`

Jump to content





BioShock Story


52 replies to this topic

#1 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:08 AM

ต้องยอมรับว่าเพิ่งมีโอกาสได้เล่นเกมนี้จนจบ ไม่มีเวลาเลย baa60776.gif ภาคสองเห็นมีข่าวว่าจะออกแล้ว เป็นอีกหนึ่งFPS ที่ประทับใจ เล่นไปก็งงไป ฟังรู้เรื่องมั่งไม่รู้มั่ง subtitleก็ตัวเล็ก บางทีก็ไม่ขึ้น เท่าที่ค้นดูในDGO ก็ไม่พบเนื้อเรื่องย่อ เลยไปค้นใน gamefaqs ได้อ่าน plot summary ของคุณ XG3 เลยอยากจะแชร์ให้เพื่อนในนี้ ที่บางคนเล่นจนจบแล้วอาจจะงงว่ากรูเป็นใคร เข้ามาในเมืองบาดาลนี้ทำไมวะ
คนที่ยังไม่เคยเล่น (ยังจะมีอีกไหม yoyo_70.gif )แนะนำให้เล่นไปจนถึงฉากที่ฆ่า Andrew Ryan ก่อนนะครับ เพราะเนื้อเรื่องที่แปลมามัน Spoil เดี๋ยวจะเสียอรรถรถในการเล่นไป ต้นฉบับเขียนใช้ภาษาได้สละสลวยมาก พยายามแปลแล้ว ถ้าอ่านแล้วงงต้องขออภัย ใครสนใจก็ไปตามลิ้งค์เลย


Credit : XG3 BioShock Plot Summary (http://www.gamefaqs....le/931329/50049)


===============================================================================
Andrew Ryan
===============================================================================
Andri Ryan เกิดเมื่อต้นศตวรรษที่ 1900 ในรัสเซียเป็นสมัยที่มีการปฏิวัติเป็นสหภาพโซเวียต ซึ่งการปฏิวัติทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกสลาย ขณะที่เขายังเป็นเด็ก ด้วยความไม่ชอบในระบบ Communist ทำให้เขาต้องหนีมาอเมริกาและเปลี่ยนชื่อให้เข้ากับชาวอเมริกันเป็น Andrew เขากลายเป็นนักอุตสาหกรรม นักวิทยาศาสตร์ และนักประดิษฐ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ ทำให้เขารักในความเป็นอเมริกัน ที่ซึ่งความสามารถ ความรอบรู้ นำมายังชื่อเสียง และเงินทองให้แก่เขา จนกระทั่งถึงยุคเศรษฐกิจตกต่ำปี 1930 รัฐมีนโยบายกระจายความมั่งคั่งของคนรวยไปให้กับคนยากจน ทำให้เขาเกิดความสิ้นหวัง เมื่อเหตุการณ์เป็นเสมือนเช่นเดียวกับที่ที่เขาหลบหนีมา จนกระทั่งความ ศรัทธาในอเมริกาสิ้นสุดลงเมื่อเกิดการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ Hiroshima และ Nagasaki
ทันทีที่สงครามโลกครั้งที่สองยุติ เขาได้วางแผนสร้างเมืองที่เป็นที่หลบภัยแห่งใหม่ ที่ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอก และเป็นที่สำหรับคนซึ่งมีความเชื่อเดียวกับเขา ในความเป็นทุนนิยม และอิสระจากการควบคุมของรัฐบาล ปราศจากพระเจ้า และพวกปรสิตที่ไม่ทำงาน เอาแต่คอยเกาะกิน และเมืองนั้นควรจะมีชื่อว่า Rapture (เมืองแห่งความปิติยินดี) เขาได้ทำการรวบรวมผู้คน และหาสถานที่สร้างเมือง ซึ่งในความคิดเขาเป็นที่อื่นไปไม่ได้นอกจากใต้ท้องมหาสมุทรอันลึกล้ำ


===============================================================================
The Construction of Rapture - กำเนิด Rapture
===============================================================================
ขณะที่ไรอันอยู่ในอเมริกา เขามีกำไรสะสมนับพันล้านจากธุรกิจของเขาทั้งจากธุรกิจในอเมริกา และจากการค้าขายกับต่างชาติทั่วโลก และนี่เองเป็นทุนในการก่อสร้าง Raptureในปี1942 ด้วยความอัจฉริยะของเขา ไรอันได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่สามารถอัดโมเลกุลของน้ำ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ แต่รัฐบาลอเมริกากลับนำไปใช้ในการทำอาวุธทางการทหาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในการเพิ่มความสิ้นหวังกับควบคุมของรัฐ และเพิ่มความคิดในการเป็นอิสระจากการควบคุม
ไรอันเริ่มสร้าง Rapture ในปี 1946 แท่นขุดเจาะน้ำมันได้ถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างเมือง สถานที่ก่อสร้างถูกเลือก ณ กลางมหาสมุทรแอตแลนติก ระหว่างเกาะ Greenland กับ Iceland (63* 2' N 29* 55' W) การสร้างชิ้นส่วนของเมืองทำบนแท่นขุดเจาะน้ำมันขนาดยักษ์ สองแห่ง เริ่มจากประกอบฐานรากของเมืองและหย่อนลงไปวาง ณ ท้องมหาสมุทรด้วยทุ่นลอย หลังจากนั้นค่อยหย่อนชั้นต่างๆของเมืองลงไปวางต่อๆกันเหมือนบล็อก โดยทำการอุดรอยต่อแต่ละชั้นด้วยหินและซีเมนต์ ที่ได้มาจากการขุดท้องทะเลลึกด้วยแท่นขุดเจาะน้ำมันจากบริเวณนั้นๆ และปิดช่องต่างๆอีกทีด้วยกระจกอย่างแน่นหนา เมื่ออาคารแล้วเสร็จไรอันได้ทำการระบายน้ำออก ด้วยอุปกรณ์อัดโมเลกุลของน้ำที่เขาประดิษฐ์มันขึ้นมาเอง ซึ่งแน่นอนเครื่องสูบน้ำไม่สามารถใช้ในการนี้ได้ และเมืองก็จะไม่สำเร็จถ้าปราศจากอุปกรณ์ของเขา และเมื่อระบายน้ำออกจนหมดแล้วรูระบายน้ำก็จะถูกผนึกตาย ด้วยกำแพงยักษ์ใต้ท้องทะเลที่เรียงรายต่อกันเพื่อใช้ป้องกันเมือง และประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารสูงระฟ้าข้างใน เมือง Rapture ถูกออกแบบมาให้อยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง สามารถปั่นกระแสไฟฟ้า ผลิตอาหาร ทำน้ำทะเลให้บริสุทธิ์ และมีระบบป้องกันภัย ซึ่งพลังงานต่างๆได้มาจากลาวาจากใต้ท้องทะเลโดยผ่านทางช่องเปิด และเพื่อที่จะควบคุมพลังงานความร้อนดังกล่าว เพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงานอื่นๆ ไรอันได้คิดค้นเครื่องที่เรียกว่า Hephaestus และติดตั้งอยู่ในออฟฟิศของไรอันเอง
ไรอันได้ว่าจ้างนักวิทยาศาสตร์จากBerkeley ที่ชื่อJulie Langford ให้สร้างฟาร์มต้นไม้ใต้ท้องมหาสมุทร Arcadiaคือสถานที่ที่ซึ่งถือเป็นปอดของRaptureในการผลิตออกซิเจน การขนส่ง/เดินทางระหว่างส่วนต่างๆในRaptureใช้สถานที่ที่เรียกว่า Rapture Metro ซึ่งมีเรือดำน้ำลักษณะทรงกลมเป็นพาหนะ ของขนาดที่เล็กลงมาใช้อุโมงค์แก้วในการขนส่ง ส่วนจดหมายต่างๆจะถูกส่งโดยท่อลม สถาปัตยกรรมของเมืองเป็นแบบผสมผสานระหว่างอนาคตกับอดีตที่เรียกว่า Deco Style
เมื่อเมืองสร้างเสร็จ แท่นขุดเจาะน้ำมันที่อยู่บนผิวน้ำก็ได้ถูกแยกส่วนทิ้ง ยกเว้นฐานของมันซึ่งเหลือทิ้งไว้เป็นโครงสร้างของทางเข้าเมือง และทำเป็นประภาคารเพื่อใช้นำทางเข้าสู่เมืองใต้บาดาล
Rapture เปิดตัวสู่โลกภายนอกเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1946 ประชากรได้ทวีจำนวนมากขึ้นจนเป็นหมื่นเมื่อต้นปี1950 ซึ่งเป็นล้วนเป็นบุคคลที่ไรอันได้คัดสรรแล้ว เศรษฐกิจได้ขยายตัวเพิ่มตามจำนวนประชากร มีการผลิตและบริการต่างๆมากมาย เพื่อป้อนให้กับสังคมที่ได้แบ่งแยกเป็นชนชั้นต่างๆ


