+ถือเป็นหนังแอ็คชั่น-ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องหนึ่งของซัมเมอร์นี้ที่ผู้เขียนรอคอย นับตั้งแต่วันแรกที่ทราบข่าวว่าทีมผู้สร้างเลือก "เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน" มารับบทเป็นบรู๊ซ แบนเนอร์ . . การเลือกนอร์ตันมารับบทนำในหนัง "ซูเปอร์ฮีโร่" เช่นนี้ บอกได้เลยว่านั่นไม่ใช่การวัดรอยเท้าของเอริค บาน่า หรือเป็นการเดินซ้ำรอยที่เขาเคยทำไว้ใน The Hulk แต่อย่างใด แต่ทว่าเป็นการสร้างรอยเท้าใหม่ขึ้นใหม่ ในแบบฉบับของนักแสดง "แนวๆ" อย่างนอร์ตันนั่นเอง . . เพราะเอ็ดเวิร์ด นอร์ตันไม่เคยมีภาพลักษณ์ของการเป็นนักแสดงในหนังตลาดขายความบันเทิง ที่เน้นขายภาพความเป็นดารา หากแต่เป็นนักแสดงในหนังแนวที่เน้นขายฝีมือการแสดงเป็นหลัก . . .
+แต่ . . ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่ . . . หลังจากสิ่งที่คริสเตียน เบลล์ทำไว้ใน Batman Begins , แม็ทท์ เดม่อน ใน The Bourne ทั้ง 3 ภาค , แดเนียล เคร็ก ใน Casino Royale , จอห์นนี่ เด็ปป์ในหนังชุด Pirate Of The Caribbean ทั้ง 3 ภาค และกับล่าสุด จากนักแสดงที่ไม่น่าจะกลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้เลยอย่าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็ทำให้ Iron Man กลายมาเป็นที่สุดของหนังฮิตระเบิดระเบ้อ ในแบบฉบับของซูเปอร์ฮีโร่ที่ "มีสมอง" . . แถมรายหลังนี้ ก่อนหน้านี้ยังถูกมองว่าแทบจะหมดอนาคตในฮอลลีวู้ดไปแล้วด้วยซ้ำไป ทั้งจากปัญหาส่วนตัว และปัญหาในการทำงาน . . .
+ซึ่งสิ่งที่มีร่วมกัน อย่างชัดเจน และแข็งแรงของนักแสดงเหล่านี้ อย่างหนึ่งเลยที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็คือความสามารถทางการแสดงในแบบของนักแสดง หรือมีความเป็น Actor มากกว่าที่จะมีความเป็นดารา หรือ Star นั่นเอง . . บางที นี่อาจจะเป็นวิวัฒนาการในแนวทางการทำหนังแนวฮีโร่ หรือซูเปอร์ฮีโร่ในศตวรรษนี้ของฮอลลีวู้ดไปแล้วก็เป็นได้ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับแฟนๆ ไม่ว่าจะเหมารวมถึงคอหนัง หรือคอคอมมิคส์อเมริกันฮีโร่ก็ตาม . . ส่วนว่าใครจะโชคดีมากน้อยแค่ไหน ในการมีโอกาสได้เแสดงความ "ละเอียด" ในการแสดง อันนี้ก็แล้วแต่จังหวะ และวาสนาของแต่ละคน ในการเลือกบทที่จะเล่นนั่นแล . . .
