+เหตุผลข้อหนึ่งที่น่าจะบอกถึงสาเหตุความสำเร็จของอนิเมชั่นจากค่ายดรีมเวิร์คส์ได้ นั่นก็คือ เรื่องของแนวทางเฉพาะตัว ที่แตกต่างไปจากผู้มาก่อนอย่าง ดิสนีย์หรือพิคซาร์อย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะสามารถครองใจผู้ชมทุกกลุ่ม ในแบบที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ได้เช่นเดียวกับฝ่ายหลัง แต่ขณะที่พิคซาร์มักจะมาพร้อมกับความประทับใจ เป็นอนิเมชั่นที่ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่กับงานของดรีมเวิร์คส นี่คืองานที่เน้นกันที่ความบันเทิงแบบกวนๆ ห่ามๆเป็นหลัก ซึ่งหากย้อนกลับไปดูงานที่ผ่านๆมาอย่างเช่น Shrek , Madagascar หรือว่า Bee Movie อารมณ์ที่ว่าก็ไม่ได้หนีกันเลยสักนิด . . .
+และกับ Kung Fu Panda อนิเมชั่นเรื่องล่าสุด ก็ยังคงเสน่ห์ในแบบอนิเมชั่นของดรีมเวิร์คสเอาไว้ได้อย่างครบเครื่อง ทั้งอารมณ์ขันที่เข้าถึงได้ทั้งกลุ่มผู้ชมตัวเล็ก และตัวใหญ่ มีมุขจิกกัดแบบเสียดสี แสบๆ คันๆ ให้ชมอย่างประปราย และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ตัวละครหลักที่ดูแล้วสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกรัก ในแบบน่าชัง และน่าเอ็นดูได้ไม่ยาก . . .
+"โป" เป็นแพนด้านักฝัน ผู้คลั่งวรยุทธ์ และเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ 5 ยอดฝีมือแห่งยุทธภพ ซึ่งไม่ว่าจะมองมุมไหน โปก็ไม่น่าจะเป็นจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจได้ นอกจากเป็นลูกชายเจ้าของร้านขายบะหมี่ ซึ่งก็คงจะต้องทำหน้าที่ดูแลร้านบะหมี่สืบต่อไป . . แต่แล้วทุกอย่างก็พลิกผัน เมื่อปรมาจารย์เต่าเกิดนิมิตว่า "ไถ่หลาง" อดีตลูกศิษย์ของอาจารย์ฉีฟู่ ที่ถูกคุมขังเอาไว้ในคุกซอร์กอมจะแหกคุกออกมา ทางสำนักจึงจัดการประลองยุทธ์เพื่อเฟ้นหา "จอมยุทธ์มังกร" ที่จะเข้ารับการสืบทอดยอดวรยุทธ์ และเรียนรู้เคล็ดวิชาในคัมภีร์ขั้นสูงสุด . . .
+ด้วยอุบัติเหตุบางประการที่ชวนหัวชวนฮา โปกลายเป็นผู้ถูกเลือกเป็นจอมยุทธ์มังกร ขณะที่ไถ่หลางก็แหกคุกออกมาได้สำเร็จ และเป้าหมายแรกของมันก็คือ หุบเขาสันติ และคัมภีร์ขั้นสูงสุด ตลอดจนตำแหน่งจอมยุทธ์มังกรนั่นเอง . . .
+จากลูกชายเจ้าของร้านบะหมี่ หมีแพนด้าจอมตะกละผู้เกียจคร้าน โปจะต้องกลายมาเป็นยอดยุทธ์ที่ต้องรับมือกับยอดฝีมืออย่างไถ่หลางให้ได้ ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วคืน ซึ่งดูแล้วช่องทางของความเป็นไปได้นั้น แทบจะไม่มีให้เห็นเลยด้วยซ้ำ . . .
+แค่เพียงเลือกหมีแพนด้า หน้าตาน่ารักน่าชัง มาเป็นตัวละครหลักของ Kung Fu Panda ก็ได้ใจ และเรียกความสนใจได้จากผู้ชมบางกลุ่มไปแล้วตั้งแต่เห็นตัวอย่างในโรง ในขณะที่ตัวหนังเองก็ทำออกมาได้อย่างไม่เสียราคา และสมน้ำสมเนื้อในฐานะคู่ปรับเพียงหนึ่งเดียวในโลกอนิเมชั่นของฝั่งดิสนีย์ และพิคซาร์ . .
+โดยเฉพาะกับมุขตลก อารมณ์ขัน ที่มีทั้งมุขในเชิงเสียดสี ล้อเลียน ที่เข้าถึงได้สบายๆสำหรับคนดูกลุ่มวัยรุ่น หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ตาม ที่หนังขายมุขกันตั้งแต่ขึ้นโลโก้ของบริษัท ในตอนเปิดเรื่องกันเลยทีเดียว . . จากนั้นก็ค่อยๆทยอยหยอดเข้ามาในเรื่อง ทั้งแบบว่ากันให้เห็นตรงๆ และให้ใช้ความสังเกตก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเหล่าชาวเมืองในหุบเขาสันติ หรือการวางปมเรื่องครอบครัวของโป ที่เอามาตบกินในตอนท้ายเรื่องอีกที . . .
+ขณะที่มุขตลกแบบเจ็บตัว ก็คืองานขายง่ายๆที่เอาใจกลุ่มผู้ชมตัวเล็กๆที่เข้าถึง และเพลิดเพลินไปด้วยได้ แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะผู้ชมอเมริกันเท่านั้นที่จะสนุกไปกับ Kung Fu Panda ได้ ด้วยความที่มุขส่วนใหญ่คือมุขในแบบตลกเจ็บตัว ซึ่งเป็นมุขที่สื่อสาร และทำความเข้าใจกันได้แบบเป็นสากลอยู่แล้ว ซึ่งจะว่าไปกับผู้ชมทั่วโลกคนไหนที่ยังมีอารมณ์ขันอยู่ในตัว ก็น่าจะสนุกไปกับ Kung Fu Panda ได้อย่างสบายๆ . . .
