ความไวชัตเตอร์
RiderXYG 26 Jan 2010
ความไวชัตเตอร์นั้นสำคัญขนาดไหน
ตอบได้เลยว่า เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามไปเลยจริงๆ เพาะชัตเตดอร์นั้นเป็นตัวควบคุมปริมาณแสงที่จะผ่านเข้ามา
ในเมื่อเรารู้เรื่องของรูรับแสงไปแล้วแต่เท่านั้นยังไม่พอ เราต้องปรับรูรับแสงกับชัตเตอร์ให้สัมพันธ์กันด้วย
(บางคนบอกจะยากไปไหน...อย่าพึ่งท้อครับ)
เมื่อความกว้างรูรับแสงเป็นตัวความคุมความชัดลึก เรื่องที่ต้องตามมาก็คือ ความเร็วชัตเตอร์ หรือม่านรับแสง จะเป็นตัวควบคุมปริมาณแสงที่ผ่านเข้าไปในกล้องให้อยู่ในช่วงที่ Image Sensor
สามารถเก็บค่าแล้วอ่านออกมาเป็นรูปภาพได้ เพราะถ้าแสงเข้า Image Sensor มากเกินไป ก็จะเรียกว่า Over Exposure (เรียกย่อๆ ว่า Over) ภาพที่ได้ก็จะขาวๆ บางทีก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสีขาวไปทั้งภาพ
แต่ถ้าแสงผ่านเข้าไปกระทบ Image Sensor น้อยเกินไป ก็จะได้ภาพ มืดๆ ดำๆ ที่เรียกว่า Under Exposure (เรียกย่อๆ ว่า Under)
ภาพ Over Exposure (เรียกย่อๆ ว่า Over)
ภาพ Under Exposure (เรียกย่อๆ ว่า Under) (เห็นเฮียเอถ่ายติดบ่อยๆ)
*ง่ายๆ
เมื่อเรากดชัตเตอร์ ม่านชัตเตอร์ก็จะเปิดขึ้น
แสงก็จะถูก สาดดดดดดดดดดดดดดดดดด เข้ามายัง CCD ทำให้เกิดภาพ
ดังนั้น เวลาในการเปิดม่านชัตเตอร์
จะเป็นตัวกำหนดว่า แสงเข้า มามาก หรือน้อย ...
แปลว่า ...
1. เมื่อเปิดชัตเตอร์นานขึ้น แสงจะเข้ามานานขึ้น ภาพที่ได้ จะสว่างขึ้น
2. เมื่อเปิดชัตเตอร์เร็วขึ้น แสงจะเข้ามาเร็วขึ้น ภาพที่ได้จะมืดลง
แปลกันให้ดีนะ
ไม่ได้บอกว่า เปิดชัตเตอร์นาน ภาพจะสว่าง
ไม่ได้บอกว่า เปิดชัตเตอร์สั้น ภาพจะมืด !!