===============================================================================
The Discovery of Adam - การค้นพบ Adam
===============================================================================
Bridgette Tenebaum เมื่ออายุ16 ขณะที่เป็นเชลยอยู่ในค่ายนักโทษในเยอรมัน เป็นผู้ซึ่งชมชอบในวิทยาศาสตร์ ได้พบว่ามีการทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของแพทย์กับเหล่านักโทษ และเธอสามารถชี้ข้อผิดพลาดในระหว่างการทดลองของแพทย์ได้ พวกเยอรมันสังเกตพบความสามารถของเด็กหญิง จึงได้นำตัวมาใช้และเรียกเธอว่าเด็กมหัศจรรย์ Tenebaumสนใจที่จะศึกษาว่าทำไมมนุษย์ถึงเกิดมาแตกต่างกัน และได้เริมทำการทดลองเกี่ยวกับพันธุกรรมกับเหล่านักโทษ ซึ่งเธอไม่ได้ใช้การทรมาณในการทดลองกับเขาเหล่านั้น แต่ปฏิบัติกับพวกนักโทษราวกับว่าเป็นเสมือนญาติพี่น้อง และด้วยความอัจฉริยะของเธอทำให้สามารถอยู่รอดจากสงครามโลกครั้งที่สองมาได้ จนนำเธอมาสู่ Rapture
วันหนึ่ง Tenenbaum เธอเห็นชายที่มือพิการมาจากสงคราม สามารถกลับมาเล่นเบสบอลได้อย่างปกติ บนท่าเรือของ Neptune's Bounty เมืองของชาวประมงใน Rapture เธอสงสัยในความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ชายคนดังกล่าวบอกว่าวันหนึ่งในขณะที่ขนของลงจากเรือ ได้ถูกปลิงทะเลกัด เมื่อตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมา เขาสามารถขยับนิ้วได้ในรอบปี ด้วยลางสังหรณ์เขาจึงได้เก็บปลิงทะเลตัวนั้นไว้ และได้มอบให้ Tenenbaum เอาไปศึกษา
Tenenbaum ได้ค้นพบความลับสเต็มเซลล์ของปลิงทะเล ต่อมาภายหลังเรียกว่า Adam ซึ่งไม่เพียงสามารถรักษาเซลล์ที่เสียหายได้ แต่ยังฟื้นฟูเซลล์ให้กลับมีสภาพดีดังเดิม ด้วยความต้องการในการหาทุนเพื่อทำการศึกษาค้นคว้า ซึ่งเธอถูกปฎิเสธเมื่อไปยื่นข้อเสนอกับlabต่างๆ ทำให้เธอต้องไปหา Frank Fontaine นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จจนร่ำรวย ซึ่งต่อมาภายหลังคือผู้บงการอาชญากรรมต่างๆ ในRapture

===============================================================================
Frank Fontaine
===============================================================================
Frank Fontaine เป็นนักลงทุนที่มีความรอบรู้ในการทำธุรกิจใหม่ๆ มีมูลนิธิ และกิจการต่างๆมากมาย เขาก่อตั้งมูลนิธิชาวประมง Fontaine Fisheries เพื่อบังหน้าการลักลอบขนของในPort Neptune Fontaineใช้เสน่ห์ของเขาในการชักชวนผู้คนในRapture ที่หมดความลุ่มหลงในสังคมในอุดมคติของRyan Fontaineบุคคลผู้ซึ่งมองการณ์ไกล เป็นผู้ที่เข้าใจในสภาพสังคมในโลกที่แม้จะเลิศหรู “ใครบางคน ก็ยังต้องมีหน้าที่ในการขัดส้วม” ดังนั้นเขาจึงเริ่มแผนการยึดครอง Rapture ด้วยการเข้าหาชนชั้นล่าง เขาได้ก่อตั้ง Fontaine’s Home ขึ้นมาเพื่อคนจน และซ่องสุมกำลังคนใน Neptune Bounty นำโดย Peach Wilkins ในการลักลอบขนของจากภายนอกเข้ามาใน Rapture กางเขนและคัมภีร์Bible ที่ลักลอบนำเข้ามาเป็นสิ่งที่ทำกำไรมหาศาลให้เขา ซึ่งของเหล่านี้เป็นที่ต้องการของคนจำนวนมากที่รู้สึกว่าตัวเองว่างเปล่าไร้ที่พึ่ง Fontaine อาศัยของเหล่านี้เพื่อทำกำไร ขณะเดียวกัน ก็เร่งกระจายเพื่อเพิ่มความรู้สึกต่อต้านRyan
Fontaine รู้ได้ทันทีเมื่อเขาพบ Adam ว่าเป็นสิ่งที่จะมีศักยภาพในทางเศรษฐกิจ เขาจึงตัดสินใจลงทุนให้ Tenenbaum ทำการศึกษา Adam แลกกับกำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยขบวนการลักลอบขนของในNeptune Bounty Tenebaumจึงมีเงินและเครื่องมือในการวิจัย Adam ตามที่เธอต้องการ Fontaine’s Futuristicจึงได้อุบัติขึ้น Tenebaumค้นพบว่าAdam มีผลต่อสิ่งมีชีวิต โดยสามารถเพิ่มความสามารถให้กับทั้งทางร่างกาย และจิตใจ รวมถึงช่วยรักษาโรค และบำบัดอาการบาดเจ็บ Dr. Suchong ผู้ร่วมวิจัยได้พัฒนาการดัดแปลงพันธุกรรมของAdamจนได้สายพันธุ์ใหม่ๆ เรียกว่า Plasmids ซึ่งPlasmidsเหล่านี้ มีโค้ดเรียกว่า “Lots”สามารถเพิ่มความสามารถพิเศษต่างๆให้กับมนุษย์ได้ ด้วยการฉีดเซรุ่มที่เรียกว่า Eve เข้าไปเพื่อใช้มัน ขณะที่ Dr. Suchong ได้ทุ่มเทค้นคว้าในการพัฒนาการคิดค้นPlasmidsใหม่ๆ TenenbaumยังคงศึกษาหาคุณสมบัติของAdamต่อไป
เมื่อAdamได้เปิดตัวสู่สาธารณชน มันได้ทำกำไรพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วให้กับ Fontaine’s Futuristic ซึ่งช่วงเวลานี้เอง Fontanieได้กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในRapture ด้วยกิจการมากมายของเขา ไม่ว่าจะเป็นตลาดค้าOxygen Accu-Vox, กิจการ Personal Voice Recorders เครื่องบักทึกเสียงส่วนบุคคลที่ทุกคนต้องมี, กิจการเครื่อง Power to the People machines เขาได้ทุ่มกำไรทั้งหมดลงไปในการค้นคว้าพัฒนาPlasmidsใหม่ๆ Fontanieกลายเป็นผู้นำในเทคโนโลยี ควบคุมและผูกขาดในตลาดพันธุกรรม ขณะที่Ryanมุ่งสนใจในอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ในช่วงแรกๆ Ryan เคยร้องขอให้Fontanieให้ทำกิจการPlasmids อย่างเสรีไม่ผูกขาด ให้เป็นตัวอย่างในตลาดอุดมคติ โดยปฏิเสธที่จะควบคุมมันถึงแม้จะถูกกดดันจากที่ปรึกษาที่ใกล้ชิดรอบตัว


===============================================================================
Little Sisters
===============================================================================
Adam ได้ทำการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในRapture โลกสำหรับมนุษย์ที่ดีและปราดเปรื่องที่สุด โลกที่ผู้คนสามารถใช้ Plasmids และGene Tonics ในการทำให้ตัวเองดีขึ้นได้ โดยการประกอบมันเข้าไปกับยีนส์ของตัวเอง ซึ่งเรียกวิธีการนี้ว่าว่า Splicing ผลระยะยาวของAdamเริ่มปรากฏเมื่อมีผู้คนใช้มันมากขึ้น คล้ายกับเนื้องอกมะเร็งร้ายที่แฝงตัวอยู่ มันจะทำลายเซลล์ดั้งเดิมเหล่านั้นและแทนที่ด้วย สเต็มเซลล์ใหม่ที่ไม่เสถียร ซึ่งเซลล์เหล่านี้เองจะทำให้เกิดคุณสมบัติประหลาดๆ เป็นผลให้เกิดการเสียโฉมและอาการทางจิต จนกลายเป็นวงจรของปัญหาที่ไม่สิ้นสุด โดยการใช้ Adamมากขึ้นๆ เพื่อรักษาผลร้ายของมันเอง แน่นอนมันคือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของการใช้ยาทางการแพทย์ แต่มันคือผลดีสำหรับทางธุรกิจ
ผลข้างเคียงอีกอย่างของSplicingก็คือความสามารถในการเห็นวิญญาณ ซึ่งเกิดมาจากความทรงจำของเซลล์ที่ส่งผ่านผู้ใช้Adamที่มีการใช้ยีนส์พันธุกรรมร่วมก
ัน ผู้ที่ใช้ Plasmidsและ gene tonics จนเกินขนาดจะมีอาการจิตหลอนและก้าวร้าวอย่างรุนแรง ซึ่งรู้จักกันว่าคือพวก Splicer Fontanieเองก็ได้สร้างอาคารลับเพื่อสร้างกองกำลังsplicersจากพวกชนชั้นล่าง
เมื่อความต้องการAdamเพิ่มสูงขึ้น Fontaine’s Futuristic จำเป็นต้องหาวิธีการใหม่ๆในการผลิตมัน Tenebaum ศึกษาจนพบว่าสามารถเพิ่มผลผลิตของAdamได้โดยการเพาะเลี้ยงปลิงทะเลในกระเพาะของสิ่งม
ีชีวิตที่เป็นHost ซึ่งการทดลองขั้นต้นได้ใช้เด็กหญิงเป็นตัวทดลองซึ่งประสบความสำเร็จ เมื่อ Host กับปลิงทะเลที่เพาะเลี้ยงสามารถอยู่ร่วมกันได้แล้ว เมื่อต้องการสกัด (Harvest) เอาปลิงออกมาก็จะทำให้Host ตาย Tenebaum พบว่าความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันนี้นี้จะเกิดขึ้นกับเด็กๆที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถหาคำอธิบายได้ เมื่อเธอบอกเรื่องนี้กับ Fontanie เขาก็ได้พูดเล่นลิ้นว่าจะได้ใช้ห้องน้ำที่ไม่ใช้เป็นสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้า เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนhost ซึ่งภายหลังต่อมาFontaineได้เปิด Little Sister’s Orphanage ขึ้น เพื่อรองรับเปิดโรงงานผลิต Adam ในอนาคต

Edited by SoVeReign, 17 November 2009 - 10:31 AM.


