`

Jump to content





Walkthrough The Legend of Kyrandia Book Two : The Hand of Fate


4 replies to this topic

#1 rbgel

    <Թ ȡ>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 25 July 2010 - 10:12 PM

~Welcome to Just Adventure~


The Legend of Kyrandia Book Two

-The Hand of Fate-

"มหัศจรรย์ตำนานแห่งไคแรนเดีย บทที่ 2
ตอน หัตถ์แห่งโชคชะตา"


Posted Image


-DOSBox & ScummVM-


"If you like Adventure , you will also like"


Quote

+จากใจผู้เขียน+

+มาปิดท้ายไตราคบทสุดท้าย ด้วยาคต่อทรงคุณค่าของตำนานแห่งไคแรนเดียกันต่อค่ะ . . ซึ่งหลังจากสร้างชื่อได้พอสมควรจากาคแรกแล้ว ทางเวสต์วู้ดก็ไม่รอช้า บรรจงเข็นาค 2 ที่มีชื่อตอนสุดไฉไลว่า The Legend of Kyrandia Book Two : The Hand of Fate ออกมาเอาใจแฟนๆ ในปีต่อมาทันที (1993)

+และแน่นอนว่าคราวนี้ก็ยังลงครอบคลุมให้กับทั้ง 2 สื่อสุดฮิตในยุคนั้นอย่าง CD-ROM และ ฟลอปปีดิสก์เหมือนเช่นเคย . . ส่วนเวอร์ชั่นที่ผู้เขียนได้มาเล่นนั้น หึ.. หึ... ไม่ต้องบอก หลายๆ ท่านก็คงจะเดากันถูก ว่าย่อมเป็นฉบับแผ่นดิสก์ 3.5 กุ๊กกู๋ อย่างไม่ต้องสงสัย (55) . . เอาเป็นว่าอาบีจังหมดกับร้านเกม PC ไร้นาม ชั้นใต้ดิน ของเซ็นทรัล ลาดพร้าวไปไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวเชียวแหละ!!

+The Hand of Fate าคนี้ นอกจากจะมาพร้อมกับความจุที่มหาศาลกว่าเดิมแล้ว ทางผู้สร้างยังได้เพิ่มเติมระบบชูรสใหม่ๆ ลงไปในเกมอีกหลายต่อหลายอย่าง รวมทั้งยังลดความยุ่งยากในการดำเนินเรื่องบางช่วงลงด้วยค่ะ . .

+เชื่อว่าทางทีมงานคงจะได้บทเรียนมาจากเกมาคแรกพอสมควร ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดๆ เลยก็คือ ตั้งแต่ช่วงฉากเขาวงกตใต้ดินของแชปเตอร์สามเป็นต้นไป ตรงนี้ในจุดนั้นๆ หากผู้เล่นไม่ได้วาดแผนที่กันหลงเอาไว้ หรืออาศัยคู่มือเป็นแสงสว่างนำทาง มีหวังแฟนนุแฟนนาคงได้ของขึ้นหัวเสียกันไม่ใช่น้อย ด้วยเพราะความหิน และวกวนของดันเจี้ยนนั่นเอง ดีไม่ดี แทนที่จะสนุกสมความตั้งใจ อาจจะพาลเกลียดเกมนี้เข้าไส้ไปเลยด้วยซ้ำ!!

+สำหรับเกมาคใหม่นี้พัฒนาขึ้นกว่าต้นฉบับในทุกๆ ด้านค่ะ ที่เห็นกันได้ชัดๆ ชนิดโดดเด่นมาแต่ไกลเลยก็คือ คุณาพของกราฟิคที่สวยเนียนสดใสขึ้น และสร้างสรรค์งานอาร์ตดีไซน์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของฉากพรรณา หรือแต้มสีที่ใช้ก็ตาม . . ตรงนี้ต้องขอปรบมือให้กับความตั้งใจของผู้สร้าง ที่จงใจปรับแต่งเอน
จิ้นของเก่าเดิมที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีเลิศยิ่งขึ้นไปอีกจนถึงขีดสุด จนไม่สามารถพัฒนาให้ยอดเยี่ยมไปกว่านี้ได้อีกแล้วค่ะ

+แถมผู้สร้างยังเพิ่มเสน่ห์ใหม่ๆ มาปรุงแต่งให้เกมน่าสนใจ และดูมีอะไร!? มากยิ่งขึ้น ด้วยการหยิบยืมเทคโนโลยีเก๋ไก๋ในเวลานั้น อย่าง “โพลีกอน 3D” มาใช้กับเกมด้วย ซึ่งก็สามารถผสมผสานกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับงานศิลป์สวยๆ แบบ 2D ได้อย่างไม่น่าเชื่อ!? มาถึงตรงนี้ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความจุที่เพิ่มมาเป็นเท่าตัวนั้นน่ะ เค้าเอาไปทำอะไร!?

+งานอีกส่วนที่ไม่พูดถึงเลยเป็นไม่ได้นั่นคือ “ดนตรี และซาวนด์ประกอบ” ของเทพนิยายบทนี้ค่ะ ที่คราวนี้ทางผู้สร้างได้เน้นประพันธ์ดนตรีประกอบ ให้สร้างอารมณ์ร่วมกับผู้เล่นได้สนุก และอินยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม . . หลายๆ ธีมที่เลือกใช้ ล้วนบอกเล่าสาวะของตัวละคร และช่วยขับเน้นสาพแวดล้อมในโลกไคแรนเดียได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใดของเกมก็ตาม

+งานนี้ต้องขอยกความดีให้กับทีมงานทุกท่านนะคะ ที่บรรจงสร้างเกมดีๆ มาให้เราๆ ได้เล่นกัน . . เอาล่ะค่ะ เกริ่นมาก็เสียยืดยาว ได้เวลาออกเดินทางกันซะที ประตูโลกจินตนาการบานนี้เปิดรอท่านอยู่แล้ว!!

-Prolouge-

+หลังคืนความสงบสุขอยู่ได้ไม่นาน หายนะครั้งใหม่ก็มาเยือนไคแรนเดียอีกครั้งจนได้ เมื่อจอมเวทย์สาว “แซนเธีย” ได้พบว่าดินแดนทั่วอาณาจักรอันกว้างใหญ่ กำลังสูญสลายหายไปทีละน้อย ๆ ด้วยพลังอำนาจลึกลับไร้ขอบเขตที่ไม่อาจประมาณได้

+ซึ่งในการนี้ “หัตถ์จอมปราชญ์” ที่ปรึกษาสูงสุดของราชสำนัก ได้เสนอทางแก้วิบัติัยครั้งนี้ ด้วยการให้สมาคมส่งผู้กล้าไปตามหาสมอหินไร้คู่เปรียบ ของวิเศษล้ำค่าที่ซุกซ่อนอยู่ ณ ลึกสุดใจกลางโลก เพื่อใช้เยียวยามหานครไคแรนเดียก่อนที่จะสายเกินไป . . และแซนเธียก็คือผู้ถูกเลือกให้มาเป็นผู้กอบกู้คนสำคัญนั่นเอง!! การผจญัยครั้งใหญ่ของแม่มดสาว ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!

+รู้จักกับระบบเกมสักนิด+

+การควบคุมของเกมาคนี้ ก็ไม่ได้ต่างจากาคแรกค่ะ ด้วยทางเวสต์วู้ดได้ออกแบบให้เกมเน้นเล่นง่ายเข้าไว้ ดังนั้นพวกอินเตอร์เฟสแสนยุ่งยาก รกหน้าจอแบบเกมแอดเวนเจอร์ทั่วๆ ไป จึงไม่ปรากฏให้รำคาญใจในเกมชุดนี้อย่างแน่นอน

+ฉะนั้น จึงมั่นใจได้เลยว่า คุณๆ สามารถสั่งการให้ตัวเอกในเกมทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา เพียงแค่คลิกเม้าส์ซ้ายปุ่มเดียวเท่านั้นเองค่ะ . . นับว่าเป็นจุดเด่นหลักๆ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนของเกมตระกูลนี้เลยก็ว่าได้นะ

+การเก็บไอเท็ม และใช้ของ+

+หลักพื้นฐานสำหรับการเล่นเกมแอดเวนเจอร์ก็คือต้องงกไว้ก่อนค่ะ พูดง่ายๆ ก็คือตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเจออะไรตก หรือวางกองอยู่ที่พื้น ให้จัดการเก็บมาให้หมดเลยนะ เพราะเป็นไอเท็มที่จำเป็นต่อการดำเนินเรื่องแทบทั้งนั้น (แต่ของไร้ประโยชน์ก็มีไม่ใช่น้อยนะ)

+หนึ่งในข้อปรับปรุงที่น่าชมเชยของเกมาคนี้ก็คือ แซนเธียนั้นสามารถพกพาไอเท็มติดตัวไปได้มากถึง 20 ชิ้นทีเดียวค่ะ ต่างกับาคแรก ที่แบรนดอนสามารถเก็บได้เพียง 10 ชิ้นเท่านั้น . . โดยสรรพไอเท็มที่เก็บได้ตลอดทาง สามารถนำไปวางบนชั้นไม้ด้านล่าง (ในเมนูช่องเก็บของ) และสามารถเลื่อนชั้นเก็บได้อีก 2 แถว รวมทั้งหมดเป็น 20 ช่องพอดีค่ะ

+และหากไอเท็มชิ้นไหนไม่ใช้แล้ว หรือยังไม่จำเป็นในตอนนี้ เราสามารถวางทิ้งไว้ที่พื้นตามทางผ่านทั่วไปได้ค่ะ แต่วางได้จำกัดจำนวนต่อ 1 ฉากเท่านั้นนะ และหากต้องการใช้ ก็สามารถเดินกลับมาเก็บคืนได้ทุกเมื่อ จนกว่าจะตัดบทบังคับตามเนื้อเรื่องค่ะ . . ซึ่งตรงนี้ อาจจะถือเป็นระบบต้นแบบที่ทาง Capcom หยิบยืมไปต่อยอดอีกที กับเกมดังอย่าง Resident Evil Zero ในเวลาต่อมา ก็ได้จ้า

+ว่าด้วยเรื่องของหม้อปรุงยา และตำราเวทย์มนตร์+

+เนื่องจากแซนเธียเป็นทั้งจอมเวทย์ และนักเล่นแร่แปรธาตุในคราวเดียวกัน ดังนั้นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับเธอ ก็คือหม้อต้มยา และตำราเวทย์มนตร์ค่ะ ซึ่งไอเท็มทั้ง 2 อย่างนั้น มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้

ตำราเวทย์มนตร์ – เป็นหนังสือที่รวบรวมรายการของวัตถุดิบที่สำคัญในการปรุงยา อันนำมาซึ่งคาถาทรงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ซึ่งในช่วงแรกๆ นั้น จะยังมีไม่ครบทุกหน้า แต่สามารถเก็บเพิ่มเติม (หน้าที่ขาดหายไป) ได้ในช่วงหลังของเกมค่ะ

