40 replies to this topic

[BobbY_MugeN]

ได้ครับ ถ้าจะรวยแบบไม่โกง แต่ต้องอดทนมากๆ แล้วก็ % สำเร็จน้อย คนจึงรวยทางลัดโดยการโกง

ถ้าเอาแค่อยู่มีเงินใช้สบายๆ ไม่ต้องรวยมาก ผมว่าทำง่าย แต่คนไม่ชอบเพราะความโลภมักครอบงำ

ไม่รู้ว่ามีเงินเป็นหมื่นล้านแล้วทำไมไม่รู้จักพอ....นี่หมายถึงทั่วไปนะ

[seacret]

ไปค้นหา เอาวิธีรวยมาฝากครับ

หัวใจเศรษฐี
posted on 24 Mar 2007 14:38 by taradharma in Budharich

สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ นิคมของชาวโกฬิยะ ชื่อว่ากักกรปัตตะ ในครั้งนั้น มีชายคนหนึ่งชื่อทีฆชาณุ หรืออีกนามหนึ่งว่าพยัคฆปัชชะ ได้เข้าไปเฝ้า แล้วกราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์เจ้าผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นคฤหัสถ์ ยังบริโภคกาม อยู่ครองเรือน… ยังยินดีทองและเงินอยู่

ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงธรรม ที่เหมาะแก่ข้าพระองค์ อันจะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในปัจจุบัน เพื่อประโยชน์และความสุขในภายหน้าเถิด พระเจ้าข้า”

พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า
“พยัคฆปัชชะ ! ธรรม ๔ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ และเพื่อความสุขในปัจจุบันแก่กุลบุตร คือ

๑. อุฏฐานสัมปทา ๒. อารักขสัมปทา ๓. กัลยาณมิตตตา ๔. สมชีวิตา…”
(ทีฆชาณุสูตร ๒๓/๒๕๖)

ลายแทง ๔ ข้อนี้ จัดว่าเป็น “หัวใจเศรษฐี” ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแก่ทีฆชาณุ ที่เราเอามาย่อว่า อุ อา กะ สะ มีคำอธิบายโดยย่อ ดังนี้

1. อุ ย่อมาจากคำว่า อุฏฐานสัมปทา แปลว่า ให้ถึงพร้อมด้วยความขยันหมั่นเพียรในการแสวงหาความรู้ หนักเอาเบาสู้ในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมาย กิจการทั้งหลายต้องรู้จักรับผิดชอบ โบราณกล่าวว่า ทรัพย์นี้มิไกล ใครปัญญาไว หาได้บ่นาน ทั่วแคว้นแดนดินมีสิ้นทุกสถาน ผู้ใดเกียจคร้าน บ่พานพบนา ซึ่งหมายถึง ทรัพย์สินเงินทองมีอยู่ทุกหนแห่ง ขออย่างเดียวอย่าเกียจคร้านให้ลงมือทำงานทุกชนิดอย่างจริงจังตั้งใจ งาน คือ ชีวิต ชีวิต คือ งานบันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน มิใช่รอความสุขจากความสำเร็จของงานอย่างเดียวขาดทุนและขอให้ถือคติว่า ขี้เกียจเป็นแมลงวัน ขยันเป็นแมลงผึ้ง ขี้หึ้งเป็นแมลงป่อง จองหองเป็นกิ่งก่า

ความถึงพร้อมด้วย
ความขยันหมั่นเพียร หมายถึง ถ้าอยากเป็นเศรษฐี ก่อนอื่นต้องมีความขยันหมั่นเพียร เริ่มตั้งแต่ต้องขยันหมั่นเพียรในการ
แสวงหาความรู้ วิชาการต่าง ๆ ตลอดจนการเรียนรู้วิชาชีพ ขยันหมั่นเพียรในหน้าที่การงานที่รับผิดชอบหรือที่ได้รับมอบ
หมายให้กระทำโดยไม่บกพร่อง และพยายามแก้ไขการงานที่ได้รับมอบหมายหรือที่กระทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เพื่อให้การงานมีประสิทธิภาพและได้ผลดีที่สุด ต้องขยันทำมาหากิน โดยไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคที่ต้องเผชิญหน้า ตลอด
จนต้องคอยศึกษาหาความรู้สำหรับใช้รักษาตัวเองและครอบครัวมิให้เกิดการเจ็บป่วยด้วย

