1
by น้าลูกอม
หลังจากที่มีการยืนยันแล้วว่าโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะย้ายไปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิคหลังหมดสัญญากับทีมเสือเหลือง...นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้นสังกัดใหม่ ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่แดงเดียวเพื่อเป็นค่าตัวของนักเตะให้กับทีมเก่า โดยในคอลัมน์นี้ประกอบไปด้วยยอดแข้ง 10 คนที่เคยใช้กฎบอสแมนมาแล้ว
สตีฟ แม็นมานามาน
"แม็คก้า" เซ็นสัญญายาว 5 ปีย้ายไปค้าแข้งกับเรอัล มาดริดในปี 1999 โดยเขาได้ปฏิเสธที่จะต่อสัญญากับทางลิเวอร์พูลอดีตต้นสังกัด พร้อมกันนี้ยังหมางเมินทีมอื่นๆที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาให้ทั้งบาร์เซโลน่า, ลาซิโอ้, อินเตอร์ มิลานและยูเวนตุสอีกด้วย
แม็คมานามานถูกยกให้เป็นหนึ่งในปีกที่ยอดเยี่ยมที่สุดยามค้าแข้งในพรีเมียร์ ลีกแต่หลังจากย้ายไปเล่นในประเทศสเปน เขาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์จอมบู๊ โดยเขาคือกุญแจสำคัญช่วยให้เรอัล มาดริดคว้าแชมป์ลา ลีกา 2 สมัย, ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ คัพ, แชมป์สโมสรโลก แลกแชมเปี้ยนส์ ลีกอีก 2 สมัย
เฮนริค ลาร์สัน
เฮนริค ลาร์สันใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีในการค้าแข้งกับบาร์เซโลน่า หลังหมดสัญญากับกลาสโกว์ เซลติกในปี 2004 อย่างไรก็ตามการมาของหอกชาวสวีดิชรายนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเขามีส่วนร่วมช่วยให้ทีมต่างดาวคว้าแชมป์ลา ลีกา 2 สมัย, สแปนิช ซูเปอร์ คัพและยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
การมาของซามูเอล เอโต้ประกอบกับอาการบาดเจ็บหัวเข่าขั้นรุนแรงของลาร์สันอาจจะจำกัดโอกาสใน การลงสนามของเขา แต่กองหน้าจอมแลบลิ้นรายนี้ได้รับเครดิตว่าเป็นผู้เปลี่ยนเกมให้บาร์เซโลน่า เอาชนะอาร์เซนอล คว้าแชมป์ถ้วยหูใหญ่ในปี 2006 ไปครอง
"เขาเป็นคนที่เปลี่ยนเกมดังกล่าว" เธียรี่ อองรีกล่าว
"เขาเป็นคนที่ทำลายพวกเราอย่างแท้จริง บางครั้งคุณพูดถึงนักเตะอย่างโรนัลดินโญ่หรือเอโต้ แต่หากพูดกันถึงนักฟุตบอลผู้สร้างความแตกต่างในค่ำคืนนั้น เขาก็คือเฮนริค ลาร์สัน
มิคาเอล บัลลัค
ทั้งเรอัล มาดริดและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สองยักษ์ใหญ่ในยุโรปต่างให้ความสนใจในตัวมิคาเอล บัลลัคเมื่อปี 2006 อย่างไรก็ตามจอมทัพทีมอินทรีเหล็กรายนี้เลือกที่จะย้ายไปค้าแข้งให้กับเชลซี