สิ่งที่ได้จากความ ร็วชัตเตอร์ที่ขนาดต่างๆอีกก็คือ ความเคลื่อนไหวของภาพ เช่นการถ่ายภาพน้ำตก
ความเร็วชัตเตอร์สูง ภาพที่ได้ก็จะได้น้ำตกแช่แข็ง คือน้ำทุกหยด หยุดนิ่งอยู่กับที่ ภาพที่ได้ก็จะดูแข็งๆ
หรือไม่ก็คนกระโดด รถหยุดวิ่งหรือเรียกว่าภาพ stop action ครับ
ความเร็วต่ำลงมาหน่อย ภาพที่ได้ ก็จะดูเหมือนเคลื่อนไหวได้ คือเห็นสายน้ำทอดเป็นทางยาวลงมาตามหน้าผา
แล้วก็ผาที่แสดงความเคลื่นไหว หรือภาพ action หรือ paning
แต่ต้องคำนึงถือความมั่นคงของมือตัวเองด้วยนะครับว่านิ่งพอไหมถ้าเราปรับ สปีดลงมาต่ำแนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้องดีกว่า
แต่ไม่มีกฎตายตัวว่า ความเร็วเท่าไหร่ควรใช้ขาตั้ง แล้วแต่ความนิ่งของแต่ละคน อิอิ
ถ้าได้ยินใครพูดถึงเรื่องการถ่ายภาพว่าใช้ความเร็ว 250 ไม่ได้หมายถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ทำเป็นรถ F1 ไปได้) แต่จะหมายถึง ความเร็ว 1 ส่วน 250 วินาทีครับ หรือก็คือ 1/250 วินาทีนั่นเอง
ซึ่งเร็วมาก กล้องบางรุ่นสามารถทำได้ถึง 1/8000 วินาทีเลยด้วยซ้ำ
สำหรับตัวเลขความเร็วของ ชัตเตอร์เรียงลำดับจากความเร็วต่ำ ไปหาความเร็วสูงเป็นดังนี้ครับ
8, 4, 2, 1, 1/2, 1/4, 1/8, 1/15, 1/30, 1/60, 1/125, 1/250, 1/500, 1/1000, 1/2000, 1/4000, 1/8000
ที่เหลือก็คือความสัมพันธ์ระกว่างรู้รับแสงกับ สปีดชัตเเตอร์
เวลาจะถ่ายภาพ เราก็ต้องเอา 2 เรื่องนี้มาผสมกัน จะได้ภาพที่แสงสมดุลย์ที่สุด ไม่ Over หรือ Under ภาพที่ได้ออกมาก็จะดูเป็นภาพที่รู้ว่าเป็นภาพอะไร
เช่นถ้าเราจะได้ภาพน้ำตก ช่วงนั้นแดดก็แรง วัดแสงได้ว่า f8 ความเร็ว 1/15 (ตัวเลขสมมุตินะครับ) แล้วเราก็รู้มาว่า ความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพน้ำตกคือ 1/4 ซึ่งห่างจากที่ต้องการ 2 Step ก็ต้องมีการปรับความเร็วกับความกว้างกันหน่อยโดย
1. ปรับความเร็วให้ลดลงไป 2 Step คือไปอยู่ที่ 1/4
2. ปรับความขนาดรูรับแสงขึ้นไป 2 Stop คือไปอยู่ที่ f16
ผลที่ได้จากการทำอย่างนี้คือเราจะได้ภาพที่ดูแล้วเหมือนน้ำตกมีน้ำไหลกระเซ็นครับ
สรุป ให้จำง่ายๆ คือ “1 Step เท่ากับ 1 Stop” คือเมื่อมีการเพิ่ม 1 Step ก็ต้องลดไป 1 Stop ถ้าลด 1 Step ก็ต้องเพิ่ม 1 Stop (มันดูวุ่นวายจริงๆ ) แต่เพื่อเป็นการชดเชยแสงให้อยู่ในช่วงที่ Image Sensor ทำงานได้ครับ
เครดิต: พี่ปีกไม้หอม กับ อาdust ขอบคุณค้าบ
Edited by RiderXYG, 06 February 2010 - 12:10 PM.