#2 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:13 AM

===============================================================================
Rivalry - การต่อสู้
===============================================================================
Ryan เริ่มตระหนักถึงอันตรายที่เกิดจากอิทธิพลและความร่ำรวยของ Fontanie เขาจึงได้เริ่มการจับกุมการลักลอบขนของเถื่อน ซึ่งเขาเองเชื่อว่า Fontanieเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในNeptune’s Bounty เขาได้ส่ง Sullivan หัวหน้าตำรวจเพื่อหยุดยั้งการนี้ Sullivan และพวกทำทุกวิธีทางเพื่อโค่นล้มFontaine ไม่ว่าจะเป็นการจับกุมคนมาเพื่อทรมาน แต่Fontanieก็ไม่ได้ทิ้งหลักฐานอย่างใดในการสืบถึงตัวเขา Fontanie ได้แสดงถึงความเหี้ยมโหดของเขาโดยการตัดเงินค่าจ้างขบวนการลักลอบขนของ และขู่ที่จะรายงานทางการด้วยตัวเขาเองถ้าคนงานใครมีปัญหา มีคนงานที่ถูกจับไปทรมาณด้วยการช็อตไฟฟ้าจนตายโดย Sullivan เพราะเขาปฏิเสธที่จะซัดทอด เนื่องจากเขากลัวFontanieมากกว่าRyan มีคนงานอีกคนที่พบเป็นศพในวันต่อมา เมื่อเขาแอบบอกเพื่อนว่าจะเปิดโปงFontanie ทำให้ Peach Wilkinsและลูกน้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก สถานการณ์ของการลักลอบขนของเถื่อนยิ่งเลวร้ายลง เมื่อRyanออกกฎหมายโทษประหารโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของสภา ผู้ลักลอบขนของเถื่อนถูกจับแขวนคอประจานที่Apollo Square ซึ่งด้วยเหตุนี้ทำให้ประชาชนใน Rapture ก่อการจลาจล

===============================================================================
Jack Ryan
===============================================================================
Fontaineเริ่มเตรียมแผนการรับมือ เพื่อเป็นอาวุธลับชิ้นสุดท้ายที่เขาจะใช้ในการต่อกรกับRyan อาวุธของเขาจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ในทางพันธุกรรมกับRyan เพื่อที่จะได้ลอบผ่านเครื่องรักษาความปลอดภัยของเขา Fontanieได้ให้Tenebaumติดต่อกับMary Catherine “Jasmine” Jolene นักแสดงในคลับ Eve’s Garden ซึ่งรู้กันว่าเป็นเมียเก็บของRyan โดยเสนอเงินก้อนโตให้กับหล่อนเพื่อแลกกับการตั้งครรภ์กับRyan ครั้นเมื่อสำเร็จ Fontaine จึงได้สกัดไข่ที่ผสมแล้วออกมาเพื่อให้กำเนิด Jack Ryan ภายหลังเมื่อRyanได้รู้ความจริงจึงลงมือฆ่า Joleneในห้องด้านหลังของEve’s Garden
Dr.Suchong ถูกกำหนดให้ดัดแปลงวิศวพันธุกรรมกับJack เพื่อที่จะได้ลอบเข้าไปสังหาร Ryanในกรณีที่จำเป็น เขาใช้Plasmidsที่เร่งการเจริญเติบโตกับJack จนทำให้Jackมีขนาดร่างกายของชายหนุ่มอายุ19 เมื่อมีอายุได้หนึ่งขวบ Suchongยังได้ฝังความทรงจำอันผิดๆ และแผงควบคุมจิตใจตามที่Fontanieได้สั่งการ Jackได้ถูกทำให้เชื่อฟังคำสั่งด้วยวลีที่ขึ้นต้นด้วยว่า “ ช่วยกรุณา (Would you kindly) “ โดยSuchongได้ทำการทดสอบให้Jackหักคอลูกหมาสัตว์เลี้ยงด้วยมือเขา เมื่อได้ยินวลีประโยคคำสั่งนี้ ซึ่งFontanieเองได้เตรียมplasmidแก้การควบคุมไว้ด้วยในกรณีที่Jack ตกไปอยู่ในมือผู้อื่น เขายังได้เตรียมแผนสำรองไว้เผื่อJackคิดทรยศกับเขาด้วยการฝังแผงควบคุมในสมองของJack เพื่อทำให้หัวใจของเต้นช้าลง เมื่อได้ยินคำว่า “ Code Yellow” จนกระทั่งสภาพร่างกายและจิตใจของสมบูรณ์แล้ว Jack จึงได้ถูกลักลอบนำออกไปจาก Rapture ในสภาพนิทรา รอเวลาที่ Frank Fontanie ต้องการเขากลับมาช่วยเหลือ
Tenenbaum ในที่สุดก็แตกหักกับ Fontaine เมื่อเธอเกิดสำนึกผิด จากจิตที่ถูกสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ทำงานกับเหล่า Little Sisters ด้วยเหตุนี้Fontaineจึงได้ไล่เธอออกจากFontaine Futuristics และเธอก็ได้หาเซฟเฮ้าส์ซ่อนตัวเพื่อช่วยเหลือและรักษาเหล่า Little Sisters


#3 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:19 AM

===============================================================================
The Beginning of the End - เริ่มต้นแห่งจุดจบ
===============================================================================

"Ryan takes down smuggling operation...Fontaine and thugs killed in fiery shootout!"

- Headline, Rapture Standard, 9/12/58

“ ไรอันโค่นล้มขบวนการลักลอบขนของเถื่อน...... ฟอนเทนนีและลูกสมุนถูกฆ่าตายในการยิงปะทะกันอย่างดุเดือด”
- พาดหัว น.ส.พ. Rapture Standard 12 กย 1958


12 ก.ย. 1958 Ryan และพวก รวมทั้งหัวหน้าตำรวจ Sullivan และ Bill McDonaghได้ฆ่าFontaine(คนที่พวกเขาคิดว่าใช่) และลูกสมุนในการยิงปะทะกันอย่างดุเดือด ภายหลังจากที่มีชัยต่อกองกำลังsplicersของFontaine Fontaineเองจึงได้อาศัยเหตุการณ์นี้แกล้งทำเป็นตาย แทนที่จะได้จัดการกับองค์กรของ Fonaine ไรอันเองกลับได้เข้ายึดครอง Fontaine Futuristics และได้เปลี่ยนชื่อเป็นRyan Industriesแทน ถึงแม้จะถูกคัดค้านอย่างหนักจากMcDonagh นี่เองเป็นจุดเริ่มการล่มสลายของRapture ตัวMcDonaghเมื่อเห็นไรอันเปลี่ยนไปจึงได้ลาออกจากสภา ขณะที่Tenenbuamเองก็หายตัวไร้ร่องรอย ฝ่ายDr.Suchong เมื่อปราศจาก Fontaineและ Tenebuam แล้ว ด้วยความทะเยอทะยานของเขาจึงได้อาศัยโอกาสนี้รับตำแหน่งจากไรอัน ไรอันรู้ว่าเขาคือคนเดียวในRaptureที่รู้เรื่องของ Little Sisters ซึ่งคือความลับของ Fontaine Futuristics
ช่วงเวลานี้เอง Fontaine ได้ปรากฏตัวใหม่ในชื่อ Atlas ผู้นำในการต่อต้านสงครามการปฏิวัติ ซึ่งอาศัยการเคลื่อนไหวขณะที่Fontaineหายไป สงครามกลางเมืองยังคงดำเนินต่อไปในขณะที่ Adamก็ได้แพร่หลายในRapture Ryanซึ่งบัดนี้กลายเป็นเผด็จการได้ว่าจ้างSander Cohenนักดนตรีและศิลปินใน Port Frolicให้มาช่วยเหลือ โดยการแสดงละครชวนเชื่อเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องชั่วร้ายของเขา Anna Culpepperนักแสดงอีกคนใน Port Frolicไม่เห็นด้วยที่Cohenตกเป็นเครื่องมือของไรอัน จึงได้เขียนเพลงเพื่อเกี่ยวกับความชั่วร้ายของไรอัน เมื่อความขัดแย้งมากขึ้น CohenจึงบอกSullivanให้จัดการทำอะไรซักอย่างกับCulpeper จนเรื่องรู้ถึงหูของไรอัน Sullivanจึงถูกสั่งให้ไปเก็บเธอ โดยเธอถูก Sullivanฆ่าตายในขณะอาบน้ำในMercury Suites Apartment
Ryanได้ทำผิดพลาดเมื่อเขานึกว่าควบคุมทุกอย่างได้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่ยอมจัดการกับขบวนการที่เหลือของFontaine ทำให้ Fontaine สามารถดำเนินงานใต้ดินได้ใหม่ภายใต้ชื่อ Atlas โดยใช้ Poorhouseใน Apollo Square ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆพื้นที่ที่Atlasได้ควบคุมเพื่อสะสมกำลังพลและวางแผนรอเวลาที่จะ
กลับมาเอาคืน


