`

Jump to content





รีวิวหนัง Eagle Eye - แผนสังหารพลิกนรก


9 replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 17 February 2009 - 05:29 PM

Eagle Eye - แผนสังหารพลิกนรก


+เป็นที่รู้กันดีว่าปัจจุบัน คอมพิวเตอร์มีอิทธิพลต่อมนุษย์อย่างสูง โลกเสมือนจริงกับโลกจริงต่างกลมกลืนกันมากขึ้น และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เรากลายเป็นส่วนหนึ่งของคอมพิวเตอร์ และคอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของเรา ผู้คนผูกพันกับคอมพิวเตอร์มากกว่าเมื่อ 10 ปีก่อน หรือ 20 ปีที่แล้วมากทีเดียว . . คงจะเป็นเรื่องสนุกที่เกินคาด หากจะลองจินตนาการถึงอนาคตในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์ และคอมพิวเตอร์บ้าง และบางที . . มันอาจจะไปไกลเกินกว่าที่เราจะสามารถคาดเดาได้ถูกก็เป็นได้ . . .


+Eagle Eye เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของชายหญิง 2 คน ซึ่งถูกคอมพิวเตอร์บงการชีวิต แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และถูกเลือกให้ตกอยู่ภายใต้ชะตากรรมเดียวกัน คือมีหน้าที่ทำตามคำสั่งที่ดักรอพวกเขาอยู่ทุกทิศทุกทาง และบ่อยครั้งที่คำสั่งผ่านมาทางโทรศัพท์มือถือ และชายหญิงคู่นี้เคยคิดจะขัดคำสั่ง . . ทว่าล้มเหลว เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทรงอำนาจมาก และที่สำคัญคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ก็เป็นเพศหญิงเสียด้วย . . .

+หนังเปิดเรื่องด้วยการลอบสังหารผู้ก่อการร้ายแอฟริกัน แต่เกิดความผิดพลาด และคอมพิวเตอร์ยอมรับความผิดพลาดของประธานาธิบดีไม่ได้ เธอจึงหาทางโค่นประธานาธิบดีโดยใช้ “เจอร์รี่” (ไชอา ลาบัฟ) และ “เรเชล ฮอลโลแกน” (มิเชลล์ โมนาแกน) เป็นเบี้ยเดินเกม . . ฝ่ายชายมีฝาแฝดชื่อ อีธาน ทำงานให้กับกองทัพอากาศและเสียชีวิต คงเพราะเหตุนี้คอมพิวเตอร์ถึงเลือกเจอร์รี่ ส่วนฝ่ายหญิงเป็นคุณแม่ยังสาว ผู้เลี้ยงลูกชายวัย 8 ขวบเพียงลำพัง เบื้องต้นเหตุผลในการเลือกเรเชลไม่ปรากฏแน่ชัด แต่เมื่อเวลาเดินไป หนังก็ค่อยๆเฉลยว่าเหตุใดจึงต้องเลือกเรเชล และแซมลูกชายของเธอมาเป็นหนึ่งในหมากที่คอมพิวเตอร์วางไว้ . . .


+แปะชื่อโชว์หราว่ามีชื่อของ “สตีเว่น สปีลเบิร์ก” เป็นผู้อำนวยการสร้าง และมีเด็กในคาถาอย่างผู้กำกับ “ดีเจ คารูโซ่” จากผลงานที่น่าจดจำอย่าง The Shield และ Disturbia เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ , มีสองมือเขียนบทจากหนังบล็อก บัสเตอร์ชื่อดังอย่าง Transformers สร้างสรรค์พล็อตให้ และยังได้ดาราเด็กปั้นของสปีลเบิร์กจาก Transformers และ Indiana Jones and the Crystal Skull “ไชอา ลาบัฟ” เป็นดารานำ . . ฟอร์มทีมมือฉกาจมาซะขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจ ที่ Eagle Eye ย่อมต้องเป็นหนังขายความบันเทิงอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นหนังแอ็คชั่น ขายความมันเน้นๆ ในช่วงปลายซัมเมอร์ระดับหัวแถวเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ . . .


+และถ้าหวังเพียงแค่นั้น แน่นอนว่า Eagle Eye ก็ให้ผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการ นับตั้งแต่เปิดเรื่องออกจากจุดสตาร์ทกันเลยทีเดียว หนังมาพร้อมกับความเข้มขรึม จริงจัง เป็นหนังแอ็คชั่นแบบไฮสปีด รวดเร็ว ฉับไว แบบไม่ให้พักหายใจหายคอ อัดกันยาวชนิดรวดเดียวจบ ในแบบเดียวกับหนังแอ็คชั่นยุคใหม่อีกหลายๆเรื่อง ที่ยัดเหตุการณ์แน่นๆต่างๆเข้ามาใส่ตัวละคร และคนดูอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับที่ Die Hard 4.0 เป็น และในสไตล์เดียวกับคออเมริกัน ซีรียส์ที่ได้สนุก ลุ้นระทึกกับ 24 ทุกๆตอน . . แต่นอกจากความบันเทิง ความมัน ที่ดูจริงจัง ขึงขังแล้ว Eagle Eye ก็มาพร้อมกับความว่างเปล่า หากจะมองหาอะไรที่มากกว่า หรือว่าเหนือไปจากนั้น เพราะพล็อตที่ใช้ไม่ได้มีความสดใหม่ในตัวเรื่อง ขณะที่ประเด็นหลักของหนังเอง ก็เคยๆผ่านตากันมาตั้งแต่หนังยุค 80’s โน่นแล้ว และหากไล่กันดีๆ ในช่วงปลายยุค 90’s จนถึงต้นยุค 2000 เราก็ได้ดูหนังที่เล่นกับเรื่องราวทำนองนี้อยู่มากมาย ชนิดนับกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว . . .

+ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเฝ้าจับตาดูผู้คนด้วยเทคโนโลยีไฮเทค ชนิดเกาะติดใกล้ชิดเป็นพิเศษของรัฐบาลใน Enemy of the State หรือกับเรื่องราวในบางส่วนของ Minority Report ที่คอมพิวเตอร์ไม่พร้อมสำหรับการทำงานที่มีความยืดหยุ่นหากแต่ใช้การประมวลผลจากสิ่ง
ต่างๆ มากกว่าจะอาศัยการปรับตัว เช่นเดียวกับใน I, Robot . . ซึ่งจะว่าไป หากมองในแง่การตั้งคำถาม และการสร้างพล็อตเรื่องให้ซับซ้อน น่าติดตาม ดูแล้วร่วมลุ้นปนระทึกไปด้วยนั้น ต้องยอมรับเหมือนกันว่าเหตุที่ว่าในหนังของวิล สมิธ และทอมครูซ
สองเรื่องนั้น ทำได้ถึงกว่า แม้ในเรื่องความรวดเร็ว ฉับไวของ Eagle Eye จะเร่งพาคนดูเดินไปข้างหน้าได้เร็วกว่าก็ตามที . . แต่ก็เพียงแค่ทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปกับความเร็ว จนไม่เห็นอะไรเล็กๆน้อยๆที่ตกหล่นอยู่ข้างทาง ซึ่งที่จริงๆแล้วบางอย่างสามารถช่วยสร้างความน่าตื่นเต้นร่วมได้ด้วยซ้ำ . . .


