`

Jump to content





[ตกผลึกความคิด] กับ The Chronicles of Narnia


2 replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 25 December 2008 - 10:29 PM

ตกผลึกความคิด และเก็บความประทับใจจากหนัง

"กับ The Chronicles of Narnia - The Lion, the Witch and the Wardrobe"

-อภินิหารตำนานแห่งนาร์เนีย ตอน ราชสีห์, แม่มดกับตู้พิศวง-


QUOTE
Note - เพื่ออรรถรสในการดูหนังเรื่องนี้ให้สนุก ผู้อ่านควรอ่านบทความนี้หลังจากที่คุณได้ชมภาพยนตร์แล้ว เพราะในบทความมีการเปิดเผยเรื่องราวสำคัญบางส่วนของหนัง (อีกแล้ว ^ ^)


+เพราะพบว่าเด็กสี่คนจากลอนดอน ที่ถูกจัดให้มาพัก ณ บ้านในชนบท เพื่อหนีระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น รู้จักเทพนิยายน้อยมาก . . ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดด์ ที่เคยเขียนแต่เรื่องแนวปรัชญาและวิชาการชาวไอริช อย่าง "ไคล้ฟ์ สเตเปิ้ลส์ ลูว์อิส" หรือที่รู้จักกันในนาม "ซี.เอส.ลูว์อิส" ก็เลยแต่งเทพนิยายให้เด็กทั้งสี่อ่านแทน และนี่ก็คือจุดกำเนิดของ The Chronicles of Narnia ยอดวรรณกรรมเยาวชนสุดคลาสสิค ที่บอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของพี่น้องสี่คนในอาณาจักรคู่ขนาน ที่มีชื่อว่า "นาร์เนีย!!"


+55 ปีผ่านไป ตอนแรกของตำนานการผจญภัยชุดนี้ The Lion, the Witch and the Wardrobe ที่มีเด็กทั้งสี่เป็นตัวละครหลัก ก็กลายมาเป็นหนังแฟนตาซี-อลังการงานสร้างด้วยทุนมหาศาลจำนวน 150 ล้านเหรียญ ภายใต้การกำกับของ "แอนดรูว์ อดัมสัน" หลังจากเคยร่วมกำกับหนังการ์ตูนทำเงินถล่มทลายเรื่อง Shrek ทั้งสองภาคมาก่อนหน้านี้ . . และทำให้นาทีนี้ "ปีเตอร์ แจ็คสัน" ไม่ใช่ผู้กำกับชาว "นิวซีแลนด์" คนเดียว ที่สามารถทำหนังฮิตระเบิดเถิดเทิงในอันดับหนังทำเงินทั้งในอเมริกา และทั่วโลก . . . อีกต่อไป . . .

+The Lion, the Witch and the Wardrobe ดัดแปลงสร้างจากต้นฉบับหนังสือเด็ก ที่เป็นผลงานสุดรักและโด่งดังที่สุดของซี.เอส.ลูว์อิส ซึ่งเป็นงานเขียนเล่มแรกที่เขาเขียนขึ้น ที่ซึ่งต่อมารู้จักกันดีในชื่อชุด The Chronicles of Narnia ที่มีทั้งหมดเจ็ดเล่ม-เจ็ดตอนด้วยกัน . . สารภาพตามตรงว่า ผู้เขียนเองก็ไม่เคยอ่านงานวรรณกรรมในตระกูล Narnia นี้เลยแม้แต่เรื่องเดียว . . และแม้จะเป็นงานวรรณกรรมสำหรับเด็กที่โด่งดังที่สุดชุดหนึ่ง และมีอายุยืนยาวมานานกว่าครึ่งศตวรรษ รวมทั้งยังมีการแปลเป็นภาษาต่างๆมากมายถึง 41 ภาษาทั่วโลก และมียอดขายรวมถึงเกือบ 100 ล้านเล่ม . . แต่ เอาน่า . . ถ้า (เรา) ไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ หรือเล่มใดเล่มหนึ่งในชุด The Chronicles of Narnia ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอกค่ะ เพราะกับนักแสดงเจ้าบทบาท เจ้าของบทแม่มดขาว อย่าง "ทิลด้า สวินตัน" เอง ก่อนหน้าการถ่ายทำ เธอก็ไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้มาก่อนเลยเช่นกัน (เห็นมะ ^ ^)