ตอบได้เลยว่า เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามไปเลยจริงๆ เพาะชัตเตดอร์นั้นเป็นตัวควบคุมปริมาณแสงที่จะผ่านเข้ามา
ในเมื่อเรารู้เรื่องของรูรับแสงไปแล้วแต่เท่านั้นยังไม่พอ เราต้องปรับรูรับแสงกับชัตเตอร์ให้สัมพันธ์กันด้วย
(บางคนบอกจะยากไปไหน...อย่าพึ่งท้อครับ)
เมื่อความกว้างรูรับแสงเป็นตัวความคุมความชัดลึก เรื่องที่ต้องตามมาก็คือ ความเร็วชัตเตอร์ หรือม่านรับแสง จะเป็นตัวควบคุมปริมาณแสงที่ผ่านเข้าไปในกล้องให้อยู่ในช่วงที่ Image Sensor
สามารถเก็บค่าแล้วอ่านออกมาเป็นรูปภาพได้ เพราะถ้าแสงเข้า Image Sensor มากเกินไป ก็จะเรียกว่า Over Exposure (เรียกย่อๆ ว่า Over) ภาพที่ได้ก็จะขาวๆ บางทีก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสีขาวไปทั้งภาพ
แต่ถ้าแสงผ่านเข้าไปกระทบ Image Sensor น้อยเกินไป ก็จะได้ภาพ มืดๆ ดำๆ ที่เรียกว่า Under Exposure (เรียกย่อๆ ว่า Under)
ภาพ Over Exposure (เรียกย่อๆ ว่า Over)
ภาพ Under Exposure (เรียกย่อๆ ว่า Under) (เห็นเฮียเอถ่ายติดบ่อยๆ)
*ง่ายๆ
เมื่อเรากดชัตเตอร์ ม่านชัตเตอร์ก็จะเปิดขึ้น
แสงก็จะถูก สาดดดดดดดดดดดดดดดดดด เข้ามายัง CCD ทำให้เกิดภาพ
ดังนั้น เวลาในการเปิดม่านชัตเตอร์
จะเป็นตัวกำหนดว่า แสงเข้า มามาก หรือน้อย ...
แปลว่า ...
1. เมื่อเปิดชัตเตอร์นานขึ้น แสงจะเข้ามานานขึ้น ภาพที่ได้ จะสว่างขึ้น
2. เมื่อเปิดชัตเตอร์เร็วขึ้น แสงจะเข้ามาเร็วขึ้น ภาพที่ได้จะมืดลง
แปลกันให้ดีนะ
ไม่ได้บอกว่า เปิดชัตเตอร์นาน ภาพจะสว่าง
ไม่ได้บอกว่า เปิดชัตเตอร์สั้น ภาพจะมืด !!
สิ่งที่ได้จากความ ร็วชัตเตอร์ที่ขนาดต่างๆอีกก็คือ ความเคลื่อนไหวของภาพ เช่นการถ่ายภาพน้ำตก
ความเร็วชัตเตอร์สูง ภาพที่ได้ก็จะได้น้ำตกแช่แข็ง คือน้ำทุกหยด หยุดนิ่งอยู่กับที่ ภาพที่ได้ก็จะดูแข็งๆ
หรือไม่ก็คนกระโดด รถหยุดวิ่งหรือเรียกว่าภาพ stop action ครับ
ความเร็วต่ำลงมาหน่อย ภาพที่ได้ ก็จะดูเหมือนเคลื่อนไหวได้ คือเห็นสายน้ำทอดเป็นทางยาวลงมาตามหน้าผา
แล้วก็ผาที่แสดงความเคลื่นไหว หรือภาพ action หรือ paning
แต่ต้องคำนึงถือความมั่นคงของมือตัวเองด้วยนะครับว่านิ่งพอไหมถ้าเราปรับ สปีดลงมาต่ำแนะนำให้ใช้ขาตั้งกล้องดีกว่า
แต่ไม่มีกฎตายตัวว่า ความเร็วเท่าไหร่ควรใช้ขาตั้ง แล้วแต่ความนิ่งของแต่ละคน อิอิ
