0
ตกผลึกความคิด และเก็บความประทับใจจากหนัง
"The Silence of the Lamps"
-อำมหิตไม่เงียบ-
"The Silence of the Lamps"
-อำมหิตไม่เงียบ-
+ก่อนจะกลายเป็นงานคลาสสิคระดับขึ้นหิ้งอย่างเช่นทุกวันนี้ ย้อนกลับไปในเวทีออสก้าร์ปี 1991 ชัยชนะเหนือความคาดหมายของ The Silence of the Lamps โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรางวัลใหญ่สุดถือเป็นการพลิกล็อกครั้งมโหราฬ เพราะในขณะที่คู่แข่งตัวเก็งระดับเดียวกันอีก 4 เรื่องอย่าง Bugsy , JFK , The Prince of Tides และหนังอะนิเมชั่น Beauty and the Beast เข้าชิงดำ และน่าจะถูกรสนิยมคณะกรรมการของออสก้าร์มากกว่า แต่ท้ายที่สุด กลับกลายเป็นหนังสยองขวัญขายแคแร็คเตอร์ฆาตกรโรคจิต ที่ไม่ใช่แค่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเพียงเท่านั้น หากยังเป็นหนังเรื่องที่ 3 ในประวัติศาสตร์
ออสก้าร์ ต่อจาก One Flew Over the Cuckoo’s Nest (บ้าก็บ้าวะ) และ It Happened One Night ที่เป็นเจ้าของ 5 รางวัลใหญ่สุด นั่นคือบทภาพยนตร์ , ผู้กำกับ , นำชาย , นำหญิง และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ตามลำดับ . . .
+เส้นทางของ The Silence of the Lamps ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และไม่ได้เริ่มต้นด้วยความมั่นใจแต่อย่างใดว่าหนังจะต้องกลายเป็นของคลาส
สิค อย่างที่ทราบกันดี แนวหนังอย่างนี้ใช่ว่าจะเป็นที่พอใจของผู้ชมในวงกว้างเสียเมื่อไหร่ แต่เพราะความเข้มข้นของเนื้อหา และคุณภาพในการสร้าง ก็ทำให้หนังกลายเป็นของฮิตชนิดเซอร์ไพรส์กันทั่ววงการ และโกยรายรับมหาศาลในระดับ $ 100 ล้านอย่างที่เห็น . .
+แต่แม้กระนั้น หลังจากฤดูฉายซัมเมอร์ผ่านพ้นไป แฟนเดนดายหลายต่อหลายคนก็ยังไม่มั่นใจว่าหนังจะอยู่ถึงการมาของเวทีรางวัลทั้งหลาย
ช่วงปลายปีอยู่ดี ตรงนี้ต้องขอบคุณสื่อมูฟวี่-โฮม เอนเตอร์เทนเม้นต์ ในยุคนั้นอย่างม้วนวิดีโอ VHS ที่ออกตามมา และช่วยให้ The Silence of the Lamps กลับมาเป็นตัวเต็งอีกครั้ง . . หนังดูดีในสายตาของคณะกรรมการผู้เสนอชื่อเข้าชิงของออสก้าร์ขนาดไหน เอาง่ายๆแค่เป็นหนังเข้าชิงไม่กี่เรื่องที่ออกมาเป็นวิดีโอก่อนการตัดสิน และสุดท้ายก็เป็นผู้ชนะกวาดหมดทั้ง 5 รางวัลใหญ่ในที่สุด ก็น่าจะเพียงพอ!!
