0
Jumper - ฅนโดดกระชากมิติ
"Anywhere is Possible"
+ผลงานหนังเรื่องล่าสุดของ "เฮย์เด้น คริสเตนเซ่น" หลังจากหายหน้าไปนานนับตั้งแต่การจบชุดลงของ "สตาร์วอร์ส" . . และในปีนี้ คริสเตนเซ่นกลับมาพร้อมกับ Jumper หนังไซไฟ-ทริลเลอร์ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของมนุษย์ผู้มีพลังพิเศษ หายตัวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ แบบเดียวกับมนุษย์กลายพันธุ์ จาก X-Men . .
+บทหนังของเดวิด โกเยอร์ , จิม เออล์ล , ดั๊ก ลีแมน และ ไซม่อน คิมเบิร์ก ดัดแปลงมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อเดียวกันนี้ และ Reflex ผลงานเขียนของสตีเว่น กูลด์ . .
+หนังเปิดเรื่องด้วยเสียงบรรยายชีวิตเหนือระดับของเหล่าจัมเปอร์ ผู้สามารถเดินทางไปในที่ต่างๆทั่วโลก โดยหายตัวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ในพริบตา . . จากนั้นก็ตัดกลับมาย้อนถึงอดีต เล่าถึงการค้นพบอำนาจพิเศษของ
"เดวิด ไรซ์" จัมเปอร์หนุ่มผู้กำพร้าแม่ . .
+และทันทีที่พบว่าตัวเองมีอำนาจพิเศษ เดวิดก็หนีออกจากบ้านที่ไร้สุขทันที และเมื่อสามารถควบคุมอำนาจพิเศษได้ เขาก็ใช้พลังนี้สร้างฐานะยกระดับตัวเองด้วยการปล้นธนาคาร . . มาถึงตรงนี้หนังเปิดตัว "โรแลนด์"" (ซามวล แอล แจ็คสัน) ด้วยภาพของตำรวจที่เข้ามาสืบคดีปล้นธนาคาร!!
+แปดปีผ่านไป เดวิดกลายเป็นเศรษฐีหนุ่ม เจ้าสำราญ ผู้สนุกสนานกับการเดินทางทัวร์รอบโลก และก็ได้เผชิญหน้ากับโรแลนด์ ซึ่งมิได้เป็นตำรวจอย่างที่คิด หากแต่เป็นถึงหัวหน้าหน่วยองค์กรลับ ที่หมายจะกำจัดพวกจัมเปอร์อย่างเขา . . เดวิดหนีรอดมาได้ ด้วยการหายตัวกลับไปยังบ้านเกิด และถือโอกาสสานสัมพันธ์กับ "มิลลี่" อดีตรักฝังใจ โดยทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์นำเธอท่องเที่ยวยุโรป . .
+ระหว่างทริปแสนสุข เดวิดได้พบกับ "กริฟฟิน" (เจมี่ เบลล์) จัมเปอร์หนุ่มอีกคน และตรงนี้เอง ทำให้เขาได้รู้ถึงที่มาที่ไปของ "พาลาดิน" องค์กรลับที่โรแลนด์สังกัดอยู่ . . และในส่วนที่เหลือของหนัง ก็ว่าด้วยการร่วมมือกันต่อสู้กับพวกพาลาดินของ 2 จัมเปอร์ โดยมีมิลลี่ พลัดหลงเข้ามาติดอยู่ท่ามกลางสมรภูมิ และเรื่องราวของหนังยิ่งดูซับซ้อนมากขึ้น เมื่อแม่ของเดวิด (ไดแอน เลน) ปรากฎตัว . . หนังจบโดยทิ้งปมปริศนาค้างคาไว้แบบให้สร้างภาค 2 ต่อได้ ซึ่งเดาว่าน่าจะศึกสายเลือดได้ไม่ยาก . .
+Jumper เป็นเหมือนหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่นกับแนวคิดที่ว่า อำนาจพิเศษเป็นพรสวรรค์ที่มาพร้อมกับคำสาป แต่แทนที่หนังจะนำเสนอภาพการใช้อำนาจพิเศษของเดวิด เพื่อช่วยเหลือคนอย่างซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ เขากลับใช้มันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเอง . . แม้จะดูมีสภาพชีวิตที่เหนือ ดูดี และมีระดับ แต่ทว่าก็กลับโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงา และปิดบังตนเองจนยากต่อการมีความรัก . .
+แต่ที่น่าสนใจกว่า คือประเด็นที่เล่นเรื่องของความกลัวและความเกลียดชัง ซึ่งมาในแนวเดียวกับ X-Men . . กับ Jumper เอง ปฏิบัติการไล่ล่าตามกำจัดพวกจัมเปอร์ของพวกพาลาดิน ล้วนเกิดจากความหวาดระแวง และหวั่นกลัวว่าฝ่ายแรกจะใช้อำนาจของตนในทางที่ผิด . .