+The Lion, the Witch and the Wardrobe เปิดฉากที่เรื่องราวของสี่พี่น้อง ครอบครัวพีเวนซี่ (นามสกุลสมมุติตามท้องเรื่อง นามสกุลจริงของทั้งสี่คือ
"คิล์นส์") ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งประกอบไปด้วย ปีเตอร์ (วิลเลี่ยม โมสลีย์) , ซูซาน (แอนนา ป็อปเปิลเวลล์) , เอ็ดมันด์ (สแตนดาร์ คีย์เนส) และลูซี่ (จอร์จี้ เฮนลีย์) ที่หนีจากสงครามในโลกของความเป็นจริง ไปเผชิญหน้ากับมหาสงครามในอาณาจักร "นาร์เนีย" และเติบโตทางความคิดผ่านสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา . . .

+เมื่อพ่อของเด็กๆไปรบในสงคราม และลอนดอนถูกระเบิดลงอย่างหนัก . . เพื่อความปลอดภัย แม่จึงส่งพวกเขาไปอยู่ในชนบทที่ห่างไกล ภายใต้การอุปถัมภ์ของศาสตราจารย์ชรา (จิม บรอดเบรนด์) . . ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ของศาสตรจารย์ดิกอรี่ เคิร์ก ระหว่างการเล่นซ่อนหาแก้เบื่อ น้องเล็ก "ลูซี่" ก็พบประตูสู่อาณาจักรนาร์เนีย ที่ซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ และที่นี่เองที่ลูซี่ได้พบกับ "ฟอน" สิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งแพะ ที่ชื่อ "ทัมนัส" (เจมส์ แม็คอาวอย) ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับนาร์เนีย อาณาจักรโบราณที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ มีแต่ฤดูหนาวอันยาวนาน และไม่เคยมีวันคริสต์มาสมานานกว่าร้อยปี ที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของแม่มดขาวผู้ชั่วร้าย (ทิลด้า สวินตัน) . . .


+ซึ่งตามคำพยากรณ์เก่าแก่ของนาร์เนียเคยทำนายไว้ว่า วันหนึ่งจะมีบุตรสองคนของอดัม และธิดาสองคนของอีฟ เดินทางมาปลดปล่อย และแก้คำสาปให้กับอาณาจักรนาร์เนีย . . และนี่เอง ที่ทำให้สี่พี่น้องต้องหนีจากเงื้อมมือของแม่มดขาว และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสีห์อัสลาน เพื่อปลดปล่อยนาร์เนียจากการปกครองของทรราชอย่างเธอ . . .

+ภาระ และความรับผิดชอบใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตของปีเตอร์ พี่ชายคนโตคิดว่าตัวเองต้องรับมือ ก็คือการดูแลน้องๆให้ดีตามที่แม่สั่งมา ทว่ากลับต้องพบกับการทดสอบครั้งยิ่งใหญ่ และทำให้ปีเตอร์เติบโตทาง "วุฒิภาวะ" ในเวลาชั่วข้ามคืน เมื่อต้องกลายไปเป็นผู้นำ และแม่ทัพในดินแดนที่อยู่กันคนละโลก
อย่างนาร์เนีย เพื่อเปิดศึกทำสงครามกับแม่มดขาว . . ไม่เพียงแค่ปีเตอร์ หากแต่น้องทั้งสามคนของเขาก็เช่นกัน!?


