0
Hitman - ฮิทแมน โคตรเพชฌฆาต 47
"Shot In The Head"
+ในที่สุดก็ได้กลายมาเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น ที่อำนวยการสร้างโดย ลุค เบสซง ที่พักหลังๆ นิยมเบนมาจับงานอำนวยการสร้างภาพยนตร์แอ็คชั่น ขายสไตล์ กับความมันส์ เพื่อความบันเทิงขนานแท้เป็นหลัก ดังที่เห็นๆกันมาแล้วจาก The Transporter ทั้ง 2 ภาค , Kiss Of The Dragon , 13th District , Crimson Rivers 2 หรือ Unleashed เป็นต้น หากจะนับไปถึงการเป็นคนสั่งนำเข้าหนัง องค์บาก สำหรับเปิดตลาดหนังยุโรปอีกตำแหน่งก็ยังได้ . . และกับ Hitman ก็จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับหนังที่ว่ามาข้างต้น โดยโปรเจ็คท์ที่นำวิดีโอเกมมาขึ้นจอ อีกเรื่องหนึ่งของเบสซงในอนาคตก็คือ Taken ที่คอเกมทั้งหลายน่าจะรู้จักกันดี . .
+จากเครดิตของผู้อำนวยการสร้าง ที่อาจจะรวมถึงเครดิตของผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารที่ชื่อ วิน ดีเซล อีกคน บวกกับความเป็นหนังที่มีที่มาจากวิดีโอเกม เพราะฉะนั้นก็คงไม่ต้องไปคาดหวังถึงคุณภาพ
ในระดับที่ต้องเข้าชิงหนังออสการ์ยอดเยี่ยมแต่อย่างใด หากคงต้องว่ากันที่ความบันเทิงแบบ
ดูเอามันส์กันเน้นๆ เป็นหลัก . . แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อไปดูเข้าจริงๆ Hitman ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันที่ตัวเองต้องการ แม้ว่าเนื้อเรื่องที่วางเอาไว้นั้น จะไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยก็ตาม . .
+นักฆ่าผู้มีศีรษะล้านเลี่ยน ที่มีรหัสบาร์โค้ดสักไว้ที่ด้านหลังศีรษะ เจ้าของรหัสโค้ดเนมประจำตัว 47 ได้ถูกว่าจ้างให้ทำการลอบสังหารประธานาธิบดีของรัสเซีย .. จากที่เห็นด้วยตา ดูเหมือนว่างานของเขาสำเร็จ ลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่สิ่งที่เขาได้รับรู้หลังจากนั้นก็คือ ประธานาธิบดี เบนิคอฟฟ์ เหยื่อสังหารของเขายังไม่ตาย แถมยังมีพยานที่เห็นเหตุการณ์นี้เป็นหญิงสาวที่ชื่อ นิก้า ผู้พร้อมจะชี้ตัวเขาอีกต่างหาก ..
+มือสังหาร 47 จึงต้องหาทางปิดปากพยาน แต่เขากลับกลายเป็นเป้าสังหารเสียเองจากองค์กรที่เขาทำงานให้ และที่แย่ไปกว่านั้น เขายังถูกตามล่าโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสากล ที่ตามไล่ล่าแกะรอยเขามาอย่างกระชั้นชิดอีกต่างหาก . .
+แล้วทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัสเซียเอง ก็ไล่จี้เขาอย่างไม่ลดละในเวลาเดียวกัน แต่แล้ว 47 ก็ได้รู้ความจริงว่า แผนการครั้งนี้ เขาคือคนที่ถูกเลือกเป็นแพะรับบาปในการปฏิบัติการณ์ขององค์กร และผู้ที่จ้างวานก็ไม่ใช่คนอื่นไกล ประธานาธิบดี เบนิคอฟฟ์นั่นเอง . .
+จากที่เคยเป็นมือสังหาร นักฆ่า 47 กลับตกเป็นเป้าสังหารซะเอง แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องหาทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์มืดแปดด้านรอบตัวนี้ให้ได้ แล้วก็ต้องหาทางช่วยนิก้า ที่กลายมาเป็นเป้าในการสังหารเช่นเดียวกับเขาไปพร้อมๆกัน . .
