จากภาคแรกที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ดูจากคะแนนจากเวบมะเขือของเรื่องนี้ อยู่ในระดับที่น่าจะประทับใจ(79%)
ตัวหนังเองนั้น ช่วยสร้างชื่อให้กับผกก.ได้มาก ในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ในSpecial EffectและงานMake Up
ที่เปลี่ยนรอน เพิลร์แมน ผู้ชายตัวใหญ่หน้าแปลกๆ ให้ดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนของMike Mingolaได้
จนใครๆก็อดเอ่ยปากไม่ได้ว่าลุงเค้าเกิดมาเพื่อเล่นบทนี้ (จริงๆโครงหน้าของลุงแกก็ให้อยู่แล้วด้วยแหละ^^)
รวมถึงการออกแบบตัวละครอื่นๆในเรื่องอีกด้วย เช่นเอป เซเปี้ยน ซามาเอล Kroenen(นักฆ่าของราสปูติน)
Hellboyว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่ผลงานของเดลโตโรถัดมาต้องเรียกว่าเป็นmasterpiece นั่นก็คือPan's Labyrinth
ผลงานนี้สร้างความชื่นชอบให้ผมเป็นอย่างมากในทุกๆแง่เดียวกับHBภาคแรก แต่ที่เด่นกว่าคือนี้เป็นงานที่คิดเองทั้งนั้น
ไม่ว่าเป็นโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยม การออกแบบฉากต่างๆ ออกแบบที่โดดเด่นและจดจำได้ดี อย่างตัวละครอย่างฟอน แฟร์รี่ ผีจ๊ะเอ๋
งานกำกับศิลป์และกำกับภาพยอดเยี่ยมจนสามารถคว้าออสการ์มาได้ตัดหน้าหนังของฮอลลีวูดร
ะดับใหญ่ๆหลายเรื่อง
หลังจากนั้นไม่ว่าใครไหนๆก็อยากทาบทามเค้าเข้ามาทำหนังกันทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกโปรดิวส์เซอร์ที่อยากจะทำหนังEpic
หลายคนเทียบชั้นฝีมือของเค้าให้อยู่ในระดับเดียวกับPeter Jacksonไปแล้ว และหลังจากที่ได้กลับมานั่งแท่นคุมงานภาคต่อ
ของหนังที่เคยสร้างชื่อให้เค้าHellboy II:the Golden Armyแล้ว เวลานี้เดลโทโรก็ได้รับเลือกให้เป็นผกก.Hobbit
อีกหนึ่งตำนานในโลกของLord of the Ringที่แฟนๆรอคอยกันอยู่ทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อนแล้ว(ถ้าไม่เกิดเปลี่ยนใจกันอีกนะ)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เอาล่ะ โม้เกี่ยวกับผกก.ไปตั้งเยอะ ขอกลับเข้าเรื่องมาวิจารณ์หนังกันบ้าง ผมจะพยายามไม่สปอยอะไรมากเพื่อให้ทุกคนอ่านกันได้นะ
ภาคต่อของHBนั้น ก่อนอื่นเลยก็ต้องเล่นตำนานของGolden Armyก่อนแบบเดียวกับที่โปรเฟสเซอร์บรูม
(ให้เกียรติมาแสดงฉากนึง เพราะภาคแรกป๋าแกตายไปแล้ว แต่แฟนๆก็น่าจะดีใจที่ได้เห็นเค้าอีก)
ในอดีตครั้งโบราณ มนุษย์และเผ่าพันธ์อื่นต่างทำสงครามกันไม่รู้จักหยุดหย่อน กษัตริย์แบเลอร์แห่งชนเผ่าเอลฝ์หวังที่จะหยุดสงครามให้ได้
ก๊อบลินตนนึง ทูลนำเสนอแก่องค์ราชา ว่าเค้าสามารถที่จะสร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ แล้วเมื่อได้สร้างขึ้นมาแล้วนั้นกลับเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
กองทัพทองคำนั้นเป็นหุ่นสังหารที่ไร้จิตใจ ไร้ซึ่งคุณธรรม ความเมตตาใดๆนอกจากสังหารในสิ่งที่ถูกสั่งให้ฆ่า กษัตริย์แบเลอร์กลับผิดหวังเป็นอย่างมาก
จึงได้เจรจากับมนุษย์เพื่อที่จะหยุดสงคราม โดยมีข้อตกลงว่าให้พวกมนุษย์นั้นอยู่แต่ในเมือง ส่วนเผ่าพันธ์อื่นๆเช่นเอลผ์ กอบลิน โทรลได้อยู่ในป่า
เพื่อพันธสัญญานั้น จึงได้แบ่งมงกุฎที่ใช้ควบคุมกองทัพทองคำออก3ส่วน ส่วนนึงให้มนุษย์เก็บเอาไว้ และอีก2ชิ้นเผ่าเอลฝ์จะเก็บเอาไว้เอง
แต่เจ้าชายนูอาล่า โอรสแห่งกษัตริย์แบเลอร์ไม่เห็นด้วย เพราะไม่เชื่อว่ามนุษย์ที่เห็นแก่ตัวนั้นจะรักษาสัญญาเอาไว้ได้ จึงเนรเทศตัวเองออกจากอาณาจักร
รอวังซึ่งผู้ที่ต้องการและเห็นดัวยในตัวพระองค์เรียกร้องให้กลับมา และกองทัพทองคำนั้นก็ถูกปิดผนึกไว้ณที่แห่งนึงเอาไว้ตลอดชั่วกาลนาน
พล๊อตเรื่องหลังจากนี้คงเดากันได้ไม่ยาก หนังเดินเรื่องได้สนุกมากไปได้เรื่อยๆไม่ค่อยมีจุดที่น่าเบื่อ มีมุกขำๆแทรกอยู่ตลอดแบบไม่ยัดเยียดเกินไป ที่ดูเหมือนมีการขัดเกลาได้ดีขึ้นกว่าภาคแรก
งานArt Directionของกุยเญอโม เดลโทโร่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าภาคแรก และพัฒนาขึ้นมาจากPan's Labyrinthไปอีก ฉากเล่านิทานในช่วงเปิดเรื่องสวยงามมาก
ฉากตลาดโทรลที่เต็มไปด้วยสรรพสิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการทำออกมาได้วิเศษสุด ผมเองไม่เคยบางตัวละครในเวอร์ชั่นต้นฉบับการ์ตูนมาก่อน ลองหาดูก็ไม่ค่อยเจอ
แต่ว่าทุกตัวออกแบบมาได้วิจิตรและงดงามในการแต่งองค์ทรงเครื่อง อย่างเช่นครอบครัวของกษัตริย์เอลผ์ วิงค์ ยมทูตที่แทบจะถอดความรู้สึกมาจากPAN
ฉากแอคชั่นสนุกและมีความเป็นการ์ตูน SFXหลายๆฉากนั้นเนียนตาและอลังการมากกว่าเดิมเยอะ หลายคนถ้าจะไม่ชอบ ก็อาจจะคาดหวังฉากแอคชั่นเยอะกว่านี้ก็ได้
ตัวเรื่องหลักๆนั้นพูดถึงเรื่องของธรรมชาติที่เสื่อมโทรม ความเห็นแก่ตัวที่รังเกียของมนุษย์ คุณค่าของความเป็นชาติพันธ์ การมีตัวตน และความสัมพันธ์ของเร้ดกับลิซ
ในส่วนของเพลงประกอบนั้นมีการทำเองเพลงร้อง (ขออภัยอาจจะเรียกไม่ถูก) มาใช้เยอะอยู่เหมือนกัน
แต่เพลงที่น่าจะทำให้หลายๆคนติดหูแล้วอยากจะหามาฟังหลังจบเพลงก็คือCan't Smile Without You
เพลงเก่าของBarry Manillowมาใช้ ใครรู้จักเพลงนี้อาจจะงงว่ามันจะอยู่ในหนังได้เหรอ แต่ขอบอกว่าเข้ามากเลย
กับฉากที่เค้าใช้ ผมชอบช่วงนี้มากๆเลยเหมือนกัน เดินออกจากโรงพวกผมฮัมเพลงนี้เดินกันออกมา3คนเลย
(เหมือนได้ยินคนอื่นๆก็ด้วยนะ อิอิ)
จุดเสียหลักๆที่ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ คือฉากแอคชั่นไคลแม็กซ์สุดท้ายมันสะใจน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง
แต่โดยรวมแล้ว ผมให้Hellboy II Golden Armyเป็นหนังจากSuper Hero Comicที่ดีที่สุดของปีนี้เลย
เป็นรองจากIronmanเท่านั้นเองในเวลานี้(เพราะอาทิตย์หน้าจะมีDark Knight ส่วนHulk ผมไม่ได้ดู แหะๆ)
EDIT : จัดบรรทัด+แก้ไขนิดหน่อย
http://www.popcornmag.com/bbs/index.php?showtopic=4743
0
Hellboy II : the Golden Army
Started by the red, Jul 10 2008 11:52 PM
3 replies to this topic
#1
Posted 10 July 2008 - 11:52 PM
#2
Posted 14 July 2008 - 11:25 PM
ดูจบแล้วหาเพลงมาฟังเลย ผมว่าแอบโรแมนติกนะภาคนี้
#3
Posted 15 July 2008 - 01:10 AM
ผมเองก็ชอบช่วงที่ร้องเพลงมากที่สุดเลยครับ
#4
Posted 16 July 2008 - 09:01 PM
แนะนำให้รีบไปดู The Hulk ให้ไวเลยครับ เพราะสนุกมากๆ (สำหรับผมนะ )
มันดีกว่าภาคแรกเห็นๆ เลย ภาคแรกดูแล้วง่วง ชวนให้ฝันยังไงยังงั้นเลยครับ
ปล.เห็นแว๊บๆ ว่าจะมีการทำหนังเรื่อง Hobbit ด้วยเหรอครับ หวังว่าคงจะเป็นจริงนะครับ รอมานานมั่กมาก...
ปล. ไม่เกี่ยวกับ Hellboy II ซักนิดเลยเรา ขออภัยอย่างแรง
มันดีกว่าภาคแรกเห็นๆ เลย ภาคแรกดูแล้วง่วง ชวนให้ฝันยังไงยังงั้นเลยครับ
ปล.เห็นแว๊บๆ ว่าจะมีการทำหนังเรื่อง Hobbit ด้วยเหรอครับ หวังว่าคงจะเป็นจริงนะครับ รอมานานมั่กมาก...
ปล. ไม่เกี่ยวกับ Hellboy II ซักนิดเลยเรา ขออภัยอย่างแรง