`

Jump to content





รีวิวหนัง Music & Lyrics - มิวสิค แอนด์ ลีริคส์ สี่ห้องใจนี้ มีแต่เสียงเธอ


4 replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 04 September 2008 - 07:42 PM

Music & Lyrics

-มิวสิค แอนด์ ลีริคส์ สี่ห้องใจนี้ มีแต่เสียงเธอ-


"Share the music with someone you love"

+แม้จะไม่มีอะไรใหม่ และเป็นหนังในแบบสูตรเดิมๆของหนังโรแมนติก-คัมมิดี้ชนิดตลาดจ๋า แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความคุ้นเคย หรือเป็นของเดิมๆที่เห็นกันจนชินตา Music & Lyrics ก็เป็นหนังที่ดูสนุก และน่ารักในแบบที่หนังโรแมนติก-คัมมิดี้เข้าท่าๆสักเรื่องควรเป็น ด้วยเหตุที่หนังมาพร้อมกับความลงตัวของหนังแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการหยอดมุข การเล่าเรื่อง และการวางลำดับเพลงที่แม่นชนิดเอาอยู่ และที่ขาดไม่ได้เลยที่สุดก็คือ "เคมี" ของนักแสดงนำทั้งสองคน ที่ต่างเล่นรับส่งกันได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ รวมไปถึงบรรดาตัวประกอบรายรอบคู่พระนางที่มากันแบบพอดีๆ ไม่มากเกินไป และไม่ล้นเกินไป . . .


+ต่างไปจากหนังโรแมนติก-คัมมิดี้กะขายเรื่องก่อนหน้านี้ของผู้กำกับ-เขียนบท "มาร์ค ลอว์เรนซ์" ที่ชื่อ Two Week Notice ที่มี "ฮิวจ์ แกรนท์" พระเอกคนเดียวกันนี้เป็นดารานำฝ่ายชาย ส่วนนางเอกสาวก็ได้แซนดร้า บูลล็อคมาประกบ ที่ล้วนแต่เต็มไปด้วยความล้นๆ เกินๆเต็มไปหมด และที่สำคัญเคมี การรับ-ส่งอารมณ์ของสองนักแสดงนำ ก็ดูไม่กลมกลืน หรือชวนให้เพลินได้อย่างเรื่องนี้ . . .


+เรื่องราวของ Music & Lyrics ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน "อเล็กซ์ เฟล็ทเชอร์" (ฮิวจ์ แกรนท์) คือซูเปอร์สตาร์ตกอับ อดีตสมาชิกวงป็อปชื่อดังจากยุค 80's ที่พอวงแตก ก็มาหากินด้วยการเป็นนักร้องในโชว์เลี้ยงรุ่นคนยุค 80's หรือตามเวทีสวนสนุกบ้านๆ จนมาได้โอกาสจากนักร้องสาวซูเปอร์สตาร์ของยุคนี้ "คอร่า คอร์แมน" (เฮลีย์ เบนเน็ทท์) ที่เปรียบได้กับคริสติน่า อากีเรล่า+บริทนีย์ สเพียร์ส และช่างบังเอิญที่มีเฟล็ทเชอร์เป็นขวัญใจ อยากให้เขาแต่งเพลงให้ พร้อมมีโจทย์+ชื่อเพลงมาให้แล้วเสร็จสรรพ . .


+ทว่าลาภชิ้นงามก็มาพร้อมกับทุกข์ เพราะนอกจากเวลาจะกระชั้นชิด ที่จะ
ต้องแต่งเพลงฮิตขึ้นมาให้ได้ภายในไม่กี่วันแล้ว เฟล็ทเชอร์เองก็ไม่ได้เขียนเพลงมาเป็นชาติแล้วนับแต่วงแตก และที่หนักกว่านั้นก็คือ เขาไม่เคยแต่งเนื้อร้อง!? ฉะนั้นโอกาสจะฟื้นคืนชีพก็ดูจะมืดหม่นเหลือเกิน . . .