+และใช่แค่จะรู้จักว่าจะเล่นอะไร และทำอะไรแต่เพียงเท่านั้นไม่ เพราะไม่ว่าจะเป็นตัวผู้กำกับ และผู้เขียนบท ต่างก็รู้จักหนังกำลังภายในเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดจากการหยิบเอาลูกเล่นของหนังในแนวทางนี้มาใช้อย่างได้ผล และน่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็คชั่น แก๊กต่างๆอย่างเช่นเรื่องของคัมภีร์ ที่มากันครบทั้งสถานที่เก็บ , เนื้อหา และกระทั่งความหมายของตัวคัมภีร์เอง ทุกอย่างถูกหยอดใส่เข้ามาด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่ลงตัว และสนุกสนานเป็นอย่างมาก . . .
+และถึงแม้ว่าตัว "โป" แพนด้าเจ้าปัญหา ที่ให้เสียงพากษ์โดย "แจ็ค แบล็ค" นั้นจะเป็นศูนย์กลางของเรื่อง แต่กับบรรดาตัวละครต่างๆที่รายรอบนั้น ก็ไม่ใช่ว่าสักแต่จะใส่ๆกันเข้ามาแบบไม่มีอะไร หากทุกตัวเลยก็ว่าได้ที่กลายมาเป็นองค์ประกอบ หรือส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังดูสนุก และลื่นไหล ซึ่งถือว่าใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และมีความโดดเด่นมากพอที่จะให้ผู้ชมจดจำได้ . .
+และส่วนใหญ่ก็จะมาพร้อมกับลักษณะเด่นเฉพาะตัวเสียด้วย ที่จะถูกหยิบมาใช้งานเป็นมุขขันๆ ไล่มาตั้งแต่หน้าตา และท่าทาง อย่างเช่นอาจารย์ฉีฟู่ ที่แทบจะถอดแบบมาจาก "โยดา" จากหนัง Star Wars อย่างไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังไว้เปียแบบพวกพาดาวันอีกต่างหาก แล้วกับตัวละครอื่นๆไม่ว่าจะเป็นนางพยัคฆ์ , นกกระเรียน , งู , ตั๊กแตน และลิง ทุกตัวที่ว่ามาก็คือสัตว์ที่เป็นต้นแบบของวิชาการต่อสู้ทั้งนั้น . . .
+ขณะที่การใช้เทคนิคภาพแบบจอกว้าง ก็ขายฝีมืองานสร้าง ซึ่งทั้งงดงาม และสดใสของหนังได้อย่างเต็มที่ และให้ความรู้สึกในแบบเดียวกับหนังกำลังภายในยุคเก่า ที่มักจะถ่ายทำด้วยฟิล์ม 70 หรือ 35 ซีนีม่าสโคป ที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ และเต็มตาไปในตัว . . และไม่ใช่จะมาพร้อมกับมิติทางด้านความบันเทิงแต่เพียงอย่างเดียว Kung Fu Panda ก็ยังมาพร้อมกับประเด็นที่ว่าด้วยเรื่องของความเชื่อมั่น และการรู้จักตนเอง ที่ถูกนำเสนอควบคู่ไปกับความบันเทิงได้อย่างกลมกลืน และเนียนตา โดยไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนถูกยัดเยียด หรือว่าบั่นทอนความบันเทิงของหนังแต่อย่างใด . . .
+และด้วยลักษณะของเรื่อง และตัวละครที่ใช้ ที่ยังจะมีอะไรให้เล่นได้อีกมากมาย จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจหาก Kung Fu Panda จะมีภาคต่อออกมาอีกในอนาคต ด้วยความที่หนังเองทิ้งเชื้อไว้อีกเพียบ แต่จะทำออกมาแล้วอ่อนล้าความน่าสนใจอย่าง Shrek the Third หรือเปล่านั้น ก็ต้องตามดูกันต่อไป . . แต่อย่างน้อยที่สุด Kung Fu Panda ก็แสดงให้ได้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างงานของทีมอนิเมชั่นจากบ้านดรีมเวิร์คสว่า ยังคงเก๋า มากไอเดีย และมีลูกล่อ ลูกชนอีกเหลือเฟือ . . .
+ซึ่งก็เป็นไอเดีย และลูกเล่นที่แตกต่างไปจากงานอนิเมชั่นของบ้านดีสนีย์ และพิคซาร์ และก็เป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้อนิเมชั่นของบ้านนี้กลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของคออนิเม
ชั่นในอารมณ์แก่นๆ เฮี้ยวๆ เป็นพิเศษ และน่าจะทำให้อนิเมชั่นของดรีมเวิร์คสไม่ล้มหายไปจากวงการง่ายๆเหมือนกับอนิเมชั่น
ของอีกหลายๆค่าย ที่มาแล้วก็ไปแบบว่าไม่มีเวลาได้ร่ำได้ลากันเลย . . และกับ Kung Fu Panda เรื่องนี้ แม้เวลาในการฉายจะน้อยนิดเพียงแค่ 90 นาที แต่ก็เป็น 90 นาทีที่คุ้มค่า คุ้มราคาทุกวินาที ไม่มีผิดหวังแน่นอน!!!
+ให้ 3 ดาวค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1458.html ค่ะ
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
Edited by rbgel, 23 November 2009 - 04:21 PM.