"เธอต้องต่อสู้ทุกอย่าง แม้ต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อให้แม่อยู่กับเธอไปนานๆ"
+อาจจะเทียบไม่ได้กับองค์บาก ที่น่าจะเป็นมาสเตอร์พีซในชีวิตการทำงานของผู้กำกับ ปรัชญา ปิ่นแก้วไปแล้ว แต่หากวัดกันกับผลงานเรื่องก่อนหน้าอย่างต้มยำกุ้งแล้ว ช็อกโกแลต หนังแอ็คชั่นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเรื่องล่าสุดของคุณปรัชญา ถือว่าออกมาลงตัวกว่าและทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ..
+แม้ว่าในความสด หรือความแปลกใหม่ของหนัง เพียงอาจจะมีแค่การเปลี่ยนตัวนักแสดงนำ จากพระเอกนักบู๊ จา-พนม มาเป็นนางเอกนักบู๊ จีจ้า-ญานินเท่านั้นก็ตาม .. แต่ในแง่ของการเล่าเรื่อง ช็อกโกแลต มีความต่อเนื่องที่เนียนขึ้น ลงตัวมากขึ้น ไม่ใช่ดูขาดๆเกินๆให้คนดูรู้สึกได้ตลอดทั้งเรื่อง . .
+ด้วยเรื่องราวง่ายๆ ที่เริ่มต้นจากความรักต้องห้ามระหว่าง "ซิน" นักเลงหญิงชาวไทย กับ "มาซาชิ" ยากูซ่าญี่ปุ่น ผู้มีปมพิสมัยความไม่สมบูรณ์แบบ ที่มี "หมายเลข 8" เจ้าพ่อชาวไทยเป็นตัวกีดกัน และเพื่อให้ทั้งคู่แยกจากกัน หมายเลข 8 ตัดสินใจยิงเท้าตัวเองทิ้ง แลกกับการแยกจากกันของซินกับมาซาชิ ที่ทั้งคู่จำต้องยอมทำตามอย่างไม่มีทางเลี่ยง . .
+แต่เหตุการณ์ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ซินตั้งท้องกับมาซาชิ และคลอดออกมาเป็น "เซน" เด็กหญิงออทิสติก ที่มีความสามารถในเรื่องการจดจำและเลียนแบบท่าทางการต่อสู้ โดยมีแม่แบบเป็นจา-พนม และปรมาจารย์กังฟูผู้ล่วงลับ บรู๊ซ ลี . .
+ซินปลีกตัวออกมาจากโลกอาชญากรรมอย่างเต็มตัว แล้วอาศัยอยู่ด้วยกัน 2 แม่ลูกตามลำพัง . . แต่แล้วชีวิตที่เรียบง่ายก็พลิกผัน เมื่อซินป่วยหนัก ต้องการยามารักษา และ "แมงมุม" เด็กที่เธอเก็บมาเลี้ยงดู บังเอิญไปเจอสมุดบัญชีลูกหนี้ของซินเข้า แมงมุมจึงตัดสินใจทวงหนี้ตามบัญชี โดยพาเซนไปด้วย . .
+ทุกๆ ที่ที่ไปต่างปฏิเสธการทวงหนี้ในครั้งนี้ แต่แล้วด้วยความคิดแบบเด็กๆ ทำให้เซนตัดสินใจบุกเดี่ยวไปทวงเงินมา โดยใช้ความสามารถที่เธอจดจำและเลียนแบบมาจากจอทีวีเข้าจัดการ . . การทวงหนี้ในครั้งนี้กลับกลายเป็นการลากเอาทั้งซิน - เซน และแมงมุมเข้าไปเกี่ยวพันกับพวกเจ้าพ่อหมายเลข 8 อีกครั้ง รวมถึงทำให้ทั้ง 3 คนตกเป็นเป้าหมายในการจัดการของหมายเลข 8 ซึ่งนำไปสู่จุดสุดท้ายของการต่อสู้ และการกลับมาเมืองไทยอีกครั้งของมาซาชิ . .
+ถึงจะยังคงอัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่ช็อคโกแลต ก็มาพร้อมกับตัวเรื่องที่กระชับ และรับใช้จุดขายของหนังอย่างฉากคิวบู๊ต่างๆได้ดี อย่างน้อยๆก็ไม่ทำให้รู้สึกว่า หนังมากเกินไปด้วยฉากแอ็คชั่นจนน่ารำคาญ แม้ในบางฉาก โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ช่วงท้ายเรื่องที่ดูจะลากยาวกันเกินเหตุ จนกลายเป็นความอึดอัด หรือน่าเบื่อได้สำหรับคนที่ไม่ได้ชื่นชอบหนังแอ็คชั่นแบบนี้ . .
