`

Jump to content





รีวิวหนัง Arthur and the Minimoys - อาร์เธอร์ ทูตจิ๋วเจาะขุมทรัพย์มหัศจรรย์


2 replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 28 January 2009 - 12:23 PM

Arthur and the Minimoys

-อาร์เธอร์ ทูตจิ๋วเจาะขุมทรัพย์มหัศจรรย์-


+ผลงานที่ว่ากันว่าน่าจะเป็นงานกำกับชิ้นสุดท้ายของลุค เบสซง ยอดผู้กำกับชื่อดังชาวฝรั่งเศส ที่สร้างชื่อให้กับตัวเองมาจากหนังอย่าง The Big Blue , La Fame Nikita และที่ถือได้ว่าเป็นงานระดับ "คลาสสิค" ของเขาเลยก็ว่าได้ กับ The Professional หรือ Leon ที่นอกจากจะทำให้เบสซงเป็นที่รู้จักในวงกว้างแล้ว ยังเป็นผลงานแจ้งเกิดทั้งนาตาลี พอร์ตแมน และฌอง เรโน่อีกด้วย . . .


+แต่หลังจาก Leon งานต่อๆมาของเบสซงดูเหมือนว่าจะเน้นไปที่การทำงานขายความบันทิงเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในตำแหน่งของผู้กำกับ หรือผู้อำนวยการสร้าง อาทิหนัง
ไซไฟ-แฟนตาซีอย่าง The Fifth Elements , หนังแอ็คชั่นนานาชาติอย่าง Wasabi , หนังแอ็คชั่น-คอมิดี้ ชวนหัวอย่าง Taxi ไล่มาจนถึงหนังแอ็คชั่นขายศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าชื่อดังของเจ็ท ลี ใน Kiss Of The Dragon ก็ตาม และยังไม่นับเครดิตผู้เขียนบทภาพยนตร์ ระดับบล็อกบัสเตอร์อีกหลายเรื่องอีกต่างหาก . . แต่ที่สร้างชื่อให้กับเบสซงเป็นอย่างมากในช่วงหลังๆ กลับไม่ใช่งานภาพยนตร์แต่อย่างใด หากเป็นงานหนังสือสำหรับเด็กที่ชื่อ Arthur and the Minimoys ซึ่งโด่งดังจนได้กลายเป็นหนังอะนิเมชั่น-ผสมคนแสดงจริงเรื่องนี้นี่เอง . . .


+เรื่องราวของ Arthur and the Minimoys ยังคงเป็นงานที่เน้นไปที่ความบันเทิงเป็นหลัก เหมือนเช่นงานในช่วงหลังๆของเบสซง โดยมีศูนย์กลางของเรื่องอยู่ที่ "อาร์เธอร์" เด็กชายวัย 10 ขวบ ผู้ใช้ชีวิตอยู่กับยายเพียงลำพัง ขณะที่พ่อ-แม่ของเขาต่างก็ง่วนอยู่กับการทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้อง จนไม่มีเวลาแม้กระทั่งซื้อของขวัญให้ หรือเดินทางมาหาอาร์เธอร์ในวันเกิด . . ส่วนอาร์ชิบัลด์ คุณตาของอาร์เธอร์ ก็คือวิศวกรที่หายสาปสูญไปที่ไหนสักแห่งในโลก เหลือไว้ก็แต่เพียงเรื่องราวที่เหมือนเทพนิยายของชนเผ่าแอฟริกา 2 เผ่าที่สูงใหญ่ และอีกเผ่าที่ตัวเล็กจิ๋ว ที่ชื่อ "มินิมอยส์" ซึ่งต่างก็เป็นส่วนเติมเต็มกันในการใช้ชีวิต กับเรื่องขุมทรัพย์ที่ตาฝังเอาไว้ในสวนหลังบ้าน . . .


+แค่แม่ และพ่อไม่ได้เดินทางมาหาในงานวันเกิด ยังไม่ใช่เรื่องร้ายที่สุดที่อาร์เธอร์ต้องเจอในวันเกิดครบรอบ 10 ขวบ หากแต่สถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ ก็ทำให้บ้านที่เขาอาศัยอยู่กับยาย กำลังจะถูกยึดไปโดยนายทุนหน้าเลือดที่หวังจะสร้างอพาร์ตเมนต์ขึ้นมาแทนที่ . . หากความหวังของยาย อยู่ที่การนำทรัพย์สมบัติเก่าๆของบ้านไปขาย ความหวังของอาร์เธอร์ก็อยู่ที่ขุมทรัพย์หลังบ้าน ที่ตาเอาไปฝังไว้ที่ไหนสักแห่งในสวน ทางเดียวที่เขาจะหาเจอได้ก็คือต้องถอดรหัสลายแทงขุมทรัพย์ของตาให้ได้ . .