หม้อต้มยา – ใช้สำหรับปรุงยา โดยการใส่วัตถุดิบที่สำคัญ (จากตำราเวทย์มนตร์ ) ลงไป โดยหากไม่ใช้แล้ว หรือปรุงพลาดผิดขนาน สามารถดึงโซ่เหล็กข้างๆ เพื่อเทยาในหม้อทิ้งได้ค่ะ

+เซฟบ่อยๆ เข้าไว้ ช่วยผ่อนร้ายให้คลายเป็นดี+

+ข้อดีอีกจุดหนึ่งของเกมนี้ก็คือ เราสามารถเซฟได้ทุกที่ ทุกเวลา และอย่างไม่มีจำกัดเสียด้วยค่ะ ตรงนี้อาบีจังขอแนะนำว่า หมั่นเซฟให้บ่อยๆ เข้าไว้ เป็นการดีนะคะ และจะวิเศษมาก หากคุณแยกเซฟ และเซฟสลับไปกันค่ะ . . ด้วยเพราะเกมมีจุดอันตรายหลายจุดที่ผู้เล่นคาดไม่ถึง และมันสามารถนำัยมาให้กับแซนเธียได้อย่างไม่ต้องสงสัย ชนิดเผลอพลาดไปที เกมโอเวอร์เปล่าๆ ปลี้ๆ ไม่มีคอนตินิวแต่อย่างใดนะคะ

+ซึ่งหากเจอเหตุแบบนี้เข้า สิ่งที่พอจะช่วยยาใจได้ก็คือ เรียกเซฟล่าสุดขึ้นมาแก้ตัวใหม่ค่ะ . . แต่ก็เท่านั้น เพราะหากผู้เล่นไม่เคยเซฟเลย หรือเซฟไว้ก็ตั้งไกลมะโว้ ตรงนี้ก็คงต้องขอให้ยอมทำใจ เพราะคุณๆ ต้องไล่เล่นใหม่สถานเดียวค่ะ (ฮา)

-บทที่ 1 แม่มดสาว แห่งบึงรัตติกาลนิรันดร์-


Posted Image


+เกมจะเริ่มขึ้นมาที่กระท่อมของจอมเวทย์สาวแซนเธีย ผู้กำลังหัวเสียด้วยเพราะหม้อปรุงยา และตำราเวทย์มนตร์ของเธอถูกมือดีขโมยไปค่ะ . . ก่อนอื่น ให้หยิบ “ผลบลูเบอร์รี่ (Blueberry) ที่พื้น , “ขวดเปล่า” (Empty Flask) จากชั้นล่างสุดของตู้ไม้ และ “ขวดน้ำ” (Water) ที่ซ่อนอยู่ใต้พรม มาเก็บไว้ค่ะ แล้วออกไปข้างนอกได้เลย

+เก็บ “ผลบลูเบอร์รี่” อีกพวงที่ตกอยู่บนพื้น แล้วเดินขึ้นไปทางเหนือ 1 ฉาก

+ที่นี่คือท่าเรือ (Dock) ค่ะ ให้เก็บ “เห็ด” (Mushroom) ที่งอกอยู่ทางขวามา แล้วเดินไปต่อทางซ้าย

Posted Image


+จะเจอดงต้นไม้กินคน 2 ต้นยืนตระหง่านอยู่ (Weed Patch) ตรงนี้ให้สำรวจยังโพรงไม้ที่ถูกตัด แล้วจะเจอ “ตำราเวทย์มนตร์” ที่หายไปค่ะ . .

+จากนั้นขึ้นไปทางเหนืออีก 1 ฉาก จะเจอตาไม้ขนาดยักษ์ (Gnarlwood Tree) . . ให้เด็ด “กิ่งเล็กๆ” (Gnarlybark) ที่งอกทะลุดิน มาเก็บไว้ค่ะ แล้วเดินขึ้นเหนือไปอีก 1 ฉาก

+มาถึงจะเจอนายท่าเรือ “แฟร์รี่” จอมงก ที่เขาจะไม่ยอมให้เราโดยสารไป จนกว่าจะหาทองคำมาเป็นค่าจ้างค่ะ . .

Posted Image


+เดินไปทางขวา 2 ฉาก จะมาถึงยังทางเข้าถ้ำ (Cavern Entrance) ได้ และจะได้พบ “มาร์โก้” และ “หัตถ์จอมปราชญ์” สหายของเขาที่นี่ด้วย . . ให้เก็บ “หัวหอม” (Onion) ที่งอกอยู่มาเก็บไว้ แล้วกลับไปทางซ้าย 3 ฉาก

+จะมาถึงทาง 3 แยกของบึงทมิฬ (Dark swamp) ค่ะ ตรงนี้ให้สำรวจที่รังนกทางซ้ายมือ จะได้ “ขนนก” (Feather) มา แล้วเดินขึ้นเหนือไปเลย

Posted Image


+ที่นี่คือร้านขายสมุนไพรป่า (Herb’s Shack) ค่ะ . . ตรงนี้ให้เอาน้ำในขวดเทใส่ต้น Fireberry ก่อน แล้วค่อยหยิบผลมันมาค่ะ จากนั้นเดินเข้าไปในกระท่อมได้เลย

Note - ถ้าไม่ได้หยิบน้ำเปล่ามา ก็เอาขวดเปล่าตักน้ำในบึงมาราดใส่ต้น Fireberry แทนนะ

+คุยกับคุณกบเจ้าของร้านเสร็จแล้ว ให้หยิบ “ถุงปุ๋ย” (Plant Food) , “ม้านั่ง 3 ขา” (Furniture) และ “ขวดเปล่า” อีกใบจากหน้าเคาน์เตอร์มาเก็บไว้ค่ะ แล้วออกจากกระท่อมได้เลย

+เดินไปทางแยกซ้ายมือของบึงทมิฬ จะเจอบ่อทราบดูด (Quicksand BogX ค่ะ . . ให้เดินไปผลักต้นไม้ใหญ่ข้างหน้า แล้วใช้มันเดินข้ามไปเก็บ “กุญแจหัวกระโหลก” (Skeleton’s Key) จากมือลึกลับกลางบ่อมา

Posted Image


+จากนั้นเดินต่อไปทางซ้ายอีก 1 ฉาก จะมาโผล่ยังทะเลสาบขนาดเล็กได้ แต่ยังไม่ทันไร เราจะถูกขวางไว้โดยจระเข้พันธุ์เขื่องตัวหนึ่ง . . ตรงนี้ ให้เอาขนนกไปจั๊กกะจี๋มัน แล้วหมอจะเส้นตื้นจนร้องไห้ออกมาไม่หยุด ทีนี้ให้เอาขวดเปล่าไปรอง “น้ำตา” (Reptile Tears) มันมาเก็บไว้เลยค่ะ

+หันไปสำรวจยังโพรงไม้ด้านหลัง แล้วจะได้ “หม้อยา” ที่หายไปกลับคืนมา . . ใครนะ ช่างเอามาซ่อนได้!?

Posted Image


+เดินขึ้นเหนือไปอีก 1 ฉาก จะมาโผล่ยังบ่อน้ำพุร้อน (Hot Sulphur springs) ได้ค่ะ . . ให้เดินไปเก็บ “ผงกำมะถัน” (Sulphur) ที่มุมซ้ายบนมา แล้วเปิดตำราเวทย์มนต์ไปยังหน้าคาถา “Swampsnake Potion” ได้เลยค่ะ เราจะมาปรุงยาอสรพิษชายเลนกันแล้ว!!

+วิธีปรุงยา Swampsnake Potion ฉบับแม่หมอคนงาม+

1.เอาขวดเปล่า 1 ใบ ตักน้ำร้อนในบ่อมา แล้วนำไปเทใส่หม้อต้ม
2.นำม้านั่ง 3 ขา , หัวหอม , น้ำตาจระเข้ , กิ่ง Gnarlybark และผงกำมะถัน ใส่ตามลงไป
3.หากทำสำเร็จ จะได้น้ำยาสีเขียวสดมาค่ะ จากนั้นตักใส่ขวดเก็บไว้ 1 ใบ

Posted Image


+กลับไปยังหน้าถ้ำอีกครั้ง (ตรงที่เจอมาร์โก้) แต่ยังไม่ต้องเข้าไป ให้เดินลงมาทางใต้ก่อนค่ะ จะมาถึงยัง “ต้นหิ่งห้อยเรไร” (Firefly Tree) ได้

+เซฟไว้ก่อนสักนิดนะคะ แล้วนำผลบลูเบอร์รี่ไปป้อนให้ฝูงหิ่งห้อยกิน จากนั้นก็คอยจำตำแหน่งสีทั้ง 7* ที่มันจะขึ้นมาให้ดูดีๆ ค่ะ . . ตรงนี้มีโอกาส 2 ครั้งนะคะ เพราะยังมีผลบลูเบอร์รี่สำรองอยู่อีก 1 ลูก ซึ่งทางที่ดี ควรจะหากระดาษมาจดจะดีกว่า . . แต่หากไม่ทันจริงๆ ก็โหลดเซฟมาดูซ้ำใหม่ได้เรื่อยๆ นะ

Note - *ตรงนี้ เฉลยให้ไม่ได้ค่ะ เพราะเกมจะแรนด้อมทุกครั้งที่เล่น

Posted Image


+เดินเข้าไปนถ้ำ จะเจอหนูจอมกร่างขวางทางไว้ค่ะ ให้ใช้ “น้ำยาอสรพิษจำแลง” สำแดงเดชทันใด แล้วหมอจะตกใจกลัวจนเผ่นหนีป่าราบไปเลย (ฮา)

+เดินไปต่อทางขวา จะมาถึงยังชั้นในสุดของถ้ำแห่งความตาย (Dark Cavern) จนได้ค่ะ . . ตรงนี้ให้เราแก้ปริศนาด้วยการใส่รหัสสีที่เราได้มาจากต้นหิ่งห้อย กับซี่ฟันแต่ละซี่ ซึ่งตำแหน่งสีที่เรียงบนฟันนั้น มีดังนี้ค่ะ

[ฟันแถวบน] 1.เขียว 2.ม่วง 3.- 4.ส้ม
[ฟันแถวล่าง] 5.ฟ้า 6.แดง 7.เหลือง 8.น้ำเงิน

Posted Image


+เมื่อทำสำเร็จแล้ว ปากของกระโหลกยักษ์ก็จะเปิดออก เผยให้เห็นหีบสมบัติที่ซ่อนอยู่ข้างในค่ะ . . ให้ใช้กุญแจหัวกะโหลกไขเปิดหีบซะ แล้วจะได้ “แม่เหล็กแปรธาตุ” (Alchemist’s Magnet) มาค่ะ . . แต่อย่าเพิ่งไป ให้ลองค้นก้นหีบดูอีกครั้ง จะได้ “เนยเหลาเหย่” (Moldy Cheese) ติดมือมา 1 ชิ้นด้วยค่ะ

Note - แม่เหล็กแปรธาตุ สามารถใช้เปลี่ยนธาตุโลหะทุกชนิดให้เป็นทองคำได้ค่ะ และก็สามารถเปลี่ยนทองกลับไปเป็นธาตุดั้งเดิมของมันได้ด้วย เช่นกัน