+จุดขายหลักของนาร์เนียอยู่ที่ งานในส่วนโปรดัคชั่นที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม ยิ่งโลเกชั่นกลางแจ้ง ที่ทีมงานตระเวนถ่ายกันในโปแลนด์ สาธารณรัฐเชก อังกฤษ และนิวซีแลนด์นั้น สามารถหล่อหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ให้กลายเป็นภาพอาณาจักรในจินตนาการได้อย่างสมจริง . . และที่ตีคู่กันมาก็คืองานเทคนิคพิเศษในระดับสุดยอด ที่เนรมิตให้สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนาร์เนียกว่า 60 สายพันธุ์ จากสัตว์เล็กอย่าง ตัวบีเวอร์ ไปจนถึงสัตว์ใหญ่อย่าง หมีขาว , เสือ , หมาป่า , หมาจิ้งจอก รวมถึงสัตว์ประหลาดในเทพนิยายพื้นบ้าน เทพนิยายไอริช และเทพปกรณัมของกรีกอย่าง ฟอน , อ๊อร์ค และเซ็นทอร์ มาขึ้นจอได้อย่างสมจริง และเคลื่อนไหวได้นุ่มนวล เป็นธรรมชาติประดุจมีชีวิตจิตใจจริงๆ

+ตัวละครซีจี ผลงานสร้างภาพจากคอมพิวเตอร์ ที่แสดงอารมณ์ผ่านแววตาได้อย่างเยี่ยมยอดที่สุดก็คือ "ราชสีห์ อัสลาน" ที่ได้เลียม นีสันมาให้เสียงพากย์ ซึ่งก็ทำให้อัสลานดูทรงอำนาจ น่าเกรงขาม สมกับเป็นราชสีห์ที่สง่างาม ขณะที่ เรย์ วินสโตน และดอว์น เฟรนซ์ ผู้ให้เสียงเป็นนาย และนางบีเวอร์ ผู้นำทางสามพี่น้องไปหาอัสลาน ก็สื่ออารมณ์ประสาผัวเมียที่อยู่กันมานานได้อย่างน่ารักน่าชัง . . .


+การแสดงของเด็กๆทั้งสี่ ต่างก็ให้บุคลิกอันแตกต่างของพี่น้อง เลือดเดียวกันออกมาได้ในระดับที่น่าพอใจ . .
วิลเลี่ยม โมสลีย์ เป็นพี่ชายใหญ่ที่แบกรับภาระที่ต้องคุ้มครองน้องๆ ที่จะต้องเรียนรู้ที่จะต้องแสดงความเป็นผู้นำของตนเองออกมา . . แอนนา ป็อปเปิลเวลล์ในบท ซูซาน พี่สาวคนรองผู้เป็นผู้ใหญ่เกินตัว เพราะพยายามทำหน้าที่แทนแม่ . . จอร์จี้ เฮนลีย์ น่ารักมากกับบทลูซี่ เด็กหญิงผู้มีจิตใจอ่อนโยน ลูกไล่ของเอ็ดมันด์ พี่ชายคนรอง ซึ่งรับบทโดย
สแตนดาร์ คีย์เนส ที่เพียงแค่ได้เห็นแววตาก็รู้ได้ทันที ว่านี่แหล่ะคือแกะดำของครอบครัว . . ผ่านบทหนัง ที่ปูให้เราเห็นความขัดแย้งในหมู่พี่น้อง โดยทำให้เราเห็นตั้งแต่ฉากแรกว่า ปีเตอร์กับเอ็ดมันด์ปีนเกลียวกัน เพราะฝ่ายหลังไม่ยอมรับการทำหน้าที่แทนพ่อ ที่เข้าร่วมรบในสงครามของฝ่ายแรก

+และด้วยความเห็นแก่ตัวประสาเด็ก ความอ่อนต่อโลก ก็ทำให้เราเข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงตกหลุมพรางของแม่มดขาว ส่วนการขายพี่ขายน้องก็เป็นไปตามสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ดังที่เราเห็นกันมา
แล้วจากหนังหลายต่อหลายเรื่อง หรือหากมองโลกในแง่ดี ก็อาจจะตั้งข้อสังเกตว่าพฤติกรรมนี้ของเอ็ดมันด์ ที่จริงแล้วมาจากเจตนาดี เพื่อจะช่วยชีวิตของทัมนัส และจิ้งจอกน้อยต่างหากก็เป็นได้ . . .


