`

Jump to content





รีวิวหนัง Hellboy - เฮลล์บอย ฮีโร่พันธุ์นรก


4 replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 23 July 2008 - 09:32 PM

Hellboy - เฮลล์บอย ฮีโร่พันธุ์นรก


"Grows up to become a defender against the forces of darkness"

+ถ้าเทียบกับบรรดาซูเปอร์ฮีโร่รายอื่นๆ ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ "เฮลล์บอย" ก็คือซูเปอร์ฮีโร่ที่มาจากด้านมืด และกำเนิดจากฝ่ายอธรรมเช่นเดียวกับ "สพอว์น" หรือว่า "เบลด" ที่เป็นทายาทของผีดูเลือด . .

+และนั่นก็ทำให้การลงจอครั้งแรกของฮีโร่ตัวแดง มีเขากับหาง พร้อมกับมือขวาขนาดใหญ่ยักษ์คนนี้ มีสีสันที่จัดจ้านแสบสันต์ไม่ผิดจากสีตัว เพราะการเป็นฮีโร่ที่มาจากโลกมืด ย่อมน่าสนใจ และดูจะมีอะไรให้เล่นมากกว่าฮีโร่ที่มาจากฝ่ายธรรมะ หรือเกิดมาเพื่อเป็นฮีโร่จริงๆอย่างซูเปอร์แมน หรือแบทแมนอยู่หลายช่วง . . .


+แล้วกับสภาพการเลี้ยงดู การเติบโต ที่ต้องทนอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เป็นคนดีที่ต้องคอยหลบหลีกหน้าตาผู้คน แน่นอนว่าในแง่ของสภาพจิตใจตัวละคร เฮลล์บอยมีอะไรให้ได้จับมาเล่นอีกมากมาย ซึ่งย่อมมากมุม หรือหลากหลายลูกเล่นมากกว่าการจับเอาด้านมืดในตัวของฮีโร่ที่เกิดในฝั่งธรรมะมาเล่น
ด้วยซ้ำ . . .

+ยิ่งได้ตัว "กิลเลอร์โม่ เดล โทโร่" ผู้กำกับชาวเม็กซิกัน ที่ทำให้ Blade 2 กลายเป็นหนึ่งในภาคต่อของหนังซูเปอร์ฮีโร่ ที่คอหนังแนวนี้ยกย่องว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าภาคแรกด้วยนั้น ทำให้ความคาดหวังที่มีต่อ Hellboy ที่แม้จะไม่มาก แต่ก็น่าจะมีระดับค่อนไปทางสูงอยู่พอสมควร . .

+โดยเฉพาะการสร้างโลกในด้านมืด ความเคร่งขรึม จริงจัง ตลอดจนความสับสนในสถานภาพของตัวเองของเฮลล์บอย ที่กลายเป็นคนประหลาด เป็นคนนอกในโลกของมนุษย์ ซึ่งเป็นคนที่เขาคอยทำหน้าที่ปกป้องตลอดมา แต่ตัวเองกลับดูเหมือนเป็นพวกเดียวกับผู้ร้ายเหล่านั้นซะเอง ซึ่งนำทีมมาโดย "กริเกอรี่ รัสปูติน" นักบวชผู้ชั่วร้าย ที่กลายมาเป็นหนึ่งในกลจักรสำคัญที่ทำให้ราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียถึงกาลล่มสลาย . . .


+แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดหวัง เพราะเดล โทโร่ เลือกที่จะนำเสนอเฮลล์บอยให้ต่างไปจากที่เขานำเสนอเบลด ใน Blade 2 ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความรุนแรง และความเข้มข้น จริงจังในแบบหนังแอ็คชั่น-ซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีการผสมผสานความน่าตื่นเต้นในแบบหนังเขย่าขวัญ และความน่าหวาดหวั่นในแบบหนังสยองขวัญ

+ซึ่งเดล โทโร่นำเสนอออกมาได้อย่างเยี่ยมยอดใน Blade 2 นั้นถูกตัดทิ้งไป รวมไปจนถึงฉากต่อสู้ที่ดูหวือหวา แปลกตา ที่ใน Hellboy กลับกลายเป็นฉากแอ็คชั่นที่เน้นการเผชิญหน้าแบบจะจะ จำพวกเอาแรงเข้าแลกเป็นสำคัญ ไม่มีลูกเล่นหวือหวาที่ต้องส่งเสียงฮือฮา จนทำให้รู้สึกว่าออกจะ "เชย" อยู่ไม่น้อย . .


