`

Jump to content





รีวิวหนัง Collateral - สกัดแผนฆ่า ล่าอำมหิต


2 replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 19 June 2008 - 05:57 PM

Collateral - สกัดแผนฆ่า ล่าอำมหิต


"It started like any other night"

+ถ้าจะนับผู้กำกับที่ถือได้ว่ามีลายเซ็นชัดเจน เห็นชื่อปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าหนังที่อยู่ภายใต้การดูแลนั้นจะออกมามีหน้าตาเป็นเช่นไร ชื่อของ "ไมเคิล มานน์" ย่อมต้องเป็นชื่อต้นๆที่ถูกหยิบขึ้นมาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของสไตล์ และการสร้างบรรยากาศ ที่เพียงแค่ดูโดยที่ยังไม่ได้รู้ว่าเป็นผลงานของใคร ก็พอจะเดาได้เลาๆ และหากให้เดาก็คงผิดไปไม่เกิน 3 ชื่อ . . .


+โดยเฉพาะงานที่เป็นเรื่องอาชญากรรมในสังคมของเมืองใหญ่ ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นทางถนัดของมานน์ก็ว่าได้ เพราะเปิดโอกาสให้เขาใส่ลายเซ็นของตัวเองลงไปเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นจากสไตล์ , บรรยากาศของหนัง หรือแต่ลักษณะของตัวละคร ที่มาพร้อมกับความขึงขัง เต็มที่ จริงจัง อย่างที่เห็นกันมาจาก Ali , Insider , Heat หรือแม้แต่กับ Manhunter (Red Dragon ฉบับของมานน์) ก็ยังได้

+ซึ่งถ้านับจากผลงานที่สร้างชื่อเหล่านี้ ก็ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น ถึงการเป็นคนทำหนังของมานน์ ที่มีพร้อมความจริงจัง บรรยากาศที่เข้มข้น ตลอดจนสไตล์ที่หวือหวาอยู่ในท่าทีที่ดู "เท่" ได้ . . กระทั่งกับหนังที่ดูผ่าเหล่า ผิดแนวทางเป็นที่สุดอย่าง The Last Of The Mohican มานน์ก็ยังคงความหนักแน่นของเรื่อง และรักษาบรรยากาศที่ดูขึงขังเอาไว้ได้ แม้ในเรื่องของสไตล์ที่ดูหวือหวา ดูจะไม่ชัดเจนเท่ากับหนังอาชญากรรมในสังคมเมืองก็ตาม . .


+กับ Collateral มานน์เล่าเรื่องของ "แม็กซ์" คนขับแท็กซี่ผิวดำ (รับบทโดยเจมี่ ฟ็อกซ์) ผู้มีความฝันลมๆแล้งๆ แต่ก็ไม่เคยตั้งอกตั้งใจทำซะที จนเวลาผ่านมาเนิ่นนานถึง 10 ปี และความฝันนั้นก็ไกลห่างออกไปทุกที . . แม้ใจจะไม่รักอาชีพที่ทำสักเท่าไหร่ แต่แม็กซ์ก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ . .

+แต่แล้วในคืนธรรมดาๆ คืนหนึ่ง หลังจากส่งอัยการสาว (จาด้า พินเก็ทท์ สมิธ) ลงจากรถไป พร้อมกับสร้างความประทับใจให้กันและกันพอสมควร ผู้โดยสารรรายต่อมาที่แม็กซ์ให้บริการก็คือ หนุ่มมาดเนี๊ยบที่ชื่อ "วินเซนต์" (ทอม ครูซ) หลังจากที่บอกทางไปเสร็จสรรพ วินเซนต์ก็เสนอตัวขอเหมาใช้บริการของแม็กซ์ทั้งคืน เพราะเหตุว่ามีธุระอีกเยอะที่ต้องไป . .


+จากตอนแรกที่ปฏิเสธ แม็กซ์ก็ยอมรับโดยดีด้วยเงินค่าจ้างที่ได้รับนั้นมันก็มากพอดู ซึ่งบางทีหากเขารู้ว่าหนุ่มคนนี้เป็นใคร และธุระที่เขาทำคืออะไร แม็กซ์อาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นได้ . . .

+และเมื่อรู้ว่า ธุระของหนุ่มเท่อย่างวินเซนต์ ก็คือตามเก็บพยานที่อยู่ในโครงการคุ้มครองของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนไม่สามารถสาวไปถึง 2 แก๊งค้ายาชาวละตินที่ถูกดำเนินคดีอยู่ได้ แม็กซ์ก็กลายเป็นเหมือนตัวประกันของวินเซนต์ไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ . .


+หลังจากที่ต้องพบกับเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะเห็นคนถูกยิงทิ้งต่อหน้าต่อตา , ต้องไปรับข้อมูลของเหยื่อแทนวินเซนต์ หลังจากที่ตัวเองทิ้งกระเป๋าข้อมูลของฝ่ายหลังไป รวมทั้งการได้เรียนรู้เรื่องราวชีวิตในบางแง่
มุมจากวินเซนต์ ที่ทำให้ตัวเองรู้สึกถึงคุณค่าที่มีอยู่ในตัวมากขึ้น แม็กซ์ก็ตัดสินใจที่จะจบเรื่องราวในคืนนี้ด้วยตัวเอง แต่นั่นก็ยังไม่พอ เพราะเหยื่อรายสุดท้ายก็คือใครบางคน ที่เพิ่งสร้างความประทับใจให้กับแม็กซ์ และนั่นก็ทำให้เขาต้องกลายมาเป็นฮีโร่จำเป็นในทันที . . .


+มานน์ใส่ทุกอย่างที่เป็นลายเซ็นของตัวเองลงไปเต็มที่ โดยเฉพาะในส่วนของสไตล์ และการสร้างบรรยากาศให้กับหนัง โดยเฉพาะกับ Look ที่ดูเก๋ ดูเท่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาพ หรือว่าดนตรี ที่ไม่เพียงแค่มีสไตล์ หากยังสามารถสร้างอารมณ์ร่วม และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับหนังได้อย่างลงตัว จากดนตรีที่ดูสดใส แม้จะมีเอื่อยเฉื่อยอยู่บ้าง ในช่วงแรกที่หนังแสดงให้เห็นการทำงานของแม็กซ์ กลับกลายมาเป็นงานดนตรีที่เคร่งขรึม กดอารมณ์ไปในทันที่ที่แม็กซ์รู้ความจริงว่า วินเซนต์คือใคร!? และมาทำอะไรที่นี่!?

+แต่เมื่อทั้งคู่รู้จักกันมากขึ้น ดนตรีก็กลับมาผ่อนคลายไปตามสถานการณ์ที่เป็นไปชั่วครู่ ก่อนที่จะดึงอารมณ์กลับสู่ความจริงจัง กดดันของเรื่องอีกครั้ง เมื่อแม็กซ์ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน ซึ่งตรงนี้ก็เป็นเป็นการใช้งานดนตรีในแบบเดียวกับที่แฟนหนังขาประจำของมานน์คุ้นเคยก
ันดี ซึ่งก็เป็นงานดนตรีที่หนักแน่น จริงจัง และมีสไตล์ มีลุคไม่ต่างไปจากตัวหนังแต่อย่างใด . . .


+ซึ่งพอมารวมกับการใช้ภาพ ที่พร้อมจะสร้างความอึดอัดให้กับคนดูเต็มที่ งานในส่วนโปรดัคชั่น ก็คืออาวุธชั้นยอดที่มานน์มีเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะกับ "มุมกล้อง" ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้สร้างอารมณ์อย่างได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการคร็อป (Crop) เฉพาะภาพของสองตัวละครในรถ ที่ฝ่ายหนึ่งถูกกระจกคั่นระหว่างเบาะหน้า และเบาะหลังโดยตลอด , ภาพมุมสูงของแอล.เอ. ในยามค่ำคืนที่น่าจะดูกว้างไกล และผ่อนคลาย แต่กับใน Collateral กลับกลายมาเป็นภาพที่คับแน่น ชวนอึดอัด

+หรือการเน้นภาพตัวละครที่แน่นกรอบ ล้นเฟรมเป็นหลัก ไม่แปลกที่คนดูจะรู้สึกอึดอัด กดดัน และถูกบรรยากาศบีบคั้นอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าในเรื่องของสไตล์เฉพาะ และการสร้างบรรยากาศที่เคยทำมาอย่างได้ผล จนกลายเป็นลายเซ็นสำหรับมานน์ Collateral ไม่มีอะไรที่น่าผิดหวัง . . .