+แต่แล้วเฟล็ทเชอร์ก็ได้พบกับ "โซฟี่ ฟิชเชอร์" (ดรูว์ แบรี่มอร์) นักศึกษาสาขาการประพันธ์ ที่มารับดูแลต้นไม้แทนคนดูแลเจ้าประจำที่ลางาน หลังจากได้ยินเธอฮึมฮัมเนื้อร้องตามทำนองที่เขาเล่น เฟล็ทเชอร์ตัดสินใจว่าเธอนี่แหล่ะคือคนที่เขาอยากให้มาแต่งเนื้อร้องเพลงนี้ แต่ก็ต้องใช้เวลาตามตื้อเธออยู่นาน จนในที่สุดฟิชเชอร์ก็มาร่วมแต่งเพลงกับเฟล็ทเชอร์จนได้ แน่นอนว่าเพลงของทั้งคู่ผ่านสะดวกโยธิน ขณะที่ความสัมพันธ์ต่างหากที่เริ่มก้าวล้ำเส้นเดิมๆ . . .


+หากไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะทำให้ความสัมพันธ์คืบหน้า เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีปัญหาอยู่ในตัว ฝ่ายหนึ่งคือคนที่ติดอยู่กับบทบาทที่คนอื่นเป็นคนกำหนด เมื่อครั้งหนึ่งความรักทำให้เธอกลายเป็นวัตถุดิบในงานเขียนของแฟนเก่า จนไม่กล้าก้าวออกจากเงาของตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นโดยมีเธอเป็นแม่แบบ ขณะที่อีกฝ่ายก็มองความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันเป็นธุรกิจ และติดอยู่ในวังวนของความสำเร็จเดิมๆ ในแบบที่มองทุกอย่างเป็นโอกาส จนมองข้ามตัวตนของตนเอง . . .


+แน่นอนว่าบทสรุปของหนังไม่ได้ใจร้าย มาร์ค ลอว์เรนซ์เลือกจบ Music & Lyrics ในแบบที่หนังโรแมนติก-คัมมิดี้ควรจะเป็น และไม่พยายามทำอะไรใหญ่โตไปกว่าที่ตัวเองควรจะทำ . . แต่บางทีกับการที่หนังเดินมา ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินสำรวจไปตามทางแยกทุกตรอกซอกซอย โดยเฉพาะหากยิ่งเดินไปยิ่งทำให้ตัวเองเดินเข้าป่าเข้าพง หรือพลัดหลงทางได้ . . Music & Lyrics เลือกที่จะขจัดปัญหาต่างๆแบบง่ายๆ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้หนังดูไม่สนุก เพราะด้วยความรู้สึกที่ว่าอะไรๆก็ง่ายไปซะหมด ส่วนหนึ่งก็เพราะหนังมีอะไรหลายๆอย่างมาช่วยเสริมไว้ . . .


+ถึงจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ Music & Lyrics ก็มีครบองค์ประกอบสำคัญทุกอย่างที่หนังโรแมนติก-คัมมิดี้ดูสนุกเรื่องหนึ่งต้องมี และที่ต้องให้คะแนนนำมาก่อนเลยก็คือ การแสดงของสองคู่ขวัญดารานำอย่าง "ฮิวจ์ แกรนท์" และ "ดรูว์ แบร์รี่มอร์" ที่เข้าขา เข้าคู่ เป็นสูตรเคมีที่เข้ากันได้อย่างลงตัว . . ในขณะเดียวกันก็ต้องขอปรบมือให้กับทีมดาราสมทบทั้งหลายโดยเฉพาะตัวพี่สาวของฝ่ายหญิง และผู้จัดการวงของฝ่ายชาย เพราะทั้งคู่ช่วยส่งให้หนังลื่นไหล และลงตัวมากขึ้น เมื่อถึงจังหวะใช้ตัวละครสองตัวนี้มาช่วยสร้างมุขเข้าฉาก ซึ่งก็ทำได้อย่างมีจังหวะ และลงตัวทุกครั้งไป . . ซึ่งต้องไม่ลืมยกความดีความชอบให้กับ "บทหนัง" ที่วางทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างเหมาะเจาะ . . .


