1
by ลูกกลมกลม
หลังทราบผลการจับสลากประกบคู่ในรอบแบ่ง กลุ่มของศึกฟุตบอลโลก 2014 เป็นที่เรียบร้อยแล้วน่าจะสร้างความฮือฮาได้พอสมควรและเชื่อว่าบรรดาคอลูก หนังต่างเฝ้ารอเกมการแข่งขันแห่งมวลมนุษยชาติอยากให้มาถึงโดยเร็ว
ดังนั้นสื่อทั่วโลกเลยถือโอกาสคัดเลือกเกมการแช่งขัน 10 นัดที่น่าเร้าใจและควรค่าต่อการชมมีคู่ไหนบ้างไปดูกันเลย
บราซิล VS โครเอเชีย
วันที่ : 12 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: เอ
นี่คือเกมนัดแรกสุดของทัวร์นาเมนต์ซึ่งก่อนบรรเลงเพลงแข้งจะมีไฮไลท์พิธี เปิดต้องมาดูกันว่าจะเลิศหรูสุดอลังการสมกับแฟนบอลทั่วโลกต่างตั้งตารอคอย หรือไม่ ในขณะที่ 4 ปีก่อนที่แอฟริกาใต้นั้นการปรากฎตัวของ เนลสัน แมนเดล่า อดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับไปแล้วกลายเป็นช็อตประวัติศาสตร์
ขณะเดียวกันการฟาดฟันกันระหว่าง "แซมบ้า" บราซิล ปะทะ โครเอเชีย ซึ่งครั้งนึงเคยได้รับฉายาเหมือนกันว่าทีมเซเลซาแห่งยุโรป แม้ทีมของ เฟลิเป้ สโคลารี่ ถูกยกให้เป็นตัวเต็งแต่ประมาท "ตราหมากรุก" นำทัพโดย ลูก้า โมดริช อาจสร้างเซอร์ไพรส์ช็อคโลกตั้งแต่นัดแรกก็เป็นได้
สเปน VS ฮอลแลนด์
วันที่ : 13 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: บี
เพียงแค่วันที่ 2 ช่างเป็นอะไรที่่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนักเพราะนี่คือเกมรีแมตช์นัดชิงชนะเลิศ เมื่อ 4 ปีก่อนระหว่าง สเปน ในฐานะแชมป์เก่าพบกับ ฮอลแลนด์ ซึ่งจะได้มีโอกาสชำระแค้นตั้งแต่นัดประเดิมสนามเสียเลย โดยเฉพาะทั้งสองชาติต่างอุดมไปด้วยนักเตะระดับแถวหน้าของโลกไล่ตั้งแต่ผู้ รักษาประตูยันถึงกองหน้า
สำหรับ "ลา โรฆา" นำทัพโดย อิเคร์ คาซิญาส,เคราร์ด ปิเก้,เซร์คิโอ รามอส,อันเดรียส อิเนียสต้า,ชาบี้ เอร์นานเดซ,เชสก์ ฟาเบรกัส ,ดาบิด บีญ่า อาจจะรวมถึง ดีเอโก้ คอสต้า หอกบราซิเลี่ยนที่เต็มใจโอนสัญชาติ ส่วน "ดิ ออรันเย่" ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โรบิน ฟาน เพอร์ซี่,อาร์เยน ร็อบเบน,เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์,ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เป็นต้น
ไฮไลท์ที่สำคัญก็คือ ไนเจล เดอ ยอง ที่ใช้กังฟูถีบใส่ ชาบี้ อลอนโซ่ เมื่อ 4 ปีก่อนกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ของนัดชิงชนะเลิศที่คนทั่วโลกน่าจะจดจำยิ่ง กว่าประตูชัยของ อิเนียสต้า เสียอีก ต้องมาดูกันว่าทั้งสองคนจะมีโอกาสเผชิญหน้าอีกครั้งหรือไม่
อังกฤษ VS อิตาลี
วันที่ : 14 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: ดี
วันที่ 3 ของการแข่งขันเชื่อว่านี่เป็นอีก 1 เกมคุณภาพที่ทั่วโลกต่างตั้งตารอคอยมากที่สุดไม่แพ้คู่ไหน "สิงโตคำราม" อังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชนเจอศีกหนักตั้งแต่นัดแรกพบกับ อิตาลี ชาติลูกหนังที่ไม่มีใครอยากเล่นด้วยเพราะเป็นทีมที่คาดเดาได้ยากและฆ่าเท่า ไหร่ก็ไม่ตาย
แน่นอน รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทรีไลอ้อนส์คงต้องทำการบ้านอย่างหนักตั้งแต่รู้ผลจับสลาก ในขณะที่ เวย์น รูนี่ย์ และกัปตันทีม สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ต้องเค้นศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเรียกว่ามีเท่าไหร่ใส่ให้หมดหากต้องการนำพา ประเทศประสบชัยชนะ แต่คงไม่ง่ายนักเพราะ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ บอสอัซซูรี่วาง มาริโอ บาโลเตลลี่ หอกเกรียนตัวพ่อที่คุ้นเคยลูกหนังเมืองผู้ดีเป็นตัวป่วน โดยมี อันเดรีย ปิร์โล่ คอยบัญชาเกม
เยอรมัน VS โปรตุเกส
วันที่ : 16 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: จี
ถือเป็นอีก 1 คู่เอกที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เยอรมัน หนึ่งในชาติตัวเต็งในเวิลด์ คัพ ต้องเจอบททดสอบที่หินมากๆพบกับ โปรตุเกสที่แม้ผ่านเข้ารอบคัดเลือกอย่างกระท่อนกระแท่นแต่การแข่งขันจริงรอบ สุดท้ายมักทำได้ดีเสมอ ผลงานในช่วงหลังทะลุถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเป็นอย่างน้อย
ต้องมาดูกันว่าระหว่าง "อินทรีเหล็ก" ภายใต้มันสมองชอง โยอัคคิม เลิฟ มีนักเตะที่หวังพึ่งอยู่หบายคน เมซุต โอซิล,บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม,มาริโอ เกิทเซ่ และ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวยิงจอมเก๋าที่หวังทุบสถิติดาวยิงสูงสุดของ โรนัลโด้ ตำนานแซมบ้า หรือจะเป็น "ฝอยทอง" นำทัพโดย คริสติอาโน่ โรนัลโด้ นักเตะที่ดีที่สุดในโลกมักสร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้เป็นที่กล่าวขานอยู่เสมอ ใครจะแน่กว่ากัน
บราซิล VS เม็กซิโก
วันที่ : 17 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: เอ
แม้หลายฝ่ายมองว่า "แซมบ้า" ในฐานะเต็งหนึ่งของทัวร์นาเมนต์อยู่ในกลุ่มที่ไม่แข็งเท่าไหร่นักน่าจะผ่าน รอบแรกได้อย่างสบายๆ อย่างไรก็ตามว่ากันว่าเกมที่หนักที่สุดสำหรับเจ้าภาพน่าจะเป็นการเผชิญหน้า "จังโก้" เม็กซิโก ถือเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีที่ต่างไม่มีใครยอมใครถึงขนาดที่ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือหนวดหินชี้ชัดว่าจะเป็น "เกมสุดคลาสสิค" เลยทีเดียว
สเปน VS ชิลี
วันที่ : 18 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: บี
การป้องกันแชมป์โลกของ "กระทิงดุ" แทบไม่มีเกมไหนง่ายเลย หลังประเดิมสนามนัดแรกเจอของแข็ง ฮอลแลนด์ แล้ว แมตช์ถัดมาก็หนักไม่แพ้กันพบกับ ชิลี ยอดทีมแห่งอเมริกาใต้ที่เล่นฟุตบอลได้อย่างสวยงามต่อบอลเท้าสู่เท้าได้เนียน ตาถึงขนาดที่ แจ็ค วิลเชียร์ มิดฟิลด์วัยห้าวทีมชาติอังกฤษยกให้เป็นทีมต่างดาวสาขา 2 เลยทีเดียว
นอกจากนี้การเจอกันครั้งหลังสุดเมื่อเดือนกันยายนปรากฎว่า สเปน ตกเป็นรองตามหลัง ชิลี ถึง 2 ครั้งก่อนที่รอดพ้นความปราชัยอย่างเหลือเชื่อไล่ตามตีเสมอในช่วงทดเวลาบาด เจ็บออกไปแล้ว 2 นาที นี่จึงเป็นโจท์ที่โค้ช บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ต้องทำการบ้านอย่างหนักเลยทีเดียวหากหวังจะเอาชนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องหาทางหยุด อเล็กซิส ซานเชซ กองหน้าตัวจี๊ดจากบาร์เซโลน่าซึ่งกำลังเล่นได้ท็อปฟอร์มซลโวทะลุ 15 ประตูทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติซึ่งคงไม่หยุดอยู่แค่นี้
อุรุกวัย VS อังกฤษ
