+แม้จะไม่มีอะไรใหม่ และเป็นหนังในแบบสูตรเดิมๆของหนังโรแมนติก-คัมมิดี้ชนิดตลาดจ๋า แต่ก็ต้องยอมรับว่าในความคุ้นเคย หรือเป็นของเดิมๆที่เห็นกันจนชินตา Music & Lyrics ก็เป็นหนังที่ดูสนุก และน่ารักในแบบที่หนังโรแมนติก-คัมมิดี้เข้าท่าๆสักเรื่องควรเป็น ด้วยเหตุที่หนังมาพร้อมกับความลงตัวของหนังแนวนี้ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการหยอดมุข การเล่าเรื่อง และการวางลำดับเพลงที่แม่นชนิดเอาอยู่ และที่ขาดไม่ได้เลยที่สุดก็คือ "เคมี" ของนักแสดงนำทั้งสองคน ที่ต่างเล่นรับส่งกันได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ รวมไปถึงบรรดาตัวประกอบรายรอบคู่พระนางที่มากันแบบพอดีๆ ไม่มากเกินไป และไม่ล้นเกินไป . . .
+ต่างไปจากหนังโรแมนติก-คัมมิดี้กะขายเรื่องก่อนหน้านี้ของผู้กำกับ-เขียนบท "มาร์ค ลอว์เรนซ์" ที่ชื่อ Two Week Notice ที่มี "ฮิวจ์ แกรนท์" พระเอกคนเดียวกันนี้เป็นดารานำฝ่ายชาย ส่วนนางเอกสาวก็ได้แซนดร้า บูลล็อคมาประกบ ที่ล้วนแต่เต็มไปด้วยความล้นๆ เกินๆเต็มไปหมด และที่สำคัญเคมี การรับ-ส่งอารมณ์ของสองนักแสดงนำ ก็ดูไม่กลมกลืน หรือชวนให้เพลินได้อย่างเรื่องนี้ . . .
+เรื่องราวของ Music & Lyrics ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน "อเล็กซ์ เฟล็ทเชอร์" (ฮิวจ์ แกรนท์) คือซูเปอร์สตาร์ตกอับ อดีตสมาชิกวงป็อปชื่อดังจากยุค 80's ที่พอวงแตก ก็มาหากินด้วยการเป็นนักร้องในโชว์เลี้ยงรุ่นคนยุค 80's หรือตามเวทีสวนสนุกบ้านๆ จนมาได้โอกาสจากนักร้องสาวซูเปอร์สตาร์ของยุคนี้ "คอร่า คอร์แมน" (เฮลีย์ เบนเน็ทท์) ที่เปรียบได้กับคริสติน่า อากีเรล่า+บริทนีย์ สเพียร์ส และช่างบังเอิญที่มีเฟล็ทเชอร์เป็นขวัญใจ อยากให้เขาแต่งเพลงให้ พร้อมมีโจทย์+ชื่อเพลงมาให้แล้วเสร็จสรรพ . .
+ทว่าลาภชิ้นงามก็มาพร้อมกับทุกข์ เพราะนอกจากเวลาจะกระชั้นชิด ที่จะ
ต้องแต่งเพลงฮิตขึ้นมาให้ได้ภายในไม่กี่วันแล้ว เฟล็ทเชอร์เองก็ไม่ได้เขียนเพลงมาเป็นชาติแล้วนับแต่วงแตก และที่หนักกว่านั้นก็คือ เขาไม่เคยแต่งเนื้อร้อง!? ฉะนั้นโอกาสจะฟื้นคืนชีพก็ดูจะมืดหม่นเหลือเกิน . . .
+แต่แล้วเฟล็ทเชอร์ก็ได้พบกับ "โซฟี่ ฟิชเชอร์" (ดรูว์ แบรี่มอร์) นักศึกษาสาขาการประพันธ์ ที่มารับดูแลต้นไม้แทนคนดูแลเจ้าประจำที่ลางาน หลังจากได้ยินเธอฮึมฮัมเนื้อร้องตามทำนองที่เขาเล่น เฟล็ทเชอร์ตัดสินใจว่าเธอนี่แหล่ะคือคนที่เขาอยากให้มาแต่งเนื้อร้องเพลงนี้ แต่ก็ต้องใช้เวลาตามตื้อเธออยู่นาน จนในที่สุดฟิชเชอร์ก็มาร่วมแต่งเพลงกับเฟล็ทเชอร์จนได้ แน่นอนว่าเพลงของทั้งคู่ผ่านสะดวกโยธิน ขณะที่ความสัมพันธ์ต่างหากที่เริ่มก้าวล้ำเส้นเดิมๆ . . .
+หากไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะทำให้ความสัมพันธ์คืบหน้า เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีปัญหาอยู่ในตัว ฝ่ายหนึ่งคือคนที่ติดอยู่กับบทบาทที่คนอื่นเป็นคนกำหนด เมื่อครั้งหนึ่งความรักทำให้เธอกลายเป็นวัตถุดิบในงานเขียนของแฟนเก่า จนไม่กล้าก้าวออกจากเงาของตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นโดยมีเธอเป็นแม่แบบ ขณะที่อีกฝ่ายก็มองความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันเป็นธุรกิจ และติดอยู่ในวังวนของความสำเร็จเดิมๆ ในแบบที่มองทุกอย่างเป็นโอกาส จนมองข้ามตัวตนของตนเอง . . .
+แน่นอนว่าบทสรุปของหนังไม่ได้ใจร้าย มาร์ค ลอว์เรนซ์เลือกจบ Music & Lyrics ในแบบที่หนังโรแมนติก-คัมมิดี้ควรจะเป็น และไม่พยายามทำอะไรใหญ่โตไปกว่าที่ตัวเองควรจะทำ . . แต่บางทีกับการที่หนังเดินมา ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินสำรวจไปตามทางแยกทุกตรอกซอกซอย โดยเฉพาะหากยิ่งเดินไปยิ่งทำให้ตัวเองเดินเข้าป่าเข้าพง หรือพลัดหลงทางได้ . . Music & Lyrics เลือกที่จะขจัดปัญหาต่างๆแบบง่ายๆ แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้หนังดูไม่สนุก เพราะด้วยความรู้สึกที่ว่าอะไรๆก็ง่ายไปซะหมด ส่วนหนึ่งก็เพราะหนังมีอะไรหลายๆอย่างมาช่วยเสริมไว้ . . .
+ถึงจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ Music & Lyrics ก็มีครบองค์ประกอบสำคัญทุกอย่างที่หนังโรแมนติก-คัมมิดี้ดูสนุกเรื่องหนึ่งต้องมี และที่ต้องให้คะแนนนำมาก่อนเลยก็คือ การแสดงของสองคู่ขวัญดารานำอย่าง "ฮิวจ์ แกรนท์" และ "ดรูว์ แบร์รี่มอร์" ที่เข้าขา เข้าคู่ เป็นสูตรเคมีที่เข้ากันได้อย่างลงตัว . . ในขณะเดียวกันก็ต้องขอปรบมือให้กับทีมดาราสมทบทั้งหลายโดยเฉพาะตัวพี่สาวของฝ่ายหญิง และผู้จัดการวงของฝ่ายชาย เพราะทั้งคู่ช่วยส่งให้หนังลื่นไหล และลงตัวมากขึ้น เมื่อถึงจังหวะใช้ตัวละครสองตัวนี้มาช่วยสร้างมุขเข้าฉาก ซึ่งก็ทำได้อย่างมีจังหวะ และลงตัวทุกครั้งไป . . ซึ่งต้องไม่ลืมยกความดีความชอบให้กับ "บทหนัง" ที่วางทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างเหมาะเจาะ . . .
+อีกส่วนหนึ่งที่มิอาจมองข้ามไปได้เลยก็คือ "เพลง" ที่ใช้ในหนัง ที่เป็นทั้งสีสัน เป็นทั้งตัวชูรสให้กับภาพยนตร์ โดยที่อาจจะมองว่าเสมือนเป็นตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งของเรื่องเลยก็ว่าได้ เพราะกับเพลงใน Music & Lyrics หลายๆเพลงนั้น ไม่ใช่แค่เพลงป๊อปธรรมดาๆที่ถูกใส่เข้ามาเพื่อเติมเต็มบางอย่างให้กับเรื่อง . . หากแต่มีส่วนในการเล่าเรื่อง รวมทั้งยังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น โดยเฉพาะเพลงธีมของหนัง Way Back Into Love ที่ได้ "อดัม ชเลสซิงเจอร์" ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างดนตรีของยุค 60's ให้กับ That Thing You Do! มาแล้ว และที่สำคัญเลยก็คือส่วนใหญ่นั้น "เพราะ" เสียด้วย และถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญของหนัง . . จึงไม่น่าแปลกใจที่ Music & Lyrics จะทำให้รู้สึกเพลินหู เพลินตา เวลาชมเป็นพิเศษ . . .
