~Welcome to Just Adventure~
The Legend of Kyrandia
"Book One"
"มหัศจรรย์ตำนานแห่งไคแรนเดีย บทที่ 1
ตอน กษัตริย์คืนบัลลังก์"
-DOSBox & ScummVM-
"If you like Adventure , you will also like"
Quote
-จากใจผู้เขียน-
”ผจญัยในดินแดนเทพนิยาย สถานที่ซึ่งมีพ่อมด ูติพราย ต้นไม้พูดได้ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ปีศาจ เจ้าหญิง และสิ่งสวยงามต่างๆ มากมาย ลองออกสำรวจสิ่งต่างๆ เหล่านี้ด้วยตัวคุณเองเถิด แล้วคุณจะลืมโลก”+ทิ้งช่วงไปเกือบปีได้ค่ะ นับจากลงงานเขียน Walkthrough เฉลยเกมาค 3 ของเกมตระกูลนี้ไป วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่อาบีจังจะขอเสนอาคปฐมบท ต้นกำเนิดตำนานของไคแรนเดีย ให้แฟนๆ เกมแอดเวนเจอร์ทั้งหลายได้ทัศนากันค่ะเจ้า
+The Legend of Kyrandia ไตราค เป็นผลงานแฟนตาซีล้ำจินตนาการของบริษัท Westwood Studios ที่คอเกมทุกคนรู้จักกันดีจากเกมวางแผน เชิงกลยุทธ์ชื่อดังอย่างซีรีส์ Command & Conquer นั่นเองค่ะ . .
+Kyrandia าคแรกนั้น ไม่มีชื่อตอนค่ะ มีแต่ชื่อาคสั้นๆ ว่า Book One เท่านั้น โดยถูกสร้างมาจากนิยายต้นฉบับที่มีชื่อว่า “Fables & Fiends” ค่ะ โดยออกวางจำหน่ายในปี 1992 ส่วน าค 2 Hand of Fate และาค 3 Malcolm's Revenge ก็ออกวางตลาดในปี 1993 และ 1994 ตามลำดับติดต่อกัน . . และเพราะการที่เกมลงชื่อาคไว้นี่เอง แสดงว่าเวสต์วู้ดต้องหมายมั่นปั้นมือ เตรียมแผนจะสร้างเป็นไตราคมาตั้งแต่แรกแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย . .
+และเมื่อ The Legend of Kyrandia Book One ได้อวดโฉมเป็นครั้งแรกในวงการเกมพีซีนั้น ก็ไม่ทำให้ทีมผู้สร้างผิดหวังค่ะ เพราะเกมสร้างความประทับใจ และได้รับคำชมจากแฟนๆ ไปไม่น้อยทีเดียวค่ะ ก่อนจะมาฮิตสุดๆ กับาค 2 และาค 3 ในเวลาต่อมา . .
+ซึ่งเกมนี้เจ๋งขนาดไหนนั้น ก็ถึงขนาดที่ว่า Westwood ยอมเข็นออกเป็น ซีดีรอม เพื่อความสมบูรณ์ของาพ และเสียงด้วยนะคะ (แถมลงมัลติ-แพล็ตฟอร์มอีกต่างหาก) ซึ่งตรงนี้อาบีจังเองมีบุญได้เล่นแค่เวอร์ชั่นฟล็อปปี้ดิสก์ค่ะ ด้วยเพราะชุดบ็อกเซ็ทซีดีนำเข้าสุดหรูในยุคนั้น ราคาเกิน (เด็ก) เอื้อมตั้งเฉียดพันแน่ะ แถมเวอร์ชั่นดิสก์ที่ได้มา ยังติดโปรเท็คมาอีกต่างหาก ต้องไปถามหาจากร้านเกมให้วุ่นวายเสียตั้งหลายรอบ กว่าจะเล่นจบกับเค้าได้ T_T
+พูดถึงเกมแนวแอดเวนเจอร์กับาพลักษณ์ของเวสต์วู้ดแล้ว หลายๆ คนอาจจะไม่เชื่อนะคะ ว่าเจ้าพ่อเกมวางแผนสุดเก๋าระดับนั้น ไหงมาทำเกมผจญัย ริแชร์ตลาดกับพี่เบิ้มขาใหญ่ของวงการในยุคนั้นอย่างลูคัส อาร์ต กับเซียร์ร่าได้ . . แต่เชื่อเถอะค่ะ เพราะนอกจากเวสต์วู้ดจะทำได้แล้ว ยังทำได้ดีมากๆ อีกต่างหาก ชนิดที่ว่าหากให้ลองไล่ชื่อเกมแอดเวนเจอร์ยอดเยี่ยมตลอดกาลดูแล้วละก็ ชื่อของ Kyrandia ก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน!!