+เฮย์เด้น คริสเตนเซ่น ในบทเดวิด ขึ้นจอในมาตรฐานการแสดงระดับเดียวกับที่เคยเห็นกันมาในบทของ "อนาคิน
สกายวอล์คเกอร์" แม้จะรับบทเด่นเป็นถึงพระเอกนำของเรื่อง แต่การแสดงที่คริสเตนเซ่นให้ กลับขาดเสน่ห์และพลังดาราอย่างไม่น่าเชื่อ . . จนไม่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับความเป็นจัมเปอร์ ผู้โดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงา และความรักที่เขามีให้กับมิลลี่ได้เลยแม้แต่น้อย . .
+เจมี่ เบลล์ ในบทของกริฟฟิน เป็นตัวละครที่ผู้เขียนบทเสริมเข้ามา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเลวร้ายของกระบวนการกำจัดพวกจัมเปอร์แบบฆ่าตัดตอนแบบยกครัว แต่การแสดงที่เน้นไปที่พฤติกรรมแบบเด็กมีปัญหา ทำให้ตัวละครตัวนี้อยู่ในข่ายน่ารำคาญอยู่ไม่ใช่น้อย . .
+เรเชล บิลสัน ในบทมิลลี่ อดีตรักฝังใจของเดวิด ขึ้นจอในบุคลิกเดียวกับหนังวัยรุ่นซีรีย์ที่เห็นๆกันอยู่ทั่วไป ไม่มีอะไรโดดเด่นให้จดจำ และเช่นเดียวกับหนังแนวนี้ เมื่อเดินออกจากโรง ผู้ชมก็พร้อมจะลืมเธอได้ในทันที . .
+ลุงซามวล แอล แจ็คสัน ในบทของโรแลนด์ หัวหน้าองค์กรพาลาดิน ขึ้นจอแบบเท่มากกับผมสีเทา พร้อมกับบทที่มาเพื่อโหดอย่างเดียวโดยเฉพาะ มุ่งมั่นที่จะตามไล่ล่า กวาดล้างพวกจัมเปอร์ให้สิ้นซากแบบไร้ความปราณี ดังนั้นกับการแสดงที่มีให้ ถือว่าอยู่ในระดับเสมอตัวกับบทที่มีเพียงมิติเดียวแบบนี้ . .
+และกับไดแลน เลน ในบทแม่ของเดวิด . . ป้าโผล่มาให้เห็นในฐานะที่เป็นทั้งรูปภาพ และตัวเป็นๆ แต่กับบทรับเชิญแบบน้ำจิ้มๆนี้ไม่ได้ให้เธอแสดงฝีมืออะไรให้ประทับใจ . .
+งานในส่วนดีที่สุดของหนังคืองานในส่วนของโปรดัคชั่น ด้วยภาพสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังทั่วโลก ยิ่งใน 2 ช็อตเด็ดคือ
เฮย์เด้น คริสเตนเซ่น กินอาหารเช้า พลางชมวิวอยู่บนหัวสฟิงซ์ และตอนเกาะอยู่บนเข็มหอนาฬิกาบิ๊กเบน ถ่ายทอดออกมาในแบบสวยงามระดับใช้เป็นโบรชัวร์ของบริษัทจัดทัวร์ได้ . .
+และกับเอฟเฟ็คต์พิเศษที่หนังใช้ในการหายตัวไปยังที่โน้นมาที่นี่ผ่านสถานที่ท่อง
เที่ยวอื่นๆ รวมถึงฉากไล่ล่า ทำออกมาได้อย่างตื่นตาตื่นใจ และถึงใจคอหนังแอ็คชั่นอยู่ไม่น้อย . .
+จุดโหว่ที่ทำให้หนังสะดุดอยู่ที่บทของหนัง ซึ่งล้วนขาดรายละเอียดที่มาที่ไป ทั้งของพวกจัมเปอร์และพาลาดิน , รวมไปจนถึงพฤติกรรมที่ขาดความสมเหตุสมผลของตัวละคร อาทิ ทั้งที่กำลังถูกตามไล่ล่า แต่ตัวละครของคริสเตนเซ่นกลับมีเวลาไปจีบสาวซะอย่างนั้น และที่ชวนงงมากที่สุดคือพฤติกรรมของโรแลนด์ ที่สามารถแทรกซึมเข้าไปตามสอบสวนพยานได้ตามใจชอบ โดยที่ปล่อยที่ผู้ชมคิดเอาเองว่าหมอนี่เป็นใคร (ลูกใคร!?) และใหญ่มาจากไหน?
+Jumper ถือเป็นหนังไซไฟ-ทริลเลอร์ ที่ดูสนุกเรื่องหนึ่ง เนื้อเรื่องน่าสนใจ ภาพสวย เอฟเฟ็คต์พิเศษน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ดูแล้วไม่มีอะไรแปลกใหม่ และไม่มีอะไรให้ประทับใจค่ะ
+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1444.html ค่ะ
QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ 
เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+ +
เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+ ++อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+
QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
+ดูหนังให้สนุกนะคะ+
Edited by rbgel, 06 January 2010 - 10:30 PM.
เรื่องนี้ ผมพึ่งได้ดูเมื่อวาน ผมรู้สึกรำคาญตัวพระเอกมากครับ ตอนหลัง มีแช่งให้มันตายๆ ไปซะ(แต่มันก็รอด..)
