รีวิวหนัง The Dark Knight - แบทแมน อัศวินร...
rbgel 07 Dec 2008
+ซัมเมอร์ปีนี้ เป็นซัมเมอร์ที่อุดมไปด้วยหนังแอ็คชั่น-ซูเปอร์ฮีโร่นานาที่สร้างจากหนังสือการ์ตูน และเป็นอีกหนึ่งปี
สำคัญที่สร้างสถิติต่างๆที่น่าจดจำและประทับใจไว้อยู่ไม่ใช่น้อย นับจาก Iron Man , The Incredible Hulk จนมาถึงอัศวินรัตติกาล ใน The Dark Knight . .
+หลังการทำรายได้อย่างถล่มทลายของเรื่องแรก นอกจากในแง่ความสำเร็จของหนังแล้ว ยังช่วยคืนชีพใหม่อย่างเหลือเชื่อให้กับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์อีกด้วย . . ในขณะที่เรื่องที่สอง ออกจะดูเสียเปรียบอยู่ไม่น้อย ด้วยข้อจำกัดของเนื้อเรื่องที่แทบจะไม่เอื้อให้ขายอะไรได้มากนัก นอกจากเทคนิคพิเศษ และฉากการหนีของตัวละครในระหว่างที่หาทางรักษาตัวเองไปด้วย ความพยายามของเอ็ดเวิร์ด นอร์ตันที่จะช่วยชุบชีวิตใหม่ ให้หนังกลายเป็นภาคต่อทรงคุณค่าที่มีอนาคตอีกเรื่องของสตูดิโอ เลยไม่รู้จะมีโอกาสไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อดูจากรายรับที่หนังทำได้!? . . แต่กับเรื่องหลังสุดอย่าง Batman ตอน The Dark Knight นี่ดูจะต่างออกไป ด้วยทุนเดิมของเนื้อเรื่อง หนังยังมีอะไรให้เล่น ให้หยิบมาขายได้อีกเยอะมาก และจะยังเยอะยิ่งกว่านี้กับอีกสารพัดตัวร้ายที่สามารถหยิบมาสร้างได้ อย่างน้อยก็สักสี่-ห้าภาคได้สบายๆ
+การเปิดตัวเดอะ โจ๊กเกอร์ ในฐานะคู่ปรับตลอดกาลในภาคนี้ จึงเป็นสิ่งที่แฟนการ์ตูนพันธุ์แท้เฝ้ารอคอย โดยเฉพาะเมื่อนักแสดงอย่างฮีธ เล็ดเจอร์เป็นเจ้าของบทนี้ ซึ่งหลังจากพิสูจน์ความเป็น "นักแสดง" อย่างแท้จริงมาแล้วใน Brokeback Mountain ว่ากันว่าทำให้ไม่มีการแสดงบทบาทใดที่เขาจะไม่กล้าลอง ซึ่งก็รวมถึงการเป็นเดอะ โจ๊กเกอร์ด้วย ที่ไม่ว่าจะในมุมไหน ก็คงจะต้องถูกนำไปเปรียบเทียบกับแจ็ค นิโคลสัน จากหนัง Batman ฉบับของทิม เบอร์ตัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง . . .
+หลายคนคงยังจำความรู้สึกตื่นเต้นตอนที่รู้ว่าฮีท เล็ดเจอร์จะมารับบทเดอะ โจ๊กเกอร์ได้ดี และกลายเป็นความคาดหวัง และรอคอยทั้งจากแฟนเก่าของหนังในภาคที่แล้ว และจากว่าที่แฟนใหม่ของหนัง แต่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเล็ดเจอร์ . . แต่การเสียชีวิตแบบช็อคโลก และช็อคแฟนๆที่เฝ้าติดตาม จึงทำให้ The Dark Knight กลายเป็นหนังที่ "ต้องดู" ของปีนี้ไปในทันที โดยเฉพาะสำหรับแฟนๆของเล็ดเจอร์ด้วยแล้ว . . .
