วันที่ 12 เม.ย. 49 ตื่นเช้ามา 6.00น. ตามเวลาประเทศจีน อาบน้ำแต่งตัวเพื่อให้ทันเวลานัดหมาย 7.00น.เพื่องลงกินอาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้ อาหารเช้ามื้อนี้เป็นอาหารเช้าแบบฉบับโรงแรมจีนทั่วไป แต่ก่อนอื่นคงต้องอธิบายอาหารเช้าแบบโรงแรมจีนให้ทราบกันก่อน อาหารเช้าแบบโรงแรมจีนก็คือบุฟเฟ่ต์อาหารเช้านั่นเอง จะแตกต่างจากบ้านเราก็ตรงชนิดอาหารคือจะมีซุ้มข้าวต้มและกับข้าวชนิดต่างๆซึ่งส่วนให
ญ่เป็นผักผัด ผักดอง ของแห้งๆ ซึ่งมีรสชาติจืด+เค็มเป็นหลัก อีกซุ้มซึ่งเป็นซุ้มขนมปัง เนย แยม ขนมปังหวานไม่กี่ชนิด ซุมก๋วยเตี่ยวน้ำ(ต้นแบบของขนมจีนนั่นแหละ รูปแบบเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำเส้นกลม ใส่หมูสับผัดน้ำมันพริก ผักดอง ต้นหอมผักชี ซีอิ้วดำ) และสุดท้ายก็คือซุ้มไข่ดาว (คิวยาวมากๆ คนไทยทั้งนั้น) ซุ้มนี้เรียกว่าเป็นจุดชุบชีวิตเลยก็ว่าได้ ใครกินอาหารมื้อนี้ไม่ได้ก็มีซุ้มนี้แหละช่วยไว้ เพราะหลายๆคนไม่เคยเจออาหารเช้าแบบนี้มาก่อน บางคนก็รับได้ ส่วนบางคนก็แทบไม่แตะเลย ส่วนคนที่บ้าน ซำบ๋ายมาก...อาหารในเมืองจีนแทบไม่เป็นปัญหา มีข้าวต้มก็กินข้าวต้ม มีผักดองก็กินผักดอง..... มันก็อร่อยอยู่แล้วแล้วจะไปบ่นมันทำไมหว่า?.....
8.00น. ออกรถเพื่อตะลุยเมืองต้าหลี่ สถานที่แรกที่กรุ๊ปเราไปคือวัดเจ้าแม่กวนอิม ถ้าเทียบวัดนี้กับวัดเล่าปี่ที่ เฉินตูแล้ววัดนี้ก็งั้นๆไม่มีอะไรโดดเด่นนัก จะมีจุดเด่นก็คือรูปแบบสถาปัตย์ที่แตกต่างกันตามสถานที่ตั้ง กับส้วมแบบอนุรักษ์นิยมของชาวจีนที่เป็นพื้นเรียบมีช่องหย่อน มีแผงกั้นระดับเอว ขณะใช้งานสามารถมองหน้าคุยกันได้ ด้วยเหตุผลนี้รูปถ่ายที่ได้จากวัดนี้ก็เลยมีแต่รูปคน รูปวิวหรือรูปโชว์มุมกล้องแทบจะไม่มีเลย...