===============================================================================
New Years Eve - เทศกาลปีใหม่
===============================================================================
ภัตตาคาร Kashmir เป็นสถานที่ใช้ต้อนรับคนที่มาอยู่ใหม่ในRapture ทั้งยังเป็นที่ๆใช้ในการจัดเลี้ยงซึ่งเป็นที่นิยมของชาวRaptureโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเทศกาลปีใหม่ซึ่งถือเป็นที่ใช้จัดงานเฉลิมฉลอง ซึ่งหารู้ไม่ว่างานเลี้ยงฉลองเต้นรำใส่หน้ากากของปี 1959 จะกลายเป็นตำนานที่ทุกคนไม่รู้ลืม
ในงานเลี้ยงวันปีใหม่ เหล่าเศรษฐีชาวRaptureได้มารวมจัดงานเต้นรำสวมหน้ากากกระต่าย ตัวไรอันเองไม่ได้มาร่วมงานเนื่องจากทำงานดึกอยู่ใน Hephaestus ปล่อยให้ Diane McClintockเพื่อนสาวรออยู่คนเดียวในงานเลี้ยง กองกำลังsplicers ของFontaine ได้ออกมาจาก poorhouse ก่อการจลาจล และได้โจมตีงานเลี้ยง รวมถึงประชาชนในเมือง McClintockถูกทำร้ายจนหน้าเสียโฉม Ryanและคนอื่นๆต่างเก็บตัวเพื่อให้รอดพ้นจากการโจมตี ประชาชนถูกเรียกเข้ามาร่วมกับกองกำลัง ซึ่งได้แยกออกเป็นสองฝ่าย ช่วงเวลานี้เองที่ได้มีความต้องการอาวุธและกระสุนเพื่อป้องกันตัว ทำให้เกิดการติดตั้งตู้ต่างๆมากมาย เช่น El Ammo Banditos, Circus of Value, U-Invent Machines รวมไปถึง The Power to People machineที่เป็นที่นิยมใช้ในการอัปเกรดอาวุธ
ไรอันเองก็ได้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยโดยได้มีการติดตั้งกล้อง และป้อมปืนทั่วRapture รวมไปถึงสั่งให้ Sullivanล็อคการใช้งานของเรือดำน้ำทรงกลมในRapture Metro เพื่อไม่ให้มีการเดินทางในเมือง โดยได้ติดตั้งระบบตรวจสอบพันธุกรรมเพื่ออนุญาตเฉพาะตัวเขาและลูกน้องในการใช้งาน แต่เนื่องจากความผิดพลาดในการตั้งข้อมูลพันธุกรรม ทำให้ใครก็ตามที่มีDNAเดียวกับเขาสามารถใช้งานได้ Sullivanเองก็ได้ลาออกจากหัวหน้าฝ่ายตำรวจ และฆ่าตัวตายเนื่องจากถูกหลอนจากเหตุการณ์ที่เขาได้ฆ่าAnna Culpepper
ความนิยมในตัวAtlasเพิ่มมากขึ้นในหมู่ประชาชน ซึ่งเลือกที่จะสนับสนุนเขามากกว่าไรอัน ที่บัดนี้กลายเป็นเผด็จการที่บ้าอำนาจ เพื่อที่จะต่อกรกับAtlas Suchongเสนอไรอันให้ใช้plasmidsที่สามารถควบคุมฝูงชน โดยปล่อยแพร่กระจายไปในอากาศ ซึ่งแต่แรกไรอันลังเลที่จะใช้แต่เมื่อหมดหนทางเลือก เขาจึงให้เหตุผลว่า ถ้าAtlasชนะประชาชนก็ตกเป็นทาสอยู่ดี ซึ่งแย่กว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนั้น เป็นอีกครั้งที่ไรอันยอมทิ้งอุดมติของเขา ทำให้เขาสามารถรวบรวมเหล่าsplicersมาอยู่ในมือเขาได้ ไรอันยังได้ให้Suchongและทีมนักวิทยาศาสตร์คิดค้นและสร้างเครื่อง Vita-Chambersซึ่งสามารถเลือกชุบชีวิตคนที่ตาย พร้อมทั้งฟื้นคืนplasmids และพลังชีวิต โดยเขาได้ใช้ยีนส์ของเขาในการทดสอบและเป็นตัวกำหนดในการคืนชีพ


#4 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:23 AM

===============================================================================
Big Daddies
===============================================================================
ประโยชน์อย่างหนึ่งที่ได้จากสงครามกลางเมืองก็คือ Adamที่สามารถดึงกลับมาใช้ได้ใหม่มาจากศพที่เกลื่อนกลาดไปทั่วเมือง ซึ่งAdamเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งเมื่อเกิดสงครามกลางเมือง Suchongที่บัดนี้ทำงานให้ Ryan Industries จึงได้คิดค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาโดยได้ดัดแปลง Little Sisters ให้ออกไปดูดAdamจากซากศพเหล่านั้นโดยใช้เข็มฉีดยา แน่นอนเขารู้ว่าLittle Sisterต้องเสี่ยงอันตรายที่ต้องออกไปลำพังโดยไม่มีการป้องกัน จึงแก้ปัญหาด้วยการใช้ bodyguardที่เรียกว่า Big Daddies ซึ่งBig Daddiesเหล่านี้มีหน้าที่คอยติดตามLittle Sistersและป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับLittle Sistersรวมถึงป้องตัวเองเมื่อถูกโจมตี
Suchong เสนอความคิดนี้กับไรอัน ทำให้เกิดโรงงานผลิต Big Daddy/Little Sister ขึ้นที่ Point Prometheus โดยจะทำการปลูกถ่ายผิวหนัง และเนื้อเยื่อของอาสาสมัครเข้ากับชุดประดาน้ำที่มีขนาดใหญ่ และผ่านขบวนการปรับเปลี่ยนเสียงให้โหยหวน และติดตามกลิ่นของLittle Sisters มีการฉีดplasmidsเพื่อให้ไร้ความรู้สึกไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากปกป้อง Little Sisters และปรับปรุงพันธุกรรมให้มีความแข็งแกร่งของร่างกาย รวมไปถึงความคล่องแคล่วโดยวิธีการsplicing ชุดเหล็กที่ออกแบบมาก็เพื่อหน้าที่นี้โดยเฉพาะ ทั้งยังสามารถทนความดันในน้ำลึกได้ถึงหกไมล์ ชุดถูกออกแบบมาสองรุ่น Bouncerซึ่งมีสว่านเป็นอาวุธ พร้อมหมวกที่มีตาหกช่อง และ Rosieซึ่งถือปืน Rivetและ Proximity minesเป็นอาวุธ สวมใส่ชุดดำน้ำที่เป็นแบบโบราณมีตาช่องเดียว Big Daddiesสื่อสารด้วยเสียงร้องคล้ายกันกับปลาวาฬ และเพื่อเป็นที่เข้าใจและป้องกันอันตรายกับคนทั่วไป สามารถดูไฟในช่องเปิดของตาBig Daddies สีเขียวหมายถึง ไม่มีปฏิกิริยาจากการถูกรบกวน สีเหลือง มีการระวังภัยให้Little Sistersและพร้อมค้นหาเหตุที่จะมาทำอันตราย สีแดง หมายถึงถูกโจมตีและกำลังทำการโต้ตอบ
ภายหลังจากที่Fontaine’s Little Sister’s Orphanage สถานรับเด็กกำพร้าของFontaine ถูกปิดไป Ryan Industries จึงแก้ปัญหาด้วยการลักพาตัวเด็กในเมืองเพื่อเปลี่ยนเป็นLittle Sisters เด็กที่ถูกจับมาจะถูกนำไปฝึกที่ The Little Wonders Educational Facilityเพื่อที่จะคุ้นเคยกับBig Daddies วันหนึ่งSuchongหัวเสียจากการทดลองบางอย่างที่ผิดพลาดและถูกรบกวนจากLittle Sister ขณะทำการอัดเทปไดอารี่ใน Artemis จึงเผลอตัวทำร้ายตบหน้าเด็ก และถูกBig Daddies เจาะด้วยสว่านที่คางจนตาย ตั้งแต่นั้นมาไรอันจึงได้ดำเนินการผลิตBig Daddies ด้วยตัวเองโดยปราศจากSuchong
Ryanเองได้สร้างอุโมงค์เป็นเครือข่ายทั่วRapture เพื่อให้Little Sistersสามารถไปไหนมาไหนและปีนหนีจากการถูกรบกวน Little SistersมักจะเรียกBig Daddiesที่ไปไหนมาไหนด้วยกันว่าMr. Bubbles และถูกปลูกฝังให้เรียกศพที่ตายว่าAngels เมื่อใดที่พบเจอ Angel ก็จะดึงหลอดฉีดยาเพื่อทำการดูดAdam ที่ถูกใช้แล้วจากศพฉีดเข้าสู่ตัวเองเพื่อทำให้อยู่ในรูปที่สามารถใช้ได้ใหม่ Ryanเองก็ได้สร้างเครื่อง Gatherer’s Garden vending machine ขึ้นเพื่อทำกำไรกับคนที่ต้องการplasmids และได้ใช้รูปของLittle Sistersติดที่ตัวตู้เพื่อทำการตลาด
หลายอาทิตย์ต่อมาหลังเหตุการณ์โจมตีวันปีใหม่ Diane McClintock ได้รับการรักษาอาการเสียโฉมจนหายดีจากการผ่าตัดของหมอศัลกรรมมือหนึ่งในRapture, Dr.Steinman เธอพบว่าRaptureได้เปลี่ยนไปมาก และรู้สึกช็อคเมื่อเห็นมีการสังหารหมู่ประชาชนที่ Apollo Square จึงได้ถามไรอันถึงการฆ่าคนบริสุทธิ์ ซึ่งไรอันตอบว่าไม่มีความบริสุทธิ์อะไรทั้งสิ้น มีเพียงแต่ว่าเป็นพวกของเขาหรืออยู่ฝ่ายตรงข้าม จากนั้นเป็นต้นมาไรอันก็ไม่ได้ให้ความสนใจหล่อน ทำให้McClintock ตัดสินใจออกตามหา Atlas และพวก เมื่อเธอมาถึง Apollo Square ก็พบว่าการ์ดของไรอันได้เผาผู้หญิงที่พยายามหลบหนีจนเป็นตอตะโก เธอจึงได้ติดสินบนการ์ดคนหนึ่ง เพื่อปล่อยเธอมายังHestia Chambers จนในที่สุดเธอก็ได้เข้าร่วมกับAtlas ซึ่งให้เธอเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการในการแย่งชิงสิ่งของและโจมตีsplicersของไรอัน และได้รับความไว้ใจให้อยู่ใกล้ชิดAtlas วันหนึ่งขณะที่เธอได้อัดเทปถึงความสำเร็จในการเอาชนะBig Daddies และได้AdamมาจากLittle Sisters อยู่ในออฟฟิศของAtlas เผอิญเธอได้ยินเขาก็กำลังอัดเทปในร่างของFontaine ซึ่งไม่ต้องการเสี่ยงที่จะให้ความลับรั่วไหล Atlas/Fontaine จึงได้ฆ่าเธอในออฟฟิศนั้น