+และในช่วงที่สถานการณ์ทุกอย่างบีบรัด ขมวดเกลียวเข้ามาเต็มที่ อาร์เธอร์ก็ได้ก้าวเข้าไปสู่โลกของมินิมิอยส์ ที่กำลังเผชิญหน้ากับภาวะสงครามกลางเมือง โดยมี "มัลธาซาร์" จอมมารผู้ชั่วร้ายวางแผนเข้ามารุกราน . . ซึ่งหากเด็กชายต้องการค้นหาขุมทรัพย์ของตาให้เจอ เขาก็ต้องช่วยเหลือชาวอาณาจักรมินิมอยส์ทั้งหลาย ในการต่อสู้กับจอมมารมัลธาซาร์ด้วยเช่นกัน โดยที่เวลาของอาร์เธอร์ที่จะทำให้บ้านของตนไม่ตกไปอยู่ในมือของนายทุนหน้าเลือดคน
นั้น เหลือเพียงแค่ 36 ชั่วโมงเท่านั้น . . .


+แม้จะมีประเด็นที่ตีคู่กันมาตลอดทั้งเรื่อง ระหว่างการต่อสู้กับผู้รุกรานของมินิมอยส์ และการต่อสู้เพื่อรักษาที่ดิน และบ้านเอาไว้ของอาร์เธอร์ แต่ผู้กำกับเบสซงก็เลือกที่จะไม่นำเสนอด้านที่ตึงเครียดของหนัง โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดก็คือในส่วนที่เป็นเรื่องราวของคนบนโลก ซึ่งใช้นักแสดงจริงๆมาแสดง หากเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการต่อสู้ในโลกใต้พิภพของชนเผ่ามินิมอยส์ ซึ่งเป็นส่วนที่ถูกนำเสนอออกมาเป็นงานอะนิเมชั่น ในแบบที่ขับเน้นความเป็นแฟนตาซี พิมพ์เดียวกับหนังเทพนิยายเต็มที่ . .

+และนั่น ก็ส่งผลให้ Arthur and the Minimoys สามารถลดโทนที่น่าจะดูจริงจัง หรือซีเรียสลงไปได้ในตัว และทดแทนได้ด้วยความบันเทิงง่ายๆ ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรนัก และไม่ปิดบังด้วยว่าหนังมุ่งเน้นขายกลุ่มผู้ชมเด็กๆเป็นหลัก หากแต่ก็นำเสนอด้วยความฉับไว ในแบบเดียวกับที่หลายๆคนน่าจะคุ้นเคยกันดีจากหนังต่างๆที่เบสซงทำ หรือเป็นผู้อำนวยการสร้างในช่วงหลังๆ . .


+และเพราะอย่างนั้น ก็เลยพลอยทำให้แม้จะเป็นกลุ่มผู้ชมผู้ใหญ่ ที่มักจะไม่ค่อยเลือกเสพงานที่นำเสนอแบบง่ายๆ หรือเล่าเรื่องออกมาในสไตล์การ์ตูนจ๋า ก็ยังดูสนุกได้กับหนังเรื่องนี้ ยิ่งหนังปูเหตุการณ์ให้เกิดขึ้นในสวนหลังบ้านของตัวละคร ที่บรรดาเหล่ามินิมิอยส์ต้องเดินทางตัดผ่านทุ่งหญ้า ผ่านทางน้ำเล็กๆไปจัดการกับมัลธาซ่าร์ด้วยแล้ว สำหรับผู้ใหญ่บางคน ก็อาจจะนึกไปถึงวันเวลาที่ตัวเองวิ่งเล่น สมมติตัวเองเป็นนายอำเภอ เป็นตำรวจ เป็นทหาร แบ่งฝ่าย แบ่งข้าง วิ่งเล่นไล่จับ หรือต่อสู้กันอย่างสนุกสนานขึ้นมาได้เลาๆ (^ ^)