+The Incredible Hulk เวอร์ชั่นนี้ ไม่ใช่ภาคต่อของ The Hulk ฉบับที่อัง ลีเคยทำไว้แต่อย่างใด หากแต่เป็นเวอร์ชั่นที่สร้าง "ทับซ้อน" ของเวอร์ชั่นนั้นอีกที ในความหมายที่คล้ายคลึงกับการ
"ลบทิ้ง" เพื่อเริ่มต้นใหม่ เป็นการชุบชีวิตใหม่ให้กับหนังที่เป็นความหวัง ว่าจะกลายเป็นหนังภาคต่ออันทรงคุณค่าให้กับสตูดิโอ หลังจากล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง กับ The Hulk ฉบับแรก ทั้งในแง่ของการขาย และคำวิจารณ์ . . แม้กระทั่งกับชื่อหนัง จากที่เคยเป็นแค่ The Hulk ในเวอร์ชั่นของอัง ลี ก็กลับมาใช้ชื่อเดิมแบบเต็มๆ เหมือนเช่นที่เคยใช้มาในสมัยเป็นทีวีซีรีย์ว่า The Incredible Hulk . . .
+เห็นศัพท์ที่นิยมใช้กัน ในยุคคอมพิวเตอร์ เจอเนอเรชั่น อย่างยุคนี้ ว่าเป็นการ Reboot หนังแล้ว ก็น่าจะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เพราะการ Reboot หมายความถึงการปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเปิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเริ่มการปฏิบัติการครั้งใหม่ ซึ่งมักจะทำเพื่อแก้ไขปัญหา ในกรณีที่เครื่องคอมพิวเตอร์แฮ็งค์ หรือมีปัญหา . . .
+The Hulk ของอัง ลี ไม่มีปัญหาอะไร ยกเว้นความผิดพลาดในแง่ความสนุกบันเทิงของตัวหนัง ที่แม้แต่แฟนพันธุ์แท้ของอัง ลีเอง (ผู้เขียนก็หนึ่งในนั้นด้วยคนหนึ่ง) ก็ยังว่าหนังดู "ไม่สนุก" เอาซะเลย กับอีกอย่าง ที่ด้อยคุณภาพอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่ส่วนนี้ถือเป็นหัวใจของหนังไม่แพ้ส่วนอื่นเลยก็คือ เทคนิคพิเศษด้านภาพในการสร้างกราฟิคของยักษ์เขียว ที่ทำออกมาได้ แบบว่า
"อ่ะนะ"" ทั้งๆที่หนังใช้เงินลงทุนก็มากซะตั้งกว่า 100 ล้านเหรียญซะขนาดนั้น . . .
+ที่เหลือนอกจากนั้น The Hulk ก็ไม่ได้ดูเสียหายอะไรมากจนถึงขนาดต้องซ่อมแซมเสียใหม่ เพียงแต่ว่าหนังเรื่องนี้ ถ้าคิดจะเดินหน้าต่อไป และสร้างมูลค่าใหม่ให้กับหนัง บางครั้งการยอมถอยกลับมาหนึ่งก้าว เพื่อตั้งหลักใหม่ให้มั่นคงและแข็งแรง เป็นวิธีที่น่าจะดีกว่า และถูกต้องกว่า . . อย่างน้อย ก็ในเวลานี้ . .
+ในอนาคต ถ้า . . และเมื่อ . . The Incredible Hulk เวอร์ชั่นนี้กลายเป็นหนังภาคต่อที่ประสบความสำเร็จ และขึ้นหิ้งหนังภาคต่อสุดคลาสสิคเช่นเดียวกับหนังอย่าง Spider Man ของแซม ไรมี่ หรือ Batman ชุดใหม่ภายใต้การดูแลของคริสโตเฟอร์ โนแลน . . บางที อีกสักสิบปี หรือยี่สิบปีข้างหน้า The Hulk ฉบับของอัง ลี อาจจะกลายเป็นหนัง "คัลท์" ที่แฟนๆหนังชุดยักษ์เขียวต้องไปเสาะหามาดู เพื่อประกอบและเปรียบเทียบก็เป็นได้ . . และอาจจะเสียดายแทนสิ่งดีๆที่เหลืออยู่ในอีกหลายแง่มุมของหนัง ที่จะถูกถูกค้างไว้เช่นนั้น ตลอดกาล . . .