2. อา ความถึงพร้อมด้วยการความหมั่นรักษา หมายถึง เมื่อได้รับ
มอบหมายการงานอะไรให้กระทำ หรือเมื่อได้ดำเนินกิจการงานอะไร ไม่ว่าจะเป็นของตนหรือของคนอื่นก็ดี ต้องเป็นคน
มีความรับผิดชอบในการงานหรือกิจการนั้น ๆ มิให้บกพร่องต่อหน้าที่ อะไรที่ยังทำไม่ดีก็พยายามทำให้ดี อะไรที่ต้องแก้
ไขปรับปรุงให้ดี เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงานต้องหมั่นดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ตลอดเวล
า
โดยไม่ปล่อยปะละเลย เช่น มีอะไรชำรุดเสียหายก็แก้ไขให้ดี ตลอดไปจนถึงต้องรู้จักรักษาทรัพย์สินเงินทองที่เกิดจากการปฏบัติงาน เกิด
จากการทำมาหากินหรือที่รับผิดชอบอยู่มิให้สูญเสียหรือใช้ไปให้สิ้นเปลืองโดยเปล่า
ประโยชน์ หรือปราศจากเหตุผลอันสมควรหน้าที่การงานที่กระทำอยู่
หรือกิจการส่วนตัวที่ดำเนินอยู่ก็อย่าให้ต้องหลุดมือไปง่าย ๆ เพราะการงานที่ทำแต่ละ
อย่างไม่ใช่จะหาได้ง่ายนัก ฉะนั้น เมื่อได้การงานใด ๆ แล้ว ก็อย่าทำให้งานที่ทำนั้นต้องหลุดไป นอกจากกรณีที่เราได้งาน
หรือกิจการใหม่ที่เราพิจารณาเห็นชัดแล้วว่าจะต้องทำให้เราดีกว่าเดิมได้ จึงค่อยพิจารณาเปลี่ยนแปลง ถ้าการงานหรือ
กิจการที่ดำเนินการอยู่ดีอยู่แล้ว ต้องพยายามรักษาให้ดีที่สุด และต้องพยายามปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ และ
ประการสำคัญไม่ว่าจะทำงานกับใครที่ไหนก็ตามต้องถือว่างานนั้นเป็นงานของเราเอง เพราะถ้ากิจการของเขาเจริญขึ้น
เราก็จะพลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วย ถ้ากิจการของเขาเลวลง เราก็จะต้องพลอยลำบากไปด้วย

3. กะ ย่อมาจากคำว่า กัลยาณมิตตตา แปลว่า การมีเพื่อนเป็นคนดี ไม่คบคนชั่ว เพราะคบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล คบคนจึงต้องดูหน้าว่าเพื่อนเป็นคนดีที่มีลักษณะไม่เป็นคนปอกลอก ไม่ดีแต่พูด ไม่หัวประจบและไม่เป็นคนชักชวน ไปในทางฉิบหาย มีการดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน มั่วเมาในการเล่นและผีการพนันเข้าสิงจิตใจ และขอให้ถือคติว่า มีเพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา เหมือนมีเกลือนิดหน่อยด้อยราคา ดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล

กัลยาณมิตรธรรม 7 องค์คุณของกัลยาณมิตร , คุณสมบัติของมิตรดีหรือมิตรแท้
คุณสมบัติของมิตรดีหรือมิตรแท้ คือ ท่านที่คบหรือเข้าหาแล้วจะเป็นเหตุให้เกิดความดีงามและความเจริญ ในที่นี้มุ่งเอามิตรประเภทครูหรือพี่เลี้ยงเป็นสำคัญ