+โดยเฉพาะกับเด็กเหงาๆ ที่มักจะสมมติตัวเองเป็นฮีโร่คนนั้น -คนนี้ นั่งเล่นของเล่น หุ่นยาง-ของเล่นแถมขนมไปวันๆ เพื่อให้ชีวิตที่ดูเหมือนไม่มีอะไร ผ่านไปได้อย่างเพลิดเพลิน ด้วยการใช้จินตนาการนำพาความสุข จะว่าไปแล้วการเดินทางไปสู่โลกมินิมอยส์ของอาร์เธอร์ ก็ไม่ได้ต่างไปจากเรื่องราวการเดินทางไปสู่โลกจินตนาการ และแฟนตาซี ในหนังสือวรรณกรรม หรือในภาพยนตร์
หลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น The Chronicle Of Narnia หรือ Bridge To Therabhitia หรืออาจจะรวมถึงหนังแฟนตาซีมืดหม่นสุดขั้วอย่าง Pan's Labyrinth ก็ยังได้ . . ซึ่งความมหัศจรรย์ต่างๆที่ตัวละครในเรื่องเหล่านี้ได้พบ ก็เปรียบได้กับการหลีกหนีความจริงที่โหดร้าย หรือไร้สุข ซึ่งสิ่งที่ตัวละครในกลุ่มนี้ได้พบ (ยกเว้น Pan's Labyrinth) และช่วยเติมเต็มให้รู้จักคุณค่าของชีวิต ก็คือการได้เป็น "ฮีโร่" และการได้พบกับโลกที่แตกต่างไปจากโลกแห่งความเป็นจริงของพวกเขาอย่างสุดขั้วนั่นเอง . . .


+มาถึงตรงนี้ก็คงเห็นได้ชัดว่า Arthur and the Minimoys ของลุค เบสซงไม่ใช่อะไรที่สดใหม่แต่อย่างใด และในขณะเดียวกันกับการที่ให้อาร์เธอร์ในเรื่อง คือผู้ถูกเลือกให้ดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ออกจากแท่งหินได้ ก็ไม่ต่างไปจากการดึงดาบเอ็กซ์ คาลิเบอร์ออกมาจากแท่งหินของกษัตริย์อาร์เธอร์นั่นเอง (ในตำนานแต่ละเล่มต่างเล่าถึงการได้มาของดาบเล่มนี้แตกต่างกันไป บางเล่มเขียนไว้ว่า กษัตริย์
อาร์เธอร์ได้รับดาบเอ็กซ์ คาลิเบอร์ จากสตรีแห่งทะเลสาบ)

+ซึ่งหากมองในแง่ของการนำเสนอ Arthur and the Minimoys ถือว่าประสบความสำเร็จ ในแง่ของการสร้างความบันเทิง และกับการนำเสนอออกมาโดยมีทั้งส่วนที่ใช้ผู้แสดงจริง และส่วนที่เป็นอะนิเมชั่น คอมพิวเตอร์ควบคู่กันไป ซึ่งในหลายๆครั้ง หนังก็ใช้การเล่าเรื่องผ่านรูปแบบทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกัน และนั่นก็ทำให้ Arthur and the Minimoys มีความต่าง และสร้างความแปลกใหม่ในตัวได้พอสมควร . . .


+แม้ในมุมมองของการเป็นหนังที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนจะอยู่ที่กลุ่มผู้ชมเด็กๆ แต่ในบางประเด็น เบสซงก็ใส่เรื่องที่เป็นความโหดร้ายของโลกในความเป็นจริงลงมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น การไม่กลับมาฉลองงานวันเกิดลูกชายของพ่อและแม่ของอาร์เธอร์ , การถูกตัดไฟ และโทรศัพท์ รวมไปจนถึงการพยายามตามหาสมบัติของพ่อ-แม่ โดยไม่ได้ใส่ใจกับการหายออกไปจากบ้านของลูกชายแต่อย่างใด และบางครั้งก็ยังมีมุขเจ็บๆ เป็นอารมณ์ขันเชิงเสียดสีร้ายๆใส่เข้ามา ซึ่งบางอย่างก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ชมเด็กๆจะทำความเข้าใจได้ง่ายๆเช่นกัน . . .