-Prolouge-
+กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ อาณาจักรอันเกรียงไกรที่มีนามว่า “ไคแรนเดีย” กษัตริย์วิลเลี่ยม และราชินีแคทเธอรีนได้ถูกลอบปลงพระชนม์โดย “มัลคอล์ม” ตลกหลวงผู้ชั่วร้าย และทรงอำนาจเวทย์มนต์ที่สุด . .+ในเวลานั้นเอง “เจ้าชายแบรนดอน” พระโอรสของมหากษัตริย์แห่งไคแรนเดีย ได้ถูกลี้ัยพาไปซ่อนตัวอยู่ในป่า ายใต้การดูแลของ “คัลแลก” ที่ปรึกษาอาวุโสในราชสำนัก . . ซึ่งชายชราก็ให้ความรัก และเฝ้าอบรมพร่ำสอนเจ้าชายน้อยราวกับเป็นหลานชายของตนเลยทีเดียว
+หลังจากมัลคอล์มยึดอำนาจได้แล้ว ก็เหิมเกริมคิดการใหญ่ด้วยการออกตระเวนไล่ทำลายล้างทั่วทั้งอาณาจักรไคแรนเดีย อย่างไม่มีหยุดหย่อนทันที . . จนกระทั่งในที่สุด วันที่จอมมารร้ายย่างเท้าเข้ามาถึงป่าที่คัลแลก และแบรนดอนหลบซ่อนตัวอยู่ก็มาถึงจนได้ . .
+คัลแลกนั้นสัมผัสได้ถึงประสงค์ร้ายของมัลคอล์ม จึงรีบร่างจดหมายขอความช่วยเหลือถึง “เทพธิดาไบรน์น” สหายเก่าของเขา ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ป่าแห่งไคแรนเดียทันที
+ทว่า. . สายเกินไป เพราะมัลคอล์มเข้าถึงตัวคัลแลกได้ก่อน พร้อมกับทำการสะสางหนี้แค้นครั้งก่อนเก่าที่เขาเคยถูกชายชราจับตรวนไว้ในคุกหลวง ด้วยการสาปให้คัลแลกกลายเป็นหิน ก่อนจะจากไปด้วยความสำราญใจทันที. . ขณะที่แบรนดอนผู้ไร้เดียงสาก็กลับมาพบกับเรื่องไม่คาดฝันเข้าทันใดเช่นกัน . . ตำนานการผจญัยบทใหม่ของเจ้าชายไร้บัลลังก์ได้เปิดม่านขึ้นแล้ว!!
+รู้จักกับระบบเกมสักนิด+
+การ ควบคุมเกมไคแรนเดียนี้ ก็ไม่ได้ต่างไปจากเกมแอดเวนเจอร์-ผจญัยแนวๆ เดียวกันสักเท่าไหร่ค่ะ . . แต่ทางเวสต์วู้ดได้ปรับแต่งให้เกมเล่นง่ายกว่าบรรดาเกมอื่นๆ ในท้องตลาดทั่วไปขึ้นไปอีก ด้วยการลดอินเตอร์เฟสแสนยุ่งยาก กับชุดคำสั่งออกแอ็คชั่นยาวๆ บนหน้าจอไปจนหมดสิ้นค่ะ . .+ฉะนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่า คุณๆ สามารถสั่งการให้ตัวเอกในเกมทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา เพียงแค่คลิกเม้าส์ซ้ายปุ่มเดียวเท่านั้นเองค่ะ . . นับว่าเป็นจุดเด่นหลักๆ ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนของเกมตระกูลนี้เลยก็ว่าได้
+การเก็บไอเท็ม และใช้ของ+
+หลักพื้นฐานสำหรับการเล่นเกมแอดเวนเจอร์ก็คือต้องงกไว้ก่อนค่ะ พูดง่ายๆ ก็คือตลอดการเดินทาง ไม่ว่าจะเจออะไรตก หรือวางกองอยู่ที่พื้น ให้จัดการเก็บมาให้หมดเลยนะ เพราะเป็นไอเท็มที่จำเป็นต่อการดำเนินเรื่องแทบทั้งนั้น (แต่ของไร้ประโยชน์ก็มีไม่ใช่น้อยนะ)+แต่ข้อจำกัดของเกมไคแรนเดียาคนี้ก็คือ แบรนดอนจะสามารถพกพาไอเท็มติดตัวไปได้เพียง 10 ชิ้นเท่านั้นนะคะ โดยหากไอเท็มชิ้นไหนไม่ใช้แล้ว หรือยังไม่จำเป็นในตอนนี้ เราสามารถวางทิ้งไว้ที่พื้นตามทางผ่านทั่วไปได้ค่ะ แต่วางได้จำกัดจำนวนต่อ 1 ฉากเท่านั้นนะ และหากต้องการใช้ ก็สามารถเดินกลับมาเก็บคืนได้ทุกเมื่อ จนกว่าจะตัดบทบังคับตามเนื้อเรื่องค่ะ . . ซึ่งตรงนี้ อาจจะถือเป็นระบบต้นแบบที่ทาง Capcom หยิบยืมไปต่อยอดอีกที กับเกมดังอย่าง Resident Evil Zero ในเวลาต่อมา ก็ได้จ้า
+เซฟบ่อยๆ เข้าไว้ ช่วยผ่อนร้ายให้คลายเป็นดี+
+เกมนี้ เราสามารถเซฟได้ทุกที่ ทุกเวลา และอย่างไม่มีจำกัดเสียด้วยค่ะ ตรงนี้อาบีจังขอแนะนำว่า หมั่นเซฟให้บ่อยๆ เข้าไว้ เป็นการดีนะคะ และจะวิเศษมาก หากคุณแยกเซฟ และเซฟสลับไปกันค่ะ . . ด้วยเพราะเกมมีจุดอันตรายหลายจุดที่ผู้เล่นคาดไม่ถึง และมันสามารถสร้างความหายนะให้กับแบรนดอนได้อย่างไม่ต้องสงสัย ชนิดเผลอพลาดไปที เกมโอเวอร์เปล่าๆ ปลี้ๆ ไม่มีคอนตินิวแต่อย่างใดนะคะ+ซึ่งหากเจอเหตุแบบนี้เข้า สิ่งที่พอจะช่วยยาใจได้ก็คือ เรียกเซฟล่าสุดขึ้นมาแก้ตัวใหม่ค่ะ . . แต่ก็เท่านั้น เพราะหากผู้เล่นไม่เคยเซฟเลย หรือเซฟไว้ก็ตั้งไกลมะโว้ ตรงนี้ก็คงต้องขอให้ยอมทำใจ เพราะคุณๆ ต้องไล่เล่นใหม่สถานเดียวค่ะ (ฮา)
-บทที่ 1 ค้นหาเครื่องรางเวทย์มนตร์-
+เกมจะเริ่มต้นที่บ้านของแบรนดอนค่ะ ก่อนอื่นให้เก็บ “จดหมาย” (Note) และ “โกเมน” (Garnet) มาจากบนโต๊ะ , “เลื่อยตัดไม้” (Saw) จากใต้โต๊ะ และ “แอปเปิ้ล” จากหม้อสีม่วงทางซ้ายมือมาค่ะ+เดินออกข้างนอก (ขอบล่างของจอ) แล้วจิตวิญญาณของป่าจะปรากฏตัวขึ้นมา ขอร้องให้แบรนดอนช่วยคืนความสมดุลให้กับธรรมชาติด้วย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป พร้อมยังเท้าความถึงกำเนิดของเขา และอัญมณีศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง ที่มีชื่อว่า “Kyragem” ให้ฟังด้วย
+ลงมาจากบ้านต้นไม้แล้ว เดินไปทางขวา 2 ฉาก จะพบกับ “บ่อน้ำวิปโยค” (Pool of Sorrow) ค่ะ เอามือไปริน “หยดน้ำ” (Teardrop) ที่ตกลงมา แล้วนำไปเยียวยาต้นไม้ที่กำลังเหี่ยวเฉา ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของบ้านต้นไม้ค่ะ
+หลังจากเอาหยดน้ำวิเศษใส่ลงไปในรอยแตกกลางต้นไม้แล้ว ทั่วทั้งป่าก็จะกลับมาชุ่มชื้นเขียวขจีดังเดิมอีกครั้ง . . แต่แล้ว “เมอริธ” สหายของแบรนดอนจะเดินเข้ามาท้าให้เล่นวิ่งไล่จับกันค่ะ ซึ่งหากหาตัวเขาเจอ สหายจอมซนจะยอมมอบ “ลูกหิน” (Marble) แห่งป่า Altar ให้เป็นรางวัลด้วยนะ . . ให้เดินตามเขาไปเลยค่ะ