+เมื่อครั้งที่ (เซอร์) แอนโธนี่ ฮ็อพกิ้นส์ กับโจดี้ ฟอสเตอร์คงคู่กันไปเป็นผู้ประกาศรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในเวทีออสก้าร์ ปี 1990 ของปลายเดือนมีนาคม ปี 1991 ซึ่งขณะนั้น The Silence of the Lamps กำลังเป็นโปรแกรมฮิตทั่วทั้งอเมริกา . . แน่นอนว่าการปรากฏตัวของทั้งคู่ได้รับเสียงเชียร์จากแฟนๆมากกว่าบรรดาหนัง หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับออสก้าร์ 1990 เสียอีก ขนาดนักข่าวบางสำนักถึงกับเชียร์แบบฟันธงเลยว่าคู่นำชาย-นำหญิงชื่อดังคู่นี้ จะต้องกลับมาขึ้นเวทีทรงเกียรตินี้อีกครั้ง ในมีนาคมปีหน้ากันเลยทีเดียว ซึ่งอย่างไรเสีย ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ก็ถือเป็นการมองโลกที่ดี หลังจาก The Silence of the Lamps เปิดตัว ซึ่งผิดไปจากกระแสก่อนหน้าหนังจะลงโรงอย่างสิ้นเชิงด้วยซ้ำ . . .
+The Silence of the Lamps ดัดแปลงจากนิยายขายดีของโธมัส แฮร์ริส โดยบอกเล่าเรื่องราวของเอฟบีไอสาว ผู้ตามล่าตัวฆาตกรโรคจิต ที่ฆ่าเหยื่อซึ่งเป็นเด็กสาวอายุน้อยด้วยวิธีการสุดสยอง และในระหว่างสืบสวน จำต้องขอความช่วยเหลือจาก “แฮนนิบัล เดอะ แคนนิบัล” อีกหนึ่งฆาตกรโฉดระดับอัจฉริยะผู้สังหารและกินเนื้อเหยื่อ ที่กำลังต้องโทษอยู่ เพราะย่อมต้องเข้าใจวิถีชีวิตของฆาตกรโรคจิตด้วยกันได้ดีกว่า . . .
+แต่แรกเดิมที โปรเจ็คต์นี้ถูกปั้นมาให้เป็นผลงานกำกับหนังใหญ่ชิ้นแรกของพระเอกออสก้าร์ อย่าง “ยีน แฮ็คแมน” แต่พอรู้ว่าอาจจะเป็นงานที่ยากเกินกำลังไปสักหน่อย ที่สุดแล้วแฮ็คแมนก็ถอนตัว . . โอรีออน สตูดิโอเจ้าของโปรเจ็คต์หันไปหายอดฝีมืออย่างโจนาธาน เด็มมี่ ที่แจ้งความประสงค์มาตั้งแต่แรกเริ่มเลยว่าไม่สนใจ หนังฆาตกรโรคจิตเนื้อหาชวนอ้วกแบบนี้ แต่ . . หลังจากที่ได้อ่านหนังสือ เด็มมี่ถึงกับชอบอกชอบใจเอาซะอย่างนั้น ด้วยเพราะนางเอกของเรื่องนั้น “ทั้งเก่ง และฉลาด” ในตัวคนๆเดียว เขาก็เลยหันกลับมาพิจารณาใหม่ เพราะหนังที่มีแคแร็คเตอร์นำหญิงเก่งๆแบบนี้แหล่ะ ที่ถูกรสนิยมของเขาเป็นที่สุด!!
+หลังจากเด็มมี่ตอบตกลงนั่งเก้าอี้ผู้กำกับ และได้มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ ที่เคยร่วมงานกับเด็มมี่มาก่อนใน Married to the Mob ก้าวเข้ามารับบทเอฟบีไอสาว . . เพียงชั่วไม่นานไฟฟ์เฟอร์ก็ขอถอนตัว หลังจากพิจารณาบทภาพยนตร์อย่างถี่ถ้วน ด้วยเหตุผลแค่ว่า เนื้อหาของหนังทำให้เธอกลัว . . แต่ที่จริงแล้วเหตุน่าจะเพราะทางโอรีออนปฏิเสธที่จะจ่ายค่าตัว $ 2 ล้านตามที่ไฟฟ์เฟอร์เรียกร้องเสียมากกว่า (^ ^) และก็เป็นตอนนี้เอง ที่โจดี้ ฟอสเตอร์เข้ามาเสียบแทนที่ . . .