+และหากจะมองในแง่มุมบางแง่ กับเรื่องราวที่มีใน Eagle Eye ก็จัดเป็นหนังไซไฟ-ทริลเลอร์ได้เช่นเดียวกัน คือเป็นหนังไซไฟที่ว่าด้วยความหวาดหวั่นของมนุษย์ที่มีต่อเทคโนโลยี ซึ่งอันประเด็นความหวาดกลัวในความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในหนังไซไฟ-ทริลเลอร์นั้น ส่วนใหญ่มักจะนำเสนอออกมาอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือแบบแรก มนุษย์กลัวว่าความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จะกลายมาเป็นเครื่องมือในการแสวงหา และรักษาอำนาจของผู้มีอำนาจที่ไร้มนุษยธรรม และจริยธรรม อย่างที่เคยเห็นกันมาใน Enemy of the State และ Minority Report อย่างที่บอกข้างต้น . . ส่วนแบบที่สอง ก็คือเทคโนโลยีที่ว่า กลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่มีสติปัญญาเหนือกว่ามนุษย์ เหมือนที่เคยผ่านตากันมาแล้วจากใน I, Robot และในหนังการ์ตูนที่ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมอย่าง Wall-E ที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตประดิษฐ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์มีความซับซ้อนจนเลียนพฤติกรรมเหมือนสิ่งมีชีวิต และมีวิวัฒนาการ จนสามารถคิดเองได้ และลงท้ายด้วยอาการประกาศศักดา สำแดงฤทธิ์ สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นพระเจ้า ด้วยคอยบงการ และควบคุมชีวิตมนุษย์


+ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ คอมพิวเตอร์ หรือปัญญาประดิษฐ์อย่างที่เราเห็นกันใน Eagle Eye และ I, Robot มีคุณสมบัติเด่นเหมือนๆกัน นั่นก็คือมีตาทิพย์ และหูทิพย์ที่กว้างไกล สามารถสอดส่อง สอดแนม ตรวจตรา เกาะติดตามสถานการณ์ต่างๆได้อย่างทั่วถึง มิหนำซ้ำยังมีระบบแจ้งเตือนอีกด้วย . . หากมองในแบบตลกร้าย ด้วยความตาทิพย์ หูทิพย์ของคอมพิวเตอร์ นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคุณสมบัติเด่นๆของพระอินทร์ ซึ่งก็คือเทวดานั่นเอง และเพราะการนั้นพระองค์ก็ทรงใช้ความสามารถที่ว่า ดำรงเป้าหมายหลักอยู่ที่การดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม หรือพูดง่ายๆก็คือปกป้อง และคุ้มครองมนุษย์นั่นเอง . . .

+มาถึงตรงนี้ คงไม่แปลกนัก หากจะมองว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้น ก็น่าจะได้แนวคิดมาจากจินตนาการที่ว่าด้วยเรื่องของเทพ หรือเทวดาที่ปรากฏอยู่ในความเชื่อทุกวัฒนธรรมนั่นเอง . . และหากมองไกลต่อไปอีกหน่อย พฤติกรรมกำเริบเสิบสานของสิ่งมีชีวิตประดิษฐ์ที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมา ก็ไม่ต่างกับตำนานเทวดาบางองค์ที่ทำร้าย ทำลายมนุษย์ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง และไม่ยอมทำตามคำสั่ง และคำสั่งนั้นก็เป็นคำสั่งที่ได้รับโองการจากพระเจ้า เพื่อปกป้องคุ้มครองมนุษย์เราอีกทีนั่นเอง . . และกับ Eagle Eye วาระซ่อนเร้นหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแผนลับ-ล่อลวง-ซ่อนพราง ของสิ่งมีชีวิตประดิษฐ์ ก็เป็นไปตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ เพื่อกำจัดผู้ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาตินั่นเอง . . .


+และจากเหตุผลที่ว่ามาข้างต้น ในมุมมองของผู้เขียน พฤติกรรมร้ายๆของคอมพิวเตอร์นั้นเข้าข่ายบกพร่องโดยสุจริตค่ะ และหากมองกันดีๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีทั้งหลายที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้น จริงๆแล้วก็เป็นพฤติกรรมกำเริบฤทธิ์ของมนุษย์เราเองเช่นกันที่ริอยากจะทำตัวเป็นพระ
เจ้า . . เทคโนโลยีอาจจะทำให้เรามีอำนาจเหนือธรรมชาติ เหนือมนุษย์คนอื่นๆ แต่หากเราไม่รู้จักใช้เทคโนโลยีอย่างระมัดระวัง เทคโนโลยีที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้มนุษย์ วันหน้าอาจจะทำให้เราตกเป็นทาสของมันก็เป็นได้ . . .