+แต่หากมองข้ามเรื่องความยาวในฉากแอ็คชั่นบางฉากไป มองกันที่จังหวะในการใส่คิวบู๊เหล่านั้น ซึ่งก็ย่อมเหมารวมถึงจังหวะในการเล่าเรื่องด้วยเช่นกัน ช็อคโกแลต มีจังหวะจะโคนที่ไม่ขี้เหร่ แม้จะมีความซ้ำของสไตล์การต่อสู้ที่ใช้ในหนัง ที่ดูๆไปก็ไม่หนีไปจากหนังแอ็คชั่นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแนวๆนี้ จากหนังเรื่องก่อนๆหน้าของผู้กำกับคนเดียวกันสักเท่าไหร่ . .
+ในขณะเดียวกัน เรื่องของช็อคโกแลต ก็ไม่ได้มีแค่เนื้อหาที่นำเสนอไปสู่ฉากแอ็คชั่นต่างๆเพียงเท่านั้น แต่บทของหนังยังมีเรื่องราวในอารมณ์ดราม่าให้คนดูได้ติดตามไป พร้อมๆกับเนื้อหาในส่วนที่เป็นเรื่องของคิวบู๊ด้วยเช่นกัน .. โดยเฉพาะการวางความสัมพันธ์ของ ซิน-เซน และแมงมุม ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในส่วน "อารมณ์" ของหนัง .. นี่คือส่วนที่เป็นดราม่าของช็อคโกแลตก็ว่าได้ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้หนังมีมิติ มีอารมณ์ และความรู้สึกมากขึ้น . .
+แล้วกับเรื่องของสถานที่ถ่ายทำ ช็อคโกแลตถือว่าทำได้ดีในส่วนของการหาสถานที่ใหม่ๆ และใกล้ตัวมาใช้ โดยเฉพาะในฉากสุดท้าย ที่เป็นการต่อสู้กันในบริเวณสถานีรถไฟฟ้ากับตึกใกล้เคียง .. หนังสามารถนำเอาสภาพแวดล้อมที่มี มาช่วยเสริมคิวบู๊ได้ดี แต่จะดียิ่งกว่านี้ ถ้าสามารถบริหารเวลา หรือว่าจัดการเรื่องท่าทางการต่อสู้ให้ออกมาดีกว่าที่เป็นอยู่ เพราะอย่างที่บอกมาข้างต้น หลายๆฉากดูจะ "มาก" เกินไปสำหรับคนดูหลายๆคน บ้างก็ในแง่ความยาว บ้างก็ในแง่ของท่าทางที่ใช้ ดูจะซ้ำและมากับรูปแบบเดิมไปหน่อย . .
+หากไม่คิดมากนัก และเป็นคอหนังแนวศิลปะป้องกันตัวด้วยแล้ว ฉากแอ็คชั่น-คิวบู๊ และเนื้อหาในส่วนของดราม่าที่มี เท่าที่ได้ดูก็น่าจะเป็นความลงตัวได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกัน รูปร่างหน้าตาของน้องจีจ้า ก็ถือว่าเรียกแขกได้พอสมควรทีเดียว ด้วยหน้าตาน่ารักๆ แป๋วแหวว โนเนะๆแบบญี่ปุ่น ช่วยให้หนังน่าดูเพิ่มขึ้น รวมไปถึงทำให้คนดูรู้สึก "รัก" เธอได้ไม่ยาก . .
+ในส่วนของการแสดง กับคิวบู๊ในส่วนของการต่อสู้ทั้งหลาย แม้จะพอเห็นร่องรอยสะดุดอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าไม่น่าเกลียดอะไร ขณะเดียวกันงานในส่วนของดราม่า ถึงจะทำได้ไม่ดีนัก แต่การที่น้องจีจ้าสามารถรับส่งอารมณ์เข้าคู่กับคุณส้ม-อมรา ที่มารับบทเป็น ซิน แม่ของเธอได้อย่างลงตัว ก็ทำให้จุดอ่อนในเรื่องการแสดงอารมณ์ถูกลดทอนลงไปได้พอสมควร ยิ่งตัวคุณอมราเองทำหน้าที่ของตัวเองออกมาได้ดีในระดับหนึ่ง ก็ทำให้ส่วนอารมณ์ของหนัง ที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์และการแสดงของตัวละครคู่นี้ ดูไม่แห้งแล้ง หรือถูกถ่ายทอดออกมาแบบแกนๆเช่นหนังหลายๆเรื่อง . .
+แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ช็อคโกแลต จะมาพร้อมกับความลงตัวไปซะหมด ตัวหนังเองก็ยังมีรอยโหว่ให้ได้เห็นกันประปรายไปตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นปัญหาที่มาจาก "บท" ไม่ว่าจะเป็นความพยายามที่จะวางเรื่องในโทนดราม่าเข้ามาในหนัง ที่แม้ว่าจะได้จังหวะในการเล่าเรื่องมาช่วย แต่ทว่าการเปลี่ยนอารมณ์จากสถานการณ์ดราม่าเข้าสู่เหตุการณ์แอ็คชั่นนั้น ช็อคโกแลต ยังทำได้ไม่กลมกลืนพอ
+แล้วกับตัวน้องจีจ้า ถึงหน้าตาและท่าทางจะสอบผ่าน แต่บทก็วางเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายเธอเอาไว้ได้ไม่มากพอ ที่จะทำให้รู้สึกได้ว่า เด็กผู้หญิงคนนี้จะทนรับหมัด เท้า เข่า ศอกของเหล่าศัตรูร้ายในหนังได้นานขนาดนั้นได้ยังไง
+และที่ลืมไม่ได้ก็คือ อารมณ์ขันของหนัง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าใส่เข้ามาเพื่อเป็นอารมณ์ขัน หรือว่ามันบังเอิญจะให้ขำกันแน่ กับหลายๆฉากในเรื่อง ซึ่งการที่หนังมาพร้อมกับความขึงขัง จริงจัง หนักแน่นมาโดยตลอด ทำให้หลายๆมุขที่มีออกอาการแป้กซะอย่างนั้น . .
+และที่พลาดอย่างไม่น่าเชื่อก็คือ น้ำหนักในเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร โดยเฉพาะหมายเลข 8 กับซิน ซึ่งหนังให้ปูมหลังน้อยมาก จนทำให้น้ำหนักความเคียดแค้นที่หมายเลข 8 มีต่อซิน เมื่อฝ่ายหลังกลับไปมีความสัมพันธ์กับมาซาชิดูเบาบางยังไงพิกล ว่าเพราะอะไร และทำไม? ถึงได้หึงหวง และโกรธแค้นอะไรกันขนาดนั้น . . และรวมไปถึงการวางเหตุการณ์ในหนัง ที่หลายๆเหตุการณ์ ทำให้นึกถึงหนังแอ็คชั่นสัญชาติอื่นขึ้นมา เช่นฉากการต่อสู้ในร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ทำให้นึกถึงภาพของ Kill Bill ภาคแรก ที่อูม่า เธอร์แมนเองก็ลุยเดี่ยวเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นเหมือนๆกัน . .
+และที่พลาดที่สุดอย่างนึงของหนัง ก็คงไม่พ้นการวางภาพกลุ่มมือสังหารที่เป็นเพศที่ 3 ของเจ้าพ่อหมายเลข 8 ที่นอกจากจะไม่ขำแล้ว ยังดูเป็นส่วนน่ารำคาญของหนังด้วย และหากจะเป็นการล้อเลียนหนังที่มีแคแรคเตอร์แบบนี้ จากหนังหลายๆเรื่องที่มีลักษณะตัวละครคล้ายๆกัน มุขนี้นอกจะลึกเกินไปแล้ว ยังออกมาเป็นมุขแป้กอีกต่างหาก . . และที่ไม่รู้เป็นมุขหรือเปล่า แต่ก็ทำให้ยิ้มเล็กๆได้เหมือนกัน ก็คือบรรดาลูกหนี้ของซิน ที่เป็นอดีตลูกน้องเจ้าพ่อ ซึ่งแม้กระทั่งยากูซ่าจากญี่ปุ่นยังยอมสยบ กลับมีลูกหนี้เป็น เฮียโรงงานน้ำแข็ง , เสี่ยโรงงานลังกระดาษ และเถ้าแก่ขายหมูในตลาดสด !!
+ในภาพรวมๆ ถือว่า ช็อคโกแลต ดูลงตัวขึ้น หนังเล่าเรื่องได้กระชับ มีคิวบู๊ที่สร้างสรรค์ และมีอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้นกว่าเดิม .. ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความพยายามของทีมงานสร้าง ที่พยายามนำเสนอความสดใหม่ หรือมอบความเปลี่ยนแปลงให้กับรูปแบบหนังแนวนี้ .. เป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่ดูแล้วอยากจะปรบมือให้ และไม่รู้สึกเสียดายเงินค่ะ ..
+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://hilight.kapook.com/view/15554/4 และ http://www.nangdee.com/title/html/m1405.html ค่ะ
QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+ +
+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+
QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
+ดูหนังให้สนุกนะคะ+
Edited by rbgel, 07 January 2010 - 12:05 PM.