สถานที่ๆสองที่เราไปก็คือทะเลสาบ เอ๋อไห่ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ รถโค้ชมาส่งเราที่ท่าเรือซื่งบริเวณนั้นก็มีร้านขายสินค้าอยู่หลายร้านเหมือนกัน แต่สินค้าก็เป็นของชำร่วยทั่วๆไปที่เราเห็นๆกันอยู่ตามตลาดไม่น่าสนใจอะไร ร้านที่เตะตาที่สุดเห้นจะเป็นร้านขายอาหารทอด หน้าร้านมีอ่างขังนานนาสรรพสัตว์มากมาย ทั้งปลา ทั้งหอย ไม่แน่ใจว่ามีเต่ารึเปล่า (แต่คุ้นๆว่ามีนะ) ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประชากรในทะเลสาบนี้ทั้งสิ้น รูปแบบการสั่งอาหารร้านนี้ก็คือ เราอยากกินตัวอะไรในอ่างก็บอกเค้าไปเดี๋ยวเค้าก็เอาเสียบไม้ทอดให้เอง เท่าที่เห็นมีคนสั่งปลามันก็จับขึ้นมาเสียบไม้ทอดเลย โหดดีว่ะ.....เหอะๆๆๆ (คิดในใจ) อาหารอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือนมแพะทอด ได้ยินชื่อแล้วต้องซื้อแน่นอน ถ้าพลาดไม่ได้กิน คงกินไม่ได้นอนไม่หลับไปอีกนาน ว่าแล้วก็ตัดสินใจซื้อมาสองไม้ๆละสองหยวน+ปลาเล็กปลาน้อยทอดอีก2ไม้ๆละสองหยวนเหมือน
กัน รวม8หยวน เมื่อลองได้กินก็ตาสว่าง หวนถึงความคิดที่ตัวเองเคยคิดไว้ตั้งแต่ไปทริปก่อนว่า ขนมหวาน และของกินเล่นของชาวจีน มันไม่ได้เป็นสุดยอดแห่งรูปากเหมือนกับอาหารคาวของจีน แต่กลับเป็นนรกมากกว่าถ้ากินซี้ ซั๊ว.... กินแล้วถุยเหมาะสมกับเป็นคำนิยามของของกินเล่นมื้อนี้จริงๆ กินปลาแล้วชาปาก+ขม+เปรี้ยวๆเหมือนไปเลียถ่าน9vมา ส่วนนมแพะทอดก็ Oh My God!!!...รสเหมือนชีสของโปรดเลย แต่มันคงเน่ามาหลายวันแล้วว่ะ ....ถุยๆๆๆๆๆๆๆๆ สังเกตดูจากรูปละกัน กัดไปได้นิดเดียวเองแถวๆโคนไม้ เอามาถ่ายรูปเสร็จก็ทิ้ง เมื่อถึงเวลากรุ๊ปเราก็ขึ้นเรือเพื่อล่องทะเลสาบ เมื่อเรือออกจากท่า พวกเราก็เริ่มถ่ายรูปกันอย่างเมามัน รูปวิวได้มารูปเดียวที่เหลือรูปคนล้วนๆโดยเฉพาะกุ้ง ทริปนี้รูปเธอเยอะมากๆ ผ่านไปซักพักใหญ่เรือก็เข้าเทียบท่าเพื่อขึ้นไปสักการะวัดเจ้าแม่กวนอิมที่2 ตอนแรกคิดว่าเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบ แต่จริงๆแล้วเป็นอีกฝั่งนึงของทะเลสาบต่างหาก วัดนี้ก็งั้นๆอีกนั่นแหละ แต่ดูแปลกตาตรงที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ทะเลสาบ เมื่อถึงบริเวณวัด ทางขึ้นโบสถ์ต้องขึ้นบันไดไต่เขาไปเรื่อยๆ โดยตลอดทางมีร้านของทอดสุดโหดเหมือนกับที่ท่าเรือตั้งอยู่เรียงรายตลอดทาง คิดว่าก่อนจะได้ทำบุญหลายๆคนคงต้องได้ทำบาปกันมาพอสมควร เมื่อเดินถึงข้างบนหันกลับมามองดูทะเลสาบมุมกว้างแล้วรู้สึกคุ้มค่า มุมกว้าง สวย นึกเสียดายที่กล้องที่พกมาความสามารถไม่พอไม่งั้นคงได้รูปสวยๆกลับบ้านเพิ่มขึ้นอีกห
ลายรูปแน่นอน หลังจากใช้เวลาเดินชมวัดและวิวอยู่นานพอดูแล้วก็ตัดสินกลับลงไปข้างล่าง เมื่อถึงข้างล่างเห็นแม่ถือถุงกุ้งจิ๋วทอดอยู่ดูท่าทางน่ากินรออยู่ อิอิ...ใช้พลังงานมามาก ต้องเติมให้เต็ม ได้กินกุ้งคำแรก อืม....อร่อยดีแฮะ กรอบมาก ไม่แข็ง ไม่ทิ่มปาก เหมือนกุ้งแก้วบ้านเราเลย ใช้ได้...สอบผ่าน นั่งกินกุ้งรอจนคนในครอบครัวลงเขามากันครบทุกคน เราก็เดินกลับเรือเพื่อกลับสู่รถโค้ช
เมื่อออกจากท่าเรือเราได้รับข่าวร้ายจากไกด์ โดยแจ้งว่า เนื่องจากวันนี้12 เม.ย.เป็นวันชาติของชนชาติไป๋ ดังนั้นจึงมีการรวมตัวกันของชาวไป๋ที่เมืองโบราณต้าหลี่ ซึ่งจะมีชาวไป๋มาร่วมงานเป็นแสนๆคน ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเที่ยวชมที่เมืองโบราณได้ หรือถ้าจะเข้าก็ต้องทนเดินไกลร่วม3กม. หลังจากแจ้งจบ ลูกทัวร์ทุกคนตัดสินใจระงับการไปเมืองโบราณชั่วคราวโดยจะเดินทางไปทานข้าวเที่ยงก่อน หลังจากทานข้าวแล้วค่อยว่ากัน
อาหารเที่ยง มื้อนี้เป็นอาหารเที่ยงที่โรงแรม ลักษณะคล้ายๆโต๊ะจีน แต่อาหารออกเป็นแนวชาวบ้านๆ อร่อยใช้ได้ครับ (รู้สึกดีกับอาหารจีนจริงๆ จานไหนเค้าจะโชว์วัตถุดิบก็จะไม่ปรุงแต่งให้มากเกินไปจนกลบรสชาติเดิมๆ ผลออกมาคือจานนั้นมันจะออกรสจืดๆหน่อย ซึ่งอาจไม่ถูกใจคนไทยชอบรสจัดจ้านบางท่าน ไกด์จึงต้องเตียมจัดหาน้ำปลาพริก+น้ำพริกนรกมาบริการให้ ซึ่งก็ถูกใจกันถ้วนหน้า จะว่าไปอาหารเที่ยงมื้อนี้ก็มีอะไรแปลกๆอยู่เหมือนกัน คือขณะที่เราทานอาหารนั้นก็จะมีศิลปินวาดรูปลายเส้นจีนเอารูปของเค้ามาขาย ตอนแรกก็200-300หยวน แต่พอเห็นคนไทยไม่สู้ก็รีบดัมพ์ราคามาเป็น80-100 หยวนแทน ซึ่งกุ้งก็ได้ซื้อรูปมารูปนึง เป็นรูปกุ้ง ไม่รู้จะอธิบายยังงัย ถ้างงก็ไปดูรูปละกัน
หลังจากข้าวเที่ยงเราก็ได้รับข่าวดีจากไกด์ ซึ่งแจ้งว่าเมืองโบราณได้กลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว กรุ๊ปเราจะไปที่เมืองโบราณเป็นสถานที่ต่อไป