+เรื่องราวสำคัญของหนังชุดยักษ์เขียว ว่าด้วยเรื่องราวของ "อีกร่างหนึ่ง" ของตัวเอก "บรู๊ซ แบนเนอร์" นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม ที่เมื่อร่างกายของเขากลายเป็นอสูรร้าย "ไอ้ตัวเขียว" ผู้น่ากลัว และทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้น The Incredible Hulk ของผู้กำกับ "หลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์" จึงไม่ทิ้งเหตุการณ์เริ่มต้นที่สำคัญนี้แต่อย่างใด บทหนังเล่าเรื่องเท้าความเหตุการณ์ความผิดพลาดในห้องทดลองในช่วงไตเติ้ลของหนังได้
อย่างฉลาด เป็นการใช้เวลาเกริ่นความก่อนที่สั้น กระชับ และได้ใจความของที่มาทั้งหมดได้น่าสนใจ . . .
+The Incredible Hulk เวอร์ชั่นนี้ ในฐานะหนังที่มีโจทย์ว่าต้องแก้ "ความไม่สนุก" ในภาพรวมของหนังฉบับแรกให้ได้ เลแตร์ริเย่ร์ ผู้กำกับหนุ่มชื่อดัง ชาวฝรั่งเศส เจ้าของงานฮิตอย่าง Transporter 2 และกำกับเจ็ต ลีใน Danny The Dog (หรือ Unleashed) จึงมาสานต่องานเพื่อขายความสนุก และเน้นความบันเทิงเป็นหลักสำคัญ โดยได้ แซ็ค เพนน์ ผู้กำกับร่วม/มือเขียนบท จาก X-Men : The Last Stand มาเป็นคนเขียนบทหนังให้ เอื้อให้เลแตร์ริเย่ร์ได้โชว์ฝีมือหลากหลายขึ้น ไล่ตั้งแต่แอ็คชั่นไปจนถึงดราม่า และโรแมนติค โดยไม่ลืมที่จะผ่อนคลายด้วมอารมณ์ขันอีกเล็กน้อยพอให้หนังไม่เครียด อย่างฉากที่น่ารักชวนอมยิ้มฉากหนึ่งในหนังก็คือ ฉากที่ท่านนายพล ตัวละครของวิลเลี่ยม เฮิร์ท ถามบลอนสกี้เรื่องอายุ ตรงนี้ผู้เขียนขำนะคะ เพราะแววตา
"มีเคือง" แว่บนึงของทิม รอธในฉากนั้น และการโต้ตอบของทั้งคู่นั้นสุดฮามากค่ะ โดยเฉพาะกับบรรดาคนเริ่มแก่ทั้งหลาย อาจจะชอบอกชอบใจมากกว่าใครเป็นพิเศษ (^ ^)
+มาว่ากันถึงฉากบู๊ที่ถือเป็นจุดขายของหนัง เลแตร์ริเย่ร์ก็ทำฉากแอ็คชั่นออกมาได้อย่างสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ และชวนลุ้นระทึกได้ตามโจทย์ คุ้มค่าสมราคาตั๋วหนัง ทั้งเมื่อตอนที่นอร์ตันเป็นบรู๊ซ แบนเนอร์ และในยามที่ฉากแอ็คชั่นทำลายล้างเป็นหน้าที่ของ เดอะ ฮัลค์-ไอ้ตัวเขียวก็ตาม (ออกเสียงว่า "ฮัลค์" นะคะ ไม่ใช่ "ฮัค") และที่ได้มาเกินคาด
สำหรับผู้เขียนก็คือ การที่บทหนังและผู้กำกับทำให้หนังมีด้านที่เป็นดราม่า และโรแมนติก (ก็ปนดราม่าอีกนั่นแหล่ะ) ผสมอยู่ ให้ออกมาได้อย่างละเมียดละไม รวมถึงฉากสะเทือนอารมณ์หลายๆฉากของหนัง เลแตร์ริเย่ร์ก็ยังทำออกมาได้ดี ซึ่งตรงนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับการแสดงของนักแสดงทั้งสอง และดนตรีประกอบของเคร็ก อาร์มสตรอง เจ้าของรางวัลบาฟต้า และลูกโลกทองคำจาก Moulin Rouge ที่ช่วยเสริม และทำให้ผู้ชมที่อ่อนไหวง่าย (อย่างผู้เขียน) น้ำตาไหลได้ . . .