#5 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:26 AM

===============================================================================
Paradise Lost - สวรรค์ล่ม
===============================================================================
สงครามกลางเมืองได้ดำเนินต่อไป ความต้องการของAdamมากเกินกว่าการผลิตมัน “ไม่ว่าฝ่ายใดก็ต้องการเพื่อในการต่อสู้และรักษาอาการบาดเจ็บ ฝ่ายsplicersของไรอัน เริ่มทนทุกข์จากการบาดเจ็บทั้งทางกายและจิตใจ จึงได้สวมหน้ากากกระต่ายที่ได้มาจากการโจมตีKashmir Restaurantในงานเลี้ยงวันปีใหม่ เพื่อปกปิดใบหน้าไม่ให้จำได้ ออกอาละวาดทั่วทั้งRapture ฝ่ายAtlasก็เผชิญปัญหาเลวร้ายไม่น้อยไปกว่าทางไรอัน เนื่องจากการสูญเสีย Fontaine Futuristicsซึ่งเคยใช้เป็นแหล่งผลิตAdamจากLittle Sisters ฝ่ายPeach Wilkinsและพวกก็ได้ขังตัวเองอยู่ในFontaine Fisheriesเพื่อป้องกันตัวจากไรอันและFontaine ที่เขาคิดว่ายังไม่ตาย ทำให้เมืองทั้งเมืองตกอยู่ในสภาพอัมพาต หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมจากความเสียหาย McDonaghได้ร้องขอไรอันให้มอบFontaine Futuristicให้แก่Atlas เพื่อเจรจาสงบศึกแต่ไรอันไม่ยอมกลับยิ่งเร่งเพิ่มกำลังกองทัพ และคิดค้นplasmidsใหม่ๆ เพื่อกำจัดAtlas
ช่วงเวลานี้เองมีหลายคนเริ่มที่หาหนทางจะกำจัดไรอัน McDonaghเองถึงกับปฏิญาณที่จะฆ่าไรอันเพื่อช่วยRapture แต่ก็ไม่สำเร็จและถูกไรอันเผาและแขวนประจานไว้ในห้องtrophy room Anya Andersdotterดีไซน์เนอร์ออกแบบรองเท้าผู้หญิง เป็นอีกคนที่ลูกสาวถูกRyan Industriesจับตัวไป ตัดสินใจที่จะลอบสังหารไรอันด้วยอีกคน จากการที่หล่อนหมดสิ้นทั้งลูกสาว ความศรัทธาในตัวไรอันและเมืองRature ขณะที่Kyburzหัวหน้าวิศวกรในHephaetusก็เป็นอีกคนที่วางแผนกำจัดไรอัน เขาได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดและพบว่าไรอันได้ขังตัวเองในออฟฟิศ ซึ่งเต็มไปด้วยsplicerการ์ด วิธีเดียวที่จะเข้าถึงตัวไรอันได้คือ ต้องใช้ระเบิดEMP Bombเพื่อทำลายระบบวงจรประตูที่ป้องกันไรอันอยู่ Andersdotterเริ่มแผนด้วยการยั่วยวนและหลับนอนกับช่างเครื่องคนหนึ่ง จนกระทั่งเขาเปิดเผยว่า ต้องทำการโอเวอร์โหลดแกนกลางของHarmonic Core#3เพื่อจะเข้าถึงตัวไรอันได้ เธอจึงได้สืบต่อไปในส่วนของLower Heat Loss Monitoring และได้พบกับ Pablo Navarroและได้หลับนอนกับเขาอีกจนในที่สุดเขาได้หาเธอมายัง work shopของ Kyburz ฝ่ายKyburzเองเริ่มมีอาการทางประสาทหวาดระแวงเนื่องจากระเบิดของเขาใกล้สำเร็จ คิดว่าAndersdotterเป็นสปายที่ไรอันส่งมาสืบความลับ จึงได้รายงานไปว่าเธอเป็นพวกของAtlas ทำให้เธอถูกsplicersของไรอันฆ่าและถูกนำไปแขวนไว้ในห้อง trophy room ตรงข้ามกับMcDonagh ส่วนKyburzเองก็ถูกฆ่าตายก่อนที่จะทำระเบิดสำเร็จ
ดูเหมือนว่าการลอบสังหารไรอันจะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ถูกฆ่าจากระบบรักษาความปลอดภัยของไรอัน ก็ฆ่ากันเอง สิ่งต่างๆดูเหมือนจะเลวร้ายสำหรับAtlas จนเขาต้องตัดสินใจจัดการนำ Jack Ryan กลับมาสู่ Rapture


#6 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:30 AM

เริ่มเกม..........
===============================================================================
Welcome to Rapture - ต้อนรับสู่ Rapture
===============================================================================

"They told me, 'Son, you're special. You were born to do great things'. You know what? They were right."
“พวกเขาบอกฉัน “ลูกเอ๋ย เจ้าเป็นคนพิเศษ ลูกเกิดมาเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่” คุณรู้ไหม พวกเขาพูดถูก”

- Jack Ryan


เท่าที่ Jack Ryan จำได้ เขาอยู่กับครอบครัวแห่งหนึ่งอย่างสงบสุขอย่างสงบสุขในฟาร์ม ประเทศอเมริกา คืนหนึ่งเมื่อเขาตื่นขึ้นมาพบว่ากำลังอยู่บนเครื่องบินที่กำลังบินเหนือหมาสมุทรแอตแ
ลนติก มีกล่องของขวัญที่ห่อไว้ พร้อมโน็ตลึกลับที่ติดอยู่


To Jack with love ......ถึงแจ็คลูกรัก
from Mom & Dad........จากพ่อและแม่
Would you kindly not open until: 63* 2' N 29* 55' W XXX OOO
ช่วยกรุณาอย่าเปิดอ่านจนกระทั่งถึงพิกัด 63* 2' N 29* 55' W XXX OOO


เมื่อถึงเวลาJackได้เปิดกล่องของขวัญดังกล่าวและพบปืนลูกโม่ในนั้น ด้วยเหตุใดไม่แน่ชัด Jack ได้ลงมือยึด(hijack)เครื่องบิน ตามมาด้วยกับความมืดมิดพร้อมเสียงหวีดร้องของเหล่าผู้โดยสาร เครื่องบินได้ตกลงสู่หมาสมุทรอันดำทะมึนด้านล่าง
เมื่อJackรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าเขากำลังจมอยู่ใต้น้ำลึก ทำให้เขาต้องรีบตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำ และด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง ทำให้รีบว่ายเข้าสู่แผ่นดินเล็กๆที่อยู่ใกล้ซึ่งเป็นที่ตั้งของประภาคาร โดยต้องหลีกเลี่ยงเปลวเพลิง และซากปรักหักพังจากเครื่องบินที่รายล้อมเขา
ด้วยสัญชาตญาณบางอย่าง ทำให้เขาว่ายน้ำมาถึงสิ่งก่อสร้างแล้วจึงได้ลงบันไดไปจนพบเรือดำน้ำทรงกลม เมื่อได้สับคันโยกของมัน เรือดำน้ำได้ค่อยๆดำลงสู่เบื้องล่าง สุนทรพจน์ที่อัดไว้โดยAndrew Ryanเริ่มเล่นและภาพของมหานครอันสวยงามใต้น้ำปรากฏแก่สายตาเขา ซึ่งRyanเรียกมันว่า Rapture
ระหว่างนั้นก็มีเสียงมาจากวิทยุสื่อสารติดตามตัว ที่ติดอยู่ที่ข้างผนังของเรือดำน้ำดังขึ้น ชายที่ชื่อAtlasได้กำลังสื่อสารกับชายอีกคนที่ชื่อJohnny Atlasเห็นซากเปลวเพลิงบนพื้นผิวน้ำและเป็นคนส่ง Johnny ขึ้นไปช่วยเหลือผู้ที่รอดจากเหตุการณ์ดังกล่าวและกำลังใช้เรือดำน้ำดำลงมา ทันใดนั้นJohnny ก็เปล่งเสียงร้องด้วยความสะพรึงกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีsplicer ได้จู่โจมเขาและลงมือควักไส้เขาออกมา ซึ่งสร้างความตระหนกให้กับJack ผู้ซึ่งมาถึงและเห็นเหตุการณ์พอดี


"Would you kindly pick up a crowbar or something."
“ช่วยกรุณาหยิบแชลงหรืออะไรก็ได้ที”
- Atlas


Atlasสั่งให้Jackเก็บวิทยุไว้และแนะนำตัวเอง พร้อมร้องขอที่จะนำทางให้Jackเพื่อความปลอดภัย Jackเมื่ออกจากเรือดำน้ำมายังRapture Metro station ก็ได้ต่อสู้กับsplicerด้วยประแจที่เก็บได้ จนกระทั่งพบเครื่องGatherer’s Garden machineที่อยู่ชั้นบนของที่เขาต่อสู้ Jackเหมือนถูกบังคับให้หยิบเอาหลอดฉีดplasmidที่ถูกทิ้งไว้เหนือตู้มาฉีดข้อมือที่มี
รอยสักของเขา ร่างของJackราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าวิ่งทั่วชีพจร และเขาก็ล้มลงด้วยความเจ็บปวด


"Look Mr. Bubbles. It's an angel. I can see light coming from his belly. Wait a minute...
He's still breathing. It's all right, I know he'll be an angel soon."
“ดูสินายบับเบิ้ล นี่มันแองเจิ้ลนี่นา ฉันเห็นแสงออกมาจากท้องของเขา แต่เอ๊ะเดี๋ยวก่อน....
เขายังหายใจนี่นา ไม่เป็นไรฉันรู้ว่าในไม่ช้าเขาก็ต้องกลายเป็นแองเจิ้ล”
- Little Sister


เมื่อJackฟื้นคืนสติก็พบว่ามีsplicerสองคนอยู่ใกล้ๆและเตรียมจะลงมือจัดการเขา แต่เขาก็รอดพ้นด้วยช่วยเหลือจากBig DaddyและLittle Sister ซึ่งLittle Sisterเข้าใจผิดคิดว่าเขาตายแล้วและจะเข้ามาดูดAdamจากเขา แต่เมื่อพบว่าJackยังไม่ตายจึงได้จากไป Jackเองจึงได้รีบหนีออกมาและมุ่งตรงไปยัง Kashmir Restaurantที่ถูกทิ้งร้าง ที่นี่เองAtlasได้วิทยุขอร้องให้Jackช่วยเหลือครอบครัวของเขาที่ติดอยู่ใน Neptune’s Bounty

#7 ball360

    นักเล่นเกมมือฉกาจ

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 503 posts

Posted 21 February 2009 - 10:32 AM

เพิ่งรู้เนื้อเรื่องก็คราวนี้เองเพราะก็สงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆต้องมาจัดการกับเจ้า Atlas ด้วย ขอบคุณกับบทความดีๆครับ yoyo_53.gif