+บอกอย่างจริงใจ จากใจจริง การแสดงของจอร์จี้ เฮนลีย์ในบทลูซี่ น้องเล็กผู้ค้นพบความลับของตู้เสื้อผ้า และอาณาจักรนาร์เนียเป็นธรรมชาติ และได้ใจผู้เขียนไปเต็มๆเลยค่ะ . . หนึ่งฉากที่น่ารักที่สุด และดูดีที่สุดฉากหนึ่งของหนัง ก็คือตอนที่ลูซี่ กับมิสเตอร์ทัมนัสพบกันครั้งแรก ทั้งคู่ดูบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา และหน้าตาท่าทาง น่ารักน่าเอ็นดูพอๆกัน นึกถึงฉากการพบกันครั้งแรกของสัตว์โลกสองชนิดคู่นี้ทีไร ผู้เขียนอดยิ้มไม่ได้ทุกที เพราะภาพรวมทุกอย่างของหนังในฉากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงของทั้งคู่ หรือดนตรีประกอบก็ล้วนแต่ส่งให้ลงตัวไปหมด ทั้งสวยงาม และก็อ่อนหวานในขณะเดียวกันค่ะ . . .


+ในขณะที่การแสดงของฝ่ายธรรมะเป็นความประทับใจแบบน่าเอ็นดู การแสดงของผู้นำฝ่ายอธรรมอย่างแม่มดขาวก็ได้ใจไม่แพ้กัน . . ทิลด้า สวินตันขึ้นจอเป็นนางร้ายในมาดเดียวกับที่เราคุ้นตาจากละครก่อน และหลังข่าวบ้านเรา ด้วยแววตาที่แฝงความโหด ความอาฆาตมาดร้ายที่ดูเหมือนว่าจะติดกับดีเอ็นเอกันมาตั้งแต่เกิด . . หน้าตาที่สวยแบบแข็งๆ เย็นชา และแววตาแข็งกร้าวของทิลด้า สวินตัน เหมาะสมเหลือเกินกับแม่มดขาวแห่งนาร์เนีย เพราะแค่เห็นหน้าก็ฟันธงได้ทันทีว่ายัยป้านี่ไว้ใจไม่ได้ ก็ท่าทีร้ายลึกและเหี้ยมไม่เบาซะขนาดนี้ . . .

+แต่ . . คงเพราะเป็นตัวละครในหนังสือเด็กกระมังคะ ความโหดร้ายของแม่มดนางนี้ เลยยังดูไม่ถึงขั้น "อำมหิต" ยิ่งไปกว่านั้น ในฉากหนึ่งของหนัง มีแววของความ "กรุณา" แว่บหนึ่งของแม่มดขาวปรากฎให้เห็น เมื่อเธอยั้งมือยั้งใจ ไม่สังหารสมุนร่างแคระคนสนิท ที่ปล่อยให้เชลยอย่างเอ็ดมันด์หนีรอดไปได้ และเขาถูกจับมัดแทน . .

"ท่านไม่ฆ่าข้าหรือ!?" สมุนแคระถาม . .

"ยังก่อน" แม่มดขาวตอบ . .