+ในขณะเดียวกัน กับคนดูกลุ่มผู้ใหญ่เอง ความที่หนังพยายามทำให้ทุกอย่างออกมาดูง่ายๆ ก็พลอยทำให้ละเลยความน่าเชื่อถือ หรือความสมเหตุสมผลของตัวละครในกลุ่มที่เป็นตัวแทนในโลกจริงๆของอาร์เธอร์ไปบ้างไม่
ใช่น้อย . . ตลอดจนที่มาที่ไป หรือความตั้งใจ และเจตนาของตัวละครบางตัว ก็ยังดูลอยๆจนไม่น่าเชื่อ ซึ่งบางทีหากยอมรับได้ว่านี่คือหนังสำหรับใคร (!?) กับเรื่องที่ว่ามา
ก็ดูจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร (^ ^) . .


+แต่สำหรับคนดูที่สนใจหนังมากกว่าสิ่งที่เห็น Arthur and the Minimoys ก็ยังมาพร้อมกับทีมพากย์ระดับเซียน โดยเฉพาะเจ้าหนูเฟรดดี้ ไฮก์มอร์ ที่เป็นผู้ให้เสียง (และเล่นเป็น) อาร์เธอร์ ที่สามารถประชันบทกับมาดอนน่า ที่มาให้เสียงเจ้าหญิงของโลกมินิมอยส์ได้อย่างยอดเยี่ยม สมกับความเป็นเด็กมหัศจรรย์ ขณะที่ฝ่ายหลังเองต้องมาให้เสียงเป็นเจ้าหญิงจอมห้าว ฝ่ายแรกก็กลายมาเป็นเด็กหนุ่มผู้หลงรักเจ้าหญิงได้เป็นอย่างดี และกลมกลืนไปจนไม่รู้สึกถึงความต่างระหว่างวัยของทั้งสองคนเลยก็ว่าได้ . . .


+ขณะที่ทีมนักพากย์คนอื่นๆ ต่างก็มาเติมเต็มความบันเทิงให้กับเหล่าตัวละคร และช่วยให้หนังออกมาสนุกได้อย่างที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นสนูป ด็อกก์ แร็ปเปอร์คนดังชาวอเมริกัน ผู้ให้เสียงเจ้าของบาร์ มาดเร็กเก้ , จอมมารมัลธาซาร์ที่ให้ความน่าสะพรึงได้ตั้งแต่เสียง ของเดวิด โบวี่ ไล่ไปจนถึงบรรดานักแสดงอย่าง โรเบิร์ต เดอ นีโร , อีมีลีโอ เอสเตเวซ และที่ลืมไม่ได้เลยคือ
มีอา ฟาร์โรว์ กับการแสดงที่ชวนลืมได้สนิทกับบทบาทแม่บ้านจอมโหดใน The Omen ได้อย่างไม่น่าเชื่อ . . .


+ทึ่สุดแล้ว แม้ว่าในบางส่วนของ Arthur and the Minimoys อาจจะทำให้นึกถึงหนังอะนิเมชั่นอย่าง Ant Bully หรือ Honey , I Shrunk The Kid ไปบ้าง แต่ทว่าในไอเดียหลักของเรื่อง และประเด็นๆดีๆที่หนังต้องการบอกแล้ว Arthur and the Minimoys ก็ยังมีส่วนที่ต่างจากหนังสองเรื่องที่ว่ามาอยู่พอสมควร รวมไปถึงยังทำให้ความเป็นเด็กในตัวของผู้ใหญ่หลายๆคน กระโดดหยองแหยงอย่างสนุกสนานได้มากกว่าซะด้วยสิ . . จัดเป็นหนังอะนิเมชั่นที่ดูสนุก เพลินเพลินดี แม้อาจจะไม่เข้าข่ายยอดเยี่ยมนักก็ตามทีค่ะ . . .

+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว) yoyo_55.gif yoyo_55.gif

+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/?movie_id=1283 ค่ะ


QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 18 November 2009 - 05:22 PM.


#2 kikuntin

    บันทึกลับอสูรฟ้า เคล็ดวิชาอมตะ ตำนานกระบี่เมตไตร ม้วนภาพเทพยุทธ์

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10921 posts
  • Gender:Male

Posted 29 January 2009 - 10:12 PM

ยังไม่ได้ดูเลยสงสัยจะต้องไปเสาะหามาดูซะแล้ว

#3 momo

    เซียนเกม

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 4742 posts
  • Gender:Male
  • Location:Nonthaburi Province

Posted 18 December 2010 - 02:49 PM

เน‚เธซเธฅเธ”เน€เธฃเธตเธขเธšเธฃเน‰เธญเธข :cat_dance: