`

Jump to content





Hellboy II : the Golden Army


3 replies to this topic

#1 the red

    face of troll

  • Moderator?
  • 11125 posts
  • Gender:Male

Posted 10 July 2008 - 11:52 PM

จากภาคแรกที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ดูจากคะแนนจากเวบมะเขือของเรื่องนี้ อยู่ในระดับที่น่าจะประทับใจ(79%)
ตัวหนังเองนั้น ช่วยสร้างชื่อให้กับผกก.ได้มาก ในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ในSpecial EffectและงานMake Up
ที่เปลี่ยนรอน เพิลร์แมน ผู้ชายตัวใหญ่หน้าแปลกๆ ให้ดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนของMike Mingolaได้
จนใครๆก็อดเอ่ยปากไม่ได้ว่าลุงเค้าเกิดมาเพื่อเล่นบทนี้ (จริงๆโครงหน้าของลุงแกก็ให้อยู่แล้วด้วยแหละ^^)
รวมถึงการออกแบบตัวละครอื่นๆในเรื่องอีกด้วย เช่นเอป เซเปี้ยน ซามาเอล Kroenen(นักฆ่าของราสปูติน)

Hellboyว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่ผลงานของเดลโตโรถัดมาต้องเรียกว่าเป็นmasterpiece นั่นก็คือPan's Labyrinth
ผลงานนี้สร้างความชื่นชอบให้ผมเป็นอย่างมากในทุกๆแง่เดียวกับHBภาคแรก แต่ที่เด่นกว่าคือนี้เป็นงานที่คิดเองทั้งนั้น
ไม่ว่าเป็นโครงเรื่องที่ยอดเยี่ยม การออกแบบฉากต่างๆ ออกแบบที่โดดเด่นและจดจำได้ดี อย่างตัวละครอย่างฟอน แฟร์รี่ ผีจ๊ะเอ๋
งานกำกับศิลป์และกำกับภาพยอดเยี่ยมจนสามารถคว้าออสการ์มาได้ตัดหน้าหนังของฮอลลีวูดร
ะดับใหญ่ๆหลายเรื่อง

หลังจากนั้นไม่ว่าใครไหนๆก็อยากทาบทามเค้าเข้ามาทำหนังกันทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกโปรดิวส์เซอร์ที่อยากจะทำหนังEpic
หลายคนเทียบชั้นฝีมือของเค้าให้อยู่ในระดับเดียวกับPeter Jacksonไปแล้ว และหลังจากที่ได้กลับมานั่งแท่นคุมงานภาคต่อ
ของหนังที่เคยสร้างชื่อให้เค้าHellboy II:the Golden Armyแล้ว เวลานี้เดลโทโรก็ได้รับเลือกให้เป็นผกก.Hobbit
อีกหนึ่งตำนานในโลกของLord of the Ringที่แฟนๆรอคอยกันอยู่ทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อนแล้ว(ถ้าไม่เกิดเปลี่ยนใจกันอีกนะ)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอาล่ะ โม้เกี่ยวกับผกก.ไปตั้งเยอะ ขอกลับเข้าเรื่องมาวิจารณ์หนังกันบ้าง ผมจะพยายามไม่สปอยอะไรมากเพื่อให้ทุกคนอ่านกันได้นะ

ภาคต่อของHBนั้น ก่อนอื่นเลยก็ต้องเล่นตำนานของGolden Armyก่อนแบบเดียวกับที่โปรเฟสเซอร์บรูม
(ให้เกียรติมาแสดงฉากนึง เพราะภาคแรกป๋าแกตายไปแล้ว แต่แฟนๆก็น่าจะดีใจที่ได้เห็นเค้าอีก)

ในอดีตครั้งโบราณ มนุษย์และเผ่าพันธ์อื่นต่างทำสงครามกันไม่รู้จักหยุดหย่อน กษัตริย์แบเลอร์แห่งชนเผ่าเอลฝ์หวังที่จะหยุดสงครามให้ได้
ก๊อบลินตนนึง ทูลนำเสนอแก่องค์ราชา ว่าเค้าสามารถที่จะสร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่ให้ได้ แล้วเมื่อได้สร้างขึ้นมาแล้วนั้นกลับเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
กองทัพทองคำนั้นเป็นหุ่นสังหารที่ไร้จิตใจ ไร้ซึ่งคุณธรรม ความเมตตาใดๆนอกจากสังหารในสิ่งที่ถูกสั่งให้ฆ่า กษัตริย์แบเลอร์กลับผิดหวังเป็นอย่างมาก
จึงได้เจรจากับมนุษย์เพื่อที่จะหยุดสงคราม โดยมีข้อตกลงว่าให้พวกมนุษย์นั้นอยู่แต่ในเมือง ส่วนเผ่าพันธ์อื่นๆเช่นเอลผ์ กอบลิน โทรลได้อยู่ในป่า
เพื่อพันธสัญญานั้น จึงได้แบ่งมงกุฎที่ใช้ควบคุมกองทัพทองคำออก3ส่วน ส่วนนึงให้มนุษย์เก็บเอาไว้ และอีก2ชิ้นเผ่าเอลฝ์จะเก็บเอาไว้เอง
แต่เจ้าชายนูอาล่า โอรสแห่งกษัตริย์แบเลอร์ไม่เห็นด้วย เพราะไม่เชื่อว่ามนุษย์ที่เห็นแก่ตัวนั้นจะรักษาสัญญาเอาไว้ได้ จึงเนรเทศตัวเองออกจากอาณาจักร
รอวังซึ่งผู้ที่ต้องการและเห็นดัวยในตัวพระองค์เรียกร้องให้กลับมา และกองทัพทองคำนั้นก็ถูกปิดผนึกไว้ณที่แห่งนึงเอาไว้ตลอดชั่วกาลนาน