+แต่สำหรับคนที่มีพื้นเรื่องของวงการเพลง โดยเฉพาะยุค 80's มาด้วยแล้ว จะรู้สึกสนุกกับ Music & Lyrics ได้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในแง่มุมเสียดสีที่เกี่ยวข้องกับวงการเพลงยุค 80's ตลอดจนแฟชั่นของยุคนั้นก็ตาม ไล่ไปจนถึงการพยายามทำอัลบั้มเพลงที่นึกถึงแต่ความสำเร็จ มากกว่าจะมองถึงตัวตนของตัวเองของศิลปิน ที่เคยอยู่ในสถานภาพซูเปอร์สตาร์ . .
+หรือกับตัวนักร้องอย่างคอร่า คอร์แมนเอง ก็มีนัยเสียดสีถึงบรรดาเหล่าคนดังทั้งหลายของ
ฮอลลีวู้ด ที่สรรหาอะไรแปลกๆ มานับถือ ทว่ากลับไม่เคยทำความรู้จักมักจี่ หรือศึกษาให้ลึกซึ้ง . . อย่างที่เห็นกันชัดๆ ใน Music & Lyrics ก็คือศาสนาพุทธของเรานี่ล่ะ ซึ่งในการแสดงภาพตรงนี้ก็เลยทำให้หนังจำต้องถูกม่านหมอกแห่งศีลธรรมมาบดบังอย่าง
เลี่ยงไม่ได้ หรืออาจจะถูกเล็ม ถูกตัดไปบ้าง แต่โดยรวมๆ แล้วก็ต้องถือว่าทำได้ดี และไม่ทำให้ถึงกับตกหล่น หรือเสียอรรถรสอะไรไปมากมาย หากแต่ขณะชมอาจจะทำให้รำคาญใจบ้างก็เท่านั้น . . .
+เห็นได้ชัดว่า หากเทียบกันกับ Two Week Notice หนังอย่าง Music & Lyrics เรื่องนี้ของมาร์ค ลอว์เรนซ์ แสดงให้เห็นว่าเขา "เป็นงาน" มากกว่าในอดีตแค่ไหน ถึงส่วนหนึ่งจะต้องยกความดีให้กับทีมนักแสดงก็ตามที . . .
+แม้จะไม่ใช่หนังยิ่งใหญ่อะไรมากมาย แต่ก็เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ และขายความบันเทิงแท้ๆให้กับผู้ชม ไม่มีความพยายามที่จะมากเกิน หรือมีปมประเด็นทับซ้อนให้หนักอึ้ง จนตัวหนังผิดรูปผิดทาง โดยเฉพาะกับคอหนังโรแมนติก-คัมมิดี้ด้วยแล้ว Music & Lyrics อยู่ในระดับที่ "พลาดไม่ได้" และแม้สำหรับคนที่ชอบทางหนังในแบบ "น่ารักๆ" ก็น่าจะสนุกกับ Music & Lyrics ได้ไม่แพ้กัน . . .
+แต่ที่จะทำให้ขำ และสนุกเพลินไปกับกับหนังเรื่องนี้ได้ลึกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ก็เห็นจะเป็นเหล่าผู้ชมทั้งหลายที่เติบโตมาในยุค 80's ที่แค่เห็นฉากเปิดหนัง ซึ่งทำเป็นมิวสิค วิดีโอของวงป๊อป ที่แกะสไตล์มาจากมิคสิค วิดีโอจากยุคนั้นมาแบบทุกกระเบียดนิ้ว เพียงเห็นแค่นั้น ก็แทบจะอมยิ้ม และร่วมฮาแตกแบบหายใจแทบไม่ทันแล้ว . . .
+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1175.html ค่ะ
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
Edited by rbgel, 24 November 2009 - 07:21 PM.