ถ้าได้ยินใครพูดถึงเรื่องการถ่ายภาพว่าใช้ความเร็ว 250 ไม่ได้หมายถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ทำเป็นรถ F1 ไปได้) แต่จะหมายถึง ความเร็ว 1 ส่วน 250 วินาทีครับ หรือก็คือ 1/250 วินาทีนั่นเอง
ซึ่งเร็วมาก กล้องบางรุ่นสามารถทำได้ถึง 1/8000 วินาทีเลยด้วยซ้ำ
สำหรับตัวเลขความเร็วของ ชัตเตอร์เรียงลำดับจากความเร็วต่ำ ไปหาความเร็วสูงเป็นดังนี้ครับ
8, 4, 2, 1, 1/2, 1/4, 1/8, 1/15, 1/30, 1/60, 1/125, 1/250, 1/500, 1/1000, 1/2000, 1/4000, 1/8000
ที่เหลือก็คือความสัมพันธ์ระกว่างรู้รับแสงกับ สปีดชัตเเตอร์
เวลาจะถ่ายภาพ เราก็ต้องเอา 2 เรื่องนี้มาผสมกัน จะได้ภาพที่แสงสมดุลย์ที่สุด ไม่ Over หรือ Under ภาพที่ได้ออกมาก็จะดูเป็นภาพที่รู้ว่าเป็นภาพอะไร
เช่นถ้าเราจะได้ภาพน้ำตก ช่วงนั้นแดดก็แรง วัดแสงได้ว่า f8 ความเร็ว 1/15 (ตัวเลขสมมุตินะครับ) แล้วเราก็รู้มาว่า ความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะกับการถ่ายภาพน้ำตกคือ 1/4 ซึ่งห่างจากที่ต้องการ 2 Step ก็ต้องมีการปรับความเร็วกับความกว้างกันหน่อยโดย
1. ปรับความเร็วให้ลดลงไป 2 Step คือไปอยู่ที่ 1/4
2. ปรับความขนาดรูรับแสงขึ้นไป 2 Stop คือไปอยู่ที่ f16
ผลที่ได้จากการทำอย่างนี้คือเราจะได้ภาพที่ดูแล้วเหมือนน้ำตกมีน้ำไหลกระเซ็นครับ
สรุป ให้จำง่ายๆ คือ “1 Step เท่ากับ 1 Stop” คือเมื่อมีการเพิ่ม 1 Step ก็ต้องลดไป 1 Stop ถ้าลด 1 Step ก็ต้องเพิ่ม 1 Stop (มันดูวุ่นวายจริงๆ ) แต่เพื่อเป็นการชดเชยแสงให้อยู่ในช่วงที่ Image Sensor ทำงานได้ครับ
จบการบรราย
เครดิต: พี่ปีกไม้หอม กับ อาdust ขอบคุณค้าบ
Edited by RiderXYG, 06 February 2010 - 12:10 PM.
GamerJr. 26 Jan 2010
ขอเสริมอีกหน่อยได้ป่าวครับ
เรื่องรูรับแสงการถ่ายน้ำตกหรืออะไรที่เราต้องการสปีดชัตเตอร์ที่ช้า ทั้งนี้เรื่องสปีดชัตเตอร์เท่าใดทำให้ได้ภาพอย่างไรคงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการเรา
ครับ
ถ้าในบางครั้งเราต้องการสปีดชัตเตอร์ที่ต้องการเช่น 1-2 วินาที แต่สภาพแสงมันยังเยอะเกินกว่าการหรี่รูรับแสงได้
หนทางในการแก้ปัญหาหนึ่งเลยคือ การหา filter ที่ช่วยลดแสง เช่น Graduate gray เพราะบางครั้งสภาพแสงที่มากเกิน
ทางทฤษฎีไม่สามารถให้ภาพได้อย่างเราต้องการ เพราะสปีดชัตเตอร์ที่เรากำหนดไว้ตายตัว จากการที่เราต้องการภาพลักษณะนั้น ๆ