+กลับไปยังสะพานที่อยู่หน้าถ้ำ (Natural Bridge) เอาเนยให้ชายแก่ชาวประมงไป แล้วหมอจะรีบถอนสมอ แจวเรือจากไปทันที (แถมทำเรือรั่วซะอีกแน่ะ)

Posted Image


+เดินลงมาทางใต้ กลับมายังดงต้นไม้กินคน (Weed Patch) จะพบมาร์โก้กำลังพลาดท่าให้ต้นไม้ขาใหญ่อยู่ค่ะ . . จัดการเอาปุ๋ยไปราดใส่ต้นไม้จอมตะกละ แล้วหมอจะหันไปเปรี้ยวใส่พวกเดียวกันแทนซะเลย (55)

+เดินไปยังท่าเรือทางขวา แล้วเก็บ “สมอเรือ” (Anchor) จากซากเรือของชาวประมงมาค่ะ

+เดินลงมาทางใต้ แล้วหยิบ “ซองจดหมาย” (Letter) จากหลังคากระท่อมของแซนเธียมาเก็บไว้ค่ะ

Posted Image


+กลับไปหานายท่าแฟร์รี่อีกครั้ง จะพบว่าเขากลายร่างเป็นมังกรไปแล้วค่ะ แถมยังเผลอพ่นไฟไหม้ใส่เรือของตัวเองอีกต่างหาก . . แฟร์รี่จะขอร้องให้เราช่วยตามหาจดหมายสำคัญ ทั้ง 4 ฉบับที่หายไป แล้วเขาจะยอมทำตามที่เราต้องการค่ะ

+เดินไปตามหาจดหมายที่เหลืออีก 3 ฉบับ ยังสถานที่ต่อไปนี้ อันได้แก่ ต้นหิ่งห้อย (Firefly Tree) , บ่อทรายดูด (Quicksand Bog) และบ่อน้ำพุร้อน (Hot sulphur springs) ค่ะ

Posted Image


+เมื่อได้จดหมายครบทั้ง 4 ฉบับแล้ว ให้นำกลับไปคืนให้แฟร์รี่ แล้วเขาจะพาเราขี่หลังเหิรฟ้า พาไปส่งยังเมืองต่อไปตามสัญญาค่ะ!!

-บทที่ 2 – ตะลอนชมบ้านไร่ ณ ชายทุ่ง-

+แฟร์รี่จะพาแซนเธียมาส่งได้แค่ลานทุ่งหญ้านอกชานเมืองค่ะ ด้วยเพราะสัมาระของแม่มดสาวนั้นอัดแน่นพะรุงพะรังมากเกินไป แม้จะตัดใจทิ้งไปเสียหลายอย่างแล้วก็ตาม ถึงกระนั้น.. ก็ยังหนักเกินพิกัดอยู่ดี ว่าแล้วแฟร์รี่ก็เลยหย่อนแซนเธียลงมาหล่นปุอยู่ ณ กองฟางของบ้านไร่ชายทุ่งแห่งนี้นี่เอง!!

Posted Image


+หลังจากจัดแจงแต่งสวยเสียใหม่แล้ว ให้หยิบ “จดหมาย” ที่ตกอยู่ข้างๆ มาเก็บไว้ แล้วไปสำรวจที่กองฟาง จะได้ “ขวดเปล่า” มา 1 ใบค่ะ (ที่เราทิ้งลงมาตอนอยู่บนฟ้านั่นแหละ) แล้วอย่าลืมเด็ด “ยอดข้าว” (Grain Stalks) ที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ รั้วทางขวามาด้วย จากนั้นเดินไปทางขวา 1 ฉาก

+จะมาโผล่ยังลานเดินหน้าประตูเมือง (Outside City Gate) ได้ค่ะ ทว่า 2 ยามตัวดีดันไม่ยอมให้เราผ่านเข้าไปซะนี่ . . ตอนนี้ให้กลับไปยังทุ่งหญ้า (Meadow) ที่เราตกลงมาก่อนค่ะ

Posted Image


+มาถึงแล้ว จะเจอคุณผีจอมเด๋อโผล่มาดักเปิ้บเรากลางวันแสกๆ แต่สาวมั่นอย่างแซนเธียก็หาได้กลัวเกรงไม่!? คุยกับเขาแล้ว จะรู้ว่าหมออยากได้ร่างเนื้อมาก เพราะจะได้ทำอะไรต่อมิอะไรได้ถนัดถนี่หน่อย ตรงนี้ให้เอาขวดมากักวิญญาณเขาไว้เลยค่ะ แล้วเดินลงมาทางใต้ 1 ฉาก

Posted Image


+ที่นี่คือโรงนาค่ะ เอาจดหมายส่งมอบให้กับมร.กรีนเบอร์รี่ ชาวไร่ใจดี แล้วเขาจะบอกสูตรผสมคัสตาร์ดชั้นยอดให้เป็นการตอบแทน แถมยังแนะนำวิธีผ่านยามเฝ้าประตูเมืองจอมเฮี๊ยบให้กับเราอีกต่างหาก ด้วยเพราะ 2 หน่อนั้นโปรดปรานแซนด์วิซเป็นที่สุด ชนิดเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมขนาดนั้นเลยเชียว!!

+คุยกับมร.กรีนเบอร์รี่จบแล้ว ให้หยิบ “น้ำส้มสายชู” (Vinegar) ที่วางอยู่บนชั้นไม้ด้านหลังมาเก็บไว้ แล้วเดินไปทางซ้าย 1 ฉาก

Posted Image


+มาถึงแล้ว จะเจอกังหันวิดน้ำขนาดใหญ่หยุดทำงานอยู่ค่ะ ให้หยิบสลักไม้ที่คั่นร่องบนสายพานออก แล้วโม่หินอันเขื่องก็จะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง . . จากนั้นให้เดินไปหมุนวาล์วเหล็กที่แกนกลางของท่อยาวเพื่อปล่อยน้ำซะ แล้วเดินกลับไปทางขวา 2 ฉาก

Posted Image


+ที่นี่คือทุ่งเกษตรกรรมค่ะ ให้เก็บ “แม่เหล็กแปรธาตุ” คืนมา แล้วเดินไปยกฝักบัวรูปงวงช้างมารดใส่แปลงเกษตร แล้วพืชผลที่ปลูกอยู่ก็จะงอกเงยขึ้นมา ให้เก็บมาทั้ง “ผักกาดหอม” (Lettuce) และ “หัวไชเท้าแดง” (Radish) เลยค่ะ

+จัดการเอาขวดกักวิญญาณคุณผีจอมซนไปใช้กับหุ่นไล่กา แล้วหมอจะดีใจที่มีร่างในที่สุด ก่อนจะวิ่งหนีจากไปด้วยความสำราญใจ

+กลับไปยังโรงนาอีกครั้ง แล้วจะเจอเรื่องวุ่นๆ ของหุ่นไล่กาจอมแสบ กับเจ้าของไร่อย่างมร.กรีนเบอร์รี่ ซึ่งหลังจากเคลียร์ผลประโยชน์กันได้ไม่ลงตัว ารกิจตามไล่ไถ่บัญชีแค้นก็บังเกิดขึ้นทันใด (ฮา)

Posted Image


+หลังจากเจ้าบ้านไม่อยู่แล้ว ให้หยิบ “ชามน้ำสีน้ำเงิน” (Water Bowl) ของมังกรแดงมา แล้วมันจะร้องไห้ที่ถูกแย่งของรักไปค่ะ . . จากนั้นให้เดินลงไปยังห้องเก็บของชั้นใต้ดิน (Cellar) ทางซ้ายมือได้เลย

Note - *วิธีเก็บน้ำตามังกรแบบง่ายๆ ก็แค่นำชามไปวางคืนที่เดิม แล้วแฮ๊บกลับมาอีกรอบ พอเจ้ามังกรเริ่มร้องไห้แล้ว เราก็จัดการตักน้ำตามาเก็บไว้ค่ะ

+มาถึงแล้ว ให้หยิบ “เกือกม้า” (Horseshoe) ที่วางอยู่บนชั้นมา 2 อัน (เลือกเอาเฉพาะรูปตัว U นะ) แล้วอย่าลืมเก็บ “กรรไกรเหล็ก” (Shears) ที่แขวนอยู่ข้างๆ กันมาด้วย

+กลับไปยังทุ่งหญ้าอีกครั้ง แล้วเอาขวดเปล่าไปรีดนม (Milk) จากแม่แกะมา แล้วใช้กรรไกรตัดขน (Wool) มันมาซะด้วย

+นำนมสดไปเทใส่เครื่องทำเนยในห้องใต้ดินของโรงนา แล้วโยกคันกระเดื่องซะ ก็จะได้เนยแข็ง (Cheese) มา 1 ชิ้น

+กลับไปยังกังหันวิดน้ำ (Water Wheel) อีกครั้ง จัดการเอาเกือกม้าไปจี้ใส่กระไสไฟฟ้าข้างๆ โม่หิน แล้วจะได้ “แม่เหล็กเกือกม้า” (Magnet) มาแทนค่ะ . . เอาล่ะ ตอนนี้กางตำราเวทย์มนต์ขึ้นมาได้เลย ถึงเวลาปรุงรสแซนด์วิชชวนชิมกันแล้ว!!

+วิธีปรุงยา Sandwish Spell ฉบับแม่หมอผู้เลอโฉม+

1.นำหัวไชเท้าแดงไปหย่อนให้โม่หินบดจนละเอียด แล้วใช้ชามสีนำเงินตักหัวไชเท้าบดมา
2.เหยาะน้ำส้มสายชูใส่ลงไป แล้วจะได้ “มัสตาร์ด” มาแทน
3.เทมัสตาร์ดใส่หม้อยา
4.นำยอดข้าวไปหย่อนให้โม่หินบดจนละเอียด แล้วใช้ชามสีนำเงินตักข้าวสาลีบดมา
5.เทข้าวบด , ผักกาดหอม และเนยแข็งตามลงไป ก็จะได้น้ำยาแซนด์วิชสีส้มมา

+ใช้ขวดเปล่าตักน้ำยาแซนด์วิชในหม้อมา แล้วกดใช้กับตัวแซนเธีย ซึ่งเธอจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นแซนด์วิชจริงๆ ได้ 1 ชิ้นค่ะ

+กลับไปยังโรงนาอีกครั้ง เอาชามไปวางคืนให้เจ้ามังกร แล้วแฮ๊บกลับมาอีกรอบ ทีนี้พอมันเริ่มร้องไห้โยเยแล้ว เราก็จัดการตักน้ำตามาเก็บไว้ได้อย่างสบายๆ

+นำแซนด์วิชกลับไปมอบให้ 2 ยามเจ้าปัญหาที่ลานหน้าประตูเมือง แล้วหมอจะทะเลาะกันเอง จนยอมปล่อยให้เราลอบเข้าไปข้างในได้ในที่สุด (ฮา)

Edited by rbgel, 30 July 2010 - 11:25 AM.


