+การรอดชีวิตของน้องหมา ที่สร้างวีรกรรมช่วยชีวิตเจ้าของไว้ในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทว่า. . กลับถูกลืมทิ้งไว้เบื้องหลัง ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือที่ชื่อ Yamakoshi-mura no Mari to Sanbiki no Koinu หนังสือขายดีที่มียอดจำหน่ายมากถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นเล่ม และถูกดัดแปลงมาเป็นนิยายภาพชื่อ Mari and the Three Puppies of Yamakoshi ในเวลาต่อมา . . และล่าสุดก็ขึ้นจอใหญ่ และจะกลายมาเป็นหนังอีกเรื่องที่คนรักหมาทั้งหลายน่าจะประทับใจ ในที่สุด!!
+A Tale of Mari and Three Puppies หรือชื่อไทย “เพื่อนซื่อ... ชื่อมาริ” เปิดเรื่องในแบบเดียวกับหนังน้องหมาทั่วๆไป ด้วยภาพการพบลูกหมาของสองพี่น้อง เด็กหญิงอายะกับเด็กชายเรียวตะ พลเมืองตัวน้อยของจังหวัดยามาโกชิ (หรือปัจจุบันคือนากาโอกะ) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องวัวชน และปลาคาร์พสี . . และเพราะพ่อไม่รักหมา สองพี่น้องก็เลยต้องกล่อมให้คุณตามาฉะกับพ่อ (^ ^) จนทำให้ทั้งคู่สามารถรับเลี้ยงมันได้ในที่สุด . . หลังจากผ่านไปหนึ่งปี จากลูกหมาตัวจ้อย “มาริ” ก็กลายมาเป็นแม่หมา ที่มีลูกน้อยกระเตงห้อยแสนน่ารักอีก 3 ตัว . . .
+แต่แล้วก็เกิดเหตุแผ่นดินไหวในวันที่ 23 ตุลาคม 2004 . . คุณตาและอายะจัง ติดอยู่ในซากบ้านที่ถล่มลงมา แต่โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ เนื่องด้วยมาริช่วยนำทางหน่วยกู้ภัยไปค้นหา และเพราะต้องรีบนำตัวคุณตาที่บาดเจ็บส่งไปรักษา มริและลูกทั้งสามของมัน จึงถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง . . เหตุการณ์ในส่วนที่เหลือของหนัง ก็คือการร่วมลุ้นว่า
อายะจังจะได้พบกับมาริ และลูกๆของมันได้อย่างไร!? ตรงนี้ต้องไปตามดูกันเองนะคะ . . .
+เรื่องราวของหมาที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ที่สร้างมาจากเรื่องจริงแบบนี้ คอหนังหลายท่านคงเคยผ่านตากันมาบ้างแล้ว อย่างล่าสุดเลยก็คือ Eight Below ของวอลท์ ดิสนีย์ เมื่อปี 2006 . . เช่นเดียวกับหนังที่เกี่ยวกับน้องหมาทั้งหลาย ที่มักจะเน้นภาพความประทับใจอยู่ที่ความรัก และความผูกพันระหว่างคนกับหมา A Tale of Mari and Three Puppies เองก็ไม่ต่างกัน คือบอกเล่าถึงความรัก ความผูกพันของอายะจัง กับมาริ . . .
+ผู้กำกับ “ริวอิชิ อิโนมาตะ” ใช้เวลาช่วงแรกในการปูพื้นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับหมาได้อย่างมีน้ำหนักยิ่ง ซึ่งทำให้วีรกรรมของมาริระหว่างเหตุแผ่นดินไหว และการหลบหนีจากศูนย์ช่วยผู้ประสบภัยไปตามหามาริของ
อายะจัง เป็นภาพที่ทำให้คนรักหมาทั้งหลายต้องน้ำตาซึม . . จุดแข็งสำคัญที่เป็นจุดขายของหนังก็คือ ความน่ารักของน้องหมา ทั้งมาริ และลูกน้อยทั้งสามของมัน . . น้องหมาที่รับบทมาริ และลูกๆของมัน ขึ้นจอในมาดเดียวกับดาราหมาในหนังญี่ปุ่นอย่าง Farewell Kuro (คุโระ เพื่อนรัก – ปี 2003) หรือเอาที่ใกล้ตัวคนบ้านเราอย่างเจ้า “เก็บตก” น้องหมาที่มีสติปัญหาในขั้นเฉลียวฉลาด จากละคร สุดรักสุดดวงใจ ก็ยังได้ . . .
+และในกรณีของมาริ ก็แสดงระดับสติปัญญาของมันผ่านการเลือกไม้ เพื่อนำมาทำไม้เท้าให้กับคุณตา และแน่นอน ที่ฉลาดที่สุดก็คือ การนำหน่วยกู้ภัยไปช่วยคุณตา และอายะได้ ระดับฝีมือการแสดงของมาริอยู่ในข่ายสบายๆ เป็นธรรมชาติ และสำหรับคนรักหมาทั้งหลาย ภาพการวิ่งไล่ตามเฮลิคอปเตอร์ที่พาอายะไปจากหมู่บ้าน คือภาพที่กระตุ้นต่อมน้ำตาได้อย่างดี . . .