#8 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:34 AM

"So tell me, friend, which one of the bitches sent you? The KGB wolf? Or the CIA jackal? Here's the news: Rapture isn't some sunken ship for you to plunder, and Andrew Ryan isn't the giddy socialite who can be pushed around by government muscle."
“บอกข้ามา สหาย ลูกหมาตัวไหนส่งแกมา? ไอ้ชั่วช้าKGB? หรือไอ้ปลิ้นปล้อนCIA? ไปบอกมัน Rapture ไม่ใช่เรือที่อัปปางสำหรับมันที่จะเข้ามาปล้นสะดม และ Andrew Ryan ก็ไม่ใช่คนที่รัฐบาลแกจะมาใช้กำลังบังคับปั่นหัว”
- Andrew Ryan


เมื่อJackมาถึงทางเข้าของNeptune’s Bounty ระบบรักษาความปลอดภัยของไรอันก็ตรวจจับได้และได้ล็อคประตูทางเข้า จากคำแนะนำของAtlas Jackจึงเปลี่ยนทางไปยัง Medical Pavilion ที่ซึ่งมีทางลับเข้าสู่Neptune’s Bounty.ใช้ในกรณีมีเหตุฉุกเฉิน แต่ก็ถูกขัดขวางเมื่อ Andrew Ryan ปรากฏตัวเผชิญหน้าJackผ่านทางprojection โดยไรอันกล่าวหาJackว่าเป็นสายลับของCIAหรือKGBส่งลงมาเพื่อยึดครองRapture ด้วยเหตุนี้ไรอันจึงสั่งฆ่าJackโดยใช้ระบบรักษาความปลอดภัยรวมไปถึงสั่งกองทัพ splicersที่ถูกควบคุมด้วยสารระเหยที่คิดค้นโดยSuchong และอัดเข้าสู่ระบบจ่ายอากาศของเมือง แต่Atlasสามารถแฮคระบบช่วยให้Jackหนีเข้าไปในMedical Pavilionได้ทันเวลาก่อนที่เหล่าsplicersจะเข้ามาจู่โจม
เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งMedical Pavilion ถูกใช้เป็นที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วย แต่เมื่อplasmid เป็นที่แพร่หลาย การรักษาความเจ็บป่วยก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป จึงกลายเป็นสถานที่ใช้ศัลยกรรมสำหรับคนที่ใช้plasmid แล้วเกิดความผิดปกติกับร่างกาย Dr. Steinmanเป็นหมอศัลยกรรมพลาสติกที่มีชื่อเสียงที่สุดในRapture มีคลินิคDr. Steinman’s Aesthetic Ideasที่ใช้ในการผ่าตัดคนไข้ ซึ่งต่อมา Dr. Steinman เกิดอาการวิกลจริต และได้สังหารคนไข้เป็นจำนวนมากเมื่อมาทำการรักษากับเขาโดยการแล่เนื้อขณะทำการผ่าตัด เมื่อJack มาถึงยัง Medical pavilion Atlasได้บอกว่า Dr. Steinman เป็นผู้ถือกุญแจที่จะใช้เปิดทางฉุกเฉินไปยัง Neptune’s Bounty หลังจากใช้ Incinerateและ Telekinesis plasmids ที่Jackได้มาใหม่ในการจัดการกับอุปสรรคในการตามหา Dr. Steinman Jackจึงได้ฆ่าเขาและยึดเอากุญแจมา
ขณะที่Jackมุ่งตรงไปยัง Neptune’s Bounty เขาได้พบLittle Sisterระหว่างทางคนหนึ่งที่ไม่มี Big Daddyเป็นการ์ดคอยคุ้มครอง AtlasบอกJackให้ทำการHarvestเด็กคนนั้นเพื่อที่จะได้Adamสูงสุด แต่จะมีผลต่อเนื่องทำให้เด็กคนนั้นตาย ทันใดนั้นTenebaumก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ที่ระเบียงชั้นบนและร้องขอJackให้ช่วยเด็กคนนั้
นแทน ซึ่งจะให้Adamน้อยกว่า Tenebaumได้โยน antidote plasmid ให้กับJackเพื่อรักษาLittle Sister ให้พ้นจากอาการความต้องการAdam และยังสัญญาว่ามันจะมีประโยชน์ต่อตัวเขาเองถ้าใช้มัน
หลังจากใคร่ครวญด้วยความรอบคอบแล้ว Jack จึงตัดสินใจจัดการกับLittle Sisterและมุ่งหน้าต่อไปสู่ Neptune’s Bounty


#9 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:37 AM

Neptune’s Bounty เป็นที่ๆชาวประมงของRaptureอยู่รวมกัน ช่วงเวลานั้นกลายเป็นแหล่งของอาชญากรรม มีข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับการลักลอบขนของเถื่อนที่นี่ แต่ ก็ไม่มีหลักฐานใดๆที่สามารถค้นเจอ เมื่อมาถึงแล้วJack ได้ตรงไปยัง Fotaine’s Fisheries ซึ่งพบว่าประตูล็อคอยู่ Peach Wilkins ผู้ซึ่งซ่อนตัวเองและลูกน้องไว้ในนั้น แนะนำตัวเองต่อJack และบอกว่า Atlasได้วิทยุมาบอกเขาก่อนแล้วว่าให้ Jack ผ่านเข้าไป Wilkins ซึ่งไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว Atlas ก็คือ Fontaine เตือนJackอีกด้วยว่า เขาจะจัดการกับJack ทันที ถ้ารู้ว่าทำงานให้กับFontaine และเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนกับการใช้ทางในห้องแช่แข็ง ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะไปหาครอบครัวของAtlasได้ Wilkinsจึงขอให้Jack ไปเอากล้องที่ออฟฟิศของท่าเทียบเรือและถ่ายรูปsplicersมาให้เขา ช่วงเวลานั้นเองAtlasก็ได้คร่ำครวญและเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมียและลูกของเขา MoriaและPatrick Jack เองซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาทั้งสิ้น และชื่อของคนทั้งสองก็เอามาจากนักแสดงที่มีชื่อเสียงใน Rapture

เมื่อJackได้กล้องที่สามารถถ่ายและวิเคราะห์พันธุกรรมได้ จึงถ่ายรูปและนำรูปถ่ายมาให้Wilkins ซึ่งWilkinsก็รักษาสัญญาที่ให้ไว้ ให้Jackผ่านเข้ามา แต่ขอให้ปลดอาวุธให้หมด โดยทิ้งลงในท่อลมส่งของด้านหน้า Jack ได้ทำตามและถูกซุ่มโจมตีจาก Wilkinsและพวกเนื่องจากเข้าใจว่าJackทำงานให้กับFontaine หลังจากที่ใช้plasmidที่มีเหลืออยู่จัดการกับWilkins และพวกแล้ว Jackจึงได้อาวุธทั้งหมดคืนกลับ และใช้ทางลับที่นำไปสู่ที่ซ่อนตัวของพวกลักลอบขนของเถื่อน Smuggler’s Hideout

Smuggler’s Hideout เป็นที่สำหรับจอดเรือดำน้ำที่พวกลักลอบขนของเถื่อนใช้ Jackได้มุ่งตรงไปยังเรือดำน้ำที่ซึ่งใช้เป็นที่คุมขังครอบครัวของAtlas
เมื่อถึงจุดนัดพบ Atlasบอกให้Jackกดสวิทช์เพื่อเปิดประตูให้เขาสามารถเข้าไปได้ ทันใดนั้นเองไรอันได้ส่งพวกsplicersลงมาโจมตีและเรือดำน้ำถูกระเบิดสนั่นหวั่นไหว Atlasปฏิญาณว่าจะล้างแค้นไรอันให้ได้และบอกให้Jack มุ่งหน้าต่อไปยังArcadia

Arcadiaถือเป็นปอดของเมืองRapture มันเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่และเล็กนานาพรรณ ที่ผลิตออกซิเจนให้กับเมือง เป็นสวรรค์ของชาวเมืองไว้ใช้ในการพักผ่อนจากการงานที่เคร่งเครียด ซึ่งต่างจาก Fort Frolic ที่เต็มไปด้วยแสงสี ผู้คนสามารถมาหาความสงบเงียบได้จากสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Waterfall Grottos หรือ Tea Garden

Atlasบอกให้Jackไปใช้ Metro stationใน Arcadia โดยผ่านทางRolling Hills ระหว่างทาง Jack ได้พบกับพวก Saturnine ซึ่งเป็น Houdini splicers ที่คลั่งในพิธีกรรมและเชื่อว่าได้อำนาจมาจากเทพเจ้า เมื่อมาถึงMetro Station ไรอันได้ล็อคมันและปล่อยแก็สสู่Arcadiaเพื่อฆ่าต้นไม้ทั้งหมด ทำให้Jackไม่สามารถทิ้งที่นี่ไปได้เนื่องจากถ้าไม่มีต้นไม้ Arcadiaก็จะไม่มีออกซิเจนใน Rapture Atlas จึงให้Jack ไปหาJulie Langfordที่ออฟฟิศของเธอเผื่อจะสามารถหาทางช่วยเหลือ

Langford นั้นเป็นนักพฤกษศาสตร์ และได้มาทำงานกับไรอันที่Raptureแห่งนี้ เธอค้นพบวิธีการทางวิศวกรรมพันธุศาสตร์ในการชุบชีวิตพืชพรรณที่ตายได้ ซึ่งเธอเรียกมันว่า Lazarus Vector ที่สามารถใช้ลบล้างพิษที่ไรอันใช้ได้ หลังจากที่Jackได้ชิ้นตัวอย่างของRosa Gallica และนำมาให้เธอที่ออฟฟิศ ไรอันได้รมแก็สพิษเมื่อJackมาถึง ก่อนสิ้นใจ Langford ได้เขียนรหัสที่ใช้ในการเปิดเซฟไว้บนหน้าต่างออฟฟิศ ซึ่งในเซฟนั้นมีส่วนผสมที่ต้องการของ Lazarus Vector และกุญแจที่ใช้เข้าสู่ Farmer’s Market ที่ๆซึ่งสามารถหาส่วนผสมดังกล่าว
หลังจากที่Jackรวบรวมวัตถุดิบต่างๆใน Farmer’s Market ได้แล้ว จึงกลับไปที่ออฟฟิศของ Langford เพื่อใช้เครื่องมือผสมวัตถุดิบต่างๆเข้าด้วยกัน ไรอันเองได้ถือโอกาสส่ง splicers จำนวนมากเข้ามาขัดขวางขณะทำการผสม Lazarus Vector Jackสามารถจัดการกับsplicersเหล่านั้นลงได้ และปล่อย lazarus vector เข้าสู่อากาศคืนชีวิตให้ต้นไม้ทั้งหมดที่ตายกลับคืนมา และได้มุ่งหน้าไปยัง Metro station เพื่อเดินทางสู่จุดหมายต่อไป Fort Frolic