#2 MoDiFy

    Old SuanKuLarB 122

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10860 posts
  • Gender:Male
  • Location:Bkk, Thailand

Posted 25 July 2010 - 10:18 PM

คั่นคร้าบ :cat_dance:

#3 rbgel

    <Թ ȡ>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 25 July 2010 - 10:20 PM

-บทที่ 3 – ตั๋วเรือท่องวารี แห่งเมืองท่ามหามัจฉา-

+ที่ลานหน้าัตตาคารใต้ต้นไม้ (Inside City gate) ให้หยิบ “กิ่งไม้” (Stick) ที่อุดปากม้าน้ำจากบ่อน้ำพุมาเก็บไว้ แล้วเดินขึ้นตรอกเล็กๆ ทางเหนือไปเลยค่ะ

Posted Image


+จะมาถึงยังโรงเตี๊ยมมังกรเมา (Drunk Dragon Inn) ได้ แต่การจะเข้าไปได้นั้น จะต้องแก้ปริศนาประตูกลซะก่อน ซึ่งวิธีเล่นก็เหมือนกับมินิเกมกดรหัสสี*จากบทแรกนั่นแหละค่ะ แต่ถ้าอยากผ่านแบบสบายๆ เอากรรไกรเหล็กจากโรงนามางัดเข้าไปก็ได้นะ (ฮา)

Note - ถ้าเลือกแก้ปริศนา ใช้ไกด์รหัสสีของต้นหิ่งห้อยจากบทแรกได้เลยนะคะ คำตอบเหมือนกัน แค่สลับโจทย์กันเท่านั้นเอง!!

+เข้ามาข้างในแล้วจะเจอพวกกะลาสีขาใหญ่นั่งก๊งอยู่เต็มเลยค่ะ ซึ่งตอนนี้ในร้านกำลังเริ่มพิธีกล่าวสุนทรพจน์ของชาวเลกันอยู่ โดยมีกระทาชายนายเจี๋ยมเจี้ยมคนหนึ่งกำลังด้นคำอวยด้วยความตั้งใจเหลือกำลัง

+ก่อนอื่นให้หยิบ “เหยือกเบียร์” (Mug) ที่วางอยู่บนโต๊ะมาเก็บไว้ แล้วนำมันไปเติมเบียร์จากถังไม้ที่แขวนอยู่ทางขวา

Posted Image


+จากนั้นลองพยายามกลับออกไปนอกร้านดู แต่จะถูกนกแก้วที่เฝ้าประตูอยู่ห้ามไว้ ด้วยเพราะทุกคนกำลังเข้าร่วมพิธีร่ายบทกวีของชาวสลัดอยู่ ซึ่งในระหว่างนี้จะไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไปนอกพิธีงานได้ค่ะ . . ทีนี้พอขาใหญ่โต๊ะข้างๆ ได้ยินเข้า ก็เลยยุให้แซนเธียขึ้นไปร่วมอวยกับเค้าด้วยซะเลย เอาล่ะสิ!?

+พอหนุ่มเด๋อด้นกลอนสดจบแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาเรามั่ง . . ให้ขึ้นไปยืนที่แท่นบรรยายได้เลยค่ะ แล้วแซนเธียก็จะแสดงไหวพริบของความเป็นผู้หญิงสวยใสแต่ไม่ไร้สมอง ร่ายโวหาร (จำเป็น) ให้ทุกคนได้อึ้งไปตามๆ กัน ผลก็คือชาวคณะพากันชอบอกชอบใจ แถมปรบมือให้กึกก้องกว่าใครๆ เขาเสียด้วยสิ (ฮ่า)

Posted Image


+จบความแล้วให้เดินออกจากร้าน แล้วรีบกลับเข้าไปใหม่ทันทีเลยค่ะ แต่ทว่า. . บรรดาแขกเหรื่อทั่วทั้งร้านตอนนี้ กำลังเมามันม่วนฟัดกันอย่างชุลมุนชุลเกไปหมดแล้ว!!

+ให้เดินไปคุยกับพี่สลัดหัวกลมคนซ้ายที่กำลังโมโหตุปัดตุเป๋อยู่ 2 ครั้ง แล้วตะแกจะทำฟันปลอมทองหล่นลงมา . . จังหวะนี้ให้รีบกดใช้แม่เหล็กแปรธาตุกับฟันทองทันที แล้วมันจะกลายเป็น “ฟันตะกั่ว” (Lead Tooth) ให้เราเก็บได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้หากทำไม่ทัน ก็สามารถกดคุยใหม่ได้เรื่อยๆ นะคะ

Posted Image


+กลับไปยังกังหันวิดน้ำ แล้วเอาฟันตะกั่วไปวางให้โม่หินทับจนแบนแต๊ดแต๋ ก่อนจะกลายเป็นเหรียญตะกั่วบุโรทั่งในที่สุด . . ตรงนี้ให้นำแม่เหล็กแปรธาตุมากดใช้อีกครั้ง แล้วเหรียญตะกั่วไร้ราคาก็จะกลับคืนมาเป็น “เหรียญทอง” (Gold Piece) ล้ำค่าได้ดังเดิมค่ะ

+ซึ่งจำนวนเหรียญทองคำที่เราต้องการนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 เหรียญค่ะ ฉะนั้นตรงนี้ให้วนทำซ้ำขั้นตอนเดิมจนกว่าจะสะสมเหรียญได้ครบ ก่อนจะดำเนินเรื่องต่อไปนะคะ

+จากนั้นให้กลับไปยังหน้าโรงนาอีกครั้ง เอาชามสีน้ำเงินไปวางคืนให้มังกร แล้วชิงกลับมาครองไว้เหมือนเดิม (55) พอมันเริ่มร้องไห้แล้ว เราก็จัดแจงตักน้ำตาของมันมาเก็บไว้ซะเลย (^ ^)

Posted Image


+หลังจากรวบรวมของที่จำเป็นได้ครบหมดแล้ว ให้เดินไปทางขวาของลานหน้าัตตาคารใต้ต้นไม้ จะมาโผล่ยังสามแยก (Street) ของเมืองท่าแห่งนี้ได้ค่ะ . . ซึ่งบริเวณนี้จะเจอชิ้นส่วนไอเท็มที่สำคัญคือขวดเปล่า และเศษหน้าตำราเวทย์ (Parchment) ที่หายไปกลับคืนมาด้วยนะคะ . . และพอเรานำกลับไปคืนเข้าเล่มดังเดิม ก็จะได้คาถาอีก 2 บทเพิ่มขึ้นมา นั่นคือน้ำยางวยงง “Trance Potion” และน้ำยาหมีน้อยมหารัญจวน “Teddy Bear Potion” ค่ะ

Posted Image


+ก่อนอื่นให้เลือกไปยังทางแยกมุมบนขวาก่อน จะมาโผล่ยังช่องแคบของผาสมุทร (Gorge) ได้ . . ตรงนี้ให้เก็บ “โคลน” (Mud) หน้าเทวรูปกระต่ายขึ้นมา แล้วนำมันไปกดปั๊มกับขาซ้ายของเทวรูป แล้วจะได้ “รอยสลักตีนกระต่าย” (Mud Footprint) มาค่ะ

Posted Image


+จากนั้นให้เดินขึ้นเหนือต่อไปจนพบกับทางขาดในที่สุด วิธีผ่านคือให้นำกิ่งไม้ (จากบ่อน้ำพุม้าน้ำ) เอี้ยวไปเกี่ยวกับเถาวัลย์ที่ห้อยอยู่ เพื่อใช้โหนตัวข้ามไปค่ะ . . ไม่งั้นจะตกลงไปตายทันทีนะ

Posted Image


+พอข้ามมาได้ ก็จะมาถึงยัง “เทวาคารแห่งความศังกา” (Altar of Doubt) ในที่สุด และแล้วบัดนี้ก็ได้เวลาปรุงยามหามนต์กันอีกครั้งแล้ว ซึ่งคาถาที่เราจะร่ายกันในครั้งนี้ มีชื่อว่า “น้ำยาสนเท่ห์” (Skeptic Potion) ค่ะ

+วิธีปรุงยา Skeptic Potion ฉบับคลายความแคลงใจ+

1.รินเบียร์สดใส่ชามสีน้ำเงิน แล้วพักไว้
2.ผสมน้ำส้มสายชูตามลงไป จะได้ซอสเปรี้ยว-หวานมาแทน
3.นำซอสเปรี้ยว-หวานเทใส่หม้อยา แล้วพักไว้
4.นำแม่เหล็กเกือกม้ารูปตัว U (หันขึ้น) , น้ำตามังกร และรอยสลักตีนกระต่าย ใส่ตามลงไป แล้วจะได้น้ำยาสีม่วงมา

+ใช้ขวดเปล่าตักน้ำยาสนเท่ห์ในหม้อมาเก็บไว้ 2 ขวด จากนั้นนำขวดน้ำยาทั้งสองไปวางยังแท่นบูชาของวิหาร แล้วอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของเทวาคารก็จะช่วยดลบันดาลให้คาถาของแซนเธียสมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ . . ซึ่งตรงนี้จริงๆ แล้วจะต้องใช้น้ำยาถึง 3 ขวดด้วยกัน คาถาจึงจะสัมฤทธิ์ผล แต่เดี๋ยวค่อยกลับมาทำขวดที่ 3 ในายหลังก็ได้ค่ะ

Note - วิธีสังเกตน้ำยาสนเท่ห์ที่สมบูรณ์ก็คือ พื้นผิวของตัวขวดจะเงางามใสปิ๊งตลอดเวลาจ้า

+นำน้ำยาสนเท่ห์ไปใช้กับผู้คุมที่เฝ้าทวารเรือนจำมหามัจฉาที่สามแยกกลางเมือง แล้วเขาจะไม่ขัดขวางเราอีกต่อไป . . แต่ก่อนจะเข้าไปข้างใน ลองสังเกตดูที่ผิวน้ำด้านล่างดีๆ จะเห็นว่ามีแสงระยิบระยับอยู่ด้วย ตรงนี้ให้นำแม่เหล็กมาดูดเก็บขึ้นมาเลยค่ะ แล้วเราจะได้ “กุญแจเรือนจำ” มาอย่างง่ายดาย

Posted Image


+เข้าไปข้างใน จะพบมาร์โก้ถูกตรวนอยู่ ซึ่งเขาก็จะบอกว่าถูกใครบางคนแพ่นกบาลเข้าให้โดยไม่รู้ตัว และพอมารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็ถูกจับมาอยู่ที่นี่ซะแล้ว!? . . ให้ลองนำกุญแจที่เพิ่งได้มา ไปไขเปิดประตูกรงช่วยมาร์โก้ แต่จู่ๆ ตาผู้คุมจอมป่วนก็ปราดเข้ามาแย่งกุญแจไปจากมือดื้อๆ แถมยังกระชากลากถูแซนเธียไปยัดเข้าซังเตได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะจากไปอย่างสบายอารมณ์!?