+ในกลุ่มทีมนักแสดง ทุกคนเล่นได้ไม่มีอะไรน่าจดจำนักในเรื่องของคุณภาพของการแสดง แต่ก็ยังรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้ . . ไชอา ลาบัฟ ดูเด็กเกินไปสำหรับตัวละครเจอร์รี่ ชอว์ แม้หนังจะปูให้เห็นว่าเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากเพียงใด แต่ไชอาก็ยังดูใส และไม่รู้สึกว่าเป็นคนกร้านโลกได้อย่างที่หนังเป็น . . ส่วน
บิลลี่ บ็อบ ธอร์นตันก็ขึ้นจอในมาดเดียวกับทอมมี่ ลี โจนส์ ใน The Fugitive ชนิดพิมพ์เดียวกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน หากแต่บทหนังไม่เปิดโอกาสให้เขาทำอะไรได้มากเท่ากับที่โจนส์ทำในหนังเรื่องนั้น ส่วนนางเอกของ
เรื่องอย่างมิเชลล์ โมนาแกน ดูจะเป็นคนเดียวที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุด แต่บทหนังปูความความสัมพันธ์ ความรักระหว่างเธอกับลูกบางเบาไปนิด ทำให้เค้นอารมณ์ดราม่ามาช่วยสร้างความระทึกได้ไม่เท่าไหร่ . . แต่ถึงจะเป็นผลงานที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่ แต่ที่ทุกคนได้แน่ๆเลยก็คือ เครดิตหนังฮิตทำเงินติดตัวเพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน . . .


+หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ คาดว่าหลายๆคนก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน คือหนังเร็ว รุกเร้า แต่ไม่ระทึก และตื่นเต้นเท่าที่ควร จุดโหว่ของหนังที่เห็นได้ชัดตลอดทั้งเรื่อง ก็คือการหาทางออกให้กับตัวละคร เพราะมากกว่าครึ่งเรื่อง เกิดจากการชี้นำของใคร “บางคน” ซึ่งทำให้หนังผ่อนความน่าตื่นเต้นไปในตัวไม่ใช่น้อย เพราะไม่ว่ายังไง ตัวละครก็ย่อมต้องมีคนหาทางออกให้อยู่ดี ขณะที่การเผยปมความเป็นมาของพี่ชายฝาแฝดของตัวเอก หรือตัวการที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง แม้ไม่กระชากใจขนาดทำให้คนดูหลังหัก แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนที่คมที่สุดของหนังไม่ใช่น้อย แม้จะปิดเรื่องด้วยการให้พระเอกเป็นอเมริกันฮีโร่จ๋าตามสูตรไปหน่อยก็ตาม . . .


+เป็นเรื่องน่าแปลกที่หนังจบ แต่อารมณ์กลับไม่จบ ผู้เขียนไม่ได้ติดอกติดใจภาพรวมอะไรของหนังนะคะ หนังดูสนุกพอดี แม้ไม่ดีมาก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป . . ทว่า สิ่งที่ค้างคาใจ ก็คือเรื่องอะไร!? ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์นี่แหล่ะค่ะ ชีวิตคนเรากำลังถูกคอมพิวเตอร์กลืนกินไปเรื่อยๆนะคะ รายละเอียดของเรามีคอมพิวเตอร์คอยเก็บรักษาอยู่ บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับเรา ที่เราอาจจะไม่รู้ข้อมูล แต่คอมพิวเตอร์รู้ . . ออกจะเป็นเรื่องน่ากลัวอยู่ไม่ใช่น้อยเหมือนกันที่ Google หรืออะไรก็ตาม สามารถบันทึกหลายๆข้อมูลของเราเก็บไว้ได้ ชีวิตของผู้คนทุกวันนี้คล้ายถูกจับตามองจากคอมพิวเตอร์เกือบตลอดเวลา และการจับตามองดูจะมีมิติเพิ่มมากขึ้นทุกขณะด้วยเช่นกัน . . .