เมื่อถึงเมืองโบราณ อย่างแรกที่ดึงความสนใจออกไปจากตัวเมืองโบราณก็คือ หัวผักกาดขาว จะรู้สึกยังงัยถ้ามีคนบอกว่าหัวผักกาดขาวที่นี่น่ารักมาก อย่างแรกก็คงคิดว่ามันบ้าแหงๆ ผักกาดขาวอะไรมันจะน่ารัก.... (เสียดายที่ไม่มีรูป ใครได้มีโอกาสไปก็ลองหาชมกันเองละกันครับ แล้วก็จะรู้ อ้วนป้อม แก้มแดง ) หลังจากหลงไหลกับผักกาดขาดอยู่ซักครู่ก็เรียกสติกลับคืนมาได้ ตั้งหน้าตั้งตาเดินเมืองโบราณต่อ ถ้าถามว่าลักษณะเมืองโบราณเป็นยังงัยน่ะรึ?... มันก็คงเป็นเมืองที่มีตึกรามบ้านช่องทรงโบราณเตี้ยๆไม่เกิน2ชั้น ตอนแรกคิดว่ามันจะเหมือนเมืองในหนังกำลังภายใน มีโรงเตี๊ยม มีเกวียนขนของ มีเหล้าไผ่เขียว มีจอมยุทธเร่ร่อน มีลามะธิเบตเดินถือกงจักร ที่ไหนได้บ้านเกือบทุกหลังเป็นร้านค้าขายของ ส่วนใหญ่จะเป็นของชำร่วย เช่น ชา สมุนไพร ขนม ไม่ได้มีชาวบ้านใช้ชีวิตอยู่จริงๆเลย แต่ที่นี่ก็ได้รูปดีๆเยอะเหมือนกัน
หลังจากเมืองโบราณต้าหลี่ ทัวร์ก็นำเราไปสู่โรงงานทำหยก ซึ่งตัวโรงงานแทบมองไม่เห็นเลยเพราะเล็กมากมีคนงานไม่กี่คนเอง แต่ที่เห็นชัดๆเลยก็คือเคาท์เตอร์ขายหยกมันมีเยอะมากๆจนอยากถามไกด์ว่า เฮียๆ ตกลงเฮียพาผมมาดูโรงงานผลิตหยกหรือพามาซื้อหยกกันแน่วะ...? ว่าแล้วก็เดินออกไปนั่งรอกรุ๊ปที่รถดีกว่า อุอุ...
ต่อจากนั้นกรุ๊ปทัวร์ก็ได้นำเราเดินทางไปยังหมู่บ้านชาวไป๋ ซึ่งในหมู่บ้านมีบ้านเก่าอยู่หลังหนึ่งสวยมากแต่สภาพคงใกล้ๆจะถล่มเต็มที (มาคราวหน้าคงไม่เหลือซากแหงๆ...) คิดได้ดังนั้นจึงหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้โดยปล่อยให้กรุ๊ปเดินล่วงหน้าไปเกือบ
10นาที เมื่อถ่ายเสร็จมองไปทางไหนก็ไม่เห็นวี่แววของทัวร์เลย (ในใจคิด ซวยละซิตู...ได้มีเมียหมวยอยู่เมืองจีนแหงๆ (แต่ในใจลึกๆ เย้... ยี้ฮ่า....ปิ๊ดปิ้ว..เมียหมวยๆๆๆๆๆๆ)) เดินตามหากรุ๊ปอยู่นานก็เผอิญได้ยินเสียงดนตรีพื้นเมืองดังมา ก็เลยเดินตามไปจนพบ ซึ่งขณะนั้นเค้ากำลังเสริฟชายถ้วยหนึ่งกันอยู่พอดี เรื่องรสชาติน่ะรึถือว่าใช้ได้ เหมือนชาหมัก รสออกขมเฝื่อน กลิ่นดี ชิมแล้วอยากเอากลับไปชงกินที่บ้าน จะขอซื้อเค้าบอกว่าไม่ได้ขายเอามาแนะนำประเภณี เราเลยหน้าแหกให้แก่ชาวไป๋ไปหนึ่งที ถ้วยที่สอง อืม.... อร่อยหยังกะขนมแน่ะ เป็นชาหวานแถมมีวอลนัทฝานบางๆมาโรยหน้าอีก อร่อยมากชอบถ้วยนี้ที่สุด ถ้วยที่สาม หวานโคดๆ ไม่รู้จะมีถ้วยที่สามไปทำไม สองถ้วยก็อร่อยแล้ว.... แต่ก็ว่าอ่ะนะ เค้าต้องทำงานเป็นเกษตรกร คงต้องใช้พลังงานจากน้ำตาลเยอะ จะไปว่าเค้าก็ไม่ได้ เค้าให้ชิมชาฟรีมันก็ดีถมไปแล้ว อย่าเรื่องมากน่า...