+อย่าเพิ่งหัวเสีย ให้ลองคลิกสำรวจที่กองผ้าเก่าๆ ด้านหลังคุกดู 2-3 ครั้ง แล้วจะเจอเชือกกู้ชีวิตค่ะ ซึ่งพอมาร์โก้เห็นเข้า ก็เลยให้ตะขอเรามาผูกต่อกันเป็น “เชือกตะขอ” ในที่สุด (^ ^)

+พยายามเอาเชือกตะขอเลาะไปเกี่ยวกุญแจที่แขวนอยู่ข้างๆ หน้าต่าง แต่ว่าผู้คุมตัวดีก็รู้ทัน (อีกแล้ว) เพราะหมอรี่เข้ามาโยนกุญแจไปให้เป็นอาหารปลาอย่างเร็วไว . . อะไรกันนี่!?

+ทางเลือกสุดท้ายแล้วค่ะ ให้กดใช้เชือกตะขอกับหน้าต่าง แล้วเจ้าปลาจอมตะกละก็จะแจ้นขึ้นมาคาบเหยื่ออย่างว่องไวตามคาด . . ส่วนผลน่ะเหรอ!? หมอก็ถูกแม่มดสาวของเราหวดโด่งละลิ่วไปไกล แถมยังชิงกุญแจคุกคืนมาได้อย่างง่ายดายแทนน่ะซี๊ (55)

+เอากุญแจไขเปิดประตูคุกออก พร้อมกับช่วยมาร์โก้ออกมา ซึ่งเขาก็จะขอตัวไปตามหาเจ้ามือยักษ์เพื่อนซี้ต่อค่ะ . . ส่วนแซนเธียของเราก็กลับมามุ่งมั่นกับารกิจกู้โลกต่อไป

+นำขวดเปล่าตักน้ำยาสนเท่ห์ในหม้อมา แล้วกลับไปวางยังแท่นบูชาที่เทวาคารอีกครั้ง . . จากนั้นให้กลับไปยังลานหน้าัตตาคารใต้ต้นไม้ แล้วเข้าไปข้างในได้เลย

Posted Image


+นำน้ำยาสนเท่ห์ไปใช้กับเสมียน แล้วเขาจะยอมออกตั๋วเรือให้กับเราค่ะ แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องนำเหรียญทองคำ 3 เหรียญมาแลกเสียก่อนนะ ซึ่งตอนนี้เราก็มีครบแล้ว ให้มอบให้เขาไปเลยค่ะ แค่นี้ก็จะได้ “ตั๋วเรือ” (Voucher) มาสมใจ

Posted Image


+กลับไปยังสามแยกหน้าเรือนจำมัจฉา แต่คราวนี้ให้เลือกไปทางขวาล่างของจอแทน ก็จะมาถึงยัง “ท่าเรือ” (Wharf) ได้ค่ะ . . ก่อนอื่นให้ใช้น้ำยาสนเท่ห์โปรยใส่กัปตันหนวดงามซะก่อน แล้วค่อยแสดงตั๋วเรือให้เขาดู ตะแกถึงจะยอมให้เราโดยสารไปด้วยแต่โดยดีค่ะ (เฮ)

Posted Image


+ระหว่างกำลังท่องสมุทรอยู่นั้นเอง ให้นำ “แม่เหล็ก” ไปหย่อนใส่กองเชือกที่อยู่ใกล้ๆ กับแป้นคุมหางเสือ แล้วทีนี้เรือจะสามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่ต้องมีคนควบคุม เพื่อมุ่งสู่ดินแดนที่สาบสูญ นั่นก็คือธรณีแห่งไฟกัลป์ หรือ “Volcania” นั่นเองค่ะ!!

Posted Image


+ซึ่งกว่าบรรดาพวกลูกเรือจะรู้ตัวว่ามาถึงยัง Volcania ไปเรียบร้อยก็สายไปเสียแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปตามๆ กัน พวกจึงอาศัยช่วงชุลมุนเฮโลจับจอมเวทย์สาวทิ้งทุ่นลงน้ำอย่างไม่ไยดี ก่อนจะคัดท้ายเปิดแน่บไปอย่างเร็วไว ทิ้งให้แซนเธียผู้น่าสงสารต้องว่ายน้ำป๋อมแป๋มไปขึ้นฝั่งแห่ง Volcania ตามลำพัง . . ชะตากรรมของผู้กล้าสาวจะเป็นเช่นไร!?

-บทที่ 4 – ทัศนาโลกหล้า ฝ่าลาวาปะทุนรก-

+หลังจากจัดแจงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้ว แซนเธียจะพบว่าข้าวของทั้งหมดที่สู้เก็บสะสมมา ร่วงหล่นลงไปพร้อมกับสายน้ำเรียบร้อยแล้ว (T_T) แต่นับว่ายังดีที่แม่เหล็กแปรธาตุไม่ได้หายไปด้วยค่ะ . .

Posted Image


+ซึ่งที่ Volcania แห่งนี้เองก็คือดินแดนแห่งูเขาไฟสมชื่อนั่นล่ะค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมต้องมีหินหนืดที่ถูกหลอมเหลวด้วยความดัน และอุณหูมิสูงจากใต้โลกปะทุขึ้นมาเป็นระยะๆ . . เพราะฉะนั้นการเดินเหินในดินแดนแห่งนี้ต้องระมัดระวังอย่างมากเลยค่ะ เพราะหากพลาดเดินไปเหยียบบ่อลาวาเข้าจังๆ นี่รับรองว่าจอดแบบไม่ต้องสวดเลยนะ

+จากชายฝั่ง ให้เดินไปทางซ้าย 1 ฉาก แล้วเก็บ “ก้อนหิน” (Heavy Rock) กับ “กิ่งไม้” (Stick) ที่ตกอยู่มาค่ะ แล้วเดินกลับไปทางขวาผ่านชายหาดไปเรื่อยๆ จนมาถึงยังจุดที่มี 2 ลุงป้าตั้งโต๊ะประชาสัมพันธ์อยู่ค่ะ

+สอบถามถึงวิธีลงไปยังใต้พิพกับคุณป้าพีอาร์ แล้วเธอจะให้ “ก้านขนนก” (Quill) เรามา 1 เส้นค่ะ พร้อมกันนี้อย่าลืมเก็บ “ขวดเปล่า” กับ “ก้อนหิน” ที่ตกอยู่มาด้วยนะ แล้วมุ่งหน้าไปทางขวาต่อไป

Posted Image


+ในที่สุดแซนเธียก็มาถึงยังร่องลม (Vent) จากใต้โลกจนได้ ซึ่งเราจะใช้เจ้าช่องลับแห่งนี้ล่ะค่ะในการเดินทางสู่โลกใต้พิพ เพื่อเสาะหาสมอหินไร้คู่เปรียบต่อไป เพราะงั้นอย่ามัวรอช้า กระโดดลงไปอย่างเร็วไวโดยพลัน!!

Posted Image


+หลังจากรู้สึกตัวอีกที ตอนนี้เราจะหล่นปุลงมาอยู่ ณ โพรงหินหลอมเหลวใต้พิพ “Lava Cavern” แล้วค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าข้าวของอะไรๆ ก็หล่นหายไปตามคาด (ฮ่า) เพราะงั้นสิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ ไปหาตามของที่หายไปกลับคืนมาเสียก่อนนะ

+ที่หน้าจอแห่งแรกนี้ ให้เก็บ “ก้อนหิน” ที่ตกอยู่มาก่อนค่ะ จากนั้นเอาก้อนหินไปอุดยังช่องลมเล็กๆ (Vent) ไว้ แล้วเดินไปทางซ้าย 1 ฉาก

+ที่ฉากนี้ แซนเธียจะพบกับบ่อลาวาขนาดใหญ่ และประตูสู่ห้องแห่งความลับค่ะ แต่ทว่า.. ดันมีเจ้ายักษ์สามเขา “ไทรเซอราทอปส์” พิทักษ์อยู่ด้วยนี่น่ะสิ!? . . ตรงนี้ให้หยิบ”ก้อนหิน” กับ “ขวดเปล่า” มาเก็บไว้ก่อน จากนั้นเอาก้อนหินอุดที่ช่องลมเล็กๆ ไว้ แล้วกลับไปทางขวา 2 ฉากค่ะ

+ที่นี่ แม่มดสาวจะพบจอมโหดทรราช “ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์” เฝ้าอยู่ข้างล่างเช่นกัน แต่ยังไม่ต้องสนใจค่ะ ให้หยิบ “กิ่งไม้” และ “ก้อนหิน” มาเก็บไว้ แล้วเดินไปทางขวาต่อไป

Posted Image


+ณ สุดทางอสรพิษแห่งนี้ เราจะพบกับสองช่องลมร้อนยังใจกลางบ่อลาวาค่ะ พร้อมกับเจอกิ้งก่ามุงกระเบื้องอย่าง “สเตโกซอรัส” เฝ้าอยู่ด้วย แต่ดูท่ามันจะไม่ดุร้ายสักเท่าไรนะ เผลอๆ อาจจะใจดีขี้เล่นเสียด้วยซ้ำไป . . ตรงนี้ลองทดสอบดูด้วยการปากิ่งไม้ไปให้มันเลยค่ะ ผลปรากฏว่ามันแจ้นไปคาบกลับมาส่งคืนให้แซนเธียซะงั้น (!?)

+แหม หลงกลัวไปตั้งนาน เพิ่งรู้ว่าที่แท้ก็หมาน้อยธรรมดาดีๆ นี่เอง (ฮ่า) คราวนี้ลองปากิ่งไม้ยั่วดูอีกรอบ แต่จริงๆ แล้วแซนเธียจะแกล้งอำหลอกไว้ ทำเป็นปาวืดเข้าให้ ซึ่งมันก็จะเผลอวิ่งไปตามสัญชาตญาณเหมือนเช่นเคย . . และเพราะผลจากการวิ่งโครมครามของมันนี่เองล่ะค่ะ ที่สะเทือนเลือนลั่นไปจนถึงช่องลมร้อนกลางบ่อจนได้ ทำให้แรงดันจากใต้โลกยิ่งปะทุแรงขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ!!

+เดินไปสำรวจกระแสลมร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมา แล้วจะได้ “ลูกตาของตุ๊กตาหมี” (Teddybear Eyes) มา 1 คู่ค่ะ . . จากนั้นให้เก็บ “ก้อนหิน” มาอุดยังช่องลมเล็กๆ ไว้ แล้วหยิบ “ก้อนตะกั่ว รูปหัวใจ” (Lump of Lead) ที่ตกอยู่ใกล้ๆ มาเก็บไว้ด้วย

Posted Image


+กลับไปทางซ้าย 1 ฉาก ที่ด่านไทแรนโนซอรัส เร็กซ์นี้ ให้ลองสำรวจที่ยอดต้นปาล์มทางขวามือดู แล้วจะได้ “ปอยสักหลาด” (Crystal Fuzz) มา 1 กำค่ะ . . จากนั้นจัดการเอาแม่เหล็กแปรธาตุมาเปลี่ยนก้อนตะกั่วรูปหัวใจให้เป็นทองคำซะ และแล้วก็ได้เวลาปรุงยากันอีกครั้งแล้ว เอ้าเปิดตำราได้!!