ด้วยอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าของเขาทำให้ฤดูกาลแรกของเขาในเสื้อชุดสี น้ำเงินนั้นไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่นัก แต่ในฤดูกาล 2007-08 ซึ่งเป็นปีที่สิงห์บลูส์เข้าชิงชนะเลิศรรายการแชมเปี้ยนส์ ลีกกับแมนฯ ยูไนเต็ดและท้าทายแย่งแชมป์กับปีศาจแดง บัลลัคเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของเชลซี และสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ ลีกก่อนที่จะย้ายออกจากลอนดอนไปในปี 2010
โซล แคมป์เบลล์
สำหรับแฟนบอลของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ โซล แคมป์เบลล์จะถูกจดจำในนามของจูดัส หรือคนทรยศไปตลอดกาล หลังจากที่เขาเลือกไม่ต่อสัญญา ย้ายไปอยู่กับอาร์เซนอล คู่อริของทีมในปี 2001 แต่การย้ายทีมที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกของเขาถูกพิสูจน์ให้เห็นว่ามันคือความ สำเร็จ
แชมป์พรีเมียร์ ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพและการลงเล่นรอบชิงชนะเลิศในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นสิ่งที่เขาสามารถไขว่คว้าได้มากกว่าการค้าแข้งให้กับ "ไก่เดือยทอง" อย่างแน่นอน และปราการหลังทีมชาติอังกฤษก็เป็นกุญแจสำคัญของทีมอาร์เซนอลชุดไร้พ่ายในปี 2003-2004 อีกด้วย
มาร์คุส บับเบิล
ความเสื่อมถอยในฝีเท้าหลังต้องประสบปัญหาการเป็นโรคกิลแลงบาร์เร (แพ้ภูมิตัวเอง) ทำให้ดาวเตะเมืองเบียร์รายนี้ไม่ค่อยได้รับการจดจำว่าเขาเคยทำผลงานในฤดูกาล แรกกับลิเวอร์พูลโดดเด่นแค่ไหน
หลังย้ายมาจากบาเยิร์น มิวนิคโดยถูกยกเป็นหนึ่งในแบ็คขวาที่ดีที่สุดของยุโรป การไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บของบับเบิลในฤดูกาล 2000-01 เขาถูกยกย่องให้เป็นนักเตะที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในตำแหน่งของเขากับพรีเมีย ร์ ลีกฤดูกาลดังกล่าง
ในฤดูกาลดังกล่าวลิเวอร์พูลสามารถคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ, ยูฟ่า คัพและลีก คัพมาครอบครอง โดยบับเบิลคือดาวเด่นเคียงข้างกับซามี่ ฮูเปียที่สร้างกำแพงในเกมรับให้กับทีมได้อย่างยอดเยี่ยม
เฟร์นานโด ญอเรนเต้
เช่นเดียวกับในกรณีของเลวานดอฟสกี้ เฟร์นานโด ญอเรนเต้นั้นถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของเวทียุโรป ที่ตัดสินใจโบกมือลาแอธเลติก บิลเบาต้นสังกัดและย้ายไปอยู่กับยูเวนตุสแบบไร้ค่าตัว
กองหน้าทีมชาติสเปนกระเสือกกระสนใจการสร้างความประทับใจในช่วงเวลาแรกหลัง การมายังเมืองตูริน แต่ปัจจุบันเขากำลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเคียงข้างคาร์ลอส เตเบซ
ญอเรนเต้ยังสามารถลงเล่นรับใช้ต้นสังกัดปัจจุบันไปได้อีกอย่างน้อย 3 ฤดูกาลเต็มๆ และแน่นอนว่าใน 3 ฤดูกาลข้างหน้าเขาจะคว้าแชมป์พร้อมกับทำประตูช่วยเหลือต้นสังกัดได้อย่างมาก มายอีกแน่นอน
แบร๊ด ฟรีเดล