จึงต้องใช้ filter ลดแสงอย่างที่กล่าวครับ
อ้อช่วยแก้คำว่าความกว้างชัตเตอร์เป็นขนาดรูรับแสงด้วยนะครับ กรณีนี้คือการหรี่รูรับแสงไปที่ F16 ครับ
เรื่องรูรับแสงการถ่ายน้ำตกหรืออะไรที่เราต้องการสปีดชัตเตอร์ที่ช้า ทั้งนี้เรื่องสปีดชัตเตอร์เท่าใดทำให้ได้ภาพอย่างไรคงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการเรา
ครับ
ถ้าในบางครั้งเราต้องการสปีดชัตเตอร์ที่ต้องการเช่น 1-2 วินาที แต่สภาพแสงมันยังเยอะเกินกว่าการหรี่รูรับแสงได้
หนทางในการแก้ปัญหาหนึ่งเลยคือ การหา filter ที่ช่วยลดแสง เช่น Graduate gray เพราะบางครั้งสภาพแสงที่มากเกิน
ทางทฤษฎีไม่สามารถให้ภาพได้อย่างเราต้องการ เพราะสปีดชัตเตอร์ที่เรากำหนดไว้ตายตัว จากการที่เราต้องการภาพลักษณะนั้น ๆ
จึงต้องใช้ filter ลดแสงอย่างที่กล่าวครับ
อ้อช่วยแก้คำว่าความกว้างชัตเตอร์เป็นขนาดรูรับแสงด้วยนะครับ กรณีนี้คือการหรี่รูรับแสงไปที่ F16 ครับ
RiderXYG 26 Jan 2010
QUOTE(GamerJr. @ Jan 26 2010, 04:37 PM) <{POST_SNAPBACK}>
ขอเสริมอีกหน่อยได้ป่าวครับ
เรื่องรูรับแสงการถ่ายน้ำตกหรืออะไรที่เราต้องการสปีดชัตเตอร์ที่ช้า ทั้งนี้เรื่องสปีดชัตเตอร์เท่าใดทำให้ได้ภาพอย่างไรคงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการเรา
ครับ
ถ้าในบางครั้งเราต้องการสปีดชัตเตอร์ที่ต้องการเช่น 1-2 วินาที แต่สภาพแสงมันยังเยอะเกินกว่าการหรี่รูรับแสงได้
หนทางในการแก้ปัญหาหนึ่งเลยคือ การหา filter ที่ช่วยลดแสง เช่น Graduate gray เพราะบางครั้งสภาพแสงที่มากเกิน
ทางทฤษฎีไม่สามารถให้ภาพได้อย่างเราต้องการ เพราะสปีดชัตเตอร์ที่เรากำหนดไว้ตายตัว จากการที่เราต้องการภาพลักษณะนั้น ๆ
จึงต้องใช้ filter ลดแสงอย่างที่กล่าวครับ
อ้อช่วยแก้คำว่าความกว้างชัตเตอร์เป็นขนาดรูรับแสงด้วยนะครับ กรณีนี้คือการหรี่รูรับแสงไปที่ F16 ครับ
เรื่องรูรับแสงการถ่ายน้ำตกหรืออะไรที่เราต้องการสปีดชัตเตอร์ที่ช้า ทั้งนี้เรื่องสปีดชัตเตอร์เท่าใดทำให้ได้ภาพอย่างไรคงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการเรา
ครับ
ถ้าในบางครั้งเราต้องการสปีดชัตเตอร์ที่ต้องการเช่น 1-2 วินาที แต่สภาพแสงมันยังเยอะเกินกว่าการหรี่รูรับแสงได้
หนทางในการแก้ปัญหาหนึ่งเลยคือ การหา filter ที่ช่วยลดแสง เช่น Graduate gray เพราะบางครั้งสภาพแสงที่มากเกิน