+ตามเมอริธไปทางขวา 4 ฉาก แล้วจะเจอใบไม้ตกลงมา กลายสาพเป็น “ลูกไม้ Peridot” ตรงนี้จะเก็บ หรือไม่เก็บก็ได้นะ แล้วเดินขึ้นเหนือไปเลยค่ะ ซึ่งก็จะเจอเมอริธซ่อนตัวอยู่พอดี แล้วแบรนดอนจะแกล้งย่องไปเปิ๊บเขาข้างหลัง จนหมอตกใจกระโดดตัวลอยขึ้นไปค้างอยู่บนต้นไม้เลย (^ ^) ตรงนี้ให้เก็บ “ลูกหิน” (Marble) และ “พลอยหินม่วง”(Amethyst) ที่ตกอยู่มาด้วยค่ะ
+เดินไปทางขวา 1 ฉาก จะพบบัลลังก์เงิน (A Forest Altar) แตกหักอยู่ จัดการเอาลูกหินที่ได้จากเมอริธมาซ่อมแซมมันเสีย แล้วมันจะฟื้นสาพกลับมาสวยงามดังเดิมค่ะ จากนั้นเก็บ “กุหลาบม่วง” (Rose) จากพุ่มข้างๆ มา 1 ดอก
+เดินไปหาเฮอร์แมนที่สะพานใต้อุโมงค์ (ซ้าย , ล่าง , ล่าง , ล่าง และซ้าย) จะพบว่าสะพานขาดค่ะ ซึ่งเฮอร์แมนก็พยายามจะซ่อมมัน แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีเลื่อย . . ตรงนี้ เอาเลื่อยให้เขาไปค่ะ แล้วเฮอร์แมนจะออกไปตัดไม้มาต่อสะพานทันที
+มุ่งหน้าไปหาเทพธิดาไบรน์นที่วิหารแห่งไคแรนเดีย แล้วนำจดหมายของคัลแลกยื่นให้เธอ ซึ่งไบรน์นจะแปลรหัสข้อความในสาส์น ให้เป็นาษาที่แบรนดอนสามารถอ่านเข้าใจได้
+ซึ่งเนื้อความในจดหมายจะเตือนให้ไบรน์นคอยระวังแผนการร้ายของมัลคอล์มให้ดี และยังขอให้เธอช่วยนำทางแบรนดอน ในการใช้กุหลาบม่วงเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อให้ได้มาซึ่งเครื่องรางเวทย์มนตร์อีกด้วย ทั้งยังลงท้ายด้วยการแนะนำจอมเวทย์อีก 2 คนที่สามารถช่วยเติมเต็มในการนี้ได้ นั่นก็คือ “พ่อมดดาร์ม” และ “แม่มดแซนเธีย” ผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง!!
+เอากุหลาบม่วงยื่นให้ไบรน์นไป แล้วเธอจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็น “กุหลาบเงิน” (Silver Rose) แทนค่ะ พร้อมกับบอกที่อยู่ของพ่อมด “ดาร์ม” แห่งป่าทิมเบอร์มิสต์ให้เราฟัง ก่อนจะจากมาด้วย
+เอากุหลาบเงินกลับไปวางที่บัลลังก์เงิน แล้วเราจะได้เครื่องรางเวทย์มนตร์มาค่ะ (ปรากฏในช่องเมนู มุมขวาล่าง) ทว่า. . มันยังไร้ซึ่งพลังในตอนนี้
+กลับไปหาเฮอร์แมนอีกครั้ง จะพบว่าเขาซ่อมสะพานเสร็จแล้วค่ะ เราก็ใช้มันข้ามผ่านไปยังป่าทิมเบอร์มิสต์ที่อยู่ ณ อีกฝั่งได้เลย
-บทที่ 2 ศิลาศักดิ์สิทธิ์-
+เข้าไปยังที่พำนักของดาร์ม จะพบว่าเขาคือจอมเวทย์ชราผู้ขี้หลงขี้ลืม และอาศัยอยู่กับ “แบรนดี้วีน” มังกรสาวคู่ใจตัวใหญ่ยักษ์ค่ะ ซึ่งดาร์มจะออกปากให้เราช่วยไปตามหาปากกาขนนกมาคืนให้เขาหน่อย เพราะเขาต้องใช้มันเขียนตำราเวทย์ค่ะ
+ลงมาจากกระท่อมของดาร์ม 1 ฉาก จะเจออนุสาวรีย์วีรชนค่ะ ให้ไปทางซ้าย 2 ฉาก จะเจอป่าต้นโอ๊ก ให้เด็ด “ลูกโอ๊ก” (Acorn) มาเก็บไว้ แล้วกลับไปยังอนุสาวรีย์วีรชนอีกครั้ง
+ลงมาข้างล่าง 1 ฉากจะเจอต้นไม้เก่าแก่แห่งไคแรนเดียค่ะ . . ให้เดินไปทางซ้าย 1 ฉาก จะเจอ “เมล็ดต้นสน (Pinecone) ตกอยู่ค่ะ จัดการเก็บมาซะ