+อีกส่วนหนึ่งที่มิอาจมองข้ามไปได้เลยก็คือ "เพลง" ที่ใช้ในหนัง ที่เป็นทั้งสีสัน เป็นทั้งตัวชูรสให้กับภาพยนตร์ โดยที่อาจจะมองว่าเสมือนเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะกับเพลงใน Music & Lyrics หลายๆเพลงนั้น ไม่ใช่แค่เพลงป๊อปธรรมดาๆที่ถูกใส่เข้ามาเพื่อเติมเต็มบางอย่างให้กับเรื่อง . . หากแต่มีส่วนในการเล่าเรื่อง รวมทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น โดยเฉพาะเพลงธีมของหนัง Way Back Into Love ที่ได้ "อดัม ชเลสซิงเจอร์" ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างดนตรีของยุค 60's ให้กับ That Thing You Do! มาแล้ว และที่สำคัญเลยก็คือส่วนใหญ่นั้น "เพราะ" เสียด้วย และถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญของหนัง . . จึงไม่น่าแปลกใจที่ Music & Lyrics จะทำให้รู้สึกเพลินหู เพลินตา เวลาชมเป็นพิเศษ . . .


+แต่สำหรับคนที่มีพื้นเรื่องของวงการเพลง โดยเฉพาะยุค 80's มาด้วยแล้ว จะรู้สึกสนุกกับ Music & Lyrics ได้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่มุมเสียดสีที่เกี่ยวข้องกับวงการเพลงยุค 80's ตลอดจนแฟชั่นของยุคนั้นก็ตาม ไล่ไปจนถึงการพยายามทำอัลบั้มเพลงที่นึกถึงแต่ความสำเร็จ มากกว่าจะมองถึงตัวตนของตัวเองของศิลปิน ที่เคยอยู่ในสถานภาพซูเปอร์สตาร์ . .


+หรือกับตัวนักร้องอย่างคอร่า คอร์แมนเอง ก็มีนัยเสียดสีถึงบรรดาเหล่าคนดังทั้งหลายของ
ฮอลลีวู้ด ที่สรรหาอะไรแปลกๆ มานับถือ ทว่ากลับไม่เคยทำความรู้จักมักจี่ หรือศึกษาให้ลึกซึ้ง . . อย่างที่เห็นกันชัดๆ ใน Music & Lyrics ก็คือศาสนาพุทธของเรานี่ล่ะ ซึ่งในการแสดงภาพตรงนี้ก็เลยทำให้หนังจำต้องถูกม่านหมอกแห่งศีลธรรมมาบดบังอย่าง
เลี่ยงไม่ได้ หรืออาจจะถูกเล็ม ถูกตัดไปบ้าง แต่โดยรวมๆ แล้วก็ต้องถือว่าทำได้ดี และไม่ทำให้ถึงกับตกหล่น หรือเสียอรรถรสอะไรไปมากมาย หากแต่ขณะชมอาจจะทำให้รำคาญใจบ้างก็เท่านั้น . . .

+เห็นได้ชัดว่า หากเทียบกันกับ Two Week Notice หนังอย่าง Music & Lyrics เรื่องนี้ของมาร์ค ลอว์เรนซ์ แสดงให้เห็นว่าเขา "เป็นงาน" มากกว่าในอดีตแค่ไหน ถึงส่วนหนึ่งจะต้องยกความดีให้กับทีมนักแสดงก็ตามที . . .


+แม้จะไม่ใช่หนังยิ่งใหญ่อะไรมากมาย แต่ก็เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ และขายความบันเทิงแท้ๆให้กับผู้ชม ไม่มีความพยายามที่จะมากเกิน หรือมีปมประเด็นทับซ้อนให้หนักอึ้ง จนตัวหนังผิดรูปผิดทาง โดยเฉพาะกับคอหนังโรแมนติก-คัมมิดี้ด้วยแล้ว Music & Lyrics อยู่ในระดับที่ "พลาดไม่ได้" และแม้สำหรับคนที่ชอบทางหนังในแบบ "น่ารักๆ" ก็น่าจะสนุกกับ Music & Lyrics ได้ไม่แพ้กัน . . .

