`
←  ห้องรีวิวหนัง
Logo
»

รีวิวหนัง Once Upon A Time In Mexico - เพช...

rbgel's Photo rbgel 29 Jun 2008

Once Upon A Time In Mexico

-เพชฌฆาตกระสุนโลกันตร์-


“All I Want to Do is Sing” -El mariachi

+เควนติน ทาแรนติโน่ และโรเบิร์ต รอดวิเกซ ผู้กำกับกลุ่มนี้มีสไตล์เฉพาะตัวที่เด่นชัด และรอบจัดในการสร้างหนังเป็นอย่างมาก หนังแต่ละเรื่องของพวกเขาไม่เพียงแต่จะมาเพื่อเอาใจแฟนขาประจำกันตรงๆเท่านั้น แต่เมื่อวัดจากผลลัพธ์ที่ปรากฎบนจอ หนังนั้นก็ต้องถือเป็นความสะใจของคนสร้างด้วยเช่นกัน . . .


+กับ Once Upon A Time In Mexico นั้น ไม่ว่าในทุกขั้นตอนไหน รอดวิเกซจะต้องทำหน้าที่ทุกอย่างแบบกระตือรือร้นเต็มที่ ลองนึกดูภาพขั้นตอนหลังจากถ่ายทำเสร็จสิ้น ตอนที่เขาตัดต่อหนังและใส่ดนตรีประกอบเข้าไปดู เชื่อว่าหน้าตาของรอดวิเกซคงจะมีความสุขแบบหาใดเปรียบ . .

+แต่ในขณะที่ทาแรนติโน่สร้างหนังขายสไตล์ และความรุนแรงในตัวในแบบที่รับอิทธิพลของหนังเอเชียมาอย่างเต็มเปี่ยม ทุกอย่างที่เป็นหนังขายสไตล์และความรุนแรงของรอดวิเกซจะมาพร้อมกับความเป็น "เม็กซิกัน" ในตัวล้วนๆ . . แล้วก็น่าแปลกที่สองคนนี้ เหมือนจะไปไหนไปกัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันก็จริง แต่ทั้งคู่ก็เหมือนเป็นคลื่นที่โต้เข้าฝั่งไปพร้อมๆ กัน และกลายเป็นข้อเปรียบเทียบของกันและกันกลายๆ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม . . .


+ถ้า Kill Bill Vol.1 จะเป็นหนังตามล้างแค้นที่เน้นขายสไตล์มากกว่าจะมาด้วยหัวใจ อย่างน้อยใน Once Upon A Time In Mexico แอนโตนิโอ แบนเดอ
ราส ก็คืออูม่า เธอร์แมน ที่ได้รับการนำเสนอในแบบที่พกเอาตัวและหัวใจมาด้วยพร้อมๆกัน

+ความแตกต่างอีกประการก็คือ ในขณะที่ผู้ชมรู้ดีว่าทาแรนติโน่ไม่มีวันยอมให้แคแรคเตอร์ของเธอร์แมนเป็นอะไรหลัง
ฟื้นจากความตายในครั้งก่อนได้อย่างปาฏิหาริย์ . . ผู้ชมบอกไม่ได้เหมือนกันว่าแบนเดอราสจะเป็นยังไงในหนังเรื่องนี้ เพราะทุกแคแรคเตอร์ที่อยู่รายรอบตัวเขา ไม่มีใครไว้ใจใครได้ และต่างก็มีจุดประสงค์ที่บอกไม่ได้ตั้งแต่ทีแรกด้วยกันทั้งนั้น . . .


+ในฐานะผู้เขียนบท รอดวิเกซเปิดแคแรคเตอร์ของเขาในแบบที่กระชับ และใช้บทสนทนาสั้นๆแต่ว่าเฉียบคม หลังจากนั้นก็ค่อยๆเผยความลับของแต่ละคนออกมา แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ชมก็ยังไม่รู้อะไรมากกว่าที่ควรจะรู้อยู่ดี เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมาพร้อมสไตล์เต็มที่ แต่ Once Upon A Time In Mexico ก็ยังมาพร้อมกับเสียงหัวใจที่ยังเต้นให้ได้ยิน และได้อารมณ์ร่วมจากผู้ชมอย่างน้อยก็มากกว่า Kill Bill Vol.1 ถึงแม้สำหรับผู้เขียน จะไม่ได้มีเรื่องไหนที่ดีกว่า หรือว่าแย่กว่ากันในเรื่องของเทคนิคการสร้างก็ตาม . . .


+ความคล้ายคลึงในการทำงานระหว่างรอดวิเกซกับทาแรนติโน่ นังรวมไปถึงการใช้ดนตรีประกอบราวกับเป็นตัวละครสำคัญของหนัง และสำหรับคอหนังที่รักเสียงดนตรีทำนองละติน และเม็กซิกัน Once Upon A Time In Mexico ต้องไม่สร้างความผิดหวังให้อย่างแน่นอน . .