+แล้วที่มาพร้อมๆกับบรรยากาศ และสไตล์ที่ลงตัวกับเรื่อง ก็คือการแสดงที่เข้าขา และลงตัวของทอมครูซ และเจมี่ ฟ็อกซ์ ที่ต้องอยู่หน้ากล้องแทบจะตลอดเวลา ซึ่งถ้าทั้งคู่เล่นไม่ได้ หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ให้การแสดงที่ "มาก" หรือ "น้อย" ไปกว่าอีกฝ่าย ก็เป็นได้ว่า Collateral อาจจะจบเห่ในทันที . .

+แม้ในเรื่องของการแสดง จะเห็นได้ชัดว่าฟ็อกซ์ให้ได้มากกว่าครูซแน่นอน แต่กับกล้อง คนที่กล้องรักย่อมต้องเป็นครูซ และการเลือกจะนำเสนอความเป็นคนนิ่งๆ มาดขรึมๆในแบบขายมาด มากกว่าจะเน้นในเรื่องของอารมณ์ หรือการแสดง ก็ทำให้ตัวละครวินเซนต์ของครูซมีสมดุลย์พอๆกับตัวละครแม็กซ์ จนไม่รู้สึกว่าใครด้อยกว่าใครชัดเจนมากนัก

+ในขณะเดียวกันก็ยังดูมีรัศมีของความเป็นนักฆ่าเลือดเย็นอยู่ในตัว ในระดับที่น่าเชื่อถือด้วยซ้ำ . . เช่นเดียวกับฟ็อกซ์ ที่ให้ภาพของคนขับรถแท็กซี่ที่เชี่ยวในเรื่องงานที่ตัวเองทำอย่างน่าเชื่อถือ นับตั้งแต่ฉากแรก . . .


+กับการแสดงของทั้งคู่ ต่างก็ให้มิติ ความลึก และความสมจริงแก่ตัวละครได้อย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในฉากเก็บพยานคนสำคัญ นักดนตรีและเข้าของผับแจ๊ช . . ครูซและฟ็อกซ์ ตลอดจนบทของหนัง แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของคนสองคนที่เดินทางมาด้วยรถคันเดียวกัน ทั้งในส่วนของความคิด ความรู้สึก และการแสดงออกต่อคนรอบข้าง ในแบบไม่ยากจะเชื่อ ว่าคนทั้งคู่ต่างก็มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ . . .

+และเมื่อรวมกับบทสนทนาที่ให้แง่มุมที่น่าสนใจในเรื่องชีวิตในเมืองใหญ่ ซึ่งสอดคล้องอย่างลงตัวกับสถานะที่ตัวละครเป็น คนที่มีอาชีพที่ต้องพบเจอผู้คนมากมาย ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับใครๆ และใช้ชีวิตการทำงานที่โดดเดี่ยวเหมือนกันทั้งคู่ หากต่างกันในการกระทำ . . วินเซนต์ไม่ใส่ใจจำเหยื่อ และรู้จักผู้ว่าจ้าง

+ขณะที่แม็กซ์ก็ต้องเจอผู้โดยสารในระดับหลักร้อยต่อวันที่ไม่น่าจดจำอะไร แต่ก็มีใครบางคนที่เขา (หรือทั้งคู่) อยากรู้จัก หรือให้ความคุ้นเคยมากเป็นพิเศษ ซึ่งทั้งแม็กซ์และวินเซนต์ ก็คือคู่เหมือนที่แตกต่าง เป็นคู่หูที่ยืนอยู่ตรงกันข้าม เป็นคนในโลกเดียวกันแต่ต่างที่มา . . .