+สองหนูน้อย มาโอะ ซาซากิ ผู้รับบทเป็นอายะ และเรียวเฮ ฮิโรตะ ที่รับบทเป็นเรียวตะ ขึ้นจอในมาดเดียวกับดาราเด็กในหนังแนวๆนี้ สอบผ่านได้อย่างสบายๆในการขึ้นกล้อง และแง่ความน่ารัก น่าเอ็นดู ส่วนฝีมือด้านการแสดงก็ทำได้ไม่ด้อยไปกว่าดาราเด็กปั้นทั้งหลายจากค่ายดิสนีย์ . . ทั้งคู่สามารถทำให้ผู้ชมร่วมอินไปกับความรัก ความผูกพันที่มีต่อกัน และที่มีให้กับมาริ และลูกน้อยทั้งสามได้ แม้ส่วนตัวของอายะจังแล้ว น้องออกจะเสียงแหลมไปสักหน่อยก็ตาม (^ ^)
+ฝ่ายดาราผู้ใหญ่อย่าง เออิจิโระ ฟุนะโคชิ ในบทยูอิจิ พ่อผู้เจ้าหน้าที่ในสำนักงานเขต , เค็น อุทสึอิ ในบทคุณตาหัวรั้น และอะกิโกะ มัทสุโมโตะ ในบทซาเอโกะ น้าสาวผู้ทำหน้าที่แทนแม่ของสองหนูน้อยที่จากไป ต่างก็มาในมาดเดียวกับดารารุ่นใหญ่ทั้งหลายในหนังประเภทนี้ คือเป็นดาราสมทบที่ทำให้ภาพความรัก ความผูกพันระหว่างสองเด็กน้อย กับน้องหมาดูซาบซึ้ง ตรึงใจมากยิ่งขึ้น . . และที่จะขาดไปเสียไม่ได้เลย สำหรับนัยซ่อนเร้นที่แฝงปนมากับหนังสำหรับเด็กทั้งหลาย ที่นอกเหนือไปจากประเด็นที่ว่าด้วยความรักระหว่างคนกับหมาก็คือ ความรักระหว่างสมาชิกในครอบครัวนั่นเอง และกับความที่มีให้เห็นกันใน A Tale of Mari and Three Puppies ก็คือ เหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้น ช่วยทำให้อายะจัง และเรียวตะคุง ตระหนักถึงความรักของพ่อมากขึ้น . . .
+หนังไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับประเด็นที่ว่าด้วยชีวิตของเหล่าผู้ประสบภัยในศูนย์
อพยพ และบาดแผลของเหล่าผู้สูญเสียทั้งหลายทั้งปวง . . และปมหนึ่งที่หนังหยิบมาเล่นก็คือความทุกข์ใจของอายะ และเรียวตะ ที่ต้องทิ้งมาริไว้เบื้องหลัง ซึ่งตรงนี้บทหนังก็ทำให้การกลับมาพอเจอกันอีกครั้ง ซาบซึ้ง ตราตรึงใจมากยิ่งขึ้น ด้วยการเสียสละของเพื่อนบ้านทั้งหลาย . . แต่บางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปจากหนัง ทั้งที่น่าจะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ ภาพการดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดของมาริ และลูกน้อยทั้งสาม ที่ถูกทิ้งไว้ตามลำพังในหมู่บ้านนานถึง 16 วันนั่นเอง . . ตรงส่วนนี้หนังนำเสนอภาพวิบากกรรมของมาริ และสามลูกน้อยแต่เพียงบางเบา ด้วยการค้นหาอาหารจากตู้เย็น , การไล่กาที่มารังแกลูกน้อย แต่ที่มีให้เห็นมากกว่าก็คือ ภาพการพาลูกน้อยทั้งสามไปรออายะ (^ ^)
+และที่ขาดไม่ได้เลย และถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของหนังก็ว่าได้ คือการขายฉากทิวทัศน์อันงดงาม , ภาพทุ่งนาแบบขั้นบันได , ประเพณีการชนวัวที่ขึ้นชื่อ อย่างที่เห็นกันในหนัง น่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับเมืองนากาโอกะได้ไม่ใช่
น้อยเลยทีเดียว . . .
+A Tale of Mari and Three Puppies ไม่ใช่แค่เป็นหนังที่เชิดชูวีรกรรมของมาริเพียงเท่านั้น หากยังเชิดชูพลังใจของชาวเมืองทั้งหลาย ที่ร่วมด้วยช่วยกันก่อร่างสร้างเมืองของตนขึ้นมาใหม่อีกด้วย . . ไม่ต้องสรรเสริญ สดุดีอะไรมากมาย แต่กล้าบอกได้อย่างเต็มปากว่า นี่คือหนึ่งในหนังดี ที่เหมาะสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัวอย่างแน่นอน!!
+ให้ 3 ดาวค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://hilight.kapook.com/view/26651 ค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=5wnxRN_QgaY...feature=related
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
Edited by rbgel, 17 November 2009 - 06:57 PM.