ลิเวอร์พูลยอมปล่อยให้ฟรีเดล ย้ายไปอยู่กับทีมอื่นหลังหมดสัญญากับพวกเขาในปี 2000 โดย ณ เวลานั้นมือหนึ่งของหงส์แดงได้แก่ซานเดอร์ เวสเตอร์เวลด์ ในเวลานั้นไอเดียดังกล่าวถือว่าไม่แย่นัก แต่กลับกลายมาเป็นความผิดพลาดในท้ายที่สุด
แบล็คเบิร์นเป็นทีมที่ได้รับอานิสงส์จากการปล่อยตัวฟรีเดลออกจากทีมของลิ เวอร์พูล และนายด่านรายนี้ก็แทบจะไม่พลาดลงเฝ้าเสาให้กับทีมกุหลาบไฟ โดยลงเล่นทั้งสิ้น 287 (แถมยังยิงได้ 1 ประตู) จนกระทั่งเขาย้ายไปอยู่กับแอสตัน วิลล่าด้วยค่าตัว 2.5 ล้านปอนด์ในปี 2008
ปัจจุบันเขาเป็นหนึ่งในขุมกำลังนักเตะของท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ แม้อายุจะปาเข้าหลัก 4 แล้วก็ตาม
เอสเตบัน กัมบิอาสโซ่
กัมบิอาสโซ่นั้นไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวหลักให้กับเรอัล มาดริดแม้ว่ากระดูกชิ้นโตอย่างโคล๊ด มาเกเลเล่ย้ายออกไปจากทีม นั่นทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ มิลานหลังหมดสัญญากับราชันชุดขาวในปี 2004
จากนั้นดาวเตะทีมชาติอาร์เจนไตน์รายนี้กลายเป็นส่วนสำคัญของทีมงูใหญ่ โดยลงเล่นไปแล้วกว่า 400 เกมและยังเป็นกุญแจสำคัญในทีมชุดเทรบเบิ้ลแชมป์ของโจเซ่ มูรินโญ่ในปี 2010 อีกต่างหาก
โรแบร์โต้ บัจโจ้
อาชีพการค้าแข้งของโรแบร์โต้ บัจโจ้นั้นมีทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด โดยความสำเร็จที่เหมาะสมน่าจะเป็นการย้ายออกจากเอซี มิลานไปอยู่กับโบโลญญ่าในปี 1997
เขาถูกจับแช่แข็งภายใต้การทำทีมของอาริโก้ ซาคคี่ในรังซาน ซิโร่ และหลังย้ายไปอยู่กับโบโลญญ่า กองหน้าหางเปียรายนี้ช่วยยิงประตูให้ทีมที่ต้องลุ้นหนีตกชั้นไป 22 ประตูและพาทีมจบอันดับ 8 ในตารางเซเรีย อา
ฟอร์มการเล่นของเขาน่าประทับใจอย่างมากจนได้รับเรียกให้ไปติดทีมชาติอิตาลี ลุยศึกฟุตบอลโลกในปี 1998 และหลังจากนั้นก็ถูกอินเตอร์ มิลานทาบทามดึงตัวไป ปัจจุบันเขายังคงถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าที่เก่งกาจที่สุดเท่า ที่อิตาลีเคยมีมา
อันเดร ปิร์โล่
ด้วยการมีนักเตะเลือดใหม่ๆแจ้งเกิดขึ้นมาอย่างมากมาย มันกลายเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มองว่าอาชีพการค้าแข้งของอันเดร ปิร์โล่ หลังที่เขาหมดสัญญากับเอซี มิลานและย้ายไปอยู่กับยูเวนตุสในปี 2011 กำลังจะมาถึงจุดจบ
แท้จริงแล้วหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ปิร์โล่โชว์ผลงานการเล่นระดับมาสเตอร์พีซ เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของยุโรป ช่วยให้ต้นสังกัดของเขากลายเป็นทีมที่ดีที่สุดในอิตาลี คว้าแชมป์เซเรีย อาสองสมัยติดต่อกัน
ปิร์โล่ยังคงพกผลงานการเล่นอันยอดเยี่ยมดังกล่าวเข้าไปในฟุตบอลยูโร 2012 รอบสุดท้าย และเขาคือนักเตะชาวมะกะโรนีเพียงคนเดียว ที่มีชื่อลุ้นรับรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2013