+นี่คือหนังที่นอกจากจะมีแคแรคเตอร์ที่แข็งแรง น่าติดตามแล้ว ประเด็น และสิ่งที่มีให้ค้นหาก็ชัดเจน และน่าสนใจไม่แพ้ในแต่ละนาทีของสถานการณ์ที่หนังเดินหน้าไป Collateral คือหนังขายสไตล์ เน้นบรรยากาศที่มีเนื้อมีหนังแน่นหาเรื่องหนึ่ง และสามารถที่จะพูดชมเชย หรือยกย่องได้อย่างไม่น่าอายอะไร . .


+แต่ก็ไม่ใช่ว่าหนังจะดูดี และเนียนตาไปซะทั้งหมด เพราะเอาเข้าจริงๆ ในส่วนรายละเอียดปลีกย่อยของหนัง Collateral เองก็ดูมีรอยโหว่ ให้สะดุดอยู่หลายที่เหมือนกัน โดยเฉพาะในเรื่องของความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจของตัวละคร หรือบทสรุปสุดท้ายที่ออกแนวฮีโร่จำเป็นมากไปหน่อย แต่ก็เท่านั้น เพราะหากดูกันดีๆ หนังทั้งเรื่องปูพื้นด้วยบทสนทนาของวินเซนต์มาเพื่อให้เกิดสถานการณ์ที่ว่านี้กับ
แม็กซ์ในตอนท้ายอยู่แล้ว . . .


+ซึ่งหากตัวละครคิด และเลือกตัดสินใจอย่างที่คนปรกติทั่วไปเขาทำกัน หนังก็อาจจะจบลงตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกแล้วก็เป็นได้ หรือไม่มีอะไรที่น่าใส่ใจติดตามต่อไป ซึ่งก็ถือเป็นจุดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในแบบที่ไม่มีอะไรในโลกที่สมบูรณ์แบบ ก็แค่ทำให้หนังดูสะดุดอะไรไปบ้าง โดยที่ไม่ถึงกับขัดตา และไปทำเอาบางสิ่งบางอย่างที่ดูดี และลงตัวอยู่แล้วเสียไป

+และที่สำคัญที่สุด ก็คือรอยโหว่ที่ว่า มันไม่ได้ทำให้สิ่งที่หนังต้องการสื่อถูกลดคุณค่าไปแต่อย่างใด และยังไม่สามารถแตะต้องความจริงจัง ขึงขัง หนักแน่น สไตล์ที่โดดเด่น และบรรยากาศเฉพาะตัวของหนังเรื่องนี้ได้เลย แม้แต่น้อย . .

+จากทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้ Collateral จัดเป็นหนังคุณภาพที่ควร (เลือก) ดู และไม่ควรพลาด และน่าซื้อหาแผ่นมาเก็บสะสมยิ่งนักค่ะ

+ให้ 3 ดาวค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว) 4412144b.gif 967339c1.gif

+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m610.html ค่ะ


QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 08 December 2009 - 02:24 PM.


#2 kikuntin

    บันทึกลับอสูรฟ้า เคล็ดวิชาอมตะ ตำนานกระบี่เมตไตร ม้วนภาพเทพยุทธ์

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10921 posts
  • Gender:Male

Posted 20 June 2008 - 12:31 AM

ดูๆแล้วหนังค่อนข้างจะอึดอัดนะครับเนี้ย

#3 shimafuguro

    นักเล่นเกมมือฉมัง

  • High Members
  • PipPipPipPipPipPip
  • 353 posts
  • Gender:Male
  • Location:Rayong, Thailand
  • Interests:Computer, Internet, Linux, Game Console

Posted 08 November 2008 - 09:44 PM

เป็นหนังที่ผมชอบมากเรื่องนึงของทอม ครูซ เลยครับ
ชอบบรรยากาศในหนังอ่ะครับ บอกไม่ถูก แต่ชอบครับ yoyo_33.gif