ทางทฤษฎีไม่สามารถให้ภาพได้อย่างเราต้องการ เพราะสปีดชัตเตอร์ที่เรากำหนดไว้ตายตัว จากการที่เราต้องการภาพลักษณะนั้น ๆ
จึงต้องใช้ filter ลดแสงอย่างที่กล่าวครับ
อ้อช่วยแก้คำว่าความกว้างชัตเตอร์เป็นขนาดรูรับแสงด้วยนะครับ กรณีนี้คือการหรี่รูรับแสงไปที่ F16 ครับ
ขอบคุณมากครับ มีอะไร เพิ่มเติม ได้เลย ครับ เพื่อ พี่น้อง ชาวกล้อง ของเรา
ผมแค่ ทฤษฎีบ้างไม่วิชาการบ้างปนๆกันไป ใครมีข้อมูลเทคนิค อะไรดีๆ เสริม เข้ามาเลยครับ ความรู้ๆๆๆๆๆ
Zard 26 Jan 2010
กำลังคิดจะซื้อ Graduate Gray และ ND ครึ่งซีกอยู่พอดี ใครช่วยแนะนำยี่ห้อ คุณภาพ และราคาให้หน่อยได้ไหมครับ
อย่างเช่นยี่ห้อ Tian Ya นี่เห็นว่าไม่แพงมาก แต่คุณภาพอยู่ในระดับไหนครับ
(เคยแล้วครับ แรกๆ แต่ก่อนไปถ่ายน้ำตก เปิดชัตเตอร์นานหน่อย ภาพงี้ over สุดๆ)
อย่างเช่นยี่ห้อ Tian Ya นี่เห็นว่าไม่แพงมาก แต่คุณภาพอยู่ในระดับไหนครับ
(เคยแล้วครับ แรกๆ แต่ก่อนไปถ่ายน้ำตก เปิดชัตเตอร์นานหน่อย ภาพงี้ over สุดๆ)
TechEnthu 26 Jan 2010
QUOTE(Zard @ Jan 26 2010, 07:06 PM) <{POST_SNAPBACK}>
กำลังคิดจะซื้อ Graduate Gray และ ND ครึ่งซีกอยู่พอดี ใครช่วยแนะนำยี่ห้อ คุณภาพ และราคาให้หน่อยได้ไหมครับ
อย่างเช่นยี่ห้อ Tian Ya นี่เห็นว่าไม่แพงมาก แต่คุณภาพอยู่ในระดับไหนครับ
(เคยแล้วครับ แรกๆ แต่ก่อนไปถ่ายน้ำตก เปิดชัตเตอร์นานหน่อย ภาพงี้ over สุดๆ)
อย่างเช่นยี่ห้อ Tian Ya นี่เห็นว่าไม่แพงมาก แต่คุณภาพอยู่ในระดับไหนครับ
(เคยแล้วครับ แรกๆ แต่ก่อนไปถ่ายน้ำตก เปิดชัตเตอร์นานหน่อย ภาพงี้ over สุดๆ)
อยากยู้เหมือนกัน
Alonso 27 Jan 2010
เวลาถ่ายรูป หากไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ควรใช้ความไวชัตเตอร์มากกว่า 1/(ทางยาวโฟกัสx2) ครับ เพื่อความคมชัดของภาพ ไม่เบลอ
เช่น ใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสที่ 80 ควรใช้ความไวชัตเตอร์ที่มากกว่า 1/160 นั่นคือ 1/250, 1/500 ...
Indyhell 27 Jan 2010
ต่อไป สอนการ วัดแสงได้ไหมครับ
ผมไม่ค่อยเข้าใจ
วัดยังไง ดูยังไง แล้วจะใช้ ยังไง
ผมไม่ค่อยเข้าใจ
วัดยังไง ดูยังไง แล้วจะใช้ ยังไง
tvmb 21 Apr 2010
เธเธญเธเธเธธเธเธกเธฒเธเธเธฃเธฑเธ เธเธงเธฒเธกเธฃเธนเนเนเธเนเธเธฏ
The Fool 27 Sep 2010
เธเธญเธเธเธธเธเธกเธฒเธเธเธฃเธฑเธเธเธณเธฅเธฑเธเธเธกเนเธเนเธเธญเธขเธนเนเธเธญเธเธต