+แต่ที่จะทำให้ขำ และสนุกเพลินไปกับกับหนังเรื่องนี้ได้ลึกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ก็เห็นจะเป็นเหล่าผู้ชมทั้งหลายที่เติบโตมาในยุค 80's ที่แค่เห็นฉากเปิดหนัง ซึ่งทำเป็นมิวสิค วิดีโอของวงป๊อป ที่แกะสไตล์มาจากมิคสิค วิดีโอจากยุคนั้นมาแบบทุกกระเบียดนิ้ว เพียงเห็นแค่นั้น ก็แทบจะอมยิ้ม และร่วมฮาแตกแบบหายใจแทบไม่ทันแล้ว . . .

+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว) yoyo_55.gif yoyo_55.gif

+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1175.html ค่ะ


QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 24 November 2009 - 07:21 PM.


#2 Big Boss

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 3

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1422 posts

Posted 10 September 2008 - 03:43 AM

ชอบเพลงประกอบหนังเรื่องนี้มากเลยครับ ส่วนหนังยังไม่เคยดู ดูจากคะแนนรีวิวแล้ว จะลองหาดูมั่งดีกว่า

#3 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 10 September 2008 - 03:40 PM

QUOTE (Big Boss @ Sep 10 2008, 03:43 AM) <{POST_SNAPBACK}>
ชอบเพลงประกอบหนังเรื่องนี้มากเลยครับ ส่วนหนังยังไม่เคยดู ดูจากคะแนนรีวิวแล้ว จะลองหาดูมั่งดีกว่า



QUOTE
เนื้อเพลง: OST. Music & Lyrics - Way Back into Love
ศิลปิน Hugh Grant
ศิลปินรับเชิญ: Haley Bennett


I've been living with a shadow overhead
I've been sleeping with a cloud above my bed
I've been lonely for so long
Trapped in the past, I just can't seem to move on

I've been hiding all my hopes and dreams away
Just in case I ever need em again someday
I've been setting aside time
To clear a little space in the corners of my mind

All I want to do is find a way back into love
I can't make it through without a way back into love
Oh oh oh


I've been watching but the stars refuse to shine
I've been searching but I just don't see the signs
I know that it's out there
There's got to be something for my soul somewhere

I've been looking for someone to shed some light
Not somebody just to get me through the night

I could use some direction
And I'm open to your suggestions

All I want to do is find a way back into love
I can't make it through without a way back into love
And if I open my heart again
I guess I'm hoping you'll be there for me in the end
oh, oh, oh, oh, oh


There are moments when I don't know if it's real
Or if anybody feels the way I feel
I need inspiration
Not just another negotiation

All I want to do is find a way back into love
I can't make it through without a way back into love
And if I open my heart to you
I'm hoping you'll show me what to do
And if you help me to start again
You know that I'll be there for you in the end
oh, oh, oh, oh, oh


QUOTE
+ลองฟัง และหาสะสมได้ที่ http://www.ijigg.com/songs/A4CBCC0PE ค่ะ


#4 Big Boss

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 3

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1422 posts

Posted 11 September 2008 - 03:41 AM

ขอบคุณสำหรับเพลงที่ชอบไว้ฟังก่อนนอนครับ

#5 kikuntin

    บันทึกลับอสูรฟ้า เคล็ดวิชาอมตะ ตำนานกระบี่เมตไตร ม้วนภาพเทพยุทธ์

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10921 posts
  • Gender:Male

Posted 11 September 2008 - 11:40 PM

ตอนแรกว่าจะเข้าไปดูในโรงแต่ว่าพลาด และเมื่อน้องตูนรีวิวมาแล้วก็คงต้องไปหามาดูซะแล้ว