+รอดวิเกซนั้นเน้นงานกีต้าร์เป็นหลัก โดยมีการบรรเลงออร์เคสตร้าวงใหญ่เป็นองค์ประกอบ และสไตล์การเล่นแบบนี้ ยิ่งเป็นสำเนียงเม็กซิกันแท้ๆอย่างนี้ด้วยแล้ว เชื่อได้เลยว่าดนตรีประกอบของหนังที่ทั้งไพเราะ และคึกคัก ต้องทำให้ผู้ชมที่เป็นคอหนังแอ็คชั่นสนุกไปกับภาพตรงหน้าได้มากยิ่งขึ้นแน่ . . .


+หนังอาจจะมีแบนเดอราสในบทมือปืนกีต้าร์ เจ้าของฉายา "เอล มารีอาชี" เป็นแคแรคเตอร์นำก็จริง แต่ Once Upon A Time In Mexico ถือเป็นหนังของจอห์นนี่ เด็ปป์พอๆกับแบนเดอราสด้วยเช่นกัน และเผลอๆอาจจะเป็นของเด็ปป์ไปคนเดียวด้วยซ้ำในท้ายที่สุด . . บางทีนักแสดงอย่างเด็ปป์นี่ก็น่าจับมาหยิกเสียเหมือนกัน ฐานที่ไม่รู้จักเก็บความเด่นของตัวเองไม่ให้เกินหน้าเกินตาพระเอก

+แต่บางครั้งมันก็ช่วยไม่ได้ เด็ปป์เองก็คงแค่เล่นไปตามบท เพียงแต่ประโยคสนทนาที่เขาได้รับ และการแสดงที่เหนือชั้นกว่าแบนเดอราส นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เด็ปป์ต้องเป็นแคแรคเตอร์ที่เด่นที่สุดของหนังที่พูดถึงการ
ล้างแค้น และการล้างบางเจ้าพ่อยาเสพติดเรื่องนี้ไปอย่างช่วยไม่ได้ . .


+ประเด็นแรกนั้น เป็นความแค้นส่วนตัวของแคแรคเตอร์มือปืนกีตาร์ของแบนเดอราส ส่วนประเด็นหลัง หมายถึงงานจับตัวเจ้าพ่อยาเสพติดเม็กซิกัน ที่แคแรคเตอร์ซีไอเอเหลี่ยมจัด เจนสนามของเด็ปป์ต้องรับผิดชอบ . . .

+เด็ปป์รับบทเป็น "แซนส์" เจ้าหน้าที่ซีไอเอชาวอเมริกัน ที่เข้าไปทำงานในเม็กซิโก ซึ่งงานของเขาต้องไม่ใช่งานง่ายๆ เพราะเมื่อว่ากันถึงเรื่องคอรัปชั่น ประเทศนี้ถือว่าติดในอันดับต้นๆของโลก แต่หลังจากที่เห็นบรรยากาศรวมที่หนัง Once Upon A Time In Mexico นำเสนอเอาไว้ บางทีในเรื่องความเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เม็กซิโกคงนำหน้าประเทศคู่แข่งไปเยอะเหมือนกัน . .

+งานของแซนส์เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะคนที่เขาต้องการตัวก็คือ "บาริลโญ่" เจ้าพ่อยาเสพติดผู้ทรงอิทธิพล ที่รับบทได้อย่างน่ากลัวและ "เหี้ยม" ได้โดยที่ไม่ต้องแต่งหน้าอย่าง "วิลเล็ม ดาโฟ" นี่คือผู้มากบารมี (ในทางที่ผิด) อย่างแท้จริง


+คืออเมริการู้ดีว่าบาริลโญ่คืออาชญากรผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สมควรจะโดนเก็บไป
ตั้งนานแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อบาริลโญ่นั้นใหญ่ในประเทศบ้านเกิด และถึงเม็กซิโกจะมีประธานาธิบดีที่เป็นคนดี แต่ท่านจะทำอะไรได้ ในเมื่อนายพลมาร์เกซ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น เป็นมือขวาของเจ้าพ่อบาริลโญ่อยู่ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีใครคิดที่จะทำอะไรผู้ร้ายของเรื่องเลย ที่แน่ๆก็คือเหล่าประชาชน ซึ่งลึกๆแล้วพร้อมที่ลุกฮือขึ้นมาจัดการกับบาริลโญ่เสมอขอแค่มีโอกาส . . .


+งานนี้แซนส์ก็เลยต้องหามือดีมาเก็บบาริลโญ่อีกที ซึ่งก็คือมารีอาชีที่พร้อมจะรับงาน ถามว่าทำไม!? นั่นก็เพราะคาโรลิน่า (ซัลม่า ฮาเย็ค) ซึ่งเป็นภรรยา และเป็นแม่ของลูกสาวที่น่ารักของเขา ถูกมาร์เกซซึ่งเป็นคนรักเก่าฆ่าตายพร้อมลูกน้อยอย่างเหี้ยมโหด นี่เป็นแค้นที่มารีอาชีต้องการชำระอยู่แล้ว . .