หลังจากชิมชาเสร็จก็เข้าไปซื้อสินค้าในหมู่บ้านอยู่ซักครู่แล้วก็เดินทางกลับเข้าเมื
องต้าหลี่เพื่อทานอาหารเย็นพอเห็นกับข้าวมื้อนี้ก็เริ่มจับทางอาหารจีนได้แล้ว 1ปลา 2 น้าแกง 3ของทอด 4ผัดผัก..5ผัดผัก...6ผัดผัก.... (คือตั้งแต่จาน4ขึ้นไปมันจะเป็นผัดผักหมด จะสั่งร้อยจานพันจานก็คิดว่ามันก็ยังคงเป็นผัดผักอยู่ดี แต่ก็ยังดีที่บางจานเป็นผัดผักล้วน บางจานก็มีเนื้อ แต่ยังงัยมันก็เป็นผัดผักซิน่า คือว่าอั๊วอยากกินแบบหมูล้วนๆมีไม๊....
หลังจากอิ่มเอมกับนานาผัดผัก เราก็เริ่มออกเดินทางไกลระดับโคตรๆไต่ขอบเหวตลอดเวลาเป็นที่น่าหวาดเสียวยิ่งนัก จนขนยังงี้ลุกตั้งชันไปหมดด้วยความหวาดเสียว (เห็นเค้าว่าเสียวๆกันอ่ะนะ จริงๆแล้วหลับแถมกรนดังด้วย กุ้งบอก อิอิ... ) โดยรถโค้ชใช้เวลาเดินทาง4ชั่วโมงรวดเพื่อไปยังเมืองลี่เจียง ซึ่งกว่าจะถึงเมืองลี่เจียงก็ปาเข้าไปตีหนึ่ง แต่ก็ยังดีที่ทันเห็นเค้าปิดร้าน โดยคืนนี้เราจะพักกันที่ โรงแรม เจด ดรากอน การ์เดน โฮเทล ซึ่งคิดว่าน่าจะใหญ่ ใกล้ และดีที่สุดในลี่เจียงแล้วนะ... ก่อนนอนก็เปิดทีวีดูรายการขายของมีผู้หญิงออกมาร้องไห้ร้องห่มเรื่องตัวเองนมเล็กแฟน
เลยไม่เอาอกเอาใจ กลุ้มใจมาก... จนกระทั่งได้พบยาที่มันโฆษณานมเธอเลยใหญ่ขึ้นแล้วมีชีวิตที่ดีขึ้น ดูจบแล้ว แมร่ง...คิดได้ไงวะเนี่ย พร๊อตเรื่องยังกะนิยาย สำหรับวันนี้พอก่อนละกัน พิมพ์เยอะละเมื่อยมือ อ้อตอนต่อไปเป็นวันที่สามของการเดินทาง เข้มข้นมาก โปรดติดตาม...
อาหารเช้าสไตล์โรงแรมจีน 1
อาหารเช้าสไตล์โรงแรมจีน 2
อาหารเช้าสไตล์โรงแรมจีน 3
วัดเจ้าแม่กวนอิมวัดแรกครับ หุหุ... ไม่ค่อยมีอะไรเลย 1
วัดเจ้าแม่กวนอิมวัดแรกครับ หุหุ... ไม่ค่อยมีอะไรเลย 2
นมแพะทอด เป็นแบบที่เห็นนี่แหละครับ
กุ้งทอดทั้งเป็น ณ.วัดเจ้าแม่กวนอิม ทำบาปแล้วค่อยขึ้นไปทำบุญ
บรรยากาศบนเรือในทะเลสาบเอ๋อไห่
ท่าเรือบนฝั่งวัดเจ้าแม่กวนอิมวัดที่สอง
วิวบ้าน+ทะเลสาบจากด้านบนของวัดเจ้าแม่กวนอิมวัดที่สองครับ
เค้าบอกผมว่าเป้นดอกเหมย แต่ผมไม่แน่ใจว่าเค้ามันโกหกรึเปล่า...
ปลาผู้โชคร้ายประจำวันนี้
กับอาหารอีกจานนึง ผักผัด+ปลาทอด