+นางเอกสาว "ลิฟ ไทเลอร์" มีบางอย่างที่ละม้ายคล้ายคลึง และชวนให้นึกถึงเจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ ผู้รับบทเป็น "เบ็ตตี้ รอสส์" ในฉบับของอัง ลี แต่ไทเลอร์ก็ดูเหมาะ และลงตัวกับบรู๊ซ แบนเนอร์ เวอร์ชั่นผอมบางของนอร์ตันมากทีเดียว ทั้งคู่ดูมีความเปราะบาง และหุ่นของนอร์ตันก็ผอมได้ใจ เข้ากับบทที่ต้องเป็นคนที่มีชีวิตอยู่กับการหลบหนีมาเป็นปีๆได้อย่างดีทีเดียว นอร์ตันดูผอม บอบบาง และก็ดูน่าสงสาร ชวนเห็นใจ ในขณะที่บาน่า กับคอนเนลลี่ออกจะดูเข้มแข็งเกินไปด้วยซ้ำ . .
+ส่วนการแสดงของทีมนักแสดงสมทบ ไม่ว่าจะเป็นทิม รอธ และวิลเลี่ยม เฮิร์ท ต่างก็ทำได้อย่างเด็ดขาด สมบทบาทที่ได้รับทั้งคู่ และทำให้ผู้เขียนอยากจะเห็นพวกเค้าอีกเยอะๆในหนังภาคต่อๆไป และที่เซอร์ไพร้ซ์สุดๆ ปิดท้ายหนังก็คือ การปรากฎตัวของแคแรคเตอร์สุดฮิต ดังระเบิดคนหนึ่งในหนังด้วย ซึ่งอาจจะเป็น "ซูเปอร์สปอยเลอร์" ทันที ถ้าพูดถึง ซึ่งก็คงต้องไปตามดูกันเองสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูค่ะ . . .
+มีฉากหนึ่งในหนัง ที่เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจะจะต่อหน้าผู้ชมของบรู๊ซ แบนเนอร์ เมื่อร่างของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นไอ้ตัวเขียวอย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนกลับมาเป็นร่างปกติอีกครั้ง . . นั่นเป็นการเขียนบทหนังที่รู้ใจแฟนพันธุ์แท้เหลือเกิน ตอบโจทย์อีกข้อที่แฟนการ์ตูนสงสัย และอยากเห็นมานานได้เป็นอย่างดี . . อีกฉากหนึ่งที่ผู้เขียนชอบมากก็คือ ตอนที่เบ็ตตี้ถามบรู๊ซว่ามันเป็นยังไง ขณะที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง นั่นอาจจะเป็นบทสนทนาเล็กๆระหว่างกันของทั้งคู่ คำถามของเธอก็เป็นคำถามเล็กๆ แต่กลับบอกถึงหัวใจ และความรักทั้งหมดที่เธอมีต่อเขา . . .
+การรับรู้ถึงความทุกข์ของคนที่เรารัก สำหรับผู้เขียน นั่นคือการ "แบ่งปัน" ที่มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมดค่ะ . . .
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
+ในส่วนของ ตกผลึกความคิด จะพูดถึงแง่คิดดีๆ + ความประทับใจที่ได้จากหนังเรื่องนั้นค่ะ โดยจะเขียนลงสลับกับรีวิวค่ะ (เรื่องไหนน่าสนใจ จะนำมาเขียนเป็นตกผลึกค่ะ)
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1550.html ค่ะ
Edited by rbgel, 20 November 2009 - 07:07 PM.