+และการทำรายได้เป็นอันดับหนึ่งในช่วงสุดสัปดาห์แรกที่ออกฉาย ก็เป็นสิ่งที่ "เป็นไปตามความคาดหมาย" แต่กับการเปิดตัวด้วยสถิติรายได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์หนังที่ออกฉายในสัปดาห์แรก
ของอเมริกา คงต้องบอกว่าเป็นความเกินคาดที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง . . ซึ่งนอกจากจะด้วยเหตุผลของตัวหนังเองที่ได้ใจคนดูหนัง และแฟนๆแบทแมน "โทนมืด" มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว การกลับมาด้วยรายได้มหาศาลของมนุษย์ค้างคาวใน The Dark Knight ยังรวมถึงราคาแห่งการรอคอยที่คอหนัง และแฟนๆของฮีธ เล็ดเจอร์ ยอมจ่ายอย่างเต็มใจ เพื่อจะดูการแสดงในบทบาทสุดท้ายของเขา . . .
+ซึ่งจากเหตุผลข้อหลังนี้ อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ The Dark Knight กลายเป็นหนังที่คอหนังต้องดู โดยไม่ต้องไปพูดถึงกระแสของการบอกต่อถึงความสุดยอดในการแสดงเป็นเดอะ โจ๊กเกอร์ของเล็ดเจอร์ ที่ทุกคนตั้งความหวังว่า น่าจะทำให้เขาได้รับการระลึกถึงอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายบนเวทีออสการ์ ในฐานะหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัล ซึ่งก็เป็นความคาดหมายไว้ตั้งแต่ก่อนหนังจะออกฉาย ด้วยเหตุผลความรัก ความผูกพันที่แฟนๆมีต่อฮีท เล็ดเจอร์ล้วนๆ . . เพราะ ณ เวลานั้น คนดูหนังทั้งโลกต่างก็ยังไม่มีใครได้ดู The Dark Knight และได้เห็นบทบาทการแสดงของเขาเลยด้วยซ้ำ และต่อมา อย่างมากที่สุดที่เราได้ดูก็คือ จากหนังตัวอย่างในช่วงหลังการเสียชีวิตของเขา . . เมื่อหนังออกฉาย มาจนบัดนี้ เชื่อว่าเราทุกคนต่างก็ได้คำตอบที่ตัวเองเฉลยไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว . . .
+เท่าที่ผู้เขียนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแฟนๆหนัง และแฟนๆการ์ตูนด้วยกันมา ส่วนมากแล้วก็มีความคิดเห็นคล้ายๆกันหลายเรื่อง อย่างแรกๆเลยกับความรู้สึกที่มีต่อหนังโดยรวมก็คือ "ชอบ" แต่ . . ไม่มาก . . ส่วนตัวแล้วรู้สึกไม่ค่อยเต็มที่กับหนังอย่างที่คาดหวังไว้ ไม่ว่าจะในแง่มุมไหนก็ตาม หนังดูเหมือนมีความขาดๆ พร่องๆ บางสิ่งบางอย่างที่ทำหล่นไว้ให้ค้างคาใจในความ "น่าจะดีกว่านี้" หรือ "น่าจะดีได้กว่านี้" อยู่ไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะกับบทเดอะ โจ๊กเกอร์ของฮีท เล็ดเจอร์ . . .