น่ารัก ในฐานเป็นที่สบายใจและสนิทสนม ชวนให้อยากเข้าไปปรึกษาไต่ถาม (ปิโย )
น่าเคารพ ในฐานะ ให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ เป็นที่พึ่งได้ และปลอดภัย (คร)
น่าเจริญใจ หรือน่ายกย่อง ในฐานทรงคุณคือความรู้และภูมิปัญญาแท้จริง ทั้งเป็นผู้ฝึกอบรมและปรับปรุงตนอยู่เสมอ ควรเอาอย่าง ทำให้ระลึกและเอ่ยอ้างด้วยซาบซึ้งภูมิใจ ( ภาวนีโย)
รู้จักพูดให้ได้ผล รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ รู้ว่าเมื่อไรควรพูดอย่างไร คอยให้คำแนะนำว่ากล่าวตักเตือน เป็นที่ปรึกษาที่ดี ( วตฺตา จ)
อดทนต่อถ้อยคำ คือ พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษา ชักถาม คำเสนอ และวิพากษ์วิจารณ์ อดทนฟังได้ไม่เบื่อไม่ฉุนเฉียว ( วจนกฺขโม)
แถลงเรื่องล้ำลึกได้ สามารถอธิบายเรื่องยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจและให้เรียนรู้เรื่องราวที่ลึกซึ่งยิ่งขึ
้นไป
ไม่ชักนำในอฐาน คือ ไม่แนะนำในเรื่องเหลวไหล หรือชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย (โน จฏฺฐาเน นิโยชเย)

มิตรปฏริรูปก์ หรือ มิตรเทียม 4 คนเทียมมิตร , คนที่พึงทราบว่าเป็นศัตรูผู้มาในร่างของมิตร
คนปอกลอก คนขนเอาของเพื่อนไปถ่ายเดียว อัญญทัตถุหร มีลักษณะ 4 คือ
1.1 คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
1.2 ยอมเสียน้อย โดยหวังจะเอาให้มาก
1.3 ตัวมีภัย จึงมาช่วยทำกิจของเพื่อน
1.4 คบเพื่อน เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์

คนดีแต่พูด วจีบรม มีลักษณะ 4 คือ
2.1 ดีแต่ยกของหมดแล้วมาปราศรัย
2.2 ดีแต่อ้างของยังไม่มีมาปราศรัย
2.3 สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้
2.4 เมื่อเพื่อนมีกิจ อ้างแต่เหตุขัดข้อง

คนหัวประจบ อนุปปิยภาณี มีลักษณะ 4 คือ
3.1 จะทำชั่วก็เออออ
3.2 จะทำดีก็เออออ
3.3 ต่อหน้าสรรเสริญ
3.4 ลับหลังนินทา

คนชวนฉิบหาย อปายสหาย มีลักษณะ 4 คือ
4.1 คอยเป็นเพื่อนดื่มน้ำเมา
4.2 คอยเป็นเพื่อนเที่ยวกลางคืน
4.3 คอยเป็นเพื่อนเที่ยวดูการเล่น
4.4 คอยเป็นเพื่อนไปเล่นการพนัน

4. สะ ย่อมาจากคำว่า สมชีวิตา แปลว่า การเลี้ยงชีวิตตามสมควรแก่กำลังทรัพย์ที่หามาได้ รู้จักกำหนดรายรับและรายจ่าย อย่าให้สุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือยหรืออัตคัดขัดสนจนเกินไปให้รู้จักออมเงิน ออมเงินเอาไว้ ฉุกเฉินเมื่อไร จะได้ใช้เงินออม และขอให้ถือคติว่า

มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ แม้มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน

Edited by seacret, 17 June 2008 - 03:05 PM.