+ในขณะเดียวกัน อารมณ์ขัน และลูกเล่นแบบหนังการ์ตูน กับฉากแอ็คชั่นที่ดู "ใหญ่" กว่าในแง่ของเทคนิคพิเศษ และอารมณ์แบบหนังการ์ตูน สำหรับเด็กที่พ้นวัยของการ์ตูนของดิสนีย์ก็ถูกเสริมเข้ามา และจากงานในส่วนนี้ ก็ทำให้สถานการณ์ต่างๆในเรื่อง ที่น่าจะลุ้นระทึก ตึงเครียด และน่าตื่นเต้นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ถูกลดทอนความเคร่งขรึมลงไปหลายๆระดับดีกรี

+เช่นในฉากตามล่าอสูรร้ายในท่อระบายน้ำ ที่น่าจะออกมาในอารมณ์เดียวกันกับหนังเขย่าขวัญ จำพวกคนดูต้องลุ้นระทึก แบบนั่งไม่ติดเก้าอี้ เพราะองค์ประกอบทุกอย่างล้วนเป็นใจให้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสภาพบรรยากาศแวดล้อมของฉาก และสถานการณ์ที่กลุ่มตัวละครต้องเจอ . .


+แต่จะว่าไปแล้ว กับการมองในอีกมุม อารมณ์ขันที่ถูกใส่เข้ามาในหนัง โดยเฉพาะในส่วนของแคแรคเตอร์ตัวละคร "เฮลล์บอย" ก็ทำให้ตัวละครตัวนี้ดูเป็นมิตร และดูจะเป็นตัวละครที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนดู ที่พร้อมจะรัก และเอ็นดูเขาได้โดยที่ไม่ต้องใช้เวลานานนัก . . รวมทั้งยังเป็นเสน่ห์ที่ต่างไปจากซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ

+ซึ่งก็ต้องชมการวางแคแรคเตอร์ และลูกเล่นของตัวละครตัวนี้ให้ออกมาอย่างที่เห็น ตลอดจนการแสดงของ "รอน เพิร์ลแมน" ที่สามารถสร้างตัวตนของเฮลล์บอยออกมาได้ผ่านหน้ากากยาง และเม้คอัพที่หนาเตอะ . . .


+แน่นอนว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้โทนของหนัง และการวางแคแร็คเตอร์ของตัวละครใน Hellboy ออกมาได้อย่างที่เห็น ก็น่าจะเป็นเพราะการสร้างงานที่ต้องการวางตำแหน่งของหนังไว้ที่เรท PG-13 ซึ่งต่างไปจากเบลด 2 ซึ่งถ้าหากทำออกมาอย่างหนักแน่น จริงจัง และดุดันสุดขั้ว การเข้าถึงกลุ่มคนดูในวงกว้าง ก็น่าจะถูกปิดกรอบด้วยกฎเรทที่วางเอาไว้ . .

+และกับตัวหนังเองก็อยู่ในโทนดำมืด ขมุกขมัว ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักเท่าไหร่ การให้น้ำหนักกับอารมณ์ขัน และการวางลักษณะตัวละครแบบการ์ตูนแบบนี้ ก็ทำให้หนังพ้นปัญหาในเรื่องกลุ่มคนดู และเรทติ้ง อีกทั้งยังสามารถสร้างความคุ้นเคยให้เกิดขึ้นระหว่างคนดู กับตัวละคร โดยเฉพาะกับเฮลล์บอย ที่ดูไม่ต่างจากเด็กหนุ่มซนๆ อารมณ์กวนโอ๊ยคนหนึ่ง ที่น่าจะถูกใจผู้ชมในกลุ่มเด็กผู้ชาย ท่าทางเฮี้ยวๆที่ต้องการเพื่อนได้ไม่ยาก ถ้าหากนำไปเทียบกับกลุ่มตัวละครในกลุ่มเดียวกันอย่าง "สปอว์น"