+วิธีปรุงยา Teddy Bear Potion ฉบับหมีตายเศษกบ+

1.ให้นำ ปอยสักหลาด , ก้อนทองคำ (รูปหัวใจ) และตาตุ๊กตาหมี ใส่ลงไปในหม้อค่ะ แล้วจะได้น้ำยาสีน้ำเงินมา

+ใช้ขวดเปล่าตักน้ำยาหมีน้อยมหารัญจวนในหม้อมาเก็บไว้ แล้วนำมากดใช้กับตัวเอง ทีนี้เราก็จะได้ “ตุ๊กตาหมี” (Teddy Bear) จริงๆ มาสมใจค่ะ

+คราวนี้ให้กระโดดขี่คอเจ้าที.เร็กซ์จอมโหดได้เลยค่ะ ซึ่งแซนเธียก็จะใช้ตุ๊กตาหมีจิ๊จ๊ะตัวนี้แหละในการหลอกล่อเจ้ากิ้งก่ายักษ์ให้วิ่งไปตามทางที่ต้องการได้ ซึ่งในที่สุดแล้ว มันก็จะพาแม่มดสาวข้ามไปเก็บ “ผ้าพันคอสีแดง” (Torn Cloth) ที่ตกอยู่ในถ้ำตรงข้ามกันมาจนได้ค่ะ

Posted Image


+ให้กลับไปทางซ้าย 1 ฉาก ซึ่งในด่านของเจ้าไทรเซอราทอปส์ตัวเขื่องแห่งนี้ มีความอันตรายอย่างมากเลยล่ะค่ะ หากพลาดไปนี่มีหวังโดนขวิดตายแน่ๆ เพราะงั้นเซฟไว้กันเหนียวสักนิดนะคะ . .

+ซึ่งการที่จะผ่านเข้าไปยังประตูห้องแห่งความลับได้นั้น เจ้ายักษ์สามเขาตัวนี้ จะต้องหันหน้าเข้าหาประตูเหล็กบานใหญ่เท่านั้นนะคะ . . ตรงนี้หากมันยังไม่หันหน้าไปยังทิศที่บอกไว้ ก็ ให้เดินตัดฉากกลับไปกลับมาจนกว่ามันจะยอมหันหน้าเข้าหาประตูเหล็กนะคะ

+นำผ้าพันคอแดงไปใช้เย้าแหย่เจ้าจอมพลัง แล้วแซนเธียจะสวมมาดมาทาดอร์สาว หลอกล่อให้มันพุ่งชนประตูเหล็กเข้าโครมใหญ่ ก่อนจะหลบฉากลี้กายออกมาได้อย่างสวยงาม (เฮ) . . แค่นี้ก็จะผ่านเข้าประตูห้องมหาสมบัติไต้อย่างง่ายดาย

Posted Image


+ที่กรุลับแห่งมหาสมอนิรันดร์กาล (Chamber of the Anchor) จู่ๆ แซนเธียก็ต้องพบกับเรื่องไม่คาดฝัน เมื่อมาร์โก้แทรกมิติมาแจ้งข่าวอันน่าตระหนกว่า เจ้าหัตถ์จอมปราชญ์ตัวดีนั้น บัดนี้หมอคิดไม่ซื่อเสียแล้ว!! ได้ยินเข้าแบบนี้ ก็ทำเอาจอมเวทย์สาวของเราถึงกับขวัญเสียไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว!?

+จบความแล้ว ให้หยิบ “ศิลาหินไร้คู่เปรียบ” (Anchor Stone) จากกองใหญ่มาเก็บไว้ 1 อัน พร้อมกับนำเศษหน้าตำราเวทย์ที่มาร์โก้ทิ้งไว้ให้ ไปรวมกลับเข้าเล่มดังเดิม แล้วเราจะได้คาถาใหม่อีก 2 บทเพิ่มขึ้นมาค่ะ นั่นคือน้ำยาสุดโปรดสโมสร “Party Favors Potion” และคาถาห้องหวานเย็น “Play Room spell” ค่ะ

+นำก้อนหินไปอุดช่องลมเล็กๆ ทางขวามือไว้ แล้วกลับออกไปยังลานกว้างหน้าห้องลับอีกครั้ง ซึ่งจะพบว่าบ่อลาวายักษ์กลางฉากกำลังปะทุเดือดใหญ่เลยค่ะ

Posted Image


+ให้เดินไปเหยียบยังแท่นหินกลางบ่อเพลิง แล้วแรงดันขนาดมหึมาของกระแสวาลาอันร้อนระอุก็จะส่งแซนเธียกลับขึ้นไปยังโลกเบื้องบนได้อีกครั้ง ทว่า. . คราวนี้ดันหล่นแป้กมาโผล่ยังป่าแห่งความพรั่นพรึง (Petrified Forest) แทนนี่น่ะสิ!! ตายละวา แม่มดสาวของเราจะเอาตัวรอดอย่างไร!?

-บทที่ 5 – ตะบึงข้ามป่าแห่งความพรั่นพรึง-

+หลังจากได้สติ และผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมลุยพร้อมแล้ว ให้สำรวจหลุมที่เราหล่นลงมา จะเจอ “ขวดเปล่า” 1 ใบค่ะ . . จากนั้นเดินไปหยิบ “เมล็ดต้นสน” (Pinecone) ที่ตกอยู่ข้างๆ ต้นไม้ผู้ขลาดกลัวมาเก็บไว้ค่ะ

Posted Image


+เดินไปทางซ้าย จะเจอสะพานข้ามฝั่ง (Bridge) ที่มีอัศวินเกราะเหล็กคอยพิทักษ์อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้เราผ่านไปได้ง่ายๆ ตามคาด . . ตอนนี้ยังไม่ต้องไปสนใจค่ะ ให้เก็บ “ตะไคร่น้ำ” (Moss) ที่เกาะอยู่บนก้อนหินใกล้ๆ ผาทางขวามือมา

+แต่ครั้นจะเอื้อมไปหยิบคราบตะไคร่เป็นครั้งที่ 2 เจ้าหินก้อนที่ว่าก็ดันเตลิดหนีหายไปซะนี่ (!?) แล้วเราจะเจอ “หินกลิ้ง” (Roolling Stone) ที่ซ่อนอยู่ข้างใต้มาแทนค่ะ จัดการเก็บมาซะ!!

+เก็บ “แขนงกิ่งไม้เล็กๆ” (Twigs) ที่ตกอยู่ใกล้ๆ ซากไม้ที่แห้งกรังด้านล่างมา แล้วกลับไปทางขวาอีกครั้ง . . ซึ่งตรงนี้หากสังเกตดีๆ ก็จะพบก้อนหินสีดำขนาดเขื่องตั้งอยู่ด้วยค่ะ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว มันก็คือ “หินเหล็กไฟ” (Flint) ที่คนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ใช้เป็นเครื่องมือในการก่อไฟนั่นเอง!!

+จัดแจงเอากิ่งไม้เล็กๆ ที่เก็บมาไปวางบนหินเหล็กไฟ แล้วใช้หินกลิ้งขัดตามไปอีกที ผลก็จะเกิดเป็นประกายไฟลุกไหม้ขึ้นมาในที่สุดค่ะ แค่นี้เราก็จะได้ “ถ่าน” (Charcoal) มาอย่างง่ายดาย

Posted Image


+กลับไปยังสะพานอีกครั้ง แล้วหยิบ “ก้อนหิมะ” (Snow Ball) มาตกอยู่ประปรายมาเก็บไว้ค่ะ และแล้วตอนนี้ก็ได้เวลาปรุงยามหาสนุกกันอีกครั้งแล้ว . . เอ้าหยิบตำราขึ้นมา แล้วเปิดไปหน้า 5 พร้อมๆ กันได้เลย!!

+วิธีปรุงยา Snowman , Regular ฉบับมนุษย์หิมะสามัญชน+

1.ให้นำ ก้อนหิมะ , ถ่าน และตะไคร่น้ำ ใส่ลงไปในหม้อค่ะ แล้วจะได้น้ำยาสีฟ้ามา

+ใช้ขวดเปล่าตักน้ำยาตุ๊กตาหิมะในหม้อมาเก็บไว้ แล้วนำไปกดใช้กับอัศวินเกราะเหล็ก ซึ่งพอหมอเห็นตุ๊กตาหิมะหน้าแป๋วแหววเข้า ก็ดีใจพลางนึกขึ้นมาได้ว่าตั้งแต่ขยันทำงานทำการมาแรมปี ยังไม่เคยได้มีวันพักผ่อนกับเค้าบ้างเลย เพราะงั้นตะแกก็เลยฉวยโอกาสนี้ ละทิ้งหน้าที่หนีไปเที่ยวชะเอิงเอยซะเลยค่ะ (ฮา)

+ลับตาองครักษ์ตัวดีแล้ว ให้สำรวจในโพรงหอคอยหลังเล็กๆ ดู แล้วจะได้ “ผลวอลนัท” (Walnut) มาค่ะ จากนั้นให้มุ่งหน้าไปทางซ้ายต่อไป

Posted Image


+เมื่อมาถึงแล้ว จะพบชายปริศนา 2 นายกำลังไล่ล่าตามจับเท้ายักษ์อย่างสุดชีวิตเลยค่ะ แต่ไม่ว่าจะไล่กวดสักเท่าไหร่ ก็ยังตามไม่ทันทุกทีสิน่า!? . .

+ตรงนี้ทางซ้ายมือ เราจะเจอรูปสลักของผู้กล้าไร้นามอยู่ด้วยนะคะ . . ก่อนอื่นให้จัดการเอาแม่เหล็กแปรธาตุมาเปลี่ยนรูปปั้นให้เป็นรูปสลักทองคำซะก่อน แล้วลองสำรวจหีบสมบัติข้างๆ ดู จะได้ “กลองของเล่น” (Toy Drum) กับ “แม่แรงยกของ” (Jack) มาค่ะ พร้อมกันนี้อย่าลืมเด็ด “ผลลูกโอ๊ก” (Acorn) ที่อยู่ทางซ้ายมือของรูปปั้นมาด้วยนะ

+จากนั้นให้เดินเอาแม่แรงไปกดใช้กับเจ้าเท้ายักษ์จอมแสบ แล้วมันจะพลาดท่าสะดุดล้มเข้าในที่สุด ทำให้ถูกสองกระทาชายที่จี้มาติดๆ จับตรวนเข้าจนได้ (ฮ่า) . . ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือ “บาทแห่งบาล-รอม” ผู้เป็นสมุนเอกชั้นหัวกระทิของจอมเวทย์มารผู้ชั่วร้ายจากต่างมิตินั่นเองค่ะ และดูท่าจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเจ้าหัตถ์จอมปราชญ์ตัวดีเสียด้วยสิ

+กลับไปยังป่าแห่งความพรั่นพรึงอีกครั้ง แล้วกดใช้กลองของเล่นกับต้นไม้ผู้ขลาดกลัว ซึ่งผลก็คือบรรดาต้นไม้ต่างเลิกหวาดระแวง และหันมาเต้นรำหาความสำราญตามจังหวะดนตรีกันสุดฤทธิ์เลยค่ะ ทำให้เราสามารถข้ามผ่านมาได้อย่างสบายๆ

Posted Image


+ในที่สุดเราก็มาถึงยัง “สถานีกระเช้าลอยฟ้า” (Tram Station) จนได้ค่ะ . . แต่พอจะเดินไปนั่งกระเช้าเท่านั้น มร.กระรอกที่คุมเครื่องอยู่ก็หยุดปั่นจักรทันที ดูท่าจะต้องหาอะไรเป็นขวัญถุงให้หน่อยซะแล้วสิ

+มอบเมล็ดต้นสน , ผลลูกนัท และผลลูกโอ๊กให้เขา แล้วกระรอกจอมกวนจะไม่อยู่ขวางทางเราอีกต่อไป . . แต่เดี๋ยวก่อน. . อ้าว หมอเล่นไปดื้อๆ แบบนี้ แล้วใครจะอยู่ปั่นจักรกันล่ะเนี่ย!?

