+ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่า ไม่ได้มารีวิวนะ เผอิญตาดี มือไว ไปได้หนังมาดูมาค่ะ ภาพชัดมากระดับ VCD เสียงก็โอเคเลย แต่ไม่มีซับ ก็เลยเปิดดูสดๆไปเรื่อยๆแล้วมาบอกเล่าให้ฟังกันนะคะ (รีวิวเต็มรูปแบบ รอหลังออกแผ่นต้นปีหน้านะคะ)
+หนังภาคนี้ยาวประมาณชั่วโมงครึ่งค่ะ ตามสไตล์หนังของลุค เบสซง . . เนื้อเรื่องไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน เน้นดูเอามันส์แบบนัน-สต็อป แบบตีหัวเข้าบ้านเป็นหลัก คนชอบหนังแอ็คชั่น ดูเอามัน-กระแทกใจ เข้าถึงง่ายๆ จะชอบมากเป็นพิเศษค่ะ
+ฉากเปิดตัวของหนัง จะเอาสูตรสำเร็จของทั้งภาค 1 และภาค 2 ที่หลุยส์ เล็ตเทอร์เรียร์ (อ่านแบบอเมริกัน) มารวมกันค่ะ คือจะเปิดเรื่องด้วยฉากไล่ล่าเล็กๆตัดอารมณ์ขัน แบบภาค 1 และเปิดตัวแฟร้งค์ มาร์ตินพระเอกของเรื่องแบบเต็มตัวด้วยคิวบู๊สั้นๆแบบภาค 2 ค่ะ
+ภาคนี้ได้ดาราหน้าใหม่ แต่เก่าประสบการณ์อย่างคุณโรเบิร์ต เน็พเปอร์ ที่คอซีรีย์ Prison Break รู้จักกันดี ในบท "ธีโอดอร์ ที.แบ็คเวลล์" หรือ เจ้าทีแบ็ค นั่นแหล่ะค่ะ มารับบทเป็นผู้ร้ายตัวเอ้ของเรื่อง ซึ่งขึ้นจอในมาดเดียวกับตำรวจรัสเซีย ในผลงานหนังใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้วอย่าง Hitman เลยทีเดียว . . ตามสูตรหนังของลุค เบสซง หนังไม่รอช้าที่จะเปิดตัวผู้ร้ายของเรื่องค่ะ ซึ่งคุณโรเบิร์ตแกก็ยังเล่นได้ตามมาตฐานของแกคือโรคจิตเหมือนเดิมเป๊ะ . . แต่หากคิดว่าจะโดนพระเอกจัดการได้ง่ายๆเหมือนในเรื่อง Hitman ภาคนี้ แฟนๆหนังคุณโรเบิร์ต เตรียมดีใจได้ค่ะ เพราะใน Transporter 3 แกจะได้วาดลีลาพะบู๊กับ
เจสัน สแต็ทแฮมช่วงท้ายเรื่องด้วยค่ะ ลีลาก็เอาเรื่องใช่ย่อยอยู่เหมือนกันนะ (ถึงจะมวยวัดไปหน่อยก็เถอะ ^ ^) . . สงสัยลุคเบสซงจะชื่นชมผลงาน (ร้ายได้ใจ) ของแกกระมังคะ ถึงได้เชิญมาเซ็นสัญญาร่วมงานกับบริษัทยูโรป้าคอร์ปของ ลุค เบสซงเอง . . เรียกว่าร้ายจนได้ดีนะเนี่ย . . .
+เนื้อเรื่องในภาคนี้ ดำเนินไปอย่างรถด่วนเลยค่ะ พระเอกถูกบีบให้พาตัวนางเอกไปส่งข้ามชายแดน แถมถูกจับใส่กุญแจมือรีโมท ซึ่งมีกฎที่ว่า "ห้ามอยู่ห่างจากตัวรถเกิน 20 เมตร" ไม่เช่นนั้นระเบิดจะทำงาน และฆ่าทั้งคู่ทันทีค่ะ เนื่องจากมี "เงื่อนไข" พิเศษมาบังคับแบบนี้ ก็เลยทำให้หนังอุดมไปด้วยฉากแอ็คชั่นโผล่มาอัดคุณดูเป็นระยะๆ แซมไปตลอดทั้งเรื่องค่ะ สั้นมั่ง ยาวมั่งลากไปจนจบเรื่องเลยล่ะค่ะ ชนิดคนชอบหนังแอ็คชั่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่ ดูกันคุ้มค่าตั๋วไปเลยนะ . . .