+กลับไปเริ่มต้นที่ฉากอนุสาวรีย์วีรชนอีกครั้ง แล้วเดินไปทางขวา จะเจอนกน้อยนอนบาดเจ็บอยู่ ซึ่งที่ใต้ต้นไม้ จะมี “ผลวอลนัท” ตกอยู่ด้วย อย่าลืมหยิบมาซะล่ะ
+กลับไปตั้งต้นที่ฉากอนุสาวรีย์วีรชนเหมือนเช่นเคย (ซ้าย) แล้วมุ่งหน้าไปยังป่า “Deadwood Glade” ทันทีค่ะ (ล่าง , ขวา , ล่าง , ล่าง) มาถึงแล้ว ให้นำเมล็ดพันธุ์ทั้งสามไปปลูกในหลุมดินหน้าซากตอไม้ แล้วมันจะเติบโตขึ้นเป็นไม้ดอกพันธุ์งาม พร้อมกับกล่าวขอบคุณแบรนดอน ที่ช่วยคืนชีวิตให้กับป่าแห่งนี้ ก่อนจะมอบพลังเวทย์สีเหลือง ซึ่งมีพลังในการเยียวยารักษามาเป็นสิ่งตอบแทนค่ะ
Note - พลังของเวทย์มนตร์สีเหลือง นอกจากจะมีอำนาจในการรักษาอาการบาดเจ็บ และช่วยขับพิษทุกประการแล้ว ยังสามารถใช้กล่อมประสาทให้หมดสติชั่วขณะได้ด้วย
+ให้นำพลังนี้กลับไปรักษาอาการบาดเจ็บของนกน้อย (บน , บน , บน) ซึ่งเมื่อหายดีแล้ว มันจะสลัด “ขน” ให้เรามาแทนคำขอบคุณค่ะ
+นำขนนกกลับไปมอบให้ดาร์ม (ซ้าย , บน) แล้วเขาจะใช้ปากกาขนนกด้ามใหม่เขียน “ตำราเวทย์แห่งเหมันต์” ให้เราค่ะ ซึ่งพลังของมัน นอกจากจะใช้เรียกไอเย็นของหิมะได้แล้ว ยังทำให้อุณูมิรอบข้างลดต่ำลงจนถึงระดับจุดเยือกแข็งได้ด้วย (กดใช้ที่ตัวแบรนดอน)
+คุยกับดาร์มอีกครั้ง แล้วเขาจะเล่ารายละเอียดของ “ศิลาแห่งการกำเนิด” (Birthstone) ให้เราฟังค่ะ แต่ที่แย่ก็คือ เขาจำไม่ค่อยได้แล้ว ว่ามันถูกซุกซ่อนไว้ที่ไหนในป่าแห่งนี้น่ะสิ!?
+อย่างที่เราๆ รู้กันดี ว่า”น้ำคือจุดกำเนิดของชีวิต!!” เพราะฉะนั้นแล้ว ที่ซ่อนของศิลาแห่งการกำเนิด ก็ย่อมจะต้องเป็นสถานที่ที่มีน้ำอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย . . รู้ดังนี้แล้ว ให้มุ่งหน้าไปยังธารน้ำ “Bubbling Spring” ก่อนทันที (หน้ากระท่อม , ล่าง , ล่าง , ขวา , ขวา)
+มาถึงแล้ว ให้ลองสำรวจที่กลางลำธารดู แล้วจะเจอ “ศิลาแห่งตะวัน” (Sunstone) ซ่อนอยู่ข้างใต้ค่ะ และก่อนไป อย่าลืมเด็ด “ดอกทิวลิปสีเหลือง” (Tulip) ที่ขึ้นอยู่ทางขวามาด้วยนะ
+ต่อจากไปนี้ เราจะต้องไปตามหาอัญมณีที่ตกอยู่ในป่า มาทั้งหมดดังนี้ค่ะ Opal , Onyx , Diamond , Ruby , Topaz , Garnet , Peridot , Aquamarine , Sapphire , Garnet , Pearl และ Amethyst (อาจจะไม่ต้องครบทั้งหมดก็ได้ แต่มีมากๆ ไว้ก่อนเป็นการดีค่ะ)
Note - หากสำรวจรอบๆ ป่าทิมเบอร์มิสต์แล้วไม่เจออัญมณีบางเม็ด ให้ลองกลับไปยังป่าแห่งแรก (บ้านของแบรนดอน) ดูสิ คราวนี้จะมีอัญมณีตกอยู่เต็มเลยนะ