+ให้นำหินกลิ้งออกมาวางบนสายพานตามเดิม เท่านี้กระเช้าก็สามารถทำงานได้อีกครั้งโดยไม่ต้องใช้แรงงานของใครควบคุมแล้วล่ะค่ะ (ฮา) จากนั้นก็รีบไปนั่งกระเช้ามุ่งหน้าตามเส้นทางต่อไป

Posted Image


+แต่ระหว่างนั้นเอง มาร์โก้ก็กำลังต่อกรกับหัตถ์จอมปราชญ์อย่างดุเดือดอยู่บนกระเช้าหลังข้างๆ เช่นกัน และก็เป็นมาร์โก้ที่พลาดท่า ถูกเจ้ามือยักษ์ตัวร้ายทุบตกลงไปข้างล่างจนได้ ทำให้แซนเธียต้องจำใจกระโดดตามลงไปช่วยอย่างไม่มีทางเลือก!? เอาล่ะสิ!!

#4 MoDiFy

    Old SuanKuLarB 122

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10860 posts
  • Gender:Male
  • Location:Bkk, Thailand

Posted 25 July 2010 - 10:21 PM

คั่นอีกรอบคร้าบ (ขยันเกิ๊น):cat_dance:

#5 rbgel

    <Թ ȡ>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 25 July 2010 - 10:24 PM

-บทที่ 6 – คืบคลานผ่านทุ่งหิมะอันหนาวเหน็บ-

+หลังตกลงมาอย่างสวัสดิาพ จะพบว่าตอนนี้เราอยู่ที่สถานีกระเช้าลอยฟ้าชั้นล่างเรียบร้อยแล้วค่ะ . . ก่อนอื่นให้หยิบ “ไม้ปัดฝุ่นขนไก่” (Feather Duster) ที่วางอยู่ทางซ้ายมาเก็บไว้ก่อน

Posted Image


+เข้าไปในกระท่อมของพรานป่าหลังขวามือ แล้วหยิบ “ขวดเปล่า” ที่วางอยู่บนชั้นไม้ทางขวา และ “ลูกกระสุนปืนใหญ่” (Cannonball) จากกองพื้นทางซ้ายมา . . จากนั้นให้สำรวจ “หัววัวสตัฟฟ์” ที่แขวนติดผนังอยู่ จะได้ “ขี้ไคล” (Musk) มันมาค่ะ!?

Posted Image


+จัดการเอาแม่เหล็กแปรธาตุเปลี่ยนลูกปืนใหญ่ให้เป็นทองเสีย แล้วนำไปมอบให้แม่นมที่ยืนอยู่หน้ากระท่อม แล้วเธอจะไม่สนใจลูกน้อยอีกต่อไป . . ตรงนี้ให้เราจัดการแย่ง “อมยิ้ม” (Lollipop) จากมือเด็กมาเก็บได้ตามสบายเลยค่ะ (ฮ่า)

+จากนั้นให้หยิบ “ก้อนหิมะ” (Snow Ball) ที่ตกอยู่มากมายมาเก็บไว้ค่ะ และแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาปรุงน้ำยาสรรพรสรอบใหม่กันซะที . . เปิดตำราขึ้นมา แล้วพลิกไปหน้า 4 พร้อมๆ กันเลยนะ!!

+วิธีปรุงยา Snowman , Abominable ฉบับบิ๊กฟุต*สุดขยาด+

1.ให้นำ ก้อนหิมะ , ขี้ไคลวัว , อมยิ้ม และไม้ปัดฝุ่นขนไก่ใส่ลงไปในหม้อค่ะ . . หากทำสำเร็จ จะได้น้ำยาสีเหลืองอำพันมา

Quote

บิ๊กฟุต (Bigfoot) หรือชื่อที่แปลตรงตัวว่า "ไอ้ตีนโต" เป็นสัตว์ลึกลับที่เชื่อว่ามีรูปร่างคล้ายมนุษย์พบในสหรัฐอเมริกา และทวีปอเมริกาเหนือ โดยชื่อที่เรียกมีที่จากรอยเท้าที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่ใหญ่โตกว่ามาก ขณะที่ในแคนาดาจะเรียกว่า "ซาสควาทช์" (Sasquatch) แทน และมีสัตว์ลักษณะคล้ายเคียงกันนี้ ที่พบในเทือกเขาหิมาลัยในเนปาล แต่จะเรียกเป็นาษาพื้นเมืองว่า "เยติ" (Yeti) หรือ มนุษย์หิมะ ซึ่งในออสเตรเลียก็มีสัตว์ลักษณะคล้ายคลึงกันนี้เช่นกัน แต่จะเรียกว่า "โยวี่" (Yowie) เป็นต้น

+เอาขวดเปล่าตักน้ำยาสรรพรสมากินซะ แล้วแซนเธียก็จะกลายร่างเป็นไอ้ตีนโตจำแลงได้ค่ะ จากนั้นให้เดินเข้ากระท่อมทางขวา ไปจัดโชว์มหรสพเบิกเนตร 2 พรานจอมอวดดีได้เลย

Posted Image


+แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นดังคาด เพราะนอกจาก 2 พรานคู่หูจะไม่สะท้านแล้ว พวกยังหัวร่อชอบ-อก-ชอบ-ใจเป็นการใหญ่อีกต่างหาก แต่ก่อนที่แม่มดสาวจะคิดทำการใดต่อไปทัน จู่ๆ ไอ้ตีนโตตัวจริงเสียงจริงก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่คาดฝัน แถมยังออกอาการปิ๊งปั๊งหลงรักแซนเธีย (ในร่างไอ้ตีนโตตัวเมีย) ขึ้นมาซึ่งๆ หน้า หมอจึงจัดการลักพาตัวแม่มดสาวกลับไปจู๋จี๋ยังรังรักเอาดื้อๆ ทันใด!? อะไรกันนี่!!

Posted Image


+หลังฟื้นสติขึ้นมา แซนเธียจึงรีบแสดงตนเป็นมนุษย์ทันทีก่อนจะสายเกินกาล ซึ่งพอรู้ความจริงเข้า ไอ้ตีนโตขี้เหงาก็ฝันสลาย และไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับนางเอกของเราอีกต่อไป (ฮ่า)

+ตอนนี้อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วค่ะ ต้องรีบหาทางหนีทีไล่ให้ไวที่สุดแล้วล่ะนะ . . ก่อนอื่นให้หยิบ “ลูกกวาด” (Candy) ในกล่องสีสด ที่วางอยู่ปลายเตียงมาเก็บไว้

+จากนั้นให้ฉวย “ขวดโคโลญจน์” (Cologne) ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ , “ขวดเปล่า” จากบนชั้นไม้ทางขวามือ และ “เศษขนนก” (Feathers) จากหมอนที่หัวเตียงมาเก็บไว้ค่ะ

+ออกไปนอกถ้ำ แล้วเด็ด “ผลึกน้ำแข็ง” (Icicle) ที่งอกอยู่มาเก็บไว้ . . และแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาปรุงน้ำยาบิ๊กฟุตจำแลงกันอีกครั้งแล้วค่ะ เพียงแต่คราวนี้ รายละเอียดของส่วนผสมจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็ยังใช้แทนกันได้อยู่ . . เอ้า ไปดูกันเลย

+วิธีปรุงยา Snowman , Abominable ฉบับบิ๊กฟุต*สุดขยาด (รอบ 2)+

1.ให้นำ ลูกกวาด ,โคโลญจน์ , เศษขนนก และผลึกน้ำแข็ง ใส่ลงไปในหม้อค่ะ . . หากทำสำเร็จ จะได้น้ำยาสีเหลืองอำพันมาเช่นเคย

+นำขวดเปล่าตักน้ำยาเก็บไว้ก่อน จากนั้นเด็ดผลึกน้ำแข็งนอกถ้ำมาอีก 2 แท่ง แล้วใช้มันปีนกำแพงน้ำแข็งข้างๆ หนีไป ทว่า.. จู่ๆ ไอ้ตีนโตตัวดี ก็จะตามมาล็อกแม่สดสาวของเรากลับไปอยู่เป็นเพื่อนมันที่ถ้ำอีกจนได้ (T_T)

Posted Image


+ตั้งสติใหม่ แล้วลองเดินออกไปนอกถ้ำอีกครั้ง คราวนี้จะเจอกับ 2 พรานตัวเอ้ ที่ตามแกะรอยไล่ล่าไอ้ตีนโตมาจนถึงนี่แล้วค่ะ . . ให้รอจน 2 จอมแสบไต่กำแพงลงมายังพื้นชั้นล่างเสียก่อน จังหวะนี้ให้รีบกดใช้น้ำยาสรรพรสกับใครคนใดคนหนึ่งก็ได้ค่ะ แล้วพวกจะกลายเป็นไอ้ตีนโตจำแลงกันทั้งคู่ . . ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่ไอ้ตีนโตหนุ่มของเรามาเจอะเข้าพอดี หมอก็เลยอุ้ม 2 พรานดวงจู๋กลับไปดีด๊าที่รังด้วยความรื่นรมย์สมใจ . . โชคดีนะ อ้ายเกลอ!!

-บทที่ 7 – กำเนิดสีสันแห่งตำนานรุ้ง-

+กดใช้ผลึกน้ำแข็งไต่กำแพงข้างๆ ขึ้นไป (ต้องใช้ 2 อัน) แล้วเดินไปทางขวา เราก็จะลงมายังกระท่อมด้านล่างได้ค่ะ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ที่นี่ก็คือจุดกำเนิดของรุ้ง 7 สีเลื่อมลายพรรณแห่งอาณาจักรไคแรนเดียนั่นเอง!!

Posted Image


+ซึ่งหน้าที่สำคัญของแซนเธียตอนนี้ก็คือการสร้างสะพานรุ้งมุ่งสู่สวรรค์ขึ้นมาค่ะ ด้วยการปรุงน้ำยาสรรพรสทั้ง 7 สี ตามลำดับของสีรุ้ง ซึ่งก็คือ สีม่วง , คราม , น้ำเงิน , เขียว , เหลือง , ส้ม และแดงนั่นเอง

+โดยอุปกรณ์ และรายการส่วนผสมทุกอย่าง มีให้ครบหมดจากชั้นวางในกระท่อมแล้วค่ะ เพียงแค่สับสวิตช์ และเปลี่ยนคันโยกแค่นั้น ก็สามารถเลือกรายการไอเท็มชิ้นต่อไปได้ทันที . . ซึ่งของชิ้นไหนที่ปรุงผิดพลาด หรือไม่ใช้แล้ว ก็สามารถโยนทิ้งใส่ถังขยะทางซ้ายได้ค่ะ . . ถ้าพร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยนะ!!