+มาว่ากันที่คิวบู๊ ซึ่งเป็นจุดขายของ Transporter มั่ง ภาคนี้ ผู้กำกับโอลิเวียร์ เมก้าตัน (มาแทนผู้กำกับหลุยส์ เล็ตเทอร์เรียร์ ที่ติดสัญญากำกับเรื่อง The Incredible Hulk อยู่) ทำฉากบู๊ด้วยมือเปล่าออกมาได้อย่างรวดเร็ว เมามัน ดุดัน แต่ไม่เด็ดขาด และสะใจค่ะ เพราะการดวลมือเปล่าภาคนี้ แม้สเต็ปท่า และลีลาบู๊จะดูดี แต่บางช็อตกลับขาดความต่อเนื่องไป เพราะผู้กำกับโอลิเวียร์เลือกที่จะใช้สไตล์ภาพเหวี่ยงไปมาตัดสลับมุมกล้องแบบเดียว
กับที่ "ซาเวียร์ เกนส์" ผู้กำกับ Hitman ใช้ค่ะ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับอิทธิพลจากหนังชุดเจสัน บอร์น หากแต่คิวบู๊มือเปล่าในเจสัน บอร์นนั้นถึงจะใช้การแพนด้วยมือ ซึ่งให้อารมณ์ดิบๆ สมจริง เหมือนไปแอบถ่ายคนซัดกันจริงๆมา แต่ทว่าไม่ได้ตัดมุมกล้องสลับไปมาค่ะ . . ฉะนั้นคิวบู๊ที่น่าจะโชว์ความสามารถของเจสัน สแต็ทแฮมได้เต็มๆ (แบบในภาค 1 และ 2) ก็เลยพลอยถูกบดบังไปนิดๆ แต่หนังก็ยังออกมามันอยู่ดีนะคะ เพราะอัดกันต่อเนื่องจนผู้ชมไม่ทันคิดนั่นเอง . . .
+ฉากแอ็คชั่น-ไล่ล่า ทั้งเล็ก และใหญ่ หนังทำออกมาได้ดีสมมาตรฐานเดิมของหนังค่ะ มีทั้งซิ่ง BMX แบบเมามันลืมหายใจ และโชว์ความสามารถของทีมสตันต์ในการขับรถแบบพิสดารด้วยค่ะ ซึ่งตรงนี้ถือว่าตอบโจทย์ และขายในสิ่งที่ตัวเองมีได้อย่างน่าพอใจค่ะ . . .
+ฉากเปิดตัวพระเอกภาคนี้ (กับนักสืบทาร์โคนี่) น่ารักดีนะคะ ไม่ใช่เห็นแฟร้งค์ มาร์ตินใส่ชุดลำลอง ทำตัวติดดินซะนาน นึกว่าจะเป็นมนุษย์สูทดำ เจมส์ บอนด์-กังฟู ทำหน้าไร้วิญญาณแบบญาติเสียเป็นอย่างเดียวซะอีก
+ในที่สุด แฟร้งค์ มาร์ติน เราก็มีคนคู่ใจจนได้ หลังจากหนีไปรักเด็กซะแล้วในภาค 2 (เอิ๊ก เอิ๊ก) . . แต่นางเอกภาคนี้ไม่สวยเลยค่ะ หน้ากระเพียบ แบบตัวร้ายสาวโหดภาค 2 ยังไงยังงั้น
+ความคิดเห็นหลังดูจบ - หนังสนุกค่ะ ดูกันได้เพลินๆ และคลายเครียดได้เป็นอย่างดี . . แฟนนุแฟนนา ที่ติดตามกันมา ไม่น่าพลาดนะคะ . . นี่หนัง "Transporter" นะ ยังต้องให้บอกอีกเรอะ!!!
+จบแล้วจ้า - อย่างที่บอกนะคะว่าไม่ใช่รีวิว เพราะดูเอาฉากแอ็คชั่นอย่างเดียวเลย (ฮ่า) . . และเพราะมันเป็น Soundtrack ไม่มี Subtitle ด้วยแหล่ะ (อะฮ่าลลลลลลลล)
Note - หลายสื่อมักจะให้ข้อมูลผิด ที่ว่าเครดิตของ โอลิเวียร์ เมก้าตันนั้นเป็นผู้กำกับ Hitman แต่จริงๆแล้ว ผู้กำกับหนัง Hitman คือ ซาเวียร์ เกนส์ ค่ะ
Edited by rbgel, 19 November 2009 - 01:43 PM.