+สำหรับนั้น Ruby นั้น สามารถไปเก็บได้ที่ต้นทับทิมค่ะ (อนุสาวรีย์วีรชน , ซ้าย , ซ้าย , บน) โดยจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 เม็ด แต่เราเอาแค่เม็ดเดียวก็พอ . . ซึ่งขณะเอื้อมมือไปหยิบมานั้น เราจะถูกงูเฝ้าทรัพย์เล่นงานค่ะ แต่ไม่ต้องตกใจไป เพราะหลังจากฉกฉวยของดีมาได้แล้ว แค่กดใช้เวทย์มนตร์สีเหลืองทันใด อาการติดพิษปางตายก็จะหายเป็นปลิดทิ้งทันที
+หลังจากได้อัญมณีมากพอแล้ว ให้กลับไปยังแท่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ “Marble Altar” ค่ะ (ต้นทับทิม , ล่าง , ขวา) ตรงนี้ให้เซฟกันเหนียวสักนิดนะคะ แล้วนำศิลาแห่งตะวันไปวางยังพานทองกลางแท่น จากนั้นให้ลองนำอัญมณีสีต่างๆ ใส่ตามลำดับให้ครบค่ะ ซึ่งหากเรียงได้ถูกต้อง เราจะได้ “ขลุ่ยวิเศษ” (Magic Flute) มาค่ะ แต่หากใส่ผิด อัญมณีเม็ดนั้นจะสูญสลายไปแทน
Note - หากเรียงอัญมณีผิด ก็โหลดเซฟแก้ตัวใหม่นะคะ ซึ่งตรงนี้เฉลยให้ไม่ได้ เพราะระบบเกมแรนด้อมค่ะ
+หลังจากได้ขลุ่ยวิเศษมาแล้ว ให้มุ่งหน้าไปยังถ้ำมังกรทันที (แท่นศิลาศักดิ์สิทธิ์ , ขวา , ขวา , ล่าง , ขวา , ล่าง , ล่าง , ขวา) แต่ขณะกำลังเดินเข้าถ้ำอยู่นั้นเอง จู่ๆ มัลคอล์มจะปรากฏตัวขึ้นมาขวางไว้ค่ะ แต่แบรนดอนก็ไม่กลัว ซ้ำยังท้าทายจอมมารกลับไปอย่างไม่หวั่นเกรงซะด้วย ส่งผลให้มัลคอล์มสติแตกที่ถูกลองดี หมอจึงปากริชสั้นโจมตีใส่แบรนดอนทันใด ทว่า. . โชคดีที่พระเอกของเราโยกตัวหลบได้ทันหวุดหวิดพอดีเช่นกัน
+หยิบกริชที่ปักคาอยู่บนต้นไม้ ปากลับไปยังมัลคอล์ม แต่ก็ทำอะไรหมอไม่ได้ เพราะตะแกปัดทิ้งได้ทันซะก่อน . . หลังจากสงบอารมณ์ได้ มัลคอล์มจะท้าทายให้แบรนดอนตามเข้ามาในถ้ำมังกร ก่อนจะร่ายเวทย์น้ำแข็งปิดปากถ้ำไว้ค่ะ
+หยิบขลุ่ยเวทย์มนตร์ขึ้นมาบรรเลง (กดใช้กับตัวเอง) แล้วกำแพงน้ำแข็งที่ปากถ้ำ จะถูกทำลายด้วยพลังคลื่นเสียงอย่างง่ายดาย
-บทที่ 3 ค้นหาทางออก ในวงกตแห่งความตาย-
+ก่อนจะเข้าไปข้างใน ให้นำอัญมณีทุกเม็ด และไอเท็มทุกอย่างวางกองไว้ที่ปากถ้ำก่อนนะคะ แล้วเดินตัวเปล่าเข้าไปท้าทายความมืดมิดด้วยกันเลย+เดินไปทางขวา 2 ฉาก จะมาโผล่ยังห้องที่มีตุ้มเหล็ก กับพานติดโซ่แขวนอยู่ค่ะ แต่เมื่อแบรนดอนเดินเข้ามา ประตูกลด้านหลังจะถูกปิดตายลงทันที!! ดูท่าจะต้องหาอะไรมาถ่วงใส่พานเหล็กแล้วกระมัง บานเลื่อนขนาดยักษ์นี้อาจจะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นได้!!
+ในถ้ำวงกตแห่งความมืดมิดนิรันดร์กาลนี้ สิ่งที่จะใช้เป็นแสงสว่างนำทางได้มีเพียง “ผล Fireberry” เท่านั้นค่ะ ซึ่งสามารถเก็บได้ 3 ลูกต่อ 1 ครั้งเท่านั้น (น้อยกว่านั้นได้) ซึ่งเราจะต้องใช้ผล Fireberry 1 ลูก วางตามพื้น ในการให้แสงสว่างในแต่ละฉากที่ผ่านไปค่ะ และหากไร้ซึ่งผล Fireberry แล้วละก็ เราจะถูกฝูงอสูรกระหายเลือดที่กบดานอยู่ในถ้ำ รุมกัดกิดจนถึงแต่ความตายค่ะ!!