+รายการผสมน้ำยาสรรพรสทั้ง 7 (ไล่จากซ้ายไปขวา)+
-ผสมเสร็จแต่ละสี แล้วนำไปเทใส่ขวดเปล่าที่เครื่องนะ-


-คาถาเกือกเหินหาว (ขวดที่ 1)-

1.นำลมร้อน (Hot Air) , ขนนก (Feathers) และผ้นขนหนูสีแดง (Leather Folio) ใส่ลงไปในหม้อ . . หากทำสำเร็จ จะได้ “น้ำยาสีแดง” มา

-คาถาแซนด์วิชชวนชิม (ขวดที่ 2)-

1.นำมัสตาร์ด (หัวไชเท้าบด ผสมน้ำส้มสายชู) , ข้าวสาลีบด (Ground Grain) , ผักกาดหอม (Lettuce) และเนยแข็ง (Cheese) ใส่ลงไปในหม้อ . . หากทำสำเร็จ จะได้ “น้ำยาสีส้ม” มา

-คาถาไอ้ตีนโตจำแลง (ขวดที่ 3)-

1.นำก้อนหิมะ (Snowball) หรือผลึกน้ำแข็ง (Icicle) อย่างใดอย่างหนึ่ง , ขี้ไคล (Musk) , ขกนก (Feathers) และอมยิ้ม (Lollipop) ใส่ลงไปในหม้อ . . หากทำสำเร็จ จะได้ “น้ำยาสีเหลือง” มา

-คาถาอสรพิษชายเลน (ขวดที่ 4)-

1.นำกิ่ง Gnarlybark , ผงกำมะถัน (Sulphur) , หัวหอม (Onion) , น้ำตาจระเข้ (Reptile Tears) , ม้านั่ง 3 ขา (Furniture) และน้ำร้อน (Hot Water) ใส่ลงไปในหม้อ . . หากทำสำเร็จ จะได้ “น้ำยาสีเขียว” มา

-คาถาหมีน้อยมหารัญจวน (ขวดที่ 5)-

1.นำปอยสักหลาด (Crystal Fuzz) , ก้อนทองคำรูปหัวใจ (Lumb of Gold ที่ใช้แม่เหล็กแปรธาตุเปลี่ยนมา) และตาตุ๊กตาหมี (Teddybear Eyes) ใส่ลงไปในหม้อ . . หากทำสำเร็จ จะได้ “น้ำยาสีน้ำเงิน” มา

-คาถาช่อครามน้ำ (ขวดที่ 6) / ไม่มีในตำราเวทย์-


1.นำผลบลูเบอร์รี่ (Blueberry) และพลอยสีม่วง (Amethyst) ใส่ลงไปในหม้อ . . หากทำสำเร็จ จะได้ “น้ำยาสีคราม” มา

-คาถาน้ำยาสนเท่ห์ (ขวดที่ 7)-

1.นำแม่เหล็กเกือกม้ารูปตัว U (Horseshoe) , รอยสลักตีนกระต่าย (Taffy Footprint) , ซอสเปรี้ยว-หวาน (Sweet and Sour Sauce) และน้ำตาจระเข้ (Reptile Tears) ใส่ลงไปในหม้อ . . หากทำสำเร็จ จะได้ “น้ำยาสีน้ำม่วง” มา

Posted Image


+เมื่อรินน้ำยาขวดสุดท้ายใส่เครื่องจักรแล้ว ประกายรุ้ง 7 สีก็จะทอแสงพาดขอบฟ้าขึ้นมาอีกครั้งค่ะ . . ให้ออกไปข้างนอก เด็ดผลึกน้ำแข็งที่งอกติดชายคาทางขวามา แล้วใช้มันปีนหลังคาขึ้นไปเลยค่ะ

Posted Image


+แต่ขณะที่แซนเธียกำลังข้ามผ่านสะพานรุ้งอยู่นั้นเอง จู่ๆ ก็ถูกเจ้ามือยักษ์ตัวดีโผล่มาราวีอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่า.. โชคยังดี ที่แม่มดสาวยังคว้าจับขอบสายรุ้งไว้ได้ทัน ก่อนจะพลัดตกลงไป . . คอยดูให้ดีเถอะ ไม่รู้ฤทธิ์แม่ซะแล้วฮึ่ม!!

-บทสุดท้าย - ศึกตัดสินแห่งโชคชะตา-

+เดินต่อไป ณ ยังสุดขอบปลายฟ้า แล้วแซนเธียก็จะมาถึงยัง “กงล้อแห่งชะตา มหาวิหาร” จนได้ค่ะ . . ตรงนี้ให้กดใช้แม่เหล็กแปรธาตุกับจานรับแสงด้านบนเสีย แค่นี้ก็จะสามารถผ่านเข้ามาข้างในได้อย่างสบายๆ แล้วล่ะค่ะ

Posted Image


+ข้างในวิหาร จะมีทางแยกอยู่ 2 ทาง ก่อนอื่นให้เลือกไปทางขวาก่อน ซึ่งที่นี่เราจะพบกับปริศนากลแห่งสุดท้าย นั่นก็คือ “เทวราแห่งศิลาพรหม” นั่นเองค่ะ . . โดยแซนเธียจะต้องแก้ปริศนาที่แท่นสลักศิลาทั้งสาม เพื่อไขเอา “คักโยก” และ “เฟือง” ของเครื่องจักรกลางออกมาให้จงได้ค่ะ

Posted Image


+วิธีเล่นก็เหมือนกับเกมหอคอยแห่งฮานอย*ทั่วไปนะคะ นั่นคือผู้เล่นต้องพยายามย้ายจานสีเหลืองในโจทย์ไปไว้ยังอีกมุมหนึ่งให้ได้ โดยการเคลื่อนย้ายจานจะสามารถทำได้เพียงครั้งละ 1 ใบเท่านั้น . . ซึ่งหากไม่อยากเล่นเอง ให้เลือกเดินตามเฉลยด้านล่างนี้เลยค่ะ

Note – ทำความเข้าใจกันก่อนว่า L = ซ้าย , M = กลาง และ R = ขวานะคะ

1.เปิดปากแท่นสลักทางซ้าย เพื่อไข “คันโยก” (Stick)
R => L, R => M, L => M, R => L, M => R, M => L, R => L, R => M,
L => M, L => R, M => R, L => M, R => L, R => M, L => M, R => L,
M => R, M => L, R => L, M => R, L => M, L => R, M => R, M => L,
R => L, R => M, L => M, R => L, M => R, M => L, R => L

2.เปิดปากแท่นสลักอันกลาง เพื่อไข “เฟือง” (Gear)
L => M, L => R, M => R, L => M, R => L, R => M, L => M, L => R,
M => R, M => L, R => L, M => R, L => M, L => R, M => R, L => M,
R => L, R => M, L => M, R => L, M => R, M => L, R => L, R => M,
L => M, L => R, M => R, L => M, R => L, R => M, L => M.

Quote

หอคอยแห่งฮานอย หรือ ทาวเวอร์ออฟฮานอย (Tower of Hanoi) คิดค้นขึ้นโดย นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ เอดูอาร์ด ลูคาส (Edouard Lucas) ในปี ค.ศ. 1883 . . มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับโบสถ์ ในอินเดีย ซึ่งมีห้องที่ายใน มีเสา 3 หลัก และ จานทองอยู่ 64 ใบ คล้องอยู่กับเสา โดยที่พราหมณ์ในโบสถ์นั้นจะทำการเคลื่อนย้ายจานทองตามคำสั่งที่ระบุไว้ในคำพยากรณ์ . . โดยการเคลื่อนย้ายนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของเกมปัญหา คำพยากรณ์ในตำนานได้ทำนายไว้ว่า เมื่อปัญหาถูกแก้ วาระสุดท้ายของโลกจะมาถึง ดังนั้นปัญหานี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า ปัญหา "Tower of Brahma" (หอแห่งพรหม) . . แต่ไม่มีข้อมูลเด่นชัดว่า ลูคาสนั้นเป็นผู้แต่งตำนานนี้ขึ้น หรือ ว่าได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานนี้

Posted Image


+หลังจากได้ “คักโยก และเฟือง” ของเครื่องจักรกลางมาเรียบร้อยแล้ว ให้กลับมาขึ้นบันไดทางซ้ายมุ่งไปยังหอบังคับการณ์ด้านบนได้เลยค่ะ . . ซึ่งเมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุดแล้ว ให้เซฟไว้กันเหนียวซะก่อนเลยเป็นอันดับแรก

+จากนั้นนำ “เฟือง” ไปใส่ที่ช่องกลางของเครื่องจักร แล้วนำ “คันโยก” ไขที่เฟือง เพื่อเปิดการทำงานของระบบ แค่นี้ไคแรนเดียก็รอดพ้นจากมหันตัยครั้งใหญ่แล้วล่ะค่ะ

Posted Image


+ทว่า.. ขณะที่แซนเธียกำลังตื่นเต้นดีใจอยู่นั้นเอง เจ้ามือยักษ์ตัวร้ายก็เดินนวยนาดเข้ามาพร้อมด้วยจิตอาฆาตเต็มที่ . . มันทิ้งตัวมาร์โก้ลงพื้นอย่างไม่ไยดี ก่อนจะตั้งท่าเตรียมพุ่งชนแม่มดสาวทันใด

+จังหวะนี้ให้รีบกดคลิกเม้าส์หลบมาทางซ้าย แล้วแซนเธียจะหลบพ้นการโจมตีของมันมาได้หวุดหวิด . . และในขณะที่มันกำลังมึนอยู่นั้นเอง ให้รีบคลิกที่ตัวมันทันที ก็จะเป็นการหลบการโจมตีครั้งที่ 2 ได้ค่ะ

Posted Image


+ทีนี้พอมันวิ่งไปอยู่ใกล้ๆ ระเบียงแล้ว ให้กดคลิกที่ตัวมันตามน้ำเป็นการสั่งลา เพียงเท่านี้เจ้าหัตถ์จอมปราชญ์ตัวแสบก็เหลือแค่ชื่อ . . จากนั้นก็รอชมฉากจบน่ารักๆ ของไคแรนเดีย 2 ได้เลยค่ะ ยินดีด้วยจ้า!! . . ว่าแต่สันติสุขครั้งนี้ จะยั่งยืนจริงๆ น่ะหรือ!?

-THE END-


Quote

+อ้างอิงจากเว็ปไซต์+
http://www.ladyofthe.../kyrand2a.shtml
http://www.gamefaqs....fate/faqs/48544


+ท่านใดประสงค์จะนำ Walkthrough The Legend of Kyrandia Book Two - The Hand of Fate นี้ไปลงที่เว็ปไซต์อื่น กรุณาขออนุญาตผู้เขียนก่อนนะคะ . . และอย่าลืมลงนามเครดิตผู้จัดทำ และบอร์ด DGO เพื่อเคารพเจ้าของผลงานด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