http://www.soccersuc...ds/topic/956024
by redenzo
เริ่มนับถอยหลังแล้วสำหรับการจับสลากฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้(ศุกร์ที่ 6 ธค.)เวลา 5 ทุ่มบ้านเราเลยมาทบทวนความจำดูข้อมูลกันหน่อยว่าทั้ง 32 ทีมสุดท้ายผ่านอะไรกันมาบ้าง
งานนี้ขอรวบรวมข้อมูลจากสกาย สปอร์ตและ Goal.com เป็นความแปลมาให้อ่านกันว่าเส้นทางทั้งหมดไปมาอย่างไร เรื่องของการจับสลากเป็นยังไง รวมถึงนักเตะสตาร์ที่จะไปปรากฏตัวที่โน่น
ยุโรป
เบลเยี่ยม
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : มาร์ก วิลมอตส์
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 11
ผลงานดีที่สุดในฟุตบอลโลก : รอบรองชนะเลิศ(ปี 1986)
นักเตะคีย์แมน : เอแด็ง อาซาร์
เบลเยี่ยมผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกถึง 6 สมัยติดในระหว่างปี 1982 จนถึงปี 2002 และนี่จะเป็นหนแรกที่พวกเขาไปสัมผัสบรรยากาศเหล่านั้นอีกครั้งนับตั้งแต่หมค ยุคนั้นมา ไม่ใช่เรื่องแปลกหากบอกว่าทีมชุดนี้ถูกคาดหวังไว้เยอะเนื่องจากประกอบไปด้วย กลุ่มนักเตะที่ดูดีที่สุดนับตั้งแต่หมดยุคของเอ็นโซ ชีโฟ่และพ้องเพื่อนที่พา"ปีศาจแดงแห่งยุโรป"ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้สาม หนติด
แวร์นซอง กอมปานี, เอแด็ง อาซาร์, มารูยาน เฟลไลนี่, โรเมลู ลูกากู, ยาน แฟร์ทองเก้, โธมัส แฟร์มาเล่น, เควิน มิราญาส, เควิน เดอ บรอยน์และคริสเตียน เบนเทเก้เป็นที่รู้จักกันในบรรดาผู้ชมของพรีเมียร์ลีกอยู่แล้วและงานนี้อาจ ไม่ใช่เพียงม้ามืดอีกต่อไป
พวกเขายังดูเข้าขากันแล้วหลังการันตีการผ่านเข้ารอบด้วยการเอาชนะโครเอเชีย อีกทีมแข็งไป 2-1 ที่ซาเกร็บ กระนั้นงานที่หนักกว่านี้ยังรอวิลม็อตส์อยู่ในบราซิลแต่ทีมหนุ่มทีมนี้ก็ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆและอาจก้าวขึ้นมาท้าชิงกับเขาด้วยอีกราย
บอสเนียและเฮอร์เซโกวิน่า
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : ซาเฟท ซูซิช
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 21
ผลงานดีที่สุดในฟุตบอลโลก : ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายหนแรก
นักเตะคีย์แมน : เอดิน เซโก้
กลุ่ม จีที่ดูเหมือนไม่มีอะไรกลายเป็นต้องลุ้นถึงหยดสุดท้ายเหมือนกัน จนในที่สุดบอสเนียก็ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นหนแรก ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มทั้งกรีซและบอสเนียมีแต้มเท่ากันที่ 22 แต้ม โดยที่กรีซเจองานง่ายกว่าพบกับลิชเท่นสไตน์ในบ้าน ส่วนบอสเนียต้องไปเยือนลีธัวเนีย
ดิมิทริออส ซัลพินกิดิสทำให้ทีมเทพนิยายออกนำก่อน นั่นหมายความว่าบอสเนียจำต้องยิงประตูให้ได้จนในที่สุดเวดาด อิบิเซวิชยิงประตูในช่วง 20 นาทีสุดท้ายทำให้เกมจบลงที่การมีแต้มเท่ากันและในที่สุดบอสเนียก็เข้ารอบอัต ิโนมัติด้วยประตูได้เสีย
บอสเนียต้องขอบคุณผลงานอันยอดเยี่ยมระหว่างอิบิเซวิชและเอดิน เซโก้หัวหอกคู่หูประจำชาติที่ทำประตูได้รวมกันถึง 18 ตุงโดยที่เซโก้ทำได้น่าประทับใจยิงได้ 10 ประตูจาก 10 เกมด้วย
โครเอเชีย
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะเพลย์ออฟ
ผู้จัดการทีม : นิโก้ โควัช
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 16
สถิติฟุตบอลโลก : อันดับ 3(ปี 1998)
นักเตะคย์แมน : ลูก้า โมดริช
โครเอเชียผ่านถึงรอบเพลย์ออฟจนได้แม้เซอร์เบียจะเบียดเข้ามาในช่วงโค้งสุด ท้ายจนจบลงที่ห่างกัน 3 แต้ม อย่างไรก็ตามผลงานช่วงท้ายของ"ตราหมากรุก"ออกแนวน่าผิดหวังหาชัยชนะใน 4 เกมสุดท้ายไม่เจอ รวมถึงพ่ายให้สก็อตแลนด์ถึง 2 นัดด้วย ท้ายที่สุดก็ต้องตามหลังเบลเยี่ยมแชมป์กลุ่มถึง 9 คะแนน ถือเป็นการจบรอบคัดเลือกที่น่าผิดหวังหลังออกสตาร์ทด้วยการไม่แพ้ใคร 6 นัดแรก
ในเพลย์ออฟพวกเขาเองก็ยังต้องแอบลุ้นเพราะนัดแรกเสมอกับไอซ์แลนด์ไป 0-0 แต่ก็จบลงที่ได้ดาริโอ เซอร์น่าและมาริโอ มานด์ซูกิชช่วยกันยิงคนละตุง
กระนั้นแม้จะจบแบบตะกุกตะกักไปหน่อยแต่แข้งพรสวรรค์ภายในทีมของพวกเขาก็ใช่ ว่าจะถูกเมินกันได้ แผงมิดฟิลด์พวกเขาน่าอิจฉาไม่น้อยมีทั้งนิโก้ ครานชาร์, อิวาน ราคิติช, มิลาน บาเดลจ์และสตาร์ดังที่สุดของพวกเขา ลูก้า โมดริช
ผลงานของโมดริชกับเรอัล มาดริดนั้นดีขึ้นอย่างมากและเขาจะเป็นตัวช่วยสนับสนุนแผงกองหน้าของทีมที่ ไม่ใช่ย่อยๆนอกจากมานด์ซูกิชแล้วยังมีทั้งอิวิก้า โอลิช, เอดูอาร์โด้และนิกิชา เยลาวิชพร้อมจบสกอร์ให้
อังกฤษ
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : รอย ฮอดจ์สัน
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 13
ผลงานในฟุตบอลโลก : แชมป์ 1 สมัย(ปี 1966)
นักเตะคีย์แมน : เวย์น รูนี่ย์
เหล่าผู้ดีหายใจโล่งกันไปตามๆกันหลังเวย์น รูนี่ย์และสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดยิงประตูใส่โปแลนด์ช่วยการันตีให้พวกเขาผ่านเข้ารอบแบออัตโนมัติ เป็นอีกเกมที่มอบความรู้สึกที่ต่างกันออกไปอาจเป็นได้เหมือนกับฟรีคิกนาที สุดท้ายของเดวิด เบ็คแฮมใส่กรีซหรืออกหักเอาเหมือนปี 2007 ที่แพ้โครเอเชียจนอดไปยูโร
สุดท้ายพวกเขาก็ยิ้มออกด้วยผลงานเอาชนะ 2-0 ทำให้ยูเครนที่ลุ้นแซงทำได้เพียงจบเป็นรองแชมป์กลุ่ม ถึงแม้ผลงานดูน่าผิดหวังนิดหน่อยเสมอไป 4 นัดแต่พวกเขาก็ไม่ได้แพ้ใครแถมเสียประตูเพียงแค่ 4 ลูกและยิงได้ 31 ประตู
ฝรั่งเศส