Note - วาง Fireberry 1 ลูกในฉากนี้ จะมีผลสว่างวาบต่อฉากข้างหน้า 1 ฉาก แต่หากวางแล้ว เดินย้อนกลับมา จะถูกฝูงศัตรูไร้ตัวตนรุมสังหารทันที!! แม้จะเคยวาง Fireberry ในฉากก่อนหน้ามาแล้วก็ตาม . . สรุปง่ายๆ ก็คือ ห้ามเดินย้อนกลับค่ะ ฉะนั้นอ่านคำแนะนำดีๆ อย่าให้พลาดนะ
+เส้นทางเดินในถ้ำ และวางผล Fireberry ให้ทำตามนี้เลยนะคะ+
1.ห้องกับดักประตูกล , ไปทางขวา (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 3 ลูก2.ขึ้นไปข้างบน และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
3.ไปทางขวา และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
4.ลงไปข้างล่าง และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
5.ลงไปข้างล่าง (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 3 ลูก
6.ไปทางขวา และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
7.ขึ้นไปข้างบน , วาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก แล้วเก็บหินมา
8.ขึ้นไปข้างบน และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
9.ไปทางขวา (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 3 ลูก
10.ไปทางขวา และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
11.ขึ้นไปข้างบน และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
12.ไปทางขวา จะเจอ “วิหารแห่งจันทรา” (The Pantheon of Moonlight) ซึ่งตรงนี้ จะเจอดวงจิตของเทพยดา (Will-O-Wisps) อารักษ์อยู่ด้วยค่ะ คุยกับพวกเขาแล้ว จะทราบว่าเจ้าที่ทั้ง 2 อยากจะหนีไปจากที่นี่เหลือเกิน ด้วยเพราะอยู่เฝ้ามานานจนเกินพอแล้ว (^ ^) ซึ่งหากเราช่วยเขาได้ เขาจะสอนมนตร์ลอยตัวให้เป็นการตอบแทนค่ะ
13.วิหารแห่งจันทรา , ไปทางขวา (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 3 ลูก
14.ลงไปข้างล่าง , วาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก แล้วเก็บหินมา
15.ลงไปข้างล่าง และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
16.ไปทางซ้าย และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
17.ลงไปข้างล่าง (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 2 ลูก
18.ลงไปข้างล่าง และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
19.ลงไปข้างล่าง และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
20.ไปทางขวา จะเจอ “อ่าวถ้ำจันทรา” (Moonlight Bay Cave) ให้เก็บหิน และ “เหรียญทองคำ” (Gold Coin) ที่ตกอยู่ตรงหน้ามา
21.อ่าวถ้ำจันทรา , ไปทางขวา (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 3 ลูก
22.ไปทางขวา และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
23.ขึ้นไปข้างบน และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
24.ไปทางซ้าย และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
25.ขึ้นไปข้างบน (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 3 ลูก
26.ขึ้นไปข้างบน , วาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก แล้วเก็บหินมา
27.ไปทางขวา และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
28.ไปทางขวา และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
29.ลงไปข้างล่าง (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 2 ลูก
30.ไปทางขวา และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
31.ขึ้นไปข้างบน จะเจอ “ถ้ำแห่งมรกต” (Emerald Cavern) ค่ะ
32.ขึ้นไปข้างบน และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
33.ไปทางขวา (เจอต้น Fireberry) ให้เก็บมา 2 ลูก
34.ไปทางขวา และวาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก
35.ขึ้นไปข้างบน วาง Fireberry ที่พื้น 1 ลูก แล้วเก็บหินก้อนสุดท้ายมา
+หลังจากรวบรวมหินจนครบทั้ง 5 ก้อน รวมทั้งได้ “เหรียญทองคำ” แห่งวงกตนิรันดร์กาลมาครอบครองแล้ว ให้มุ่งหน้ากลับไปยังประตูทางเข้าถ้ำได้เลยค่ะ ซึ่งสามารถเดินได้ตามไกด์แนะนำข้างล่างนี้
Note - ตอนนี้เราวาง Fireberry ไว้ครอบคลุมเกือบทุกส่วนของถ้ำแล้วค่ะ จึงไม่ต้องกลัวอันตรายซ่อนเร้นแต่อย่างใด)
+ลงไปข้างล่าง , ซ้าย , ซ้าย , ล่าง (กลับมายังถ้ำมรกต) , ซ้าย , ซ้าย , ซ้าย , ล่าง , ล่าง , ขวา , ล่าง , ซ้าย , ซ้าย (กลับมายังอ่าวถ้ำจันทรา) , ซ้าย , บน , บน , บน , ขวา , บน , บน , ซ้าย (กลับมายังวิหารแห่งจันทรา) , ซ้าย , ล่าง , ซ้าย , ซ้าย , ล่าง , ซ้าย , บน , ซ้าย , ล่าง และซ้าย ก็จะกลับมายังห้องประตูกลได้ค่ะ
+นำหินทั้ง 5 ก้อนไปโยนใส่พานเหล็กที่แขวนอยู่กลางห้อง แล้วประตูบานยักษ์จะเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เราก็กลับออกมาข้างนอกได้เลยค่ะ (ซ้าย , ซ้าย , ซ้าย)
+มาถึงแล้วให้เก็บไอเท็มคืนมาให้หมด แล้วมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำโบราณ “Ancient Well” กันต่อค่ะ (หน้าถ้ำ , ซ้าย , บน , ซ้าย , บน)
+นำเหรียญทองคำโยนลงบ่อไป แล้วมันจะทำปฏิกิริยากับน้ำบาดาลในก้นบ่อ จนกลายสาพเป็น “ศิลาแห่งจันทรา” (Moonstone) ในที่สุดค่ะ
+ก่อนจะออกท่องโลกอีกครั้ง ตรงนี้คุณๆ จะต้องมีไอเท็มดังต่อไปนี้ติดตัวแล้วนะคะ อันได้แก่ “Sapphire , Topaz , Garnet หรือ Ruby อย่างใดอย่างหนึ่ง , ดอกทิวลิป , แอปเปิ้ล , ขลุ่ยวิเศษ และตำราเวทย์แห่งเหมันต์” ซึ่งหากขาดอัญมณีเม็ดใดไป ให้ไปเดินสำรวจป่าสะสมเอานะ เพราะเป็นไอเท็มที่สำคัญต่อการดำเนินเรื่องค่ะ
+หลังจากเตรียมไอเท็มทุกอย่างพร้อมแล้ว ให้มุ่งหน้าไปยังวิหารแห่งจันทราที่อยู่ในถ้ำมังกรได้เลยค่ะ (ห้องประตูกล , ขวา , บน , ขวา , ล่าง , ขวา , บน , ขวา , ขวา , บน , ขวา)
+มาถึงแล้ว ให้นำศิลาแห่งจันทราไปวางใส่ร่องสีดำ บนแท่นสลักกลางห้องได้เลยค่ะ แค่นี้จิตของเทพยดาทั้ง 2 ก็จะเป็นอิสระ แล้วเขาจะให้หยิบยืมพลัง ทั้งยังร่วมเดินทางไปกับเราด้วยตามสัญญา ซึ่งพลังเวทย์มนตร์สีม่วงของทั้งสองเทพยดา ก็คือการเปลี่ยนร่างแบรนดอน ให้กลายเป็นดวงจิตไร้รูปลักษณ์แบบที่พวกเขาเป็นนั่นเอง!!