+สำหรับคอหนังแอ็คชั่น ที่ไม่ค่อยยอมพลาดหนังในสไตล์นี้ ย่อมรู้สึกว่า พล็อตของ Hitman ตลอดจนวิธีการเล่าเรื่องต่างๆ ไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรอยู่ในตัวเลย นี่คือพล็อตที่ว่าด้วยมือสังหารที่ถูกหักหลังจากนายจ้าง หรือองค์กรที่หนุนหลังเขาอยู่ โดยมีแผนซ้อนแผนในแบบทฤษฎีสมคบคิดวางเอาไว้ เพื่อให้เขากลายเป็นแพะ ที่เมื่อสังหารถูกอย่าง ทุกอย่างก็ถูกตัดตอน
+ไม่แปลกที่ขณะกำลังดู Hitman หลายๆ ท่านน่าจะคิดถึงหนังอย่าง Shooter ของมาร์ค วอห์ลเบิร์ก หรือยอดสายลับความจำเสื่อมอย่าง เจสัน บอร์น ขึ้นมาตะหงิดๆ ซึ่งเรื่องราวของ Hitman ก็ใกล้เคียง หรือไม่ไกลไปจากนั้น . .
+ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ Hitman ไปไม่ถึงไหนอย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของ "บท" ที่นอกจากจะไม่สามารถสร้างอารมณ์ให้กับหนัง รวมไปถึงความสมจริงสมจังของเหตุการณ์ และการกระทำของตัวละครในเรื่องขึ้นมาได้แล้ว ในแง่ของความเป็นหนังแอ็คชั่น ก็ไม่สามารถอัดคนดูได้อยู่หมัด เมื่อมารวมเข้ากับ "คิวบู๊" ที่เห็นได้ชัดว่า หลังการมาถึงของหนังเจสัน บอร์นไตรภาค โดยเฉพาะที่เป็นผลงานกำกับของพอล กรีนกราสส์ด้วยแล้ว กับ Hitman ที่แม้จะเน้นขายสไตล์ ขายความเท่ของตัวละคร เอาเข้าจริงๆก็ดูพื้นๆไปแล้วในยุคนี้ . .
+แล้วด้วยความที่เป็นหนังฟอร์มเล็ก ฉากแอ็คชั่นของ Hitman จึงไม่ได้ออกมาในแบบงานยิงภูเขาเผากระท่อม ที่มีระเบิดลูกโตๆ เสริมบารมี อลังการงานสร้าง ซึ่งก็หวังไม่ได้ทั้งในแง่ของความตื่นตา หรือว่าความตื่นเต้น แถมบางครั้งหลายๆฉากยังออกมาดูตลกแกนๆอีกด้วยซ้ำ เช่นฉากการเผชิญของมือสังหารศีรษะล้านเลี่ยน 4 คนในโบกี้รถไฟ . .
+เมื่อเป้าในการ "ขาย" กลายเป็นจุดที่ไม่แข็งแรงพอ และหวังจากโครงเรื่องที่อ่อนอยู่แล้วไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดแต่อย่างใดที่ Hitman จะกลายเป็นหนังแอ็คชั่นที่ไม่มีอะไรติดตาคาใจ ดูจบแล้วก็จบๆกันไป ไม่มีอะไรให้ชวนจดจำมากนัก และเป็นเพียงหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่งที่ในปีๆนึงมีเข้ามาให้ดูกันไม่รู้เท่าไหร่ . .
+แล้วกับการที่ใช้สไตล์นำเรื่อง ซึ่งสไตล์ที่ ซาเวียร์ เกนส์ ผู้กำกับของหนังใช้ ก็เป็นสไตล์ที่ดูชืดไปแล้วสำหรับตลาดหนังในวันนี้ ยิ่งตัวหนังมีการเดินเรื่องในแบบเดียวกับหนังยุโรปทั่วๆไป ที่เดินหน้าแบบเนิบๆ นิ่งๆด้วยแล้ว ยิ่งทำให่ Hitman เดินห่างไกลจากเป้าหมายที่ต้องการไปจากที่ควรจะเป็น แต่อย่างไรก็ดี ในส่วนของดนตรีประกอบมีดีจนไม่อาจมองข้ามได้ เพราะกับซาวน์ที่หนังเลือกใช้ ช่วยเติมและเสริมความคึกคักให้กับตัวหนังได้ไม่ใช่น้อย ไม่อย่างนั้น Hitman ก็อาจจะออกมาหนืดๆกว่าที่เห็นอีกก็เป็นได้ . .
+อีกส่วนหนึ่งที่ถือเป็นส่วนดีของหนังนอกเหนือไปจากงานดนตรี ก็คือ 2 นักแสดงนำ ธิโมธี่ ออลีแฟนท์ และ ออลก้า คูรี่เล็นโก้ ที่ถือเป็นการเลือกตัวนักแสดงที่ได้ในเรื่องของการขึ้นกล้อง และมีเสน่ห์เฉพาะตัว ขณะที่การแสดง ถึงจะไม่ได้เรียกร้องอะไรจากทั้งคู่มากนัก แต่คูรี่เล็นโก้ และออลีแฟนท์ก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย และดูจะเข้าคู่ เป็นเคมีที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี . .
+บางทีถ้าหนังสร้างอารมณ์ของคนทั้งคู่ให้คนดูรู้สึกได้ Hitman น่าจะมีสีสันที่ต่างไปจากหนังแอ็คชั่นเรื่องอื่นๆจากค่ายของ ลุค เบสซงได้บ้าง . . อย่างน้อยๆถ้าได้ประมาณอย่างที่ได้เห็นๆกันใน Wasabi* ก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง (*นำแสดงโดย ฌอง เรโน่ และเรียวโกะ ฮิโรสุเอะ)
+สำหรับนักแสดงนำผู้สวมบทบาทเป็น มือสังหาร 47 ตัวเอกของเรื่องอย่าง ธิโมธี่ ออลีแฟนท์นั้น ถึงจะสอบผ่านในเรื่องของการแสดง กับการที่ต้องรับบทเป็นเครื่องจักรสังหาร แต่กับมาดการเป็นพระเอกนักบู๊คนใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการต่อสู้ประชิดตัวด้วยมือเปล่าด้วยแล้ว ท่าทางของออลีแฟนท์ออกจะดูเกะกะเก้งก้างไม่ใช่น้อย เมื่อเทียบกับนักแสดงหลายๆคนที่เคยผ่านงานของลุค เบสซงมาก่อนหน้านี้ อย่างเจสัน สเต็ทแฮม หรือเบนวาต์ มากิเมล (Crimson River 2) . .
+แต่เชื่อว่าหากจะหันมาเอาดีเล่นหนังแนวนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว บางที ออลีแฟนท์ก็น่าจะไปได้สวย ด้วยความที่รูปร่างที่สูงโปร่ง พร้อมกับมีมาดและท่าทางให้ไว้เป็นทุนอยู่แล้ว . .
+Hitman ดูเผินๆเหมือนจะเป็นหนังแอ็คชั่นที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ แต่อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะกับคอหนังบู๊ที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า เนื้อเรื่องพอประมาณกับฉากแอ็คชั่นที่มีให้ดูอยู่ตลอดเป็นระยะๆในเรื่อง โดยที่ไม่ต้องไปคำนึงถึงเหตุผล หรือความสมจริงในหนังแต่อย่างใด . .
+ถ้าเติมความหนักแน่น จริงจังในส่วนของคิวบู๊และฉากแอ็คชั่นให้มีอะไรที่รุกเร้าสายตา และอารมณ์ของคนดูมากกว่านี้ Hitman คงจะมีความสะใจเพิ่มมากขึ้นกว่าที่เห็น .. แต่อย่างไรก็ดี Hitman คือหนังที่สร้างจากวิดีโอเกมที่ดูสนุกเรื่องหนึ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมาค่ะ ..
+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
-มอง Hitman อย่างคนเล่นเกม-
+Hitman ถือเป็นภาพยนตร์ที่เคารพและซื่อสัตย์ต่อตัวเกมต้นฉบับอย่างมากค่ะ นอกเหนือไปจากผู้แสดงเป็น Agent 47 จะต้องโกนหัวจริง ให้ตรงตามแคแรคเตอร์แล้ว สัญลักษณ์ที่ใช้ในเกม Hitman ต่างก็ถูกดึงมาขึ้นจอใหญ่ชนิดแทบจะครบทุกอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นวิธีการอำพรางศพ , การปลอมตัว , การใช้เหรียญเบนความสนใจของเหยื่อ , การใช้สายเปียโนรัดคอเหยื่อ , การฉีดยาสลบ ,การใช้ปืนเก็บเสียง , การติดตั้งระเบิดสังหารไปกับวัตถุ ,เซ็นเซอร์จับความร้อน เรียล ไทม์แบบในเกม , ท่าไขว้มือถือปืนคู่แบบในเกม , การวางยาใส่แก้วน้ำ และประเด็นที่ว่าด้วย 47 ถูกองค์กรที่ตัวเองทำงานให้หักหลัง .. เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบางอย่าง อาจจะไม่ทันสังเกตุได้ในการดูรอบแรก เพราะในหนัง Agent 47 แกเน้นสาดกระสุนเป็นหลักค่ะ (55) . . ถ้าคุณจับสัญลักษณ์ในหนังได้ทั้งหมดนี่ แสดงว่าคุณคือแฟนพันธุ์แท้ของซีรีย์นี้ตัวจริงคนหนึ่ง อย่างไม่ต้องสงสัยแต่อย่างใดค่ะ!!! +ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1396.html ค่ะ
QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ 
เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+ +
เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+ ++อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+
QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
+ดูหนังให้สนุกนะคะ+
Edited by rbgel, 11 January 2010 - 06:02 PM.
ผมขอเชียร์หนังเรื่องนี้ด้วยคนครับ เนื้อเรื่องก็สนุกดีครับ แอ๊คชั่นก็มันส์ใช้ได้
:
