+จากที่จะทำเป็นตอนไพล็อตฉายเฉพาะสำหรับโทรทัศน์ . . ไปๆมาๆ จอร์จ ลูคัสก็หยิบงานอมตะของตายชิ้นเดียวของตัวเองมาลงจอใหญ่เข้าจนได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยเปิดโอกาสให้ The Clone Wars ฉบับที่จะลงจอทางทีวีนั้น ได้รับความสนใจมากขึ้นไปด้วย เพราะกับการปล่อย Star Wars : The Clone Wars ฉายในโรงภาพยนตร์จอใหญ่นั้น ยังไงซะก็ย่อมได้กลุ่มผู้ชมที่กว้างกว่าการออกอากาศทางโทรทัศน์อยู่แล้ว . . อย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ใช่แค่คนที่มีช่องการ์ตูน เน็ทเวิร์คเท่านั้น ที่จะมีโอกาสได้ชมอะนิเมชั่นเรื่องนี้ . . .
+ Star Wars : The Clone Wars จับความเปิดเรื่องต่อจาก Episode II – Attack of the Clones ทิ้งเอาไว้ทันที เมื่อเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น และเป็นเหตุให้ลูกชายหัวแก้วของ “แจ็บบ้า เดอะ ฮัทท์” ถูกจับตัวไปด้วยแผนร้ายของฝ่ายซิธ . . ทางฝ่ายสาธารณรัฐจึงส่งอัศวินเจได 2 นาย “อนาคิน สกายวอล์คเกอร์” และ “โอบีวัน เคนโนบี” เดินทางไปช่วยเหลือ เพื่อหวังผูกมิตรกับสลัดอวกาศอย่างแจ็บบ้า โดยคาดว่าแจ็บบ้าจะยอมเปิดเส้นทาง ณ ริมขอบจักรวาลที่อยู่ในความดูแลให้กับฝ่ายสาธารณรัฐใช้ . . .
+แต่ในเวลานั้น ทั้งอนาคิน และโอบีวัน ต่างก็กำลังรบติดพัน ขณะที่อนาคินเองก็ยังมีพันธะ ต้องดูแลพาดาวันของตัวเองที่ชื่อ “อโศกา” ไปด้วย (บทบรรยาย และบทพากย์ภาษาไทย เรียกชื่อตัวละครตัวนี้ว่า “อาโซก้า” ซึ่งหากดูลักษณะตัวละคร และธีมเรื่องของสตาร์ วอร์สแล้ว น่าจะเป็น อโศกามากกว่า) ทำให้ 2 เจไดต้องแยกทางกันไปช่วยเหลือลูกชายของแจ็บบ้า ซึ่งถูกจับขังไว้ในอารามนักบวชที่พวกซิธดูแลอยู่ โดยหารู้ไม่ว่าพวกซิธเตรียมแผนที่จะทำให้บรรดาเจไดกลายเป็นศัตรูคู่แค้นของแจ็บบ้ารอ
อยู่แล้ว . . ดังนั้นความหวังเดียวของแกแล็คซี่ก็เลยอยู่ที่อนาคิน , อโศกา ตลอดจนโอบีวันที่จะต้องปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงลงให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว สาธารณรัฐก็อาจจะพ่ายแพ้สงครามก็เป็นได้ . . นอกจากนั้น ในปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ ก็ยังดึงเอาองค์หญิงอมิดาล่าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ . . .
+จากที่เคยมีปมวาระซ่อนเร้นมากมาย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องการเมือง หรือว่าเรื่องช่องว่างระหว่างความคิด , ด้านมืดกับด้านสว่างในจิตใจคน ซุกซ่อนอยู่ หรือนำเสนอออกมาตรงๆ จะๆ ในแบบตอนก่อนๆหน้านี้ของ Star Wars ทั้ง 6 ตอน แต่กับ Star Wars : The Clone Wars ตอนล่าสุดนี้ เรื่องราวส่วนใหญ่ดูจะเน้นไปที่ฉากแอ็คชั่น และการต่อสู้ มากกว่าจะพาเรื่องราวของหนังไปได้ลึกกว่าเดิม หรือเผยให้เห็นอีกด้านหนึ่งของเนื้อหา และก็อย่างว่า เพราะอย่างไรเสียนี่ก็คืองานอะนิเมชั่น
+ฉะนั้น ไม่แปลกที่ The Clone Wars จะอัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างยานรบในอวกาศ หรือว่าการดวลไลต์ เซเบอร์ที่มีแทรกเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง รวมทั้งการวางแผนหาทางเอาชนะในสถานการณ์จนตรอก . . ซึ่งหนังก็ทำได้ถึง ชนิดที่ว่าหากเป็นแฟนนุแฟนนาของตำนาน Star Wars ที่ต้องการความมันล้วนๆ ก็น่าจะสนุกกับ Star Wars : The Clone Wars ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้ชมเด็กๆที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายในการทำงานครั้งนี้ของจอร์จ ลูคัสซะด้วย . . เพราะนอกจากหนังจะเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นอย่างที่บอกข้างต้น Star Wars : The Clone Wars ยังมาพร้อมกับอารมณ์ขันสบายๆ ที่นำมาโดยตัวละครอย่างอโศกา หรืออย่าง “มัฟฟิน” ลูกชายของแจ็บบ้า ที่น่าจะเป็นฮีโร่ หรือมาสค็อตน่ารักๆของเด็กๆได้มากกว่าอนาคิน + โอบีวัน หรือคู่หูโรบ็อต ซีทรีพีโอ กับ อาร์ทูดีทูเป็นไหนๆ
+ถึงภาพรวม จะดูเหมือนเป็นหนังกินง่ายที่ต่อยอดความสำเร็จจากชื่อของ Star Wars แต่หากมองกันดีๆ ก็ยังพอมีแง่มุมบางอย่างของตัวละครในอีกด้านให้เห็นกันเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความเจ้าเล่ห์หัวเสของโอบีวัน ที่ต่างไปจากภาพเดิมๆแบบที่เคยๆเห็นกันมา หรือกระทั่งด้านใสๆของอนาคิน ที่ไม่ค่อยได้เห็นกันในหนังใหญ่ (นับจากตอนเป็นเจไดแล้ว) แต่ก็ยังดูขัดๆกันอยู่ไม่ใช่น้อย หากมองถึงพัฒนาการของตัวละคร เพราะกับตัวแคแร็คเตอร์อนาคินใน Star Wars : The Clone Wars ไม่ว่าจะมองมุมไหน ยังไง ก็ดูจะเป็นคนละคนกับที่เห็นกันใน Attack of the Clones (EP.2) และ The Revenge of the Sith (EP.3)
+อย่างไรเสีย ก็อย่าลืมว่าอะนิเมชั่นเรื่องนี้นั้นจริงๆแล้วยังไม่จบ เรื่องราวทุกอย่างยังคงสานต่อไปอีกในฉบับซีรีย์ฉายทางทีวี แต่เท่าที่เห็น นอกจากความเป็นอะนิเมชั่นแล้ว Star Wars : The Clone Wars ก็ยังเป็น Star Wars ตอนที่ว่าด้วยเรื่องราวของสงครามโคลนเป็นหลัก ฉะนั้นเนื้อหาโดยรวมทั้งหมดของหนังก็น่าจะเน้นไปที่เรื่องราวของสงคราม การรบพุ่ง หักเหลี่ยม ชิงชัยกันอย่างไม่ต้องสงสัย และก็น่าจะมาเพื่อให้ความบันเทิงอย่างเต็มตัวเป็นหลักไม่ผิดไปจากนี้ . . ดูๆไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อ จากครั้งหนึ่งที่หนังอวกาศเชยๆแบบนี้ไม่มีแม้แต่สตูดิโอไหนจะสนใจ พอวันเวลาผ่านไป จะออกดอก งอกเงย แตกไลน์เนื้อหามาเล่าได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น . . ชื่อของ “จอร์จ ลูคัส” ยิ่งใหญ่ในโลกภาพยนตร์แค่ไหน คงไม่ต้องบอก . . คนอะไร ทำหนังเรื่องเดียว มีกินมีใช้สบายไปจนถึงโลกหน้าก็ยังเหลือ . . .
+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://hilight.kapook.com/view/23599 ค่ะ
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
Edited by rbgel, 18 November 2009 - 04:11 PM.