#10 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:42 AM

Fort Frolic เป็นอีกสถานที่หนึ่งในRapture ที่ประชาชนใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ มีทั้งร้านค้าหรูๆสำหรับการช็อปปิ้ง บ่อนการพนัน โรงละคร ใจกลางมีห้องโถงขนาดใหญ่ที่หลากหลายไปด้วยสิ่งบันเทิงที่อยู่เรียงราย เครื่องสล็อตแมทชีน ,Sir Prize: Games for Chance, Eve’s Apple คลับเต้นรำจากต่างประเทศ , Fleet Hall โรงละครที่ปกติใช้จัดแสดงดนตรีและโอเปร่า เมื่อJackมาถึง Fort Frolic, Sander Cohenก็ได้ตัดสัญญาณการติดต่อกับAtlas และสัญญาจะปล่อยJackไป ถ้าเขาช่วยกำจัดเหล่าลูกบุญธรรมที่คิดตีตัวออกห่าง Patrick, Cobb, Martin Finnegan และHector Rodriguez และถ่ายรูปศพทั้งสี่มาแขวนไว้ห้องโถงตรงกลาง Jackเมื่อทำสำเร็จ Cohenจึงอนุญาตให้เขาไป


"Would you kindly get to Ryan's office and kill the son of a bitch?"
"ช่วยกรุณาเข้าไปในออฟฟิศของไรอัน แล้วฆ่าไอ้ลูกหมานั้นที"
- Atlas


เมื่อJackมาถึงHephaestus ก็ได้มุ่งตรงไปยังออฟฟิศของKyburz และพบว่าเขาได้ประดิษฐ์ระเบิด EMP bomb ใกล้จะสำเร็จแล้ว Jackได้ทำระเบิดต่อจนสำเร็จและได้นำไปติดกับแกนกลางของHephaestus เพื่อทำลายระบบจ่ายไฟให้กับประตูป้องกันภัยที่ขวางทางเข้าออฟฟิศไรอัน ณ ขณะนั้นเองไรอันได้ปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมด จากสิ่งที่เขาได้ยินจากการสื่อสารทางวิทยุของAtlas และรู้ว่าแท้จริงแล้วJackเป็นใคร Ryanจึงได้พูดทางวิทยุกับJack

#11 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:51 AM

"So far away from your family, from your friends, from everything you ever loved. But, for some reason you like it here. You feel
something you can't quite put your finger on. Think about it for a second and maybe the word will come to you: nostalgia."

“นานเหลือเกินที่ต้องเหินห่างจากครอบครัว จากเพื่อนฝูง และทุกๆสิ่งอันเป็นที่รักของเจ้าไป แต่ด้วยบางอย่างกลับทำให้เจ้าคุ้นเคยกับที่นี่
เจ้ารู้สึกว่าบางสิ่งเจ้าไม่อาจจำแนกได้ (ว่าจริงหรือฝัน) เจ้าลองหยุดตรองดู บางทีคำนี้อาจทำให้เจ้ารู้สึกตัว: nostalgia (ความสุข ความสบายใจที่ระลึกได้ เมื่อกลับมายังสถานที่ในอดีตที่คุ้นเคย : SoVeReign Boyd)

"Even in the book of lies, sometimes you find truth. There is indeed a reason for all things. And now that I see you flesh-to-flesh and blood-to-blood, I know I cannot raise my hand against you. But know this: you are my greatest disappointment."

“แม้ในหนังสือแห่งความเท็จ บางครั้งยังพบเจอความจริง เป็นเหตุผลแท้จริงสำหรับทุกสิ่ง ตอนนี้ข้าเห็นเจ้าผู้เป็นเลือดเนื้อของข้า เจ้าซึ่งข้ามิอาจนับเป็นศัตรู แต่รู้ด้วยว่า เจ้าคือความผิดหวังที่สุดของข้า...”.

"Come now, my child. There is one final thing to discuss."
“มาสิลูกข้า มีเรื่องสุดท้ายที่ต้องคุยกัน”

- Andrew Ryan


ไรอันบอกผ่านทางวิทยุว่าแท้ที่จริงแล้วJackเป็นลูกชายของเขาเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมJackถึงสามารถเดินทางไปไหนมาไหนโดยใช้เรือดำน้ำทรงกลม และ Vita-Chambers ที่ถูกกำหนดล็อคไว้ด้วยยีนส์ของไรอันเอง และเมื่อมาถึงหน้าออฟฟิศของไรอัน ก็จะมีรูปถ่ายที่ติดไว้บนผนังแสดงสายสัมพันธ์ระหว่าง Jackกับ Andrew Ryan และ Jasmine Jolene ซึ่งเป็นพ่อแม่ลูกกัน

You think you have memories. The farm, your family, an airplane, a crash, and then this place. Was there really a family? Did that plane crash or was it hijacked, forced down, forced down by something less than a man? Something bred to sleepwalk through life, until they're activated by a simple phrase spoken by their kindly master? Was a man sent to kill? Or a slave? A man chooses, a slave obeys. Come here, stop, would you kindly? Would you kindly, powerful phrase, a familiar phrase. Sit, would you kindly? Stand, would you kindly? Run, stop, turn! A man chooses, a slave obeys. Kill! A MAN! CHOOSES! A slave, obeys. OBEY!"

“เจ้าคิดว่าเจ้ามีความทรงจำหรือ ฟาร์ม,ครอบครัวเจ้า,เครื่องบิน,อุบัติเหตุ แล้วก็ที่นี่ มีจริงหรือครอบครัวที่ว่ามา เครื่องบินตกเอง หรือถูกทำให้ตก ถูกทำให้ตกด้วยบางสิ่งเกือบจะเป็นมนุษย์? บางสิ่งที่ถูกทำให้เกิดมาเพื่อนอนรอมาตลอด, จนกระทั่งถูกเจ้านายผู้เมตตาปลุกขึ้นมาด้วยวลีง่ายๆ ใช่มนุษย์หรือเปล่าที่ถูกส่งมาฆ่า? หรือเป็นแค่ทาสที่เชื่อฟัง? มนุษย์ต้องกำหนดชีวิตเอง ทาสต้องคอยรับฟังคำสั่ง. ช่วยกรุณามานี่สิ, หยุด. ช่วยกรุณา ช่างเป็นวลีที่เรียบง่าย ทรงพลัง. ช่วยกรุณานั่ง ช่วยกรุณาวิ่ง, หยุด..., หมุนตัว! มนุษย์กำหนด.ทาสเชื่อฟัง, ฆ่าเลย มนุษย์!กำหนด! ทาสต้องเชื่อฟัง ต้องเชื่อฟัง!”
- Andrew Ryan


ไรอันได้ตั้งระบบให้Raptureทำลายตัวเองก่อนที่จะเผชิญหน้ากับJackในออฟฟิศของเขา ไรอันบอกกับJackถึงการที่Atlasคอยสั่งการควบคุมเขานับตั้งแต่เข้ามาในRapture ด้วยโค้ดคำสั่ง ”ช่วยกรุณา” หลังจากที่พูดจบ ไรอันก็ได้ใช้โค้ดคำนั้นสั่งให้Jackฆ่าเขาด้วยไม้กอล์ฟ นี่แสดงให้เห็นถึงสิ่งสำคัญสองอย่างว่า ไรอันต้องการจะตายด้วยเงื้อมือของตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่า เขาควบคุมทุกอย่างได้แม้จุดจบของชีวิต เขาได้ปิดเครื่อง Vita-Chamber ที่อยู่ในออฟฟิศเขา เพื่อไม่ให้ชุบชีวิตเขาขึ้นมาใหม่ และเขายังต้องการให้Jackตระหนักว่า ตอนนี้เขาตกเป็นทาสและหุ่นเชิดเพื่อที่ให้เขาค้นหาตัวAtlasและทำการแก้แค้น

เมื่อไรอันตายแล้ว Atlasก็ได้เปิดเผยตัวจริงแก่Jackว่าเขาคือFrank Fontaine Fontaineได้สั่งให้JackปิดระบบทำลายตัวเองของเมืองRapture เมื่อJackทำสำเร็จแล้ว Fontaineก็ได้ทิ้งให้Jackไว้เพื่อให้ถูกฆ่าตายด้วยระบบรักษาความปลอดภัยของไรอัน ปรากฏว่ามี Little Sisterออกมาช่วยนำทางให้Jackหนีออกจากออฟฟิศ ขณะที่กำลังหนีโดยคลานในช่องลับใต้ดิน Jackก็พลัดตกลงไปในร่องและสิ้นสติไป


เมื่อJackฟื้นคืนสติก็พบว่าอยู่ในเซฟเฮาส์ ซึ่งอยู่ในอุโมงค์ระบายน้ำใต้ Olympus Heights และจึงรู้ว่าTenenbaumส่งLittle Sisterไปช่วยเขาออกมา Tenenbuamได้แก้ไขยีนส์ส่วนที่ทำให้Jackตกเป็นทาสของFontaineขณะที่เขาหลับอยู่ เพื่อให้ค้นพบความลับเกี่ยวกับตัวเขาทั้งหมด Tenenbuamจึงให้เขาไปสืบหาคำตอบที่ห้องพักของSuchongในMercury Suites