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะเพลย์ออฟ
ผู้จัดการทีม : ดิดิเยร์ เดส์ชองส์
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 19
สถิติฟุตบอลโลก : แชมป์ 1 สมัย(ปี 1998)
นักเตะคีย์แมน : ฟรองค์ ริเบรี่
ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าฝรั่งเศสจะอดไปลุยฟุตบอลโลกเสียแล้วหลังพ่ายให้ ยูเครนในกรุงเคียฟไป 2-0 แต่สุดท้ายพวกเขาก็ระเบิดฟอร์มกลับมาในนัดสองเอาชนะไป 3-0 ที่มีโอกาสจบสกอร์มากถึง 24 ครั้งแซงหน้าคว้าตั๋วไปลุยบราซิลและทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกเป็น สมัยที่ 5 ติดต่อกัน
แผงกลางที่น่าประทับใจของ"ตราไก่"มีทั้งซามีร์ นาสรี่, พอล พ๊อกบาและโยฮัน กาบายแต่ช่วงนี้ก็ถูกกลบรัศมีโดยฟรองค์ ริเบรี่ที่เป็นหนึ่งในนักเตะตัวขับเคลื่อนให้บาเยิร์น มิวนิคได้แชมป์พร้อมกับมีหลายเสียงยกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำปี 2013
เช่นเดียวกับโรนัลโด้ หากริเบรี่ไม่ได้ไปอวดฝีเท้าให้เห็นกันในปีหน้าก็คงจะเป็นเรื่องที่น่า เสียดายแต่ท้ายที่สุดก็จะได้มีโอกาสไปอวดฝีเท้าให้ทั้งโลกชมอีกครั้ง
ฝรั่งเศสเป็นอีกทีมที่คาดเดาอะไรไม่ได้จากฟุตบอลโลกครั้งผ่านๆมาแต่พวกเขาก็ ยังมีทีมที่ดีพอสำหรับการก้าวขึ้นเป็นไปเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงแชมป์อย่างแท้ จริง
เยอรมนี
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : โยอาคิม เลิฟ
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 2
สถิติฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย : แชมป์ 3 สมัย(ปี 1954, 1974, 1990)
นักเตะคีย์แมน : เมซุท โอซิล
เยอรมนีถูกโอบล้อมด้วยความรู้สึกว่าได้ห่างหายจากการเป็นแชมป์ทัวร์นาเมนต์ ใหญ่มานานแล้วจนเกิดความคาดหวังตามมา พวกเขาเฉียดเข้าใกล้กับแชมป์ยูโร 2 หนหลังและในฟุตบอลโลกพวกเขาเป็นทั้งรองแชมป์กับอันดับ 3 ใน 3 สมัยหลังสุด กระนั้นแชมป์สุดท้ายที่พวกเขาคว้ามาได้ต้องย้อนไปจนถึงยูโรปี 96 เลยทีเดียว นี่จึงเป็นโอกาสที่พวกเขาจะกลับมาผงาดแบบเต็มที่อีกครั้ง
นอกเหนือจากนักเตะสำคัญของทีมที่ส่วนใหญ่ขนมาจากทีมบาเยิร์น มิวนิคแล้ว เลิฟยังฝากความหวังเอาไว้กับเมซุท โอซิลของอาร์เซน่อลรวมถึงแมตส์ ฮุมเมลส์และมาร์โก้ รอยส์สองสตาร์แห่งโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ พวกเขาทำผลงานในรอบคัดเลือกได้เยี่ยมกำราบทีมร่วมกลุ่มกระจุย 9 จาก 8 นัดแรกได้หมดหลุดเสมอกับสวีเดน 4-4 เพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นและเป้าหมายของพวกเขาคือเป็นที่หนึ่งในบราซิลปี หน้า
กรีซ
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะเพลย์ออฟ
ผู้จัดการทีม : เฟอร์นานโด ซานโตส
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 12
สถิติฟุตบอลโลก : รอบแบ่งกลุ่ม
นักเตะคีย์แมน : โซคราติส ปาปาสทาโธปูลอส
แม้จะเคยผ่านการคว้าแชมป์ยูโรมาในปี 2004 แต่กรีซก็เพิ่งได้สัมผัสฟุตบอลโลกหนนี้เป็นหนที่ 3 ในประวัติศาสตร์เท่านั้นโดยหนแรกของพวกเขาก็ชื่อช่วงปี 1994 เข้าไปแล้ว
พวกเขาโชคร้ายที่พลาดการเข้ารอบแบบอัตโนมัติหลังบอสเนียเบียดเข้ารอบไปด้วย ประตูได้เสียทำให้ทีมเทพนิยายต้องไปเพลย์ออฟกับโรมาเนียและคอนสตานตินอส มิโตรกลูกลายเป็นฮีโร่ของพวกเขาหลังยิงเบิ้ลในเกมเลกแรกช่วยให้เอาชนะ"ผี ดิบ"ไป 3-1 ก่อนเก็บผลเสมอได้นัดที่สองได้ไปลุยอเมริกาใต้อีกทีม
หลังเทรอานอส เดลลาสและมิคาลิส คาสซิซเป็นแนวรับตัวหลักผู้นำความสำเร็จสู่พวกเขาในปี 2004 ซานโตสก็หวังว่าปาปาสทาโธปูลอสจะทำได้ในแบบคล้ายๆกันหลังเซ็นเตอร์ดอร์ ทมุนด์ผู้นี้ได้ลงสนามไปไม่น้อยแล้วนับตั้งแต่ย้ายจากแวร์เดอร์ เบรเมนมา อีกทั้งจะมีวาซิลิส โทโรซิดิสกับโจเซ่ โฮเลบาสคอยยืนอยู่ในแนวรับร่วมกับเขาด้วย
ถึงแม้เกมรุกของพวกเขาจะไม่ได้โดดเด่นอะไรแต่เกมรับของพวกเขาก็ทำได้เยี่ยม เสียประตูไปแค่ 4 ลูกเท่านั้นในรอบคัดเลือกและอาจจะเป็นทีมที่ทำให้คู่แข่งที่อึดอัดกันบ้างใน การเจอกันปีหน้า
อิตาลี
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : เซซาเร่ ปรันเดลลี่
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 7
สถิติฟุตบอลโลก : แชมป์ 4 สมัย(ปี 1934, 1938, 1982, 2006)
นักเตะคีย์แมน : อันเดรีย ปิร์โล่
ชัยชนะ 2-1 เหนือเช็กในวันที่ 10 กันยายนเป็นการการันตีว่าพวกเขาจะได้ไปลุยฟุตบอลโลก 2014 แบบอัตโนมัติด้วยการคว้าแชมป์กลุ่มทั้งที่ยังเหลือเกมให้ลงสนามอีก 2 นัด อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ผ่านเช็กมาง่ายๆหลังโดนนำไปก่อนแต่สุดท้ายมาริโอ บาโลเตลลี่นี่เองยิงจุดโทษเป็นประตูชัยให้เอาชนะจนได้
"อัซซูรี่"จะปรากฏตัวในฟุตบอลโลกเป็นหนที่ 18 แล้วและเจ้าของแชมป์ปี 2006 ก็มาพร้อมกับความคาดหวังที่สูง ผลงานพวกเขาในรอบคัดเลือกก็ถือว่ายังน่าชื่นชมแม้เสมอไปถึง 4 นัดแต่พวกเขาก็ไม่ได้แพ้ให้ใครและเป็นที่รู้กันว่าพวกเขาเป็นทีมที่ยิ่งเข้า รอบลึกๆยิ่งแข็งแกร่ง
ฮอลแลนด์
ผ่านเข้ารอบมายังไง : คว้าแชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : หลุยส์ ฟาน กัล
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 9
สถิติฟุตบอลโลก : รองแชมป์ 3 สมัย(ปี 1974, 1978, 2010)
นักเตะคีย์แมน : โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