+อย่างที่เคยบอกเสมอมานะคะว่า นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคนเดียว เพราะอย่างที่เห็นกันกับบทเดอะ โจ๊คเกอร์นั้น เป็นการแสดงบทบาทสุดท้ายของหนึ่งในยอดฝีมือที่ผู้เขียนชื่นชอบการแสดงของเขามาก แต่บางครั้งในชีวิตจริง โลกเราก็มีอะไรตลกๆให้เราขำไม่ออกอยู่บ่อยครั้ง แบบที่เรียกว่า "ชีวิตก็แบบนี้" กระมังคะ เพราะกับบทบาทการแสดงสุดท้ายของเขา แฟนๆอย่างเราๆได้เห็นก็เพียงผ่านทางตัวละครที่ใบหน้าถูกฉาบด้วยการแต่งแต้มสีสันแบบ
ตัวตลก และบิดบังอำพรางแม้กระทั่งความรู้สึกที่แท้จริงในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีบาดแผลทางใจมากมาย . . โฉมหน้าที่แท้จริงของฮีธ เล็ดเจอร์กลายเป็นสิ่งที่อยู่ในความทรงจำ . . นอกโรงหนัง ชั่วขณะที่ดูหนังเรื่องนี้ . . .
+เป็นเหมือนกับบทเพลงอำลา หรือ Swan Song ก็ว่าได้ หากลองนึกๆดู ในโลกนี้มีอะไรมากมายที่เกินกว่ามนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเราๆจะนึกถึง จะคาดคิด และเข้าใจ เหมือนอย่างที่มีคนเคยบอก และเราได้ยินกันบ่อยครั้ง และซ้ำซากอยู่มิใช่น้อยว่า สิ่งเกินคาดคิดที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรานั้น "พระเจ้า" เป็นคนเขียนบท . . .
+สำหรับตัวหนัง ภาพรวมทั้งหมดของ The dark Knight ยังคงรักษามาตรฐานรสชาติในแบบเดียวกับ Batman Begins ไว้ได้ครบ โดยเฉพาะกับความรู้สึก "โหวงเหวง" ข้างในส่วนลึกของบรู๊ซ เวย์น ที่มักจะโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นระยะๆ และนั่นก็เป็นเสน่ห์สำคัญของตัวละครตัวนี้ . . ตัวละครที่ . . ถ้าเป็นในโลกของความเป็นจริง คนเกือบทั้งโลกคงมองว่าเขาเป็นคนที่มีทุกอย่างอย่างล้นฟ้า แต่ตัวเขาเองและคนใกล้ชิดเท่านั้น รู้ตัวดีว่าเขามีมากจนเกินไปในบางสิ่ง แต่เขาขาดจนโหยหาในอีกหลายๆสิ่ง จากการสูญเสียมาตั้งแต่เด็ก . .
+คริสเตียน เบลกลับมารับบทเป็นบรู๊ซ เวย์น และแบทแมนคนเดิม หลังจากเคยรับบทของชายที่มีสองชีวิตที่ต้องทำให้เหมือนกับเป็นคนๆเดียวกันมาแล้วใน The Prestige ซึ่งมาคราวนี้กลับต้องทำให้คนๆเดียวมีบุคลิกแตกต่าง เพื่ออำพรางตนเอง . . ซึ่งนอกจากจะอำพรางตัวไว้หลังหน้ากากยางแล้ว เบลยังทำให้การอำพรางสมจริงยิ่งขึ้นด้วยการปรับโทนเสียงให้ฟังทุ้ม แหบต่ำลง เพื่อตัวละครอื่นในเรื่องจะได้แยกแยะไม่ได้ ส่วนการแสดง ด้วยฝีมือระดับนี้ เบลทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่มีอะไรให้ติ . . .
+แต่ที่เป็นสุดยอดยิ่งกว่า ก็คือฮีธ เล็ดเจอร์ในบทของโจ๊คเกอร์ ที่แสดงได้ "เต็มจิต" และ "แน่นบท" ขนาดเปลี่ยนภาพลักษณ์จากวายร้ายจิตเปลี่ยวแบบที่แจ็ค นิโคลสันเคยเล่นไว้ มาเป็นอาชญากรโรคจิต ผู้สนุกสนานกับการฆ่า ท่วงท่า หน้าขาว ขอบตาดำ ปากแดง และโทนเสียง ล้วนบ่งบอกถึงความวิปริตในจิตใจ . . ฮีธ เล็ดเจอร์ให้การแสดงที่หนักแน่น จริงจัง และทรงพลัง และทำให้โจ๊คเกอร์กลายเป็นสุดยอดวายร้ายที่เชื่อขนมกินได้เลยว่า จะต้องติดทำเนียบตัวร้ายที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งในโลกภาพยนตร์แน่นอน . . .