Note - พลังเวทย์สีม่วง จะช่วยให้แบรนดอนสามารถเปลี่ยนร่างเป็นดวงจิต ที่สามารถใช้ลอยตัวข้ามหุบเหว หรือทางขาดอื่นๆ ในถ้ำได้ แถมยังเรืองแสงในตัวได้อีกต่างหาก ฉะนั้น เหล่าฝูงปีศาจในถ้ำทั้งหลาย จึงไม่สามารถทำอันตรายอะไรแก่เราได้เลย
+ให้มุ่งหน้าไปยังอ่าวถ้ำจันทราเป็นลำดับต่อไป (วิหารแห่งจันทรา , ขวา , ล่าง , ล่าง , ซ้าย , ล่าง , ล่าง , ล่าง , ขวา) มาถึงที่นี่แล้ว ให้แบรนดอนแปลงร่างเป็นดวงจิต แล้วเดินไปตามเส้นทางดังต่อไปนี้ “อ่าวถ้ำจันทรา , ขวา , ขวา , ขวา , บน , ขวา , ล่าง , ขวา แล้วเราจะมาหยุด ณ ธารูเขาไฟใต้พิพค่ะ
+หยิบตำราเวทย์แห่งเหมันต์ขึ้นมาร่าย แล้วทุกๆ อย่างรอบตัวจะหยุดนิ่งกลายเป็นน้ำแข็งจนหมด ไม่เว้นแม้แต่ธารลาวาอันร้อนแรงด้วยทำให้เราสามารถข้ามผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
+เดินขึ้นไปข้างบน 1 ฉาก ก็จะเจอ “กุญแจเหล็ก” (Iron Key) วางอยู่ค่ะ จัดการเก็บมาซะ . .
+จากนั้นให้แปลงร่างเป็นดวงจิตอีกครั้ง แล้วกลับไปยังทางเข้าถ้ำได้เลย โดยเดินตามไกด์แนะนำ ดังนี้ “ธารูเขาไฟ , ซ้าย , บน , ซ้าย , ล่าง , ซ้าย ซ้าย , ซ้าย (อ่าวถ้ำจันทรา) , ซ้าย , บน , บน , บน , ขวา , บน , บน , ซ้าย (วิหารแห่งจันทรา) , ซ้าย , ล่าง , ซ้าย , ซ้าย , ล่าง , ซ้าย , บน , ซ้าย , ล่าง , ซ้าย” ก็จะกลับมายังห้องประตูกลได้ค่ะ
+จากนั้นให้เดินตามเส้นทางดังนี้ “ห้องประตูกล , ขวา , บน , บน” จะมาโผล่ยังเหวลึก ณ ใจกลางถ้ำได้ค่ะ . . ให้แปลงร่างเป็นดวงจิตลอยข้ามไปได้เลย ซึ่งตรงนี้หากพลังเวทย์หมดจนกลับสู่ร่างเนื้อซะก่อน ให้รอสักพักนะคะ จึงจะใช้ได้ใหม่อีกครั้ง . .
+ให้ลอยไปตามทาง (บน , ขวา) เรื่อยๆ ในที่สุดก็จะออกมายังอีกฝั่งหนึ่งของถ้ำได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้ หากไม่ได้เก็บแอปเปิ้ลติดตัวมา จะมีสำรองตรงปากถ้ำให้อีกลูกด้วยนะ
- -> โปรดติดตามตอนต่อไป
Edited by rbgel, 29 July 2010 - 08:20 PM.