ฮอลแลนด์มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์โลกสมัยแรกอันรอคอยมานานแสนนานอีกครั้งด้วยผล งานเข้ารอบสู่บราซิลในฐานะแชมป์กลุ่ม ชัยชนะ 2-0 เหนืออันดอร์ร่าในวันที่ 10 กันยายนทำให้พวกเขาตีตั๋วทั้งที่ยังเหลือเกมให้ลงสนาม 2 นัดเช่นเดียวกับอิตาลี
"กังหันสีส้ม"ทำแต้มหล่นเพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้นในเกมที่เสมอกับเอสโตเนียแบบเซอร์ไพรส์ไม่น่าเชื่อและก็หวัง ให้หนนี้พวกเขาจะไปได้สวยตลอดเส้นทาง แต่แรงจูงใจหลักๆของทีมแน่นอนว่าหนีไม่พ้นนัดชิงชนะเลิศปี 2010 ที่พ่ายให้สเปนรวมถึงในช่วงยุคทองของพวกเขาที่จบเพียงแค่เป็นรองแชมป์ปี 1974 กับ 1978 ด้วย
แน่นอนว่าฟาน เพอร์ซี่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเป็นอาวุธหลักในแดนหน้าหลังยิงได้เท่ากันกับเซโก้ในรอบคัดเลือก นอกเหนือจากนี้ยังมีอาร์เยน ร็อบเบนอีกหนึ่งปีกตัวหลักของทีมรวมถึงเหล่าซีเนียร์ที่จะคอยนำทางแข้งดาว รุ่งหน้าใหม่ที่คาดว่าจะถูกเรียกติดทีมกันไม่น้อย
โปรตุเกส
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะในเพลย์ออฟ
ผู้จัดการทีม : เปาโล เบนโต้
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 5
สถิติฟุตบอลโลก : อันดับ 3(ปี 1966)
นักเตะคีย์แมน : คริสติอาโน่ โรนัลโด้
ทีมของเบาโล เบนโต้จบรอบคัดเลือกด้วยการมีแต้มตามหลังรัสเซียของฟาบิโอ คาเปลโล่เพียงแค่แต้มเดียวซึ่งส่วนนึงก็หนีไม่พ้นผลเสมอกับไอร์แลนด์เหนือ และอิสราเอลในบ้านอันน่าผิดหวังทำให้พวกเขาชวดโอกาสผ่านเข้ารอบออโต้
กระนั้นการปะทะกันอันเป็นที่จับตามองมากที่สุดในรอบเพลย์ออฟระหว่างคริสติอา โน่ โรนัลโด้จ่ายมุมแดงโปรตุเกสและซลาตัน อิบราฮิโมวิชจากมุมเหลืองน้ำเงินไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยด้วยผลรวม 2 นัดที่จบลง 4-2 ส่งพวกเขารอบแถมทุกประตูในเพลย์ออฟมาจากทั้งโรนัลโด้และอิบราฮิโมวิชอีกต่าง หาก
นอกเหนือจากโรนัลโด้แล้ว"ฝอยทอง"ยังมีนักเตะพรสวรรค์อย่างเจา มูตินโญ่, ราอูล เมเรเลสหรือแม้แต้เปเป้อยู่ในทีมด้วยทำให้พวกเขาเองก็ดูแข็งแกร่งอยู่ไม่ น้อยหน้าใคร
ไม่ว่าทีมไหนที่มีโรนัลโด้อยู่ด้วยก็ทำให้เป็นงานยากในการเอาชนะ และถึงแม้จะทำผลงานได้ดีในระดับสโมสรแต่กับระดับชาติเขายังไม่ได้สมหวังเสีย ทีและหากเกิดพาทีมประสบความสำเร็จได้ในปีหน้าเขาก็จะเป็นอีกหนึ่งยอดนักเตะ ตลอดกาลแบบไม่มีข้อกังขาใดๆเลย
รัสเซีย
ผ่านเข้ารอบมายังไง : คว้าแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : ฟาบิโอ คาเปลโล่
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 22
สถิติฟุตบอลโลก : อันดับที่ 4(ปี 1966)
นักเตะคีย์แมน : อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ
ถึงแม้ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาพวกเขาฟอร์มตกพ่ายให้กับไอร์แลนด์เหรือและ โปรตุเกสแต่ก็กลับมาคว้าแชมป์กลุ่มและเข้าไปลุยฟุตบอลโลกหนแรกนับตั้งแต่ปี 2002
ในกลุ่มนี้พวกเขาแข่งขันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันแย่งตั๋วกับโปรตุเกสเพียงแค่ทีม เดียวและด้วยผลงานชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 2 ยังเพียงพอให้พวกเขาเฉือนโปรตุเกสตีตั๋วอัตโนมัติด้วยความห่างเพียง 1 แต้ม
อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟเป็นดาวซัลโวประจำทีมให้พวกเขาและยริ เชร์คอฟอดีตนักเตะเชลซีก็ทำผลงานได้น่าประทับใจในรอบแบ่งกลุ่ม ในขณะที่กองหลังมากประสบการณ์อย่างเซอร์เก อิกนาเชวิชอาจเล่นทะลุร้อยนัดเอาที่บราซิลปีหน้า
สเปน
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : บิเซนเต้ เดล บอสเก้
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 1
สถิติฟุตบอลโลก : แชมป์ 1 สมัย(ปี 2010)
นักเตะคีย์แมน : อันเดรส อิเนียสต้า
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรมากมายนักที่พวกเขาคว้าตั๋วลุยฟุตบอลโลกแบบ อัตโนมัติ อย่างไรก็ตามไม่ถึงกับโปรยด้วยกลีบกุหลาบไปตลอดทางเพราะพวกเขาต้องแก่งแย่ง ตำแหน่งกับฝรั่งเศสที่ถูกจับมาอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกัน
"กระทิงดุ"มีสะดุดเอากลางทางเสมอกับฝรั่งเศสและเอาชนะฟินแลนด์ไม่ได้โดนตี เสมอเอาท้ายเกมทำให้พวกเขาต้องยืดเวลาเฮออกมาอีกจนสุดท้ายเก็บชัย 4 นัดรวดในเกมที่เหลือทำได้ 7 ประตูเสียแค่ลูกเดียวส่งฝรั่งเศสไปเล่นเพลย์ออฟแทน
แต่ถึงแม้จะไม่แพ้ใครในรอบคัดเลือกแต่คนที่เป็นดาวซัลโวของพวกเขาคือเปโดรโดยทำประตูได้น้อยเพียงแค่ 4 ลูกเท่านั้นเอง
สวิตเซอร์แลนด์
ผ่านเข้ารอบมายังไง : คว้าแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือก
ผู้จัดกรทีม : ออทท์มาร์ ฮิตซ์เฟลด์
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 8
สถิติฟุตบอลโลก : รอบก่อนรองชนะเลิศ(ปี 1934, 1938, 1954)
นักเตะคีย์แมน : แซร์ดาน ชาคิรี่
สวิตเซอร์แลนด์แดนนาฬิกาผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกหนสุดท้ายเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันแล้ว พวกเขาไม่ได้ผ่านเข้ารอบติดต่อกันเยอะเท่านี้นับตั้งแต่ปีที่เป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลกเองในปี 1954 แต่ก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้รับผลประโยชน์จากากรที่ลงทุนพัฒนานักเตะระดับ เยาวชนขึ้นมาไปเต็มๆ