+ฟอสเตอร์นั้นชื่นชมแคแร็คเตอร์เอฟบีไอหน้าใหม่ อย่าง “แคลริช สตาร์ริ่ง” ตรงที่ตัวละครตัวนี้ไม่ใช่แรมโบ้เวอร์ชั่นผู้หญิงแต่อย่างใด หากแต่เป็นผู้หญิงที่มี “สมอง” และไม่ต้องใส่ชุดชั้นในวิ่งไปวิ่งมาเหมือนไม้ประดับ . . ซึ่งเอาเข้าจริงๆ กับภาพที่เห็นบนจอ ก็ช่วยยืนยันความคิด และระดับฝีมือของฟอสเตอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว . . ตัวฟอสเตอร์เองในตอนนั้นก็คงไม่รู้หรอก ว่าเธอกำลังคว้าบทที่เยี่ยมที่สุดในชีวิตอีกครั้ง แบบส้มหล่นเข้าจังๆเต็มที่ และนี่
เป็นโปรเจ็คต์สำคัญที่ฟอสเตอร์เกี่ยวข้องด้วย หลังจากเป็นเจ้าของรางวัลออสก้าร์นำหญิงยอดเยี่ยม ปี 1988 จาก The Accused ไปหยกๆ
+ในตอนนั้นเอง ลู กอสเส็ตต์ จูเนียร์ ออสก้าร์สมทบชายจาก An Officer and a Gentleman ในปี 1982 ให้ข่าวว่าเขากำลังจะได้บทแฮนนิบัล เล็คเตอร์ไว้ในมืออยู่แล้วเชียว แต่ทางทีมงานผู้สร้างกลัวจะอื้อฉาวที่ให้ผู้ร้ายเป็นคนผิวสี สุดท้ายแล้ว ก็เลยวางตัวหนุ่มใหญ่ชาวเวลส์ “แอนโธนี่ ฮ็อพกิ้นส์” เจ้าของรางวัลเอ็มมี่ ปี 1981 จากการรับบทเป็นฮิตเลอร์ในซีรียส์ยอดฮิต “The Bunker” ทางทีวี ให้มารับหน้าที่แทน ซึ่งฮ็อพกินส์เองก็ตอบรับด้วยความยินดี แม้จะหยิกแกมหยอกมาแต่แรกว่าฮอลลีวู้ดให้เขาเล่นแต่บทแบบนี้ . . แต่ท้ายที่สุด บทบาทของดร.แฮนนิบัล เล็คเตอร์ก็สร้างชื่อเสียง เกียรติยศ และเปิดโอกาสให้เจ้าตัวก้าวเป็นนักแสดงขายฝีมือ ระดับรางวัลอย่างที่เห็น และเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ The Silence of the Lamps กลายเป็นอีกหนึ่งตำนานสุดยอดหนังคลาสสิคตลอดกาล ที่ไม่ได้เข้าสูตรออสก้าร์เลย อย่างที่เห็น!!!
-ไม่มีดาวให้ เพราะไม่ใช่รีวิวนะคะ-
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
+ในส่วนของ ตกผลึกความคิด จะพูดถึงแง่คิดดีๆ + ความประทับใจที่ได้จากหนังเรื่องนั้นค่ะ โดยจะเขียนลงสลับกับรีวิวค่ะ (เรื่องไหนน่าสนใจ จะนำมาเขียนเป็นตกผลึกค่ะ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
QUOTE
+ช่วยคอมเม้นต์ให้สักนิดนะคะ เพียงเพื่อ+
+ 
เป็นกำลังใจให้กับผู้เขียน เพราะห้องมันเงียบเหลือเกินนะ . . กลัวผีหลอกจ้ะ +
เป็นกำลังใจให้กับผู้เขียน เพราะห้องมันเงียบเหลือเกินนะ . . กลัวผีหลอกจ้ะ +-ดูหนังให้สนุกนะคะ-
Edited by rbgel, 17 November 2009 - 07:14 PM.