+แม้ในภาพรวม เดล โทโร่ จะทำได้ค่อนข้างดี สำหรับการวางอารมณ์ขัน และลักษณะแบบการ์ตูนเข้ามาใส่ในเรื่อง
แต่ในหลายๆจังหวะ เดล โทโร่เองดูจะเล่นกับงานในส่วนนี้หนักมากไปสักหน่อย จนทำให้บางช่วงของหนังดูเยิ่นเย้อ เนิบช้าไปโดยที่ไม่จำเป็น

+โดยเฉพาะฉากที่เฮลล์บอยสะกดรอยตามดูพฤติกรรมของไมเยอร์ และลิซ (นำแสดงโดยรูเพิร์ท อีแวนส์ และเซลม่า แบลร์ ตามลำดับ) ที่แม้จะให้อามรณ์ขันกับผู้ชมได้เต็มที่ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้หนังยืดยาวออกไปเกินจำเป็น เช่นเดียวกับฉากแอ็คชั่น ที่หลายๆครั้ง น่าจะทำให้กระชับได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฉากในช่วงต้นๆเรื่อง หรือว่าในฉากใหญ่ตอนสุดท้าย . . .


+พอมารวมเข้ากับการเลือกที่จะไม่ "เล่น" กับแคแรคเตอร์ของเฮลล์บอยในเชิงลึก นั่นก็หมายความว่า หนังโยนการสร้างอารมณ์สะเทือนใจ หรือน่าเห็นอกเห็นใจในตัวละครตัวนี้ ที่จะเกิดขึ้นกับคนดูทิ้งไปด้วย เพราะลักษณะของความสับสนภายในของเฮลล์บอย ก็มีอะไรให้เล่นได้มากพอๆกับที่เบลด หรือตัวละครฝ่ายดีเต็มร้อย อย่างซูเปอร์แมน มนุษย์ค้างคาว หรือว่าไอ้แมงมุมมี . .


+Hellboy ก็เลยกลายเป็นอีกหนึ่งหนังแอ็คชั่น-ซูเปอร์ฮีโร่ ที่มาแล้วก็พร้อมจะจากไป ไม่มีอะไรให้สะกิด ติดใจ หรือสานต่อในความรู้สึก นอกจากความสนุกสนานแบบพอเพลินในเวลาเกิน 2 ชั่วโมง . . .

+เพราะกับงานด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเทคนิคพิเศษ งานดนตรี งานตัดต่อ ทุกอย่างก็อยู่ในระดับมาตรฐานทั่วไป ไม่มีอะไรโดดเด่นจนถึงต้องให้ติ แต่ก็ไม่มีที่ให้ต้องชมเช่นกัน . .

+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว) 4412144b.gif 967339c1.gif

+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m686.html ค่ะ


QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 07 December 2009 - 05:28 PM.


#2 xbox360RedLED

    What the F** say?

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3684 posts
  • Gender:Male

Posted 24 July 2008 - 07:44 PM

หนังทุกเรื่องนี่คะแนนเต็มกี่ดาวครับ yoyo_53.gif

#3 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 25 July 2008 - 04:58 PM

QUOTE (xbox360RedLED @ Jul 24 2008, 07:44 PM) <{POST_SNAPBACK}>
หนังทุกเรื่องนี่คะแนนเต็มกี่ดาวครับ yoyo_53.gif


+อยู่ข้างล่างไงคะ . . สงสัยต้องเน้นให้เห็นชัดๆกว่านี้แล้วมั๊ง อุ อุ yoyo_55.gif yoyo_55.gif

QUOTE
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง



#4 Sora-K

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 3

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1359 posts

Posted 01 January 2009 - 05:59 PM

1ดาวพอ ไม่ชอบครับ- -

#5 Master job

    นักเกมมือเซียนชั้นที่ 2

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3315 posts
  • Gender:Male

Posted 17 May 2016 - 04:17 PM

ผมชอบครับให้ 3 ดาว