ทีมที่จะไปลุยบราซิลซัมเมอร์หน้าคงจะมีนักเตะหลายคนที่คว้าแชมป์โลกรุ่นอายุ ไม่เกิน 17 ปีในปี 2009 รวมถึงทีมที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโรยู่-21ปี 2011 ร่วมทัพกันไปไม่น้อย
การมีแซร์ดาน ชาคิรี่ปีกของบาเยิร์น มิวนิคที่เป็นโกลเด้นบอยของชาติรวมถึงการมีออทท์มาร์ ฮิตซ์เฟลด์คุมบังเหียนทำให้น่าจับตามองไม่น้อย แถมผลงานรอบคัดเลือกพวกเขาก็ไม่ธรรมดาผ่านเข้ารอบโดยที่ไม่พ้ายให้กับใครเลย
อเมริกาใต้
อาร์เจนติน่า
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มโซนอเมริกาใต้
ผู้จัดการทีม : อเลฮันโดร ซาเบลล่า
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 3
สถิติฟุตบอลโลก : แชมป์ 2 สมัย(ปี 1978, 1986)
นักเตะคีย์แมน : ลิโอเนล เมสซี่
ด้วย"ฟ้าวขาว"ถล่มปารากวัย 5-2 มีลิโอเนล เมสซี่ยิงสองเม็ดในเกมนัดที่ 14 ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมแรกในโซนอเมกาใต้ตามหลังบราซิลเจ้าภาพลุยฟุตบอลโลกปี หน้าได้สำเร็จ
หลังฟุตบอลโลก 2010 พวกเขาตกรอบด้วยการโดนเยอรมนียิงถล่มยับเยิน 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ อาร์เจนติน่าหวังว่าพวกเขาจะสิ้นสุดการรอคอยอันยาวนานไม่ได้สัมผัสแชมป์มา ตั้งแต่ปี 1986 เสียทีและทุกสายตาจะจับจ้องไปที่เมสซี่ด้วยหลายคนที่มักพูดถึงเขาว่าเป็นนัก เตะที่ดีที่สุดจักรวาลด้วยผลงานระดับสโมสรแต่กับทีมชาติเขายังพาทีมสัมผัส แชมป์ไม่ได้
ผลงานของอาร์เจนติน่าในรอบคัดเลือกนั้นก็ถือว่าน่าชื่นชมเสมอไป 5 แพ้เพียงแค่ 1 ในตอนที่พวกเขาตีตั๋วเข้ารอบได้แต่ก็ยังไงพวกเขาก็เป็นอีกหนึ่งตัวเต็ง สำหรับปีหน้าอยู่ดี
บราซิล
ผ่านเข้ารอบมายังไง : เจ้าภาพ
ผู้จัดการทีม : หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 10
สถิติฟุตบอลโลก : แชมป์ 5 สมัย(ปี 1958, 1962, 1970, 1994, 2002)
นักเตะคีย์แมน : เนย์มาร์
เจ้าของแชมป์โลกห้าสมัยได้ไปลุยฟุตบอลโลกแบบอัตโนมัติอยู่แล้วเพราะเป็นเจ้า ภาพแต่พวกเขาก็ต้องเจอกับความกดดันที่อยากเห็นพวกเขากลายเป็นทีมที่ดีที่สุด ในโลกอีกครั้งนึง
บราซิลคว้าแชมป์ได้ในปี 2002 แต่บราซิลเจอกับประสบการณ์ความผิดหวังตกรอบก่อนรองชนะเลิศมาในฟุตบอลโลก 2 หนหลังสุดและในช่วงซัมเมอร์นี้พวกเขาเพิ่งหลุดออกจาก 20 อันแรกแรกของฟีฟ่า แรงค์กิ้งไป แต่สุดท้ายหลังสโคลารี่ก้าวเข้ามาเป็นกุนซือเมื่อปี 2012 ก็ช่วยเรียกความมั่นใจของพวกเขากลับมาจนได้
สโคลารี่ผู้พาทีมประสบความสำเร็จในปี 2002 ก้าวเข้ามาพร้อมกับการตัดสินใจที่ไม่มีปรานีและก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับ พวกเขาเอง ชัยชนะเหนือสเปนในคอนเฟเดอเรชันส์ คัพ 3-0 คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงแรงผลักดันที่โตขึ้นของ"เซเลเซา"ในขณะเดียวกัน ยังทำให้อันดับฟีฟ่าพวกเขาพุ่งขึ้นมากมายอีกด้วย
ชิลี
ผ่านเข้ารอบมายังไง : อันดับ 3 โซนอเมริกาใต้
ผู้จัดการทีม : ฮอร์เก้ ซามเปาลี
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 15
สถิติฟุตบอลโลก : อันดับ 3(ปี 1962)
นักเตะคีย์แมน : อเล็กซิส ซานเชซ
ชิลีจะได้ไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นหนที่ 9 ในประวัติศาตร์พวกเขาด้วยการเอาชนะเอกวาดอร์ในเกมนัดสุดท้าย ส่วนอเล็กซิส ซานเชซจากบาร์เซโลน่ายังทำผลงานได้น่าประทับใจโดยยิงได้ 4 ประตูจาก 4 นัดและเขาก็เป็นหนึ่งในแข้งพรสวรรค์ที่ทีมของฮอร์เก้ ซามเปาลีมี
พวกเขาถือเป็นอีกทีมนึงที่ดูมีบาลานซ์ดี ในแต่ละส่วนของทีมมีคุณภาพกันหมดโดยเฉพาะกองกลางที่มีทั้งอาร์ตูโร่ วิดัลและเฟลิเป้ กูเตียร์เรซเพลย์เมกเกอร์ของทเวนเต้เป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีนักเตะที่ ต้องคอยระวังมากกว่าซานเชซ พวกเขาเข้ารอบไปโดยที่ 6 นัดสุดท้ายไม่แพ้ใครเลยในรอบแบ่งกลุ่มและอาจแอบสร้างเซอร์ไพรส์เล็กน้อยที่ บราซิลก็เป็นได้
โคลอมเบีย
ผ่านเข้ารอบมายังไง : อันดับ 2 โซนอเมริกาใต้
ผู้จัดการทีม : โฮเซ่ เปเกอร์มัน
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 4
สถิติฟุตบอลโลก : รอบ 16 ทีมสุดท้าย(ปี 1990)
นักเตะคีย์แมน : ราดาเมล ฟัลเกา
โคลอมเบียทะลุเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วยการเป็นอันดับ 2 ต่อจากอาร์เจนติน่าในโซนอเมริกาใต้และทีมของโฮเซ่ เปเกอร์มันเองก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เล่นฟุตบอลโลกที่จัดในทวีปของพวกเขา เอง
ปัจจุบันพวกเขาติดชาติท็อปเท็นของโลกมีนักเตะน่าสนใจเช่นฮวน เฟร์นานโด ควินเตโร่และแจ๊คสัน มาร์ติเนซที่เป็นตัวเลือกในแดนหน้าโดยมีตัวหลักที่แทบจะยึดตำแหน่งแบบไร้ข้อ กังขาอย่างราดาเมล ฟัลเกาอยู่อีกคนหลังเขายิงมาเกินกว่า 30 ลูกใน 4 ฤดูกาลหลังที่ผ่านมาและนั่นอาจช่วยให้พวกเขาไปได้ลึกกว่าที่คาดไว้ก็เป็นได้
ยังไงก็ตามแฟนโคลอมเบียอาจจะเป็นห่วงหน่อยเพราะหนสุดท้ายที่พวกเขาเข้ารอบ ฟุตบอลโลกด้วยความหวังกลับจบลงที่ความโศกเศร้าเนื่องด้วยทีมในปี 1994 เดินทางกลับมาจากอเมริกาพร้อมกับผลงานไม่น่าประทับใจและเชื่อกันว่าผลที่ตาม มาคือโศกนาฏกรรมของอันเดรียส เอสโคบาร์กัปตันทีมที่ถูกฆาตกรรมนั่นเอง
เอกวาดอร์
ผ่านเข้ารอบมาได้ยังไง : อันดับ 4 โซนอเมริกาใต้
ผู้จัดการทีม : เรนาลโด้ รูเอด้า
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 23
สถิติฟุตบอลโลก : รอบ 16 ทีมสุดท้าย(ปี 2006)
นักเตะคีย์แมน : อันโตนิโอ วาเลนเซีย