+รุ่นใหญ่อย่างคุณปู่ "ไมเคิล เคน" ยังคงเป็นความอบอุ่น และเป็นเสน่ห์ของหนังเช่นเดิม ในบทอัลเฟรด คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ การแสดงของเคนยังคงเป็นแบบเล่นน้อย แต่ให้มากเหมือนเดิม แค่เขาโผล่มา ความรู้สึกคุ้นเคย ไว้วางใจ และอบอุ่นแบบเดิมๆก็กลับมา ความสุดยอดในการเล่นหนังแบบน้อยๆแต่ได้มากของเคนอยู่ในระดับเดียวกับมอร์แกน ฟรีแมน ในบทลูเชียส ฟ็อกซ์ ผู้ดูแลธุรกิจทั้งหมดของบรู๊ซ เวย์น . . ทั้งอัลเฟรดและลูเชียส ก็คือคนที่เป็น "ครอบครัว" ที่เหลืออยู่ของบรู๊ซ เวย์น เป็นสองชายที่เป็นลมประคองใต้ปีกของมนุษย์ค้างคาว ซึ่งแม้จะมีบทไม่มาก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทั้งสองท่านสนุกกับบทบาทของตัวเอง และเป็นตัวละครที่เติมความสดใสให้กับเรื่องที่เข้มขลังเหลือเกิน . . .
+สมทบชายที่โดดเด่นไม่แพ้กันอย่าง "แอรอน เอ็คฮาร์ท" ในบทของฮาร์วีย์ เด้นท์ ลงตัวกับบทอัยการหนุ่มผู้มุ่งมั่นจะปราบปรามเหล่าร้าย และเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะความแค้น อันเนื่องมาจากการสูญเสียหญิงสาวอันเป็นที่รัก ซึ่งเอ็คฮาร์ทถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ และน่าเห็นใจ . . .
+ผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลนยังคงควบงานเขียนบทหนังด้วยเช่นเดียวกับใน Batman Begins แต่คราวนี้เขาได้น้องชายโจนาธาน โนแลนมาเป็นคนร่วมเขียนบท แทนที่ของเดวิด เอส โกเยอร์ด้วย ซึ่งผสมผสานหนังสามตระกูลเข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือแอ็คชั่น ดราม่า และทริลเลอร์ . . ในส่วนของแอ็คชั่น จัดอยู่ในมาตรฐานเดียวกับหนังแอ็คชั่นชั้นดีทั้งหลาย ที่มีทั้งฉากระเบิดตึกสุดอลังการ และการขับรถไล่ล่าอันตื่นเต้นระทึกใจ และที่เป็นจุดขายในภาคนี้ก็คือลูกเล่นอาวุธไฮเทคแบบใหม่จากการออกแบบของลูเชียส ฟ็อกซ์ . . .
+ในส่วนของดราม่า หนังเล่นกับสมการรักสามเส้า ระหว่าง บรู๊ซ เรเชล และฮาร์วีย์ เด้นท์ และความสัมพันธ์ระหว่างอัลเฟร็ด เพนนีเวิร์ธ คนรับใช้ผู้ภักดี รวมไปถึงบาดแผลทั้งกายและใจที่ทำให้ฮาร์วี่ เด้นท์เสียศูนย์ . . และในส่วนของทริลเลอร์ ก็คือเกมชิงไหวชิงพริบ ระหว่างโจ๊กเกอร์และแบทแมนที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน และพฤติกรรมแบบฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของโจ๊กเกอร์ ก็พาให้ผู้ชมร่วมลุ้นไปกับหนังได้ตั้งแต่เปิดเรื่อง . . .