พล๊อตเรื่องหลังจากนี้คงเดากันได้ไม่ยาก หนังเดินเรื่องได้สนุกมากไปได้เรื่อยๆไม่ค่อยมีจุดที่น่าเบื่อ มีมุกขำๆแทรกอยู่ตลอดแบบไม่ยัดเยียดเกินไป ที่ดูเหมือนมีการขัดเกลาได้ดีขึ้นกว่าภาคแรก

งานArt Directionของกุยเญอโม เดลโทโร่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าภาคแรก และพัฒนาขึ้นมาจากPan's Labyrinthไปอีก ฉากเล่านิทานในช่วงเปิดเรื่องสวยงามมาก
ฉากตลาดโทรลที่เต็มไปด้วยสรรพสิ่งมีชีวิตเหนือจินตนาการทำออกมาได้วิเศษสุด ผมเองไม่เคยบางตัวละครในเวอร์ชั่นต้นฉบับการ์ตูนมาก่อน ลองหาดูก็ไม่ค่อยเจอ
แต่ว่าทุกตัวออกแบบมาได้วิจิตรและงดงามในการแต่งองค์ทรงเครื่อง อย่างเช่นครอบครัวของกษัตริย์เอลผ์ วิงค์ ยมทูตที่แทบจะถอดความรู้สึกมาจากPAN
ฉากแอคชั่นสนุกและมีความเป็นการ์ตูน SFXหลายๆฉากนั้นเนียนตาและอลังการมากกว่าเดิมเยอะ หลายคนถ้าจะไม่ชอบ ก็อาจจะคาดหวังฉากแอคชั่นเยอะกว่านี้ก็ได้
ตัวเรื่องหลักๆนั้นพูดถึงเรื่องของธรรมชาติที่เสื่อมโทรม ความเห็นแก่ตัวที่รังเกียของมนุษย์ คุณค่าของความเป็นชาติพันธ์ การมีตัวตน และความสัมพันธ์ของเร้ดกับลิซ

ในส่วนของเพลงประกอบนั้นมีการทำเองเพลงร้อง (ขออภัยอาจจะเรียกไม่ถูก) มาใช้เยอะอยู่เหมือนกัน
แต่เพลงที่น่าจะทำให้หลายๆคนติดหูแล้วอยากจะหามาฟังหลังจบเพลงก็คือCan't Smile Without You
เพลงเก่าของBarry Manillowมาใช้ ใครรู้จักเพลงนี้อาจจะงงว่ามันจะอยู่ในหนังได้เหรอ แต่ขอบอกว่าเข้ามากเลย
กับฉากที่เค้าใช้ ผมชอบช่วงนี้มากๆเลยเหมือนกัน เดินออกจากโรงพวกผมฮัมเพลงนี้เดินกันออกมา3คนเลย
(เหมือนได้ยินคนอื่นๆก็ด้วยนะ อิอิ)

จุดเสียหลักๆที่ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ คือฉากแอคชั่นไคลแม็กซ์สุดท้ายมันสะใจน้อยไปหน่อยเท่านั้นเอง
แต่โดยรวมแล้ว ผมให้Hellboy II Golden Armyเป็นหนังจากSuper Hero Comicที่ดีที่สุดของปีนี้เลย
เป็นรองจากIronmanเท่านั้นเองในเวลานี้(เพราะอาทิตย์หน้าจะมีDark Knight ส่วนHulk ผมไม่ได้ดู แหะๆ)

EDIT : จัดบรรทัด+แก้ไขนิดหน่อย

http://www.popcornmag.com/bbs/index.php?showtopic=4743

#2 The Fool

    LaW GaRDeN

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 5362 posts
  • Gender:Male

Posted 14 July 2008 - 11:25 PM

ดูจบแล้วหาเพลงมาฟังเลย ผมว่าแอบโรแมนติกนะภาคนี้

#3 kikuntin

    บันทึกลับอสูรฟ้า เคล็ดวิชาอมตะ ตำนานกระบี่เมตไตร ม้วนภาพเทพยุทธ์

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10921 posts
  • Gender:Male

Posted 15 July 2008 - 01:10 AM

ผมเองก็ชอบช่วงที่ร้องเพลงมากที่สุดเลยครับ

#4 ~BusteR~

    You are not alone.

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3721 posts
  • Gender:Male
  • Interests:DGO BATTLE SYSTEM

Posted 16 July 2008 - 09:01 PM

d582d79f.gif แนะนำให้รีบไปดู The Hulk ให้ไวเลยครับ เพราะสนุกมากๆ (สำหรับผมนะ b6b25dc6.gif )
มันดีกว่าภาคแรกเห็นๆ เลย ภาคแรกดูแล้วง่วง ชวนให้ฝันยังไงยังงั้นเลยครับ



ปล.เห็นแว๊บๆ ว่าจะมีการทำหนังเรื่อง Hobbit ด้วยเหรอครับ หวังว่าคงจะเป็นจริงนะครับ รอมานานมั่กมาก...


ปล. ไม่เกี่ยวกับ Hellboy II ซักนิดเลยเรา 55318906.gif ขออภัยอย่างแรง