+เธอจะให้อภัยลูกสมุนคนนี้หรือเปล่า ก็เกินจะคิดแทน แต่ที่คิดแทนคือการที่เธอยั้งอารมณ์ไว้ บางทีอาจจะเพราะเห็นแก่ความจงรักภักดีของสมุนร่างเล็กก็เป็นได้ . . วินาทีนั้น แว่บเดียวนั้น ผู้เขียนเหมือนมองเห็นสัจธรรมในหมู่คนชั่วลอยมาตรงหน้าเลยค่ะ และถึงกับอึ้ง เพราะนึกไม่ถึงเช่นกัน . . เคยสงสัยกันบ้างไหมคะ!? ว่าคนเลวบางคน แม้ผู้คนทั้งแผ่นดินจะพากันสาปแช่งก่นด่ากันทั่วทั้งเมือง แต่ทำไม!? คนเลวเหล่านั้นจึงยังมีสมุนผู้จงรักภักดีอยู่เคียงข้าง!! คนนอกที่มองเข้าไป บ้างก็ว่าอาจจะเพราะความกลัวในอิทธิพล อำนาจวาสนาที่คนชั่วมีอยู่ บ้างก็ว่าเป็นเพราะผลประโยชน์ล่อตาล่อใจ ที่ทำให้ลูกสมุนยังคงเกาะอยู่เต็มหลัง . . .

+แววตาเพียงแว่บเดียวของแม่มดขาว อาจจะเผยคำตอบที่ง่ายจนบางทีเรานึกไม่ถึง . . คนชั่วที่มีอำนาจอยู่ในมือ อาจจะขอเพียงยอมมีคนสวามิภักดิ์ และแน่ใจว่าคนๆนั้นจะไม่มีวันเป็นอันตรายต่ออำนาจที่ตนครอบครองอยู่ ซึ่งแม้จะเลวเพียงใด ก็ยังจะให้ความ "กรุณา" ต่อสมุนผู้จงรักภักดีผู้นั้น . . หากจะนับเป็นความ "ปราณี" ในหมู่โจร . . ที่โจรมีให้แก่กันก็ย่อมได้ . . เพราะเหตุฉะนี้เอง . . .


+เนื้อเรื่องของ The Lion, the Witch and the Wardrobe ยังมี "นัยยะ" ที่อิงจากคัมภีร์ไบเบิ้ลของศาสนาคริสต์ซ่อนอยู่ โดยหนึ่งในตัวแทนของบุคคลจากพระคัมภีร์ก็คือ "ราชสีห์ อัสลาน" ผู้ก่อตั้งอาณาจักรนาร์เนีย และยังเป็นผู้นำของฝ่ายกบฏอีกด้วย . . ผู้อ่านบางคนตีความตัวละครอัสลานว่าเปรียบเสมือนเป็น "นัยยะ" แทนพระเยซู แต่ในความคิดของคริสตศาสนิกชนบางคน พวกเขาตีความไปไกลหมายถึงพระเจ้าเลยทีเดียว . . ในมุมมองของผู้เขียนเอง บอกตรงๆค่ะว่า บางทีการไม่รู้ และไม่ต้องไปตามคิดมากกับบรรดาสัญลักษณ์สารพัดเหล่านั้นให้ปวดหัว เหมือนคนอ่านหลายสิบล้านคนทั่วโลกที่นับถือศาสนาคริสต์ น่าจะทำให้เราดูหนังได้สนุก (กว่า) นะ . . .

+ธรรมะพื้นฐานข้อหนึ่งที่มีสอนกันในทุกศาสนา และถ่ายทอดอย่างชัดเจนในหนังก็คือ "การให้อภัย" ค่ะ . . ราชสีห์ อัสลานสอนปีเตอร์ , ซูซาน และลูซี่ ให้รู้จักการให้อภัย สิ่งใดที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป และขอให้ทั้งสามคนให้อภัยเอ็ดมันด์ ทั้งนี้ยังสอนให้เอ็ดมันด์แก้ไขปรับปรุงตัวเอง และจดจำความผิดพลาดที่เขาเคยทำไว้เป็นบทเรียน . . .