+ผู้เขียนชอบที่หนังตีโจทย์ของตัวละครหลัก และเนื้อเรื่องของหนังให้ออกมาเป็นสากล ในเรื่อง "หน้าตา" และ "จิตใจ" ผ่านการปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริง และจิตใจที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าตาที่ปกปิดไว้ของตัวละครสำคัญค่ะ . . แบทแมนปกปิดโฉมหน้าไว้ภายใต้หน้ากาก ส่วนโจ๊กเกอร์เองก็ปิดบังหน้าตา และซ่อนความเจ็บปวดชนิดโกรธโลกทั้งใบไว้ภายใต้หน้าตาที่วาดด้วยสีสันแบบตัวตลกเช่น
กัน และสำหรับอีกหนึ่งตัวละครสำคัญ "ฮาร์วีย์ เด้นท์" อัยการเขตคนใหม่ของกอธแธม ซิตี้ และเป็นแฟนหนุ่มคนใหม่ของเรเชล ซึ่งจากหนุ่มหล่อหน้าตาคมสัน เด้นท์กลายเป็นคนที่จิตใจด้านดีงามถูกทำลายไปพร้อมกับโฉมหน้าด้านดี . . และแม้กับฉากสำคัญฉากหนึ่งของหนัง ประเด็นนี้ก็ยังคงถูกเน้นย้ำอย่างชัดเจน เมื่อเปลี่ยนจาก "ใบหน้า" ไปเป็น "สถานภาพทางสังคม"
+ฉากสงครามจิตวิทยาระหว่างคนดี กับนักโทษ . . คนดูซึ่งอยู่ตรงกลาง จะวาง "ใจ" ไว้ตรงไหน และจะตัดสินใจอย่างไรกับสิ่งที่ตัวละครในเรื่องกำลังเผชิญ!? . . บางที คำตอบของตัวละครทั้งสองฝ่ายในหนัง อาจจะไม่สำคัญเท่ากับคำตอบของคนดูด้วยซ้ำ เพราะยังไงซะสิ่งที่เกิดขึ้นในหนัง ก็คือหนัง!! แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกของความจริง ที่ๆเราใช้ชีวิตอยู่จริงๆ . . คุณ . . เรา . . คนดู . . จะตัดสินใจอย่างไร!? เราจะตัดสินคนที่ "ปัจจัยภายนอก" หรือที่ "จิตใจ"
+แม้กระทั่งผู้หญิงที่บรู๊ซ เวย์นรักมากที่สุดอย่างเรเชล หนังยังกล้าเปลี่ยน "หน้า" ให้เธอหน้าตาเฉย เมื่อได้ "แม็กกี้
จิลเลนฮาล" มาแทนที่เรเชลของเคที่ โฮล์มสจาก Batman Begins แทนที่จะสร้างตัวละครใหม่ให้จิลเลนฮาลเล่น ด้วยรูปร่างหน้าตาของเธอเอง . . บางทีหนังอาจจะอยากบอกเราว่า ไม่ว่าเรเชลจะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร จะหน้าตาเป็นเคที่ โฮล์มส หรือแม็กกี้ จิลเลนฮาลก็ตามแต่ แต่ตราบเท่าที่หัวใจของเธอยังคงเป็นเรเชลคนเดิม บรู๊ซ เวย์น และ
แบทแมน ก็ยังคงรักเธอเหมือนเดิม และคงจะรักตลอดไป . . .
+หากมองในอีกมุมหนึ่ง แบบแอบขำนิดๆ โรแมนติกหน่อยๆ แต่ใส่หัวใจเข้าไปจริงๆ ก็เอาเรื่องอยู่ใช่น้อยเหมือนกัน . . ผู้เขียนคิดว่าสิ่งหนึ่งที่หนังต้องการบอกเรา ก็คืออย่าไปยึดติดอยู่กับรูปร่างหน้าตาภายนอก . . หากแต่ "จิตใจ" หรือ "หัวใจ" ต่างหาก ที่สำคัญสำหรับคุณค่าของคน โดยเฉพาะ . . กับคนที่เรารัก และเป็นรักแท้ของเราค่ะ . . .
+อย่างที่เกริ่นเอาไว้เมื่อตอนต้น คริสโตเฟอร์ โนแลน ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบทแมนได้อย่างที่ทิม เบอร์ตันวางเอาไว้ ด้วยการเล่นกับบาดแผลทางใจของตัวละครทั้งฝ่ายธรรมะ และอธรรม และสิ่งหนึ่งที่เป็นประเด็นหลักของ The Dark Knight ก็คือเหตุนำไปสู่การเป็นคนเลว และศรัทธาที่มีต่อความดีงามในจิตใจของคนเรา หากที่ต่างออกไปก็คือ อารมณ์ของหนัง ที่คริสโตเฟอร์ โนแลนมิได้นำเสนอเรื่องราวออกมาในโทนหนังการ์ตูนแต่อย่างใด หากแต่นำเสนอออกมาในแนวดราม่าหนักๆ ชนิดเข้ม-ขรึม-ขลัง และเครียดเป็นหลัก . . ซึ่งสำหรับคนรักหนังไม่ว่าจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของมนุษย์ค้างคาวหรือไม่!? The Dark Knight ก็คือหนังดีที่ไม่ควรพลาดแน่นอน!!!
+ให้ 3 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1357.html ค่ะ
QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+ +
+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ
QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
+ดูหนังให้สนุกนะคะ+
Edited by rbgel, 19 November 2009 - 02:10 PM.
[[[PEE]]] 07 Dec 2008
รีวิวได้ดีครับ สมกับเป็นบุคคลที่ผมชื่นชมและศรัทธา..
อย่าทะเลาะกันนะครับ
Edited by [[[PEE]]], 07 December 2008 - 08:34 PM.
อย่าทะเลาะกันนะครับ
Edited by [[[PEE]]], 07 December 2008 - 08:34 PM.
ได้PS2มานานนม 07 Dec 2008
ไม่รู้นะครับ ว่าหนังสนุกไหม
แต่ขึ้นทำเนียบรอถอย DVD เป็นอันดับ 1 เลย ผมชอบ Batman ในรูปแบบนี้มากๆๆๆๆ
และยิ่งกระแส Hype แรงอย่างนี้ จะให้ทานทนอย่างไรไหว
แต่ขึ้นทำเนียบรอถอย DVD เป็นอันดับ 1 เลย ผมชอบ Batman ในรูปแบบนี้มากๆๆๆๆ
และยิ่งกระแส Hype แรงอย่างนี้ จะให้ทานทนอย่างไรไหว
captain_L 08 Dec 2008
ผมละ อยากรู้จริงๆว่า ใครพากษ์ไทยเสียงแบทแมน
โดยส่วนตัวผมละเซ็งมากเลยละครับ
โดยส่วนตัวผมละเซ็งมากเลยละครับ
mitsurugi 09 Dec 2008
-1 ดาว ครับ ผมวิจารณ์ ไปแล้วข้างล่าง
ชอบ rbgel เล่าให้ฟังมากกว่าไปนั่งดูหนังเอง ซ่ะอีก !!!
สำหรับผม หนังไม่สนุกเอาอย่างรุนแรง เข้าขั้นห่วย เลยล่ะ ครับ
ผมอยากเก็บ ฉบับที่ ไมเคิลคีตั้นไว้ อย่างนั้นดีกว่า ดู คลาสสิคดี ครับ .............
ปล.ไม่ใช่ว่าอะไร ทำใหม่ แล้ว มันจะดีขึ้น ซ่ะทุกเรื่อง
ชอบ rbgel เล่าให้ฟังมากกว่าไปนั่งดูหนังเอง ซ่ะอีก !!!
สำหรับผม หนังไม่สนุกเอาอย่างรุนแรง เข้าขั้นห่วย เลยล่ะ ครับ
ผมอยากเก็บ ฉบับที่ ไมเคิลคีตั้นไว้ อย่างนั้นดีกว่า ดู คลาสสิคดี ครับ .............
ปล.ไม่ใช่ว่าอะไร ทำใหม่ แล้ว มันจะดีขึ้น ซ่ะทุกเรื่อง
RONAN321 14 Dec 2008
มีหลายอย่างที่ผมชอบมากๆในภาคนี้...ซึ่งหาจากหนังฮีโร่เรื่องอื่นๆไม่ได้
จะติก็ตรงที่ว่าน่าจะทำให้หนังมันดูแล้วสนุกได้มากกว่านี้...แต่รวมๆก็ถือว่าเยี่ยมค
ับ
จะติก็ตรงที่ว่าน่าจะทำให้หนังมันดูแล้วสนุกได้มากกว่านี้...แต่รวมๆก็ถือว่าเยี่ยมค
ับ
~BusteR~ 29 Dec 2008
เรื่องนี้ ผมชอบมากๆเลยครับ มันทั้งกดดันแล้วก็ลุ้นสุดๆ ครับ
แต่สำหรับภาคต้นฉบับ ผมประทับใจ ตัว โจ๊กเกอร์กับปืนกระบอกยาวๆ กระบอกนั้นมาก
ตอนนั้นเท่สุดๆแล้ว
แต่สำหรับภาคต้นฉบับ ผมประทับใจ ตัว โจ๊กเกอร์กับปืนกระบอกยาวๆ กระบอกนั้นมาก
ตอนนั้นเท่สุดๆแล้ว
rbgel 29 Dec 2008
QUOTE (~BusteR~ @ Dec 29 2008, 02:36 PM) <{POST_SNAPBACK}>
เรื่องนี้ ผมชอบมากๆเลยครับ มันทั้งกดดันแล้วก็ลุ้นสุดๆ ครับ
แต่สำหรับภาคต้นฉบับ ผมประทับใจ ตัว โจ๊กเกอร์กับปืนกระบอกยาวๆ กระบอกนั้นมาก
ตอนนั้นเท่สุดๆแล้ว
แต่สำหรับภาคต้นฉบับ ผมประทับใจ ตัว โจ๊กเกอร์กับปืนกระบอกยาวๆ กระบอกนั้นมาก
ตอนนั้นเท่สุดๆแล้ว
+ตูนก็ชอบค่ะ นัดเดียว แบ็ทวิงร่วงเลย (ออกมาแป๊ปเดียวเองอ้ะ T_T)
jaraba 18 Jan 2009
ขอเสนิมหน่อยนะครับ ในฉบับ BD นั้นหนังจะตัดไปมา นะหว่างภาพที่เต็มจอกับไม่เต็มครับ เต็มนี่คือเอามาจากแบบ I-MAX ครับ
ขอบคุณคุณ toon มากครับที่ขยันมา รีวิว ไห้อ่านกัน อ่านเกือบหมดขอขอบคุณกระทู้นี้ กระทู้เดีวเหมาหมดนะครับ เดี้ยวจะเป็น ปั้มเนียน โดนแบนไป
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคุณ toon มากครับที่ขยันมา รีวิว ไห้อ่านกัน อ่านเกือบหมดขอขอบคุณกระทู้นี้ กระทู้เดีวเหมาหมดนะครับ เดี้ยวจะเป็น ปั้มเนียน โดนแบนไป
ขอบคุณครับ
semper fi 18 Jan 2009
ผมยังไม่ได้ดูเลยเนี่ย ต้องรอเข้า True ก่อน
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับรีวิวนะครับ