นนี้ให้โหลด app facebook เท่านั้น งงเลย...บังคับกันได้ไงเนี่ย
ขณะที่ URL นัน้ อิสระมาก และ จำง่ายมาก เข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลาแท้ๆ
Edited by umbababa, 04 October 2018 - 10:19 PM.
เขาเคยผ่าตัดกระดูกสันหลัง และใช้ท่ากายภาพง่ายๆ3ท่าของหมอญี่ปุ่นจนกลับมาเดินป๋อแช็งแรงเหมือนเดิม
ผมเลยขอภาพ หรือ url ลิ้ง์ที่เกี่ยวข้องมาศึกษาลองทำดู
ในใจก็คิด คงเป็น www.xxxxxxxx.xx พูดปากเปล่าก็คงได้
แกบอกมันเป็นเฟชบุ้คส่งไม่ได้ url ยาวววววววววววววววววววววววว หลายบรรทัด ส่วนเฟชบุ้คเขาเก็บ เฟรนไว้เฉพาะคนสนิดไม่อยากรับคนนอก
ก็เลยใ้ห้ส่งผ่านline แทน ได้ url ใน lineมา ยาววววววเฟื้อยอ แถม lineไม่ยินยอมให้ก๊อปปี้ลิ้งค์ออกมาคลิปบอร์ดอีก ต้องล๊อกอิน เฟชบุ้คผ่าน ไลด์เพื่อเข้าอีกที ซึ่งมันเสี่ยงพาสรั่วไหลไหมนะ เอาเหอะ...
ผมก็คิด เฟชบุ้ค เอย ไลด์ เอย มันจะยอมให้เราใช้สะดวก ต่อเมื่อเรายอมเป็น1ในวังวนของมันเท่านั้น ถ้าเราไม่ยอมอยู่ในเงื่อนไขของมันมันก็ปิดกั้นเราสารพัด บางครั้งก็ขึ้นในมือถือว่าถ้าอยากเข้าดูสินค้าชิ้นนี้ให้โหลด app facebook เท่านั้น งงเลย...บังคับกันได้ไงเนี่ย
ขณะที่ URL นัน้ อิสระมาก และ จำง่ายมาก เข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลาแท้ๆ
Edited by umbababa, 04 October 2018 - 10:19 PM.