[ngern]

ได้สิครับ แต่ก็ไม่ทุกคนหรอกที่จะเป็นได้

แบบที่ทุจริตแล้วรวย มันก็คงมีสูตรสำเร็จที่ทำตามกันมา แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสเหมือนกันทุกคนอยู่ดี

[Torita]

คนที่จะรวยมากๆ 10-20 ล้านขึ้น ส่วนใหญ่อาจต้องอาศัยคนระดับกลางหรือล่างเกื้อหนุนครับ
จะโกงหรือไม่ขึ้นอยู่กับธุรกิจครับ
เช่น
แบบไม่โกง
ขายของให้คนระดับกลาง เช่น ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ขายดีมากๆ เป็นแฟรนไซด์ ก็รวยได้
ขายเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับ
หรืออื่นๆ แต่สรุปก็คือ ไม่ว่าห้างร้าน หรือบริษัทจะรวย ต้องมีคนระดับกลางถึงล่างจำนวนมากๆช่วยซื้อ ช่วยใช้เยอะๆ เค้าก็รวยได้


หรือ
ถ้าแบบโกง เช่น
พวกปล่อยเงินดอก อาจจะระดับมิตรภาพ 2-5 หรือระดับขูดรีด 10-20
ส่วนใหญ่ปล่อยกับใคร ก็คนระดับกลางถึงล่างทั้งนั้นครับ ถ้าปล่อยมากๆ ก็รวยได้
โต๊ะบอลใหญ่ๆ
บ่อนการพนัน ค้ายา

แต่อย่างน้อยผมว่าส่วนใหญ่ที่รวยอาจมีการโกงบ้างครับ คือ โกงภาษีประเทศครับ มีใครแจ้งรายได้จริงบ้าง คงน้อยน่ะครับ ที่จะแจ้งรายได้จริง
คงมีแต่มนุษย์เงินเดือนนี่แหละครับ เสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย หลอกล่อไม่ได้

Edited by Torita, 17 June 2008 - 03:07 PM.

[umbababa]

ผมว่าประการเดียวครับ ต้อง "เก่งกว่าคนทั่วไป"
ต่อให้คุณโกง แต่ไม่เก่ง คุณก็โดนจับได้หมดอนาคต หรือต่อให้ไม่โกง แต่ไม่เก่งขึ้นคุณก็ดักดานอยู่อย่างนัน้ทั้งชาติ
คนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นคนดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ดีเพราะสิ่งที่ความดีตอบแทน ก็คือความปลอดภัยในชีวิตสังคมครับ
ถ้าคิดว่า แค่เป็นคนดี แล้วจะได้ทุกอย่าง ก็ดูจะหวังมากไปหน่อย เพราะนอกจากกฏแห่งกรรม โลกก็ยังมีกฏสัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็กอยู่ดี
ถ้าอยากได้ดี ต้องเ่ก่ง และถ้ายังไม่เก่งเก่ง ก็ต้องขยัน เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะเก่งขึ้นได้
ส่วน
คนเลือกทำเลว เพราะต้องการ อุดความด้อยทางปัญญาทักษะ หรือต้องการเร่งเวลา ก็เอาความปลอดภัยในชีวิตไปแลก
เมื่อเริ่มทำเลวไปแล้ว ก็จะไม่อาจมีชีวิตสงบสุขได้อีกต่อไป ใครมองว่าคุ้ม ก็ชื่นชมความเลวล่ะครับฃ
แต่คนส่วนใหญ่เขามองว่าไม่คุ้ม เขาถึงไม่ทำความเลวกัน

[tonoboon]

ทำไมคิดแบบนั้นน่อ
ไม่โกงไม่ทุจริต ก้อรวยได้ เยอะแยะ ผมเจอมาเยอะแล้ว

ง่ายๆ ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน สามข้อแรกต้องมี
ตามด้วย ใจกล้า นอบน้อม หัวคิดดี