+การถูกทรยศเป็นเรื่องเจ็บปวดค่ะ แต่การถูกทรยศโดยคนในครอบครัว โดยพี่น้องของตัวเองนั้น เจ็บปวดยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่า มีเพียงการ "ให้อภัย" เท่านั้น ที่จะนำความรัก , ความเชื่อมั่น และเชื่อใจในหมู่พี่น้องกลับคืนมาได้ . . และเมื่อเด็กดื้ออย่างเอ็ดมันด์ได้รับการให้อภัย จากคนที่เคยถูกพี่ๆด่าว่า ว่าทำอะไรมักนึกถึงแต่ตัวเอง และบอกอะไรไม่เคยเชื่อฟัง เอ็ดมันด์ผู้ดื้อรั้นก็ตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งของพี่ชายอีกครั้ง เมื่อปีเตอร์สั่งให้เขาไปตามหาซูซาน และลูซี่ และพาหนีกลับไปยังโลกที่พวกเขาจากมา . . ทว่า . . การฝ่าฝืนคำสั่งครั้งนี้ของเอ็ดมันด์ ทำให้พี่น้องทั้งสี่ ได้เรียนรู้ถึงบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องของ "ความรัก" และ "การเสียสละ" แบบเดียวกับที่ราชาแห่งสรรพสัตว์อย่างอัสลานแสดงให้พวกเขาเห็น ด้วยการเสียสละตัวเองเพื่อแลกกับชีวิตของเอ็ดมันด์ค่ะ


+ทิ้งท้ายก่อนจาก นอกจากได้ดูฉากสวยๆ ตัวละครซีจีมีสีสัน และฉากแอ็คชั่นใหญ่-ไคลแม็กซ์ของเรื่อง ที่ทำได้อลังการงานสร้างในมาตรฐานเดียวกับ the Lord of The Rings ที่กลายเป็นต้นฉบับของหนังมหากาพย์แฟนตาซีในยุคนี้แล้ว มองในภาพรวม The Chronicles of Narnia : The Lion, the Witch and the Wardrobe ก็คือหนังแฟนตาซี-ครอบครัวที่ดูเพลินเรื่องหนึ่งค่ะ


-ไม่มีดาวให้ เพราะไม่ใช่รีวิวนะคะ-


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

+The Chronicles of Narnia Trailer+
http://www.youtube.com/watch?v=ntDg19AeK20


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

+ในส่วนของ ตกผลึกความคิด จะพูดถึงแง่คิดดีๆ + ความประทับใจที่ได้จากหนังเรื่องนั้นค่ะ โดยจะเขียนลงสลับกับรีวิวค่ะ (เรื่องไหนน่าสนใจ จะนำมาเขียนเป็นตกผลึกค่ะ)


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

QUOTE
+ช่วยคอมเม้นต์ให้สักนิดนะคะ เพียงเพื่อ+
+ yoyo_55.gif เป็นกำลังใจให้กับผู้เขียน เพราะห้องมันเงียบเหลือเกินนะ . . กลัวผีหลอกจ้ะ yoyo_55.gif +


-ดูหนังให้สนุกนะคะ-

+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m199.html ค่ะ

Edited by rbgel, 19 November 2009 - 12:38 PM.


#2 kikuntin

    บันทึกลับอสูรฟ้า เคล็ดวิชาอมตะ ตำนานกระบี่เมตไตร ม้วนภาพเทพยุทธ์

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10921 posts
  • Gender:Male

Posted 25 December 2008 - 11:13 PM

ภาคแรกผมได้ดูในโรงยอมรับว่าหนังทำออกมาดีมากๆเลย ส่วนภาคสองยังไม่มีโอกาสได้ดูเลยไม่รู้ว่าดีเท่ากับภาคแรกไหม ยังไงก็ขอบคุณสำหรับแง่คิดนะครับ

#3 ginji

    นักเล่นเกมชั้นครู

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 2450 posts

Posted 03 January 2009 - 05:28 AM

ภาคสองผมว่าสนุกน้อยกว่าภาคแรก