เอกวาดอร์ผ่านเข้ารอบมาในแบบที่เรียกว่าฉิวเฉียดจริงๆหลังเฉือนอุรุกวัย เพียงแค่ประตูได้เสียยึดอันดับที่ 4 ในการผ่านเข้ารอบแบบอัตโนมัติมาได้ งานนี้พวกเขาต้องขอบคุณกับแนวรับที่ทำเสียประตูเพียงแค่ 16 ลูกในรอบคัดเลือกเท่านั้นเป็นรองเพียงแค่อาร์เจนติน่าและโคลอมเบีย
ถึงแม้เอกวาดอร์จะพลาดการมาลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจนถึงปี 2002 แต่นี่จะกลายเป็นการร่วมแจมหนที่ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลังสุดของพวกเขาโดยจะมีอันโตนิโอ วาเลนเซียปีกเท้าเดียวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นกัปตันนำทีมแถมนักเตะในทีมเองก็พอมีดีเช่นกัน
นอกเหนือจากนี้แล้วยังเป็นการลุยฟุตบอลโลกที่เต็มไปด้วยอารมณ์เหมือนกันหลัง เรนาลโด้ รูเอด้ายกให้การผ่านเข้ารอบของพวกเขาเป็นการเกียรติแก่คริสเตียน เบนิเตซหรือที่รู้จักในนามชูโช่อดีตหัวหอกของเบอร์มิ่งแฮมที่เสียชีวิตไป เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา
อุรุกวัย
ผ่านเข้ารอบได้ยังไง : ชนะในเพลย์ออฟ
ผู้จัดการทีม : ออสการ์ ตาบาเรซ
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 6
สถิติฟุตบอลโลก : แชมป์ 2 สมัย(ปี 1930, 1950)
นักเตะคีย์แมน : หลุยส์ ซัวเรซ
ภายหลังจากคว้าอันดับ 4 ในฟุตบอลโลกปี 2010 และคว้าแชมป์โคปา อเมริกาในปี 2011 หลายคนอาจคิดว่าการผ่านเข้ารอบสำหรับอุรุกวัยคงได้ข้อสรุปแน่แล้ว อย่างไรก็ตามหลังผลงานที่ขึ้นๆลงๆรวมถึงเสมอคาบ้านในการเจอกับเวเนซูเอล่า เอกวาดอร์และฟารากวัย แถมแพ้ให้กับโคลอมเบีย, อาร์เจนติน่าและโบลิเวียในการไปเยือนทำให้กลายเป็นเรื่องคาดเดาอะไรไม่ได้ แทน
สุดท้ายพวกเขาผ่านเพลย์ออฟไปแบบไม่ยากเย็น ทีมของออสการ์ ตาบาเรซก็หวังว่าจะลืมผลงานเหล่านั้นทิ้งไปและโฟกัสไปที่ความแข็งแกร่งของ ทีมแทนซึ่งในแดนหน้ามีทั้งหลุยส์ ซัวเรซและเอดินสัน คาวานี่ ขณะที่ดิเอโก้ ฟอร์ลันยังเป็นหอกมาประสบการณ์ไว้ใจได้ ส่วนกองกลางพวกเขามีคริสเตียน โรดริเกซของแอตฯ มาดริดช่วงเพิ่มความดุในเกมรุกและแนวรับก็ได้ดิเอโก้ ลูกาโน่ที่น่าจะยังเป็นหัวใจหลักให้กับทีมได้เหมือนเดิม
ตาบาเรซเองก็คงรู้สีกดีที่ยังได้ทำหน้าที่คุมทีมต่อไปในปีหน้าหลังหลายคนแนะ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนว่าพวกเขาต้องใช้ปาฏิหารย์ในการได้ตำแหน่งเพลย์ออฟ ตอนนี้พวกเขาก็ยังเป็นผู้ท้าชิงแชมป์อันดับรองๆลงมาได้อยู่
เอเชีย
ออสเตรเลีย
ผ่านเข้ารอบมายังไง : รองแชมป์รอบคัดเลือก
ผู้จัดการทีม : อันเก ปอสเตโคกลู
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 59
สถิติฟุตบอลโลก : รอบ 16 ทีมสุดท้าย(ปี 2006)
นักเตะคีย์แมน : ทิม เคฮิลล์
ออสเตรเลียจะปรากฏตัวในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นหนที่ 3 ติดต่อกันแต่เส้นทางสู่รอบบราซิลปี 2014 ไม่ได้ง่ายเหมือนที่ผ่านมาแล้วเพราะพวกเขาจบอันดับตามหลังญี่ปุ่นในโซน เอเชียหลังย้ายมาคัดกับโซนนี้ในช่วงหลัง แล้วผลงานพวกเขายังเคยพ่ายจอร์แดนมาแล้วเช่นเดียวกับรอบก่อนหน้าที่พ่าย โอมานมาเช่นกัน
ชัยชนะเหนืออิรัก 1-0 ที่ซิดนี่ย์ก็ทำให้พวกเขาได้ผ่านเข้ารอบเสียทีและในซัมเมอร์หน้าก็คงจะเป็น หนสุดท้ายของเหล่าแข้งประสบการณ์ภายในทีมกันแล้วโดยเป้าหมายของพวกเขาคือ ก้าวผ่านผลงานรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2006 ที่เยอรมนีไปให้ได้ อย่างไรก็ตามแค่ผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ตอนนี้พวกเขาก็ถือว่าน่าประทับใจแล้วสำ หรับอักเน ปอสเตโคกลูและลูกทีม
อิหร่าน
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มโซนเอเชีย
ผู้จัดการทีม : คาร์ลอส คีรอซ
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 45
สถิติฟุตบอลโลก : รอบแบ่งกลุ่ม
นักเตะคีย์แมน : จาวัด เนคูนัม
อดีตกุนซือของโปรคตุเกส, เรอัล มาดริดและอดีตมือขวาที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนนี้นำพาอิหร่านเข้าสู่ฟุึตบอลโลก 2014 หลังคว้าแชมป์กลุ่มเอได้สำเร็จ อิหร่านผ่านความพ่ายแพ้ต่ออิหร่านและอุซเบกิสถานมาในรอบแบ่งกลุ่มแต่ก็ยังจบ เป็นจ่าฝูงได้ด้วยชัยชนะเหนือเกาหลีใต้ 1-0 การันตีการเข้ารอบ
ก่อนหน้านี้อิหร่านเคยมีประสบการณ์เข้าถึงรอบสุดท้ายในปี 1978, 1998 และปี 2006 ซึ่งหมดจบลงเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่มแต่ในปี 1998 พวกเขาก็ฝากผลงานดังไว้นั่นคือการปราบอเมริกา ชัยชนะนั้นกลายเป็นชัยชนะเดียวของพวกเขาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายและคีรอซก็รู้ ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่มากกว่านั้นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังไงก็ตามพวกเขาถือเป็นหนึ่งในทีมเก่งในโซนเอเชีย
ญี่ปุ่น
ผ่านเข้ารอบมายังไง : แชมป์กลุ่มโซนเอเชีย
ผู้จัดการทีม : อัลแบร์โต้ ซัคเครโรนี่
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 48
สถิติฟุตบอลโลก : รอบ 16 ทีมสุดท้าย(ปี 2002, 2010)
นักเตะคีย์แมน : ชินจิ คากาวะ
ญี่ปุ่นกลายเป็นทีมแรกที่ตีตั๋วไปฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายก่อนใครเพื่อนหลังคว้าแชมป์กลุ่มบีในโซนเอเชียด้วยผลงานชนะ 5 เสมอ 2 และแพ้อีก 1 นัดพร้อมกับยิงได้ 16 ประตูเสียไปอีก 8 ลูก
ผลเสมอกับออสเตรเลียที่ไซตามะ 1-1 คือนัดที่ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบโดยเป็นเคสุเกะ ฮอนดะยิงจุดโทษในช่วงทดเจ็บจนได้ไปอาบแดดถึงแดนกาแฟจนได้ "ปลาดิบ"ถูกคนส่วนมากยกให้เป็นทีมที่ดีที่สุดในเอเชียไปแล้วเมื่อได้มาลุย ฟุตบอลโลกทุกหนนับตั้งแต่ปี 1998 และพวกเขาก็มาพร้อมกับความคาดหวังสูงไม่น้อย
อัลแบร์โต้ ซัคเครโรนี่นั้นพาทีมของเขาคว้าแชมป์เอเซียน คัพและอีสต์ เอเซียน คัพปี 2013 ด้วยแต่จากความพ่ายแพ้ 3 เกมรวดในศึกคอนเฟเดอเรชันส์ คัพเมื่อซัมเมอร์ทีผ่่านมาเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขายังมีอะไรให้ต้องปรับกัน อีกเยอะ
เกาหลีใต้
ผ่านเข้ารอบมายังไง : รองแชมป์กลุ่มเอโซนเอเชีย
ผู้จัดการทีม : ฮง มยอง โบ
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 54
สถิติฟุตบอลโลก : รอบรองชนะเลิศเลิศ(ปี 2002)
นักเตะคีย์แมน : ซน ฮึง มิน
เกาหลีใต้กำลังเตรียมตัวลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกันภายหลังจากเป็นอันดับสองตามหลังอิหร่านในรอบแบ่งกลุ่มเข้ามาแต่ก็ ใช่ว่าจะเป็นงานง่ายหลังพ่ายให้เลบานอนระหว่างทางทำให้ผ่านรอบที่สามมาแบบ ตะกุกตะกักจนสุดท้ายโช ควัง แรต้องตกจากเก้าอี้กุนซือ
ชเว คัง ฮีเข้ามารับช่วงต่อเมื่อทีมเข้าสู่รอบที่สี่และพวกเขาก็ต้องเจอกับงานยากอีก ครั้งหลังต้องไปพึ่งผลการแข่งขันคู่อื่นจนสุดท้ายแล้วก็ได้ไปลุยฟุตบอลโลกสม ใจและคัง ฮีก็ออกจากตำแหน่งไปเนื่องจากเขาอยากคุมทีมเพียงแค่นั้นอยู่แล้ว สุดท้ายฮง มยอง โบก็เข้ามารับหน้าที่ต่อในช่วงซัมเมอร์ ผลงานที่ดีที่สุดของพวกเขาคือการเป็นอันดับ 4 ในปี 2002 ที่เป็นเจ้าภาพร่วมและเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในปี 2010
คอนคาเคฟ
คอสตา ริก้า
ผ่านเข้ารอบมายังไง : อันดับ 2 โซนคอนคาเคฟ
ผู้จัดการทีม : ฮอร์เก้ หลุยส์ ปินโต้
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 31
สถิติฟุตบอลโลก : รอบ 16 ทีมสุดท้าย(ปี 1990)
นักเตะคีย์แมน : ไบรอัน รุยซ์
คอสตา ริก้าเดินตามหลังอเมริกาเข้ารอบในโซนคอนคาเคฟหลังเสมอกับจาไมก้าในเกมเมื่อ เดือนกันยายนที่ผ่านมาซึ่งก็เพียงพอที่จะส่งพวกเขาผ่านเข้ารอบต่อไปได้
แม้พวกเขาตามหลังเม็กซิโกเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสุดท้ายด้วยการเป็นรองฝูงตาม หลังเม็กซิโกมาแต่พวกเขาก็มาฟอร์มดีถูกช่วงจบอันดับสองชนะ 5 เสมอ 3 และแพ้ 2 เป็นการช่วยตีตั๋วไปบราซิล
ไบรอัน รุยซ์ของฟูแล่มและโจเอล แคมป์เบลล์ของอาร์เซน่อลที่ปล่อยให้โอลิมเปียกอสยืมตัวก็ได้แต่หวังว่าพวก เขาจะงัดฟอร์มอันน่าประทับใจออกมาให้ได้ชื่นชมกัน
ฮอนดูรัส
เข้ารอบมายังไง : อันดับ 3 คอนคาเคฟ
ผู้จัดการทีม : หลุยส์ เฟร์นานโด ซัวเรซ
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 41
สถิติฟุตบอลโลก : รอบแบ่งกลุ่ม
นักเตะคีย์แมน : วิลสัน ปาลาซิออส
ด้วยเม็กซิโกสร้างเซอร์ไพรสทำให้ตัวเองเจองานยากในคัดเลือกรอบสุดท้ายซะแบบ ไม่มีใครคาดเลยทำให้ฮอนดูรัสกรุยทางสู่อันดับ 3 อันดับสุดท้ายที่คว้าตั๋วเข้ารอบแบบอัตโนมัติของโซนคอนคาเคฟไปแทน
ชัยชนะเหนือเม็กซิโกในเดือนกันยายนเป็นผลการแข่งขันสำคัญและทำให้เกมสุดท้าย กับจาไมก้าพวกเขาต้องการเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น หนนี้ถือเป็นการไปลุยรอบสุดท้ายหนที่ 3 ของพวกเขาและด้วยการจอดป้ายเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่มสองหนก่อนหน้าทำให้พวกเขา หวังเอาไว้มากกว่านี้ การที่มีนักเตะที่โลดแล่นในพรีเมียร์ลีกอย่างเมย์เนอร์ ฟิคเกรัวกับวิลสัน ปาลาซิโออสอยู่ในทีมก็หวังว่าจะทำให้ทีมที่เจอต้องกลุ้มกันบ้าง
เม็กซิโก
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะเพลย์ออฟ
ผู้จัดการทีม : มิเกล เอร์เรร่า
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 20
สถิติฟุตบอลโลก : รอบก่อนรองชนะเลิศ(ปี 1970, 1986)
นักเตะคีย์แมน : โอริเบ เปราลต้า
เม็กซิโกกับผลงานในรอบคัดเลือกที่ผ่านมาเกือบไม่รอดเหมือนกัน การจบด้วยอันดับ 4 และเก็บได้แค่ 11 แต้มจาก 10 นัดทำให้พวกเขาพลาดการเข้ารอบแบบอัตโนมัติจนต้องมาเพลย์ออฟกับนิวซีแลนด์
ถึงแม้จะคว้าชัยชนะในการเพลย์ออฟได้แบบไม่ยากไม่เย็นพร้อมกับคว้าตั๋วสู่ บราซิลแต่ด้วยฟอร์มของพวกเขาในรอบก่อนหน้าทำให้เป็นที่กังวลกัน ซึ่งฟอร์มหนักถึงเคยเสมอกับจาไมก้าทีมบ๊วยกลุ่มในบ้านอีกต่างหาก
"จังโก้"ยังต้องพัฒนาตัวเองต่อไปหากพวกเขาอยากกลายเป็นทีมที่ก้าวขึ้นมาท้า ชิงอย่างจริงจังในฟุตบอลโลกปีหน้านั่นทำให้เอร์เรร่าต้องหันหน้าหาสตาร์ อย่างฮาเวร์ เอร์นานเดซ, โจวานนี่ ดอส ซานโตสและคาร์ลอส เวล่าคนที่เล่นได้ดีให้กับเรอัล โซเซียดาดแต่ยังไม่ได้ถูกเลือกให้ติดทีมเนื่องจากมีปัญหากับโค้ชคนก่อน
สหรัฐอเมริกา
ผ่านเข้ามายังไง : แชมป์กลุ่มโซนคอนคาเคฟ
ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คลินส์มันน์
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 14
สถิติฟุตบอลโลก : อันดับ 3(ปี 1930)
นักเตะคีย์แมน : แลนดอน โดโนแวน
ชัยชนะ 2-0 เหนือเม็กซิโกในรอบคัดเลือกโซนคอนคาเคฟกลายเป็นนัดที่ทำให้พวกเขาคว้าตั๋ว ลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2014 ได้สำเร็จโดยทีมของเจอร์เก้น คลินส์มันน์ชนะ 5 นัดเสมอ 1 และแพ้อีก 1 ในตอนนั้นเพียงพอให้พวกเขาไปบราซิลได้แล้ว
แลนดอน โดโนแวนเป็นหนึ่งคนที่ยิงประตูได้ในเกมเจอกับเม็กซิโกส่วนคลินท์ เด็มป์ซี่ย์เองก็เป็นนักเตะสำคัญของพวกเขาเหมือนกันช่วยยิงไปได้ถึง 8 ประตูในรอบคัดเลือกและพวกเขาหวังจะทำผลงานให้ดีกว่าก่อนหลังพ่ายให้กาน่าใน ช่วงต่อเวลารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010
แอฟริกา
ไนจีเรีย
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะรอบคัดเลือกรอบ 3
ผู้จัดการทีม : สเตเฟ่น เคชี่
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 36
สถิติฟุตบอลโลก : รอบ 16 ทีมสุดท้าย(ปี 1994, 1998)
นักเตะคีย์แมน : วิคเตอร์ โมเซส
ถึงแม้ไนจีเรียไร้พ่ายมาตลอดในรอบคัดเลือกแต่พวกเขาก็ยังมีปัญหากับเวลาเจอ ทีมที่เล็กกว่าโดยเสมอในบ้านกับเคนย่ารวมถึงไปเยือนมาลาวีกับนามิเบียก็ได้ แค่เสมอเหมือนกัน ปัญหาเด่นพวกเขาอยู่ที่การจบสกอร์เพราะทำได้เพียง 7 ลูกจาก 6 นัดในรอบแบ่งกลุ่มซึ่งแฟน"อินทรีมรกต"ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่นัก
เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้จบลงด้วยการเป็นดาวซัลโวของทีมยิง 3 นัดจาก 3 เกมรวมถึงสองประตูสำคัญในเกมที่พวกเขาเอาชนะเอธิโอเปีย 2-1 เกมเลกแรกก่อนนัดสองวิคเตอร์ โมเซสกับวิคเตอร์ โอบินน่าจะมาซัดคนละตุงให้พวกเขาตีตั๋วเข้ารอบไม่ต้องเจอความชอกช้ำเหมือนปี 2006 ที่ไม่ผ่านเข้ารอบ
ถึงแม้แดนหน้าของพวกเขาอาจจะผลงานไม่น่าประทับใจแต่แดนกลางของพวกเขาก็มี ทั้งโมเซสกับบราวน์ อิเดเย่ของดินาโม เคียฟคอยเป็นตัวป่วนให้และยังแข็งแกร่งในแดนหลังอีกจากที่เสียเพียงแค่ 3 ประตูเท่านั้นในรอบแบ่งกลุ่ม
ไอวอรี่ โคสต์
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะรอบคัดเลือกรอบ 3
ผู้จัดการทีม : ซาบรี้ ลามูชี่
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 17
สถิติฟุตบอลโลก : รอบแบ่งกลุ่ม
นักเตะคีย์แมน : ยาย่า ตูเร่
ไอวอรี่ โคสต์ตีตั๋วโกทูบราซิลได้น่าประทับใจหลังพวกเขาไม่แพ้ใครเลยตลอดเส้นทางโดย ยิงได้ถึง 19 ประตูไล่ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มจนถึงรอบคัดเลือกรอบที่ 3
หลายคนยกให้ทีมของซาบรี้ ลามูชี่มีขุมกำลังแดนหน้าที่น่ากลัวที่สุดโดยมีหัวหอกดีๆมากมายทั้งเซย์ดู ดุมเบีย, วิลฟรีด โบนี่, ซาโลมง กาลู, ลาซิน่า ตราโอเร่และดิดิเย่ร์ ดร็อกบาที่ยังแก่แต่เขา อดีตแข้งเชลซีคนนี้เล่นทีมชาติไปแล้ว 98 นัดและแน่นอนคงอยากฉลองเล่นครบ 100 นัดด้วยการพาทีมผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์
ยังไงก็ตามคีย์แมนของพวกเขาก็เป็นยาย่า ตูเร่มากกว่าซึ่งแฟนบอลต่างหวังให้ยาย่าจะกลายเป็นแกนหลักสำคัญให้กับ แดนกลางไม่ได้แข็งเท่าแดนหน้า โดยตูเร่พิสูจน์ให้เห็นแล้วในพรีเมียร์ลีกว่าเจ๋งแค่ไหนหลังเป็นได้ทั้งคน ที่เปิดเกมรุกและลงไปวิ่งไล่ช่วยเกมรับ นอกเหนือจากนี้พวกเขายังหวังให้แชร์วินโญ่ปีกหล่อเล็กจะโชว์ฟอร์มได้ดีต่อไป ในทัวร์นาเมนต์สำคัญปีหน้า
กาน่า
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะรอบคัดเลือกรอบ 3
ผู้จัดการทีม : อักวาซี่ อัปเปียห์
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 24
สถิติฟุตบอลโลก : รอบก่อนรองชนะเลิศ(ปี 2010)
นักเตะคีย์แมน : อซาโมอาห์ กียาน
ถึงแม้จะพลาดทำเหมือนกับทีมอื่นอย่างไนจีเรีย, แคเมอรูนและไอวอรี่ โคสต์ที่ไร้พ่ายไม่ได้แต่พวกเขาก็ทำประตูได้เยอะที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มที่ยิง ไป 18 ประตูมากสุดในบรรดาทุกทีมและก็ดีพอที่จะเข้าป้ายสู่รอบคัดเลือกรอบสุดท้าย
พวกเขามีแผงกองกลางที่ไม่ธรรมดาทั้งมิเชล เอสเซียงและซัลเล่ย์ มุนตารี่โดยยังมีเอ็มมานูเอล อักเยมัง-บาดูดาวรุ่งจากอูดิเนเซ่และควาดโว่ อซาโมอาห์เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2012 ของชาติที่ช่วยเสริมให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีกแล้วต้องอย่าลืมเควิน ปรินซ์-บัวเต็งด้วยอีกคนนึง
ปัญหาของพวกเขาคงไปอยู่ที่กองหลังซึ่งยังไม่ได้รับการพิสูจน์มากพอโดยกับราย ชื่อทีมปัจจุบันไม่มีนักเตะคนไหนเล่นในลีกใหญ่ๆของยุโรปเลย พวกเขายังโชว์ฟอร์มได้โอเคด้วยการเสียเพียงแค่ 6 ลูกตลอดเส้นทางแต่อาจเจอกับปัญหาได้หากเจอทีมที่ขุมกำลังกองหน้าโหดๆ
คีย์แมนของพวกเขาจะเป็นอซาโมอาห์อดีตกองหน้าซันเดอร์แลนด์ที่ตอนนี้เล่นให้ กับอัล-ไอน์ กัยานยิงไป 6 ลูกจาก 6 ประตูให้แสดงให้เห็นว่าทำไมเขาถึงเป็นกัปตันของ"ดาวดำ"เหนือเอสเซียง เขาจะยังมีตัวคอยซัพพอร์ตอย่างจอร์แดนและอังเดร อายิวสองพี่น้องจากโอลิมปิค มาร์กเซยด้วย
แอลจีเรีย
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะรอบคัดเลือกรอบ 3
ผู้จัดการทีม : วาฮิด ฮาลิลโฮดซิช
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 26
สถิติฟุตบอลโลก : รอบแบ่งกลุ่ม
นักเตะคีย์แมน : โซฟิยาน เฟกูลี่
แอลจีเรียผ่านเข้ารอบสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นหนที่ 4 สำเร็จและพวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าประมาทไม่ได้ซึ่งอังกฤษเคยสัมผัสมาแล้ว ในฟุตบอลโลก 2010 พวกเขาเสมอกันไป 0-0
ผลงานในรอบคัดเลือกรอบสองของพวกเขายิงได้ถึง 15 ประตูช่วยให้ยึดฝูงกลุ่มเอซสบายๆ ถึงแม้จะพ่ายมาลีไป 2-1 ก็ตาม แต่ในรอบสุดท้ายที่ต้องเล่นแบบเพลย์ออฟพวกเขาเจองานยากกว่าที่คิดเมื่อพ่าย ให้บูร์กิน่า ฟาโซไป 3-2 ในเกมนัดแรกก่อนนัดที่สองพวกเขาชนะ 1-0 และจบลงที่ตีตั๋วสู่ฟุตบอลโลกด้วยกฏอเวย์โกล์
แอลจีเรียชุดนี้ถือว่ามีนักเตะหลายคนที่ได้ไปโลดแล่นอยู่ในทวีปยุโรปแล้วโดย โด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นโซฟิยาน เฟกูลี่ปีกบาเลนเซียที่เคยตกเป็นข่าวกับอาร์เซน่ลอและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปีก่อนจากผลงานทั้งในลาลีก้าและแชมเปี้ยนส์ลีก นอกจากนี้ยังมีอิสลัม ซลีมานี่กองหน้าของสปอร์ติ้ง ลิสบอนที่ยิงไป 5 ตุงจาก 7 นัดกรุยทางเข้ามาได้และถึงแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนทีมจากแอฟริกาทีมอื่น แต่พวกเขาก็ดูไม่ใช่หมูให้เขี้ยวจั๊บๆๆแน่นอน
แคเมอรูน
ผ่านเข้ารอบมายังไง : ชนะรอบคัดเลือกรอบ 3
ผู้จัดการทีม : วอลเกอร์ ฟิงเก้
ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง : อันดับ 51
สถิติฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย : รอบก่อนรองชนะเลิศ(ปี 1990)
นักเตะคีย์แมน : ซามูเอล เอโต้
ถึงแม้อันดับฟีฟ่าของพวกเขาจะต่ำกว่าทีมอย่างหมู่เกาะเคป เวิร์ด แต่แคเมอรูนก็ยังมีนักเตะระดับท็อปของทวีปอยู่ในทีมไล่ตั้งแต่กองหลังโดยมี นักเตะนิโคล่าส์ เอ็นคูลูของมาร์กเซย, ฌ็อง-อาร์เมล-บิยิคของแรนส์และออเรเลียน เชดูของกาลาตาซาราย ขนาดเซบาสเตียน บาสซงของนอริชยังไม่ได้อยู่ในทีมชุดหลังๆถือว่าเป็นเรื่องน่าปวดหัวของโว ลเกอร์ ฟิงเก้เหมือนกัน
ในตำแหน่งมิดฟิลด์พวกเขามีอเล็กซ์ ซง, ฌ็อง มากูนและสเตฟาน เอ็มเบียที่น่าจะสร้างงานให้กับคู่แข่งในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ไม่น้อยใน การจะเอาชนะแดนกลางของทีม"หมอผี"ส่วนแดนหน้าก็แน่นอนว่ามีซามูเอล เอโต้คอยยืนกดดันแนวรับคู่แข่ง
ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่าเอโต้ตัดสินใจวางมือจากทีมชาติแต่สุดท้ายก็กลับมา ร่วมกับทีมอีกครั้งในรอบคัดเลือกรอบสามที่เจอกับตูนีเซียแล้วดูว่าพวกเขาคง ไม่เปลี่ยนใจอีกครั้งแน่เพื่อช่วยให้ทีมไปได้สวยที่บราซิล
นักเตะน่าจับตามอง
ถึงแม้ฟุตบอลโลกจะขาดสตาร์เช่นโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ซลาตัน อิบราฮิโมวิชหรือแกเร็ธ เบลไปแต่ก็ยังมีอีกมากมายที่ลิสต์รายชื่อกันไม่หวัดไม่ไหวจะไปปรากฏตัวกัน ที่บราซิล
ลิโอเนล เมสซี่, คริสติอาโน่ โรนัลโด้และฟรองค์ ริเบรี่ผู้ท้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ทั้งสามคนจะได้ไปลุยแน่นอนหากไม่มีอะไรผิด พลาด นอกเหนือจากนี้ก็มีอาร์เยน ร็อบเบนกับโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ที่เป็นตัวแทนของฮอลแลนด์
ส่วนอิตาลีก็มีกองกลางคนสำคัญอย่างอันเดรีย ปิร์โล่แต่ดาวเด่นประจำทีมอย่างมาริโอ บาโลเตลลี่ ทางเยอรมนีก็น่าจับตามองทั้งเมซุท โอซิลกับมาร์โก้ รอยส์ สเปนก็จะมีอันเดรส อิเนียสต้ากับชาบี้ เอร์นานเดซ นอกจากนี้เอดินสัน คาวานี่, หลุยส์ ซัวเรซและราดาเมล ฟัลเกาจะไปอยู่ที่โน่นด้วยเช่นกัน
รายชื่อเหล่านี้อาจจะคุ้นหูกันดีอยู่แล้วแต่มันยังไม่หมดยังมีทั้งยาย่า ตูเร่, ชินจิ คากาวะ, เคสุเกะ ฮอนดะหรือแม้แต่จอห์น โอบี มิเกล แค่นั้นยังไม่หมดทีมอย่างเบลเยี่ยมยังมีนักเตะจับตามองมากมายรอให้ติดตาม สุดท้ายฟุตบอลโลกแทบทุกครั้งก็จะมีดาวดวงใหม่เกิดขึ้นมาให้เรารู้จักได้เสมอ
แล้วการจับสลากล่ะจะเป็นยังไง?
คงได้เห็นทีมแต่ละโถไปแล้วแต่จะขอสรุปอีกทีนั่นคือโถ 1 จะเป็นทีมวางที่วัดจากฟีฟ่า แรงค์กิ้งของเดือนตุลาคมและบวกบราซิลเจ้าภาพเข้าไปอีกทีม
ในขณะที่โถ 2 จะเป็นทีมจากทวีปแอฟริกาทั้ง 5 ทีมมาผนวกกับอีก 2 ทีมจากโซนอเมริกาใต้ ตามมาด้วยโถ 3 จะเป็นตัวแทนจากโซนคอนคาเคฟทั้ง 4 ทีมบวกกับเอเชียอีก 4 ทีม
จบลงที่โถ 4 ที่จะมีทีมจากยุโรปมารวมตัวกันอยู่ในโถนี้ทั้งหมด 9 ทีมนั่นทำให้ทีมผู้โชคดีทีมนึงจะถูกจับโยกไปอยู่ในโถ 2 แทนเพื่อให้เท่ากันทุกโถ และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีทีมจากยุโรปอยู่กลุ่มเดียวกันเกิน 2 ทีม ทีมผู้โชคดีทีมนั้นก็จะได้เจอกับบราซิล, โคลอมเบีย, อาร์เจนติน่าหรืออุรุกวัยทีมใดทีมนึง
โถ 1 : บราซิล, อาร์เจนติน่า, โคลอมเบีย, อุรุกวัย, เบลเยี่ยม, เยอรมนี, สเปน, สวิตเซอร์แลนด์
โถ 2 : แอลจีเรีย, แคเมอรูน, ชิลี, ไอวอรี่ โคสต์, เอกวาดอร์, กาน่า, ไนจีเรีย
โถ 3 : ออสเตรเลีย, คอสตา ริก้า, ฮอนดูรัส, อิหร่าน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เม็กซิโก, สหรัฐอเมริกา
โถ 4 : บอสเนีย, โครเอเชีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, กรีซ, อิตาลี, ฮอลแลนด์, โปรตุเกส รัสเซีย
ด้วยการวางโถแบบนี้ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดกรุ๊ป ออฟ เดธน่าติดตามได้เฉกเช่นในข่าวที่ฟีฟ่าซ้อมจับสลากไปก่อนจนได้บราซิล, ฝรั่งเศส, อิตาลีและออสเตรเลียอยู่ในกลุ่มเดียวกัน อย่างไรก็ตามในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะได้รู้แล้วว่าของจริงนั้นเป็น ยังไง
0
Road to Brazil : 32 ทีมสุดท้ายสู่ฟุตบอลโลก 2014
Started by VETIVER, Dec 06 2013 04:56 PM
4 replies to this topic
#1
Posted 06 December 2013 - 04:56 PM
#2
Posted 06 December 2013 - 10:45 PM
ไกล้โดนจับแล้ว
#3
Posted 07 December 2013 - 02:30 PM
ฟุตบอลโลกนี่มันต้องกล่องอะไรนะครับ
#4
Posted 08 December 2013 - 10:28 PM
เวลาถ่ายสดนี่ประมาณกี่โมงบ้านเราน้ออออครับ ถามนิดนึง ฮาๆ
#5
Posted 11 December 2013 - 03:13 PM
ซัวเรสจะเอาฟันเฉาะหน้าผากเจิดละงานนี้