วันที่ : 19 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: ดี
เป็นอะไรที่ยากเกินคาดเดากับผลการแข่งขันกับ "อัซซูรี่" จะออกมาเป็นเช่นไร เกมถัดมาว่ากันว่าอาจจะชี้ชะตา "สิงโตคำราม" จะสามารถผ่านเข้าสู่รอบน๊อกเอาท์ได้หรือไม่ โดยมี "จอมโหด" อุรุกวัยเป็นคำตอบ
น่าจับตามองที่สุดและถือเป็นไฮไลท์สำคัญของเกมนี้ก็คือจะเป็นการวัดความคม กริบระหว่าง หลุยส์ ซัวเรซ จากลิเวอร์พูล กับ เวย์น รูนี่ย์ แห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดโดยมีกองหนุน สตีเฟ่น เจอร์ราร์ดซึ่งน่าจะรู้พิษสงของสหาย ซัวเรซ เป็นอย่างดี
ฮอลแลนด์ VS ชิลี
วันที่ : 23 มิถุนายน 2014
กลุ่ม:บี
นี่เป็นเกมนัดสุดท้ายของรอบแรกที่ต้องเตะพร้อมกัน แมตช์ระหว่าง ฮอลแลนด์ ปะทะ ชิลี อาจตัดสินกันว่าใครกันแน่ที่จะผ่านเข้ารอบตามแชมป์เก่า สเปน ซึ่งถูกมองว่าหากเป็นไปตามคาดน่าจะยืนรอรอบ 16 ทีมสุดท้าย ดังนั้นคู่นี้น่าจะหวดกันไฟแล่บแหลกกันไปข้างอย่างแน่นอน
ต้องมาดูกันว่าระหว่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กัปตันกังหันลมและดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของชาติจะสามารถนำพาประเทศหักด่าน ชิลี ที่มีทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ และ อาร์ตูโร่ วิดาล สองตัวอันตรายซึ่งสามารถสร้างความสั่นผวาให้กองหลังฝั่งตรงข้าม
อิตาลี VS อุรุกวัย
วันที่ : 24 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: ดี
นับเป็นเกมที่ดุเดือดไม่แพ้คู่อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเกมนัดสุดท้าย รอบแรก ทั้งสองชาติอาจต้องชี้ชะตาว่าใครจะได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีม ทั้งสองทีมต่างเคยเจอกันมาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายนในศึกคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ปรากฎว่ากินกันไม่ลงเสมอกันไปอย่างดุเดือด 2-2
ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อว่าน่าจะมีการยิงประตูมากมาย เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีสุดยอดกองหน้าคมกริบทั้งนั้น สำหรับ "จอมโหด" มี เอดิสัน คาวานี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ จะประชันกับ "อัซซูรี่" ต้องหวังถึง มาริโอ บาโลเตลลี่ กับ จูเซ็ปเป้ รอสซี่
สหรัฐ VS เยอรมัน
วันที่ : 26 มิถุนายน 2014
กลุ่ม: จี
แม้อยู่ต่างกันคนละทวีปก็จริงแต่คนส่วนใหญ่มองว่าการเผชิญหน้ากันระหว่าง สหรัฐ ปะทะ เยอรมัน คือศึกสายเลือดอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมแยงกี้คุมโดย เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ กุนซือฉลามขาวซี่งเคยนั่งเก้าอี้บุนเดสเทรนเนอร์ช่วย "อินทรีเหล็ก" คว้าอันดับ 3 ในเวิลด์ คัพ 2006 มาแล้ว
หลังจากนั้น คลิ้นส์มันน์ ได้ทิ้งมรดกตกทอดแข้งทีมอินทรีเหล็กวัยละอ่อนให้ผู้ช่วยของเขา โยอัคคิม เลิฟ ซึ่งก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ในทีมอินทรีเหล็กได้สานต่ออย่างยิ่งใหญ่จนกลายเป็น ชาติลูกหนังแถวหน้าของโลกในยุคปัจจุบัน ดังนั้นนี่จะเป็นการดวลกึ๋นกันระหว่าง "คลิ้นซี่" เจ้านายเก่ากับอดีตลูกน้อง เลิฟ แผนของใครเวิร์คกว่ากัน