เมื่อJackออกมาจากเซฟเฮาส์แล้ว Fontaineพยายามฆ่าเขาโดยใช้โค้ดคำสั่งให้ไปสู้กับBig Daddies ปรากฏว่าคำสั่งนี้ใช้ไม่ได้ผลกับJackแล้ว เนื่องจากการรักษาของTenebuam แต่Fontaineยังมีแผนสำรอง และได้ใช้ Code Yellow ซึ่งจะทำให้หัวใจของJackเต้นช้าลงเพื่อฆ่าเขา ทำให้เขาต้องรีบมุ่งหน้าไปยังห้องพักของSuchong และเขาพบไดอารี่ที่บอกวิธีแก้ไข ซึ่งคือPlasmid “Lot 192” ที่Suchongคิดค้นไว้ให้Fontaine เพื่อกรณีที่Jackตกไปอยู่ในมือคนอื่น โชคดีที่Tenebuamได้ขโมยยามาบางส่วนแต่ลืมทิ้งไว้ที่อพาร์ตเมนต์เก่าของเธอ Jackรีบเร่งไปยังอพาร์ตเมนต์เพื่อเอายาดังกล่าว แต่ถูกขัดขวางโดย Sander Cohen และJackได้จัดการเขาก่อนที่จะพบว่ายาดังกล่าวถูกย้ายไปยังเพนส์เฮาส์ของ Fontaineแล้ว Jackสามารถเข้าไปยังอพาร์ตเมนต์ของFontaineได้ โดยอาศัยรหัสจากปาปารัสซี่ที่แอบรู้โค้ดรหัสลับทางขึ้นลิฟท์ จนในที่สุดJackพบplasmid lot 192 ดังกล่าวที่Tenebuamโขมยมา

แต่หลังจากใช้plasmidsดังกล่าวทำให้เกิดอาการข้างเคียง ในการควบคุมการใช้plasmidsของเขาเนื่องจากจำนวนยาไม่เพียงพอ Tenebuamบอกให้Jackไปค้นหายาส่วนที่เหลือในห้องทดลองของSuchong เมื่อได้ยาส่วนที่เหลือเพื่อแก้อาการข้างเคียงแล้ว TenebuamจึงนำทางJackให้ไปยัง Point Prometheus ที่ซึ่งเขาจะได้เผชิญหน้ากับ คนที่สร้างเขาขึ้นมา


#12 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:55 AM

เมื่อJackมาถึงPoint Prometheus เขาฉับพลันเห็นและไล่ตามFontaineไป แต่ถูกหินถล่มขวางทางทำให้Fontaineหลุดรอดหนีเข้าประตูพิพิธภัณฑ์ไปได้ วิธีเดียวที่จะเข้าไปได้ต้องให้ Little Sister ช่วยมุดไปเปิดประตู และจะทำอย่างนั้นได้ Jackต้องปลอมตัวเองเป็นBig Daddy Jackได้สำรวจทั่วPoint Prometheus เพื่อรวบรวมส่วนประกอบและชุดของBig Daddy เมื่อครบแล้วJackจึงได้ใช้ประแจเคาะผนังที่มีรูเรียกLittle Sister ออกมาเพื่อช่วยนำทาง

ระหว่างเดินทางร่วมกัน Little Sisterยังคงฝังในจิตสำนึกในการเก็บAdamจากซากศพที่พบ แม้จะได้รับการรักษาบรรเทาจากJackแล้ว ทำให้Jackต้องเสียเวลาคอยปกป้องเธอจากเหล่าผู้โจมตี ในที่สุด Little Sisterก็นำJack มาจนสุดทางของพิพิธภัณฑ์ และก่อนจากไปได้ให้เข็มฉีดยาแก่เขา เนื่องจากรู้ว่าจำเป็นต้องใช้ในการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง Jack จัดเตรียมความพร้อมของอาวุธเพื่องานชิ้นสุดท้ายของเขา การจัดการกับFrank Fontaine

เมื่อJackออกมาจากลิฟท์ ก็พบFontaineตรึงตัวเองอยู่ในเครื่อง เพื่อฉีดเอา Adam, Plasmids และTonics ทั้งหมดที่มีอยู่เข้าในตัวเอง และกลายร่างเป็นอสูรกาย Tenebuam บอกJack ว่าวิธีเดียวที่จะเอาชนะมันได้ คือต้องใช้เข็มฉีดยาที่Little Sisterให้มา ดูดเอาAdamทั้งหมดในร่างของ Fontaine ออกมา ขณะที่JackเกือบจะดูดเอาAdamส่วนสุดท้ายออกจากร่างFontaineที่เป็นอสูรกายได้ กลับถูกเตะออกมาและเกือบจะเสียท่า ทันใดนั้นเหล่า Little Sisters ก็ปรากฏตัวออกมาช่วยรุมดูดAdam ออกจากร่าง และได้ฆ่าFontaineจนตาย โดยระดมแทงด้วยเข็มฉีดยา


#13 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 10:59 AM

ไม่มีใครทราบแน่ชัดหลังจากนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น บ้างก็ว่าเหล่า Little Sisters เสนอให้Jack อยู่ครอบครองเมืองต่อไป แต่เขาปฏิเสธ และตัดสินใจกลับสู่เบื้องบน โดยพาเหล่า Little Sisters กลับไปกับเขาเมื่อเหล่าทีมช่วยผู้ประสบภัยมาช่วยและใช้ชีวิตอย่างปกติในโลกภายนอก Jack ในที่สุดก็มีครอบครัวของเขาเอง ซึ่งเหล่าLittle Sistersรักและอยู่คอยดูแลเขาจนวันตายอย่างสงบบนที่นอน Jack ผู้ที่คืนชิวิตให้กับเหล่าเด็กน้อย

"They offered you the city, and you refused it. And what did you do instead? What I've come to expect from you, you saved them. You gave them the one thing that was stolen from them. A chance.
A chance to learn. To find love. To live. And in the end what was your reward? You never said. But I think I know: a family."

“พวกเขาเสนอเมืองให้คุณครอบครอง และคุณปฏิเสธมัน แล้วคุณต้องการอะไรแทน เป็นสิ่งที่ฉันต้องมาคาดหวังจากคุณ คุณช่วยพวกเขา คุณคืนสิ่งหนึ่ง สิ่งที่ถูกขโมยไปจากพวกเขา โอกาสไงล่ะ
โอกาสที่จะได้เรียนรู้ ที่จะได้รัก ที่จะมีชีวิต และในที่สุดคุณได้อะไรตอบแทน คุณไม่เคยตอบ แต่ฉันคิดว่าฉันรู้ : คำว่าครอบครัว”

- Bridgette Tenenbaum


#14 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 11:03 AM

บ้างก็ว่า Jack มิอาจทานอำนาจAdamในตัวเขาได้ จึงได้ควบคุมเมืองRaptureที่เหลืออยู่ เมื่อทีมช่วยผู้ประสบภัยมาสำรวจหาผู้รอดชีวิตบริเวณประภาคาร Jackได้ส่งกองกำลัง splicers ขึ้นไปสังหารผู้มาเยือนที่ไม่พึงประสงค์ และได้ยึดหัวรบนิวเคลียร์จากเรือดำน้ำของพวกเขา

"They offered you everything, yes? And in return you gave them what I've come to expect of you, brutality. You took what you wanted, all the ADAM, all the power. And Rapture trembled, but in the end even Rapture was not enough for you. Your father was terrified the world would try to steal the secrets of his city. But not you. For now you have stolen the terrible secrets of the world."

“พวกเขาเสนอทุกอย่างให้แก ใช่ และเพื่อตอบแทนพวกเขาเป็นสิ่งที่ฉันต้องมาคาดหวังจากแก ชั่วช้าที่สุด แกยึดครองทุกอย่างที่แกต้องการ ทั้งAdam ทั้งอำนาจ Rapture ที่ถูกทำให้สั่นสะเทือนอีกครั้ง และสุดท้ายเมือง Rapture นั่นก็ยังไม่พอสำหรับแก พ่อของแกผู้ซึ่งหวาดกลัวว่าโลกภายนอกจะมาโขมยความลับเมืองของเขา แต่ไม่ใช่แก ซึ่งตอนนี้แกกลับขโมยความลับ(หัวรบนิวเคลียร์:SoVeReign Boyd)อันน่าสพรึงกลัวของโลก”

- Bridgette Tenenbaum


----- THE END -----


#15 SoVeReign

    มีเพียงหาดทราย สายลม ............

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1541 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 11:10 AM

จบแล้ว yoyo_71.gif เหอ...เหอ.... เนื้อเรื่องเอาไปทำเป็นหนังได้เลย ใครประทับใจอะไรในเกมก็มาแชร์กันได้ครับ

เกมเต็มไปหมด ซื้อมาแล้วเล่นไม่ทันจริงๆ


967339c1.gif

#16 gunner man

    นักเล่นเกมฝึกหัดระดับ 1

  • Members
  • PipPip
  • 49 posts

Posted 21 February 2009 - 11:30 AM

ขอบคุณสำหรับเนื้อเรื่องครัย baa60776.gif
แต่ยังไม่มีเวลาเล่นเลยครับ 4519626a.gif

#17 paradi

    นักเล่นเกมฝึกหัดระดับ 1

  • Members
  • PipPip
  • 40 posts

Posted 21 February 2009 - 11:37 AM

สุดยอดเลยครับ เกมนี้ผมเล่นจบไปแล้วแบบไม่ค่อยรู้เรื่องอะครับ

ตอนเล่นแรกๆก็อ่านแหละ หลังๆขี้เกียจ

#18 neang

    "เด"ราเอมอน

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 618 posts
  • Gender:Male
  • Location:Swisschaboon
  • Interests:succulent plants

Posted 21 February 2009 - 12:00 PM

สุดยอด ขอบคุณสำหรับเนื้อเรื่องและความเป็นมา ต้องกลับไปเล่นอีกรอบแล้วครับ

#19 Moo-Kung

    The X-PerimenTal Mono Society

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3700 posts
  • Gender:Male
  • Location:...* Lost Town *....

Posted 21 February 2009 - 12:30 PM

ผมยังไม่ได้เล่นเลยครับ

ขวัญอ่อน แหะๆ สงสัยต้องหามาเล่นซะแหละ

#20 xbox360RedLED

    What the F** say?

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3684 posts
  • Gender:Male

Posted 21 February 2009 - 12:30 PM

โหข้อมูลแน่นเดี๋ยวมาอ่านต่อเล่นจบยังไม่ค่อยรู้อะไรเลย