+หลายๆสิ่ง หลายๆอย่างที่เกิดใน Eagle Eye ไม่ใช่การเพ้อฝันไปเอง คนเราสร้างคอมพิวเตอร์ให้มีฤทธิ์เดชมากขึ้น และยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ . . เมื่อทรงอำ
นาจมหาศาลแล้ว จากที่เราเป็นผู้สร้าง และเป็นผู้ควบคุม คอมพิวเตอร์ก็จะควบคุมเราบ้าง ชีวิตผู้คนครึ่งค่อนโลกในปัจจุบันนี้ขาดคอมพิวเตอร์ไม่ได้แล้วนะคะ และโลกเสมือนจริงในคอมพิวเตอร์ก็เป็นจริงมากขึ้นเช่นกัน เรื่องราวใน Eagle Eye อาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ฉะนั้นอย่าประมาทเทคโนโลยีเด็ดขาด . . และจากที่ไม่เคยรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งน่ากลัว Eagle Eye ทำให้โทรศัพท์มือดูน่ากลัว และหลอนมาก เพราะมันเป็นเหมือน “ผีเดินได้” ที่คอยติดตามพระเอก และนางเอกไปทั่วทุกหนทุกแห่ง . . ระวังโทรศัพท์มือถือของคุณไว้ให้ดีนะคะ . . .


+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว) yoyo_55.gif yoyo_55.gif


+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/?movie_id=1608 ค่ะ



QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 17 November 2009 - 08:10 PM.


#2 RONAN321

    ให้มากกว่าที่ผู้อื่นคาดหวัง...และให้ด้วยความเต็มใจเสมอ

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 14002 posts
  • Gender:Male

Posted 18 February 2009 - 02:32 AM

เรื่องนี้ดูแล้วอย่างที่น้องตูนว่าอ่ะ...คือมันไม่สุดอ่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ซะทีเดียว yoyo_55.gif

แต่มุขของหนังมันดูเชยๆซ้ำๆกับเรื่องก่อนๆ...แต่นึกชื่อไม่ออก yoyo_71.gif

#3 jaraba

    .

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3645 posts

Posted 18 February 2009 - 02:32 PM

สมควรได้ 2 ดาวครึ่งครับ มันดูแล้วเหมือนเข้าห้องน้ำไม่สุด

#4 skywalker

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 3

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1575 posts
  • Gender:Male

Posted 18 February 2009 - 11:06 PM

เอาไป 2 กะโหลก

#5 nanva

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 2

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1211 posts
  • Gender:Not Telling

Posted 20 February 2009 - 12:01 AM

ตอนดูเดาออกแต่แรกแล้วล่ะว่าจะจบยังไง (คงจะยังว่าแหละ มุขมันซ้ำไปนิด)แต่ก็ถือว่า ok น่ะนะ yoyo_16.gif

#6 grasfersia

    เซียนเกม

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 4220 posts

Posted 21 February 2009 - 10:25 PM

ก็โอเคในระดับนึงนะ

#7 PeanutXL

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 2

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1104 posts
  • Gender:Male

Posted 24 February 2009 - 08:06 AM

ผมว่าแนวเรื่องเหมือนกับ war game II เลยนะ แต่อาจจะดูล้ำสมัยกว่า บทแน่กว่า แต่ผมว่าน่าจะหา ดารานำหญิงรุ่นเดียวก่ะดารานำชาย หน่อยก็ดีนะครับแบบเป็นสีสันของเรื่อง 1894c7a1.gif

#8 natta

    เซียนเกม

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 6995 posts

Posted 03 March 2009 - 07:14 AM

2ดาวครับ ยัยคอมนี่แสบ มาก ปากก็บอกมาว่าแรนด้อมๆๆๆ ....................มันจงใจมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่นา

#9 ~Dante~

    Kenjiman

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 7876 posts
  • Gender:Male

Posted 03 March 2009 - 10:34 AM

อืมเดาง่ายไปหน่อยนะเรื่องนี้

#10 dOgnOeAt

    ผู้ชายใจหมา

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 2704 posts
  • Gender:Male
  • Interests:Chelsea FC
    Diablo Series
    DMC and KOF

Posted 01 June 2009 - 03:38 AM

ผมนึกถึง Minority Report อะครับ แนว ๆ เดียวกันเป๊ะ

ผู้ช่วยผู้กำกับก็คนเดียวกัน (สปีล เบิร์ก)