+อย่างไรก็ดีรอดวิเกซยังเล่นสนุกด้วยการเขียนให้แซนส์ไปเรียกตัวอดีตเอฟบีไอเก่า ที่รับบทโดย "รูเบ็น เบล็ดส์" กลับมาทำงานกับเขาด้วยอีกคน พร้อมกับสายที่เป็นสาวเม็กซิกันห้าว สุดเซ็กซี่ที่รับบทโดย "อีวา เม็นเดส" ซึ่งกับเมนเดสนี่แหล่ะที่ไม่ได้เป็นอย่างที่แซนส์คิด และถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ตัวละครของเด็ปป์ต้องพบกับความทรทานอย่างแสนสาหัสใน
เวลาต่อมา . . .


+หากเรื่องราวทั้งหมดนี้ยังไม่ยุ่งเหยิงพอ รอดวิเกซยังตบท้ายเรื่องด้วยการที่บาริลโญ่กับมาร์เกซต้องการลอบสังหารประธานาธิบดี
เป็นเป้าหมายสุดท้าย เพราะฉะนั้นความแค้นที่สั่งสมจะได้รับการชำระอีท่าไหน , เจ้าพ่อยาเสพติดจะลอยนวลหรือไม่ , เหล่าซีไอเอกับเอฟบีไอจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไรในงานนี้ และเม็กซิโกจะเป็นอย่างไร เมื่อประธานาธิบดีต้องตกเป็นเป้าสังหาร!? นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ชมต้องไปหาคำตอบกันเอง . . .

+แต่ที่แน่ๆ รอดวิเกซเก่งมากๆในการเป็นนักเล่าเรื่อง และโยงใยเรื่องราว เขาเขียนคาแรคเตอร์ที่มาพร้อมปริศนาชุดใหญ่ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความคาดเดาที่ผู้ชมจะเข้าใจพฤติกรรมของ
แคแรคเตอร์ที่มีสีสันเหล่านี้ . .


+ซึ่งความจริงเจ้าตัวไม่ได้สร้างความน่าตื่นเต้นอะไรในส่วนของงานกำกับ แต่ถึงอย่างนั้นความกระตือรือร้นของรอดวิเกซเอง ที่ดูก็รู้ว่าสนุกกับการทำงานแค่ไหน และนั่นพลอยทำให้ผู้ชมคึกคักไปกับการรับชมด้วย . . หากท่านใดไม่ทราบว่ารอดวิเกซสนุกแค่ไหน!? บอกให้ก็ได้ กับตำแหน่งผู้กำกับ , อำนวยการสร้าง , กำกับภาพ , ตัดต่อ , โปรดัคชั่นดีไซน์ และที่สำคัญ งานดนตรีประกอบ . . เครดิตทั้งหมดนี่ พี่แกเหมาเองคนเดียวหมด แบบไม่มีอะไรติดขัด . . .

+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว) 4412144b.gif 967339c1.gif

+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.rottentomatoes.com/m/once_upon_...exico/pictures/ ค่ะ

+Once Upon A Time In Mexico Trailer+
http://www.youtube.com/watch?v=4oOsMif-xsw

QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 07 December 2009 - 11:52 PM.
Quote

ooh7's Photo ooh7 30 Jun 2008

รีวิว ดีมากๆ ครับหนังเรื่องนี้ผมชอบมากเลย ผมให้ 4 ดาวเต็มนะ เพราะผมชอบแนวระเบิดภูเขาเผากระท่อมอ่ะ
ความต่าง-ระหว่าง เควติน กับ โรดิเกซ

เควนติน ทำหนังเน้นให้ความสำคัญกับบทพูดที่สุดเท่ (ตามแบบของเขา) พูดยาวมากๆ แต่เท่+กวน
เห็นได้จากงาน เท่ อย่าง Reservoir Dogs, Pulp Fiction, Death Proof

ส่วนโรดิเกซ จะเน้น ใส่ทุกอย่างลงไปในหนัง มัน+บ้าสุดๆ d582d79f.gif

เพิ่มเติมให้ครับผม Once Upon A Time In Mexico เป็นไตรภาคของซีรี่ El Mariachi , Desperado
Once Upon A Time In Mexico เท่าทีผมดูไม่ได้ไปอ่านจากไหนอ่ะนะ เป็นการเอา ตัวละครใน Desperado
มาจัดเรียงเรื่องราวใหม่หมด ไม่ต่อกับ Desperado แต่เสมือนเป็นโลกคู่ขนาน

*ตอนนี้ รอ Machete ของเฮียโร อยู่จะทำจริงๆ ไหมนี่ 0eeeff42.gif
Quote

kikuntin's Photo kikuntin 01 Jul 2008

ยังไม่ได้ดูเลยคงต้องไปหามาดูบางแล้วมั้งครับเนี้ย
Quote