แค่นี้ผมว่าก้อรวยได้แล้ว
ว่าแต่ ไอ้รวยที่ว่า ขนาดไหนอ้ะ 10 100 1000 อ้ะครับ

พวกล่ะเบื่อมาก พวกโกงกิน ทำไมเค้าไม่อายกันบ้างนะ

[iceKr3w]

รวยแค่ไหนตายไปก็เอาไปไม่ได้ แต่ความดีนั้น ตายไปมันจะติดตัวเราไปตลอด พร้อมกับชื่อเสียงที่ทำมา

[poonny]

การทำธุรกิจสมัยนี้ มองดูดีๆ แทบจะทุกๆวงการ ธุรกิจที่หวังกำไรส่วนใหญ่ก็ต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อลูกค้ากันทั้งนั้น

น้อยบริษัทที่จะทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมา ยิ่งถ้าหวังผลกำไรมากๆเพื่อให้ผู้ถือหุ้นพึงพอใจหล่ะก็.. รู้ๆกัน

เพราะฉะนั้น สำหรับผม..โลกใบนี้มีการโกงกันแทบจะทุกๆองค์กรแหละคับ อยู่ที่ว่า องค์กรไหนจะโกงมากโกงน้อย

ผู้บริหารบางคน set margin แต่ละลูกค้าแต่ละรายยังไม่เท่ากันเลย ทั้งที่เป็น product เดียวกันซะด้วยซ้ำ

ปล.คนที่โกงไม่เป็นจริงๆ ผมถือว่าเค้าเป็นคนดีมากนะคับ ซึ่งถือว่าน้อยมากแล้วในสังคมปัจจุบัน

[moochachi]

จากประสบการณ์น่ะครับ คนรอบตัวผมที่รวยระดับร้อยล้าน โกงครับ ตั้งแต่ภาษี สรรพากร ยิ่งผู้ประกอบการ จะชอบโกงภาษีสิ่งแวดล้อม คือเวลามาตรวจ ก็ยัดเงิน พอไปก็ปล่อยมลพิษต่อ

แล้วก็การยัดเงิน กับผู้ประกอบการถือเป็นเรื่องปกติครับ เวลาคนส่งสิ้นค้าเกินน้ำหนัก ก็ผิดถนนก็พังไป ไม่ใช้ภาษีฉัน ใครมาจับก็ยัดๆๆ แล้วก็พูดว่า "คนเขาทำกัน ใครไม่ทำคือโง่" หรือคนที่ทำถูกคือโง่ (คำนี้เริ่มชินหู)

เอาว่าเชื่อว่าส่วนมาก มักจะใช้ว่า "ช่องทางหลบเลี่ยงครับ" เขาไม่พูดว่าโกงหรอกครับ

[kero]

คนโกงไม่มีทางรวยหรอกครับ แต่โกงแล้วมีเงินเยอะเนี่ยไม่เถียง

รวยหมายถึง พอแล้ว มีน้อยแต่อยากได้น้อย ก็เลยพอใจแล้ว ไม่ได้คิดจะไปหามาเพิ่ม

ผมเคยเห็นใน TV เขาเข็นรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว เขาติดป้าย ว่า เป็นคนรวย เพราะไม่ได้อยากได้อะไรเพิ่ม พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีนั่นต่างหากที่แปลว่ารวย

แต่คนโกงเต็มบ้านเต็มเมืองเราไปหมดแหละครับ เห็นมาตั้งนานนม เวลาอยู่บริษัทเนี่ย ลองดู อย่างบริษัทซื้อคอมมาใหม่ ราคาเครื่องละ 4 หมื่น แต่ spec เนี่ยถ้าซื้อเองคง 2 หมื่น แล้วส่วนต่างไปไหน เหมือนเวลาไปรับงานตามกรม ตามกระทรวง เวลาเปิดซอง ถ้าคนพิจารณาเขาไม่ได้อะไรเลยเนี่ย จะได้งานมั้ย บางทีกลับบ้านเนี่ยแม่เล่าให้ฟัง มีคนมาปรึกษาไปสมัครทำงาน อบต ต้องจ่ายกัน 2 แสนถึงได้งาน มีอีกเยอะนะพวกโกงเนี่ย ทั้งประสบการณ์ตรง แล้วก็ ได้ยินมา

ว่าแต่คนรวยที่ใครๆ บอกไม่โกงแล้วรวย แน่ใจกันแล้วเหรอ ว่าเขาไม่โกงอ่ะ ระบบเมื่อก่อนยิ่งไม่มีคนตรวจสอบอยู่ด้วย แล้วเขาจะมาเที่ยวบอกใครๆ มั้ยล่ะว่าเคยโกงมา แถม บางอย่างยังไม่ได้คิดด้วยว่าตัวเองโกงด้วยซ้ำ คิดว่ามันทำตามระบบ อย่างพวกขายของส่งของต่างประเทศเนี่ย สอนวิธีการยัดใต้โต๊ะ เจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อนผมมันไปอบรมมา แล้วมาเล่าให้ฟัง

[Shadow]

ทำได้ครับ ส่วนตัวก็มีรู้จักอยู่

[1273704]

ทุกวันนี้สังคมเป็นแบบนี้จิงๆ.............เข้าสู่ยุคมืด.......

[Kazuya]

มีครับ รวยโดยสุจริต แถวบ้านผมมีนะ มี 2 พวก

1.พวกที่รวยมานานแล้ว ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ พวกนี้จะรวยมากระดับ 100ล้าน ขึ้นไป << อันนี้รวยแน่ๆ คงไม่มีใครเถียงนะ

2.พวกเริ่มจากศูนย์ ผมเห็นเค้าเริ่มจากร้านเล็กๆ อายุยี่สิบกว่าๆ(ตอนนั้นผมยังเด็ก) ตอนนี้เค้าอายุ 40กว่าๆ เค้ามีร้านใหญ่ มีรถขับ มีกินแบบไม่อดอยาก
เค้าน่าจะมีเงินเก็บ(เงินสด) ไม่ต่ำกว่า 1-2ล้านบาท และ ที่สำคัญเค้าไม่มีหนี้สินด้วย << นี่ก็เรียกว่ารวยแล้วสำหรับผม แต่สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าจนก็ได้



------------------------------------------------------------------------------------------
อีกพวก พวกโกง ทุจริต ก็มีเหมือนกัน มีอยู่แบบเดียว

เริ่มจากเปิดร้านขายของเน่าๆ ซอมซ่อ ข้าวกินแต่ละมื้อแทบจะไม่พอกิน ผ่านไป 1ปี มันออกรถ camryป้ายแดง สร้างบ้านใหม่ ใหญ่กว่าบ้านผมตั้งหลายเท่า ทำร้านใหม่ขายของวัสดุก่อสร้างเป็นตึก 4 ชั้นเบ่อเร่อเลย ปล่อยเงินกู้ด้วย ผมเดาว่ามีเงินลงทุนไม่น่าจะต่ำกว่า 10-20 ล้าน

ผมถามหน่อย ภายใน 1 ปี มีเงิน 20 ล้านเนี่ย เดือนนึงเงินเดือนเท่าไหร่ ให้เด็กอนุบาลคิด 20หาร12 = 1ล้าน6แสนบาท เปิดร้านขายของเน่าๆ ซอมซ่อ มีรายได้เดือนละ 1ล้าน6แสนบาท เป็นไปได้ไง?

มีทางเดียว คือ ขายยาบ้า

Edited by Kazuya, 17 June 2008 - 10:46 PM.

[MoDiFy]

มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นครับ
ดูง่ายๆ รู้จักร้าน "นมมนต์" ไหมครับ ดูหน้าเจ้าของร้านสิครับ เมื่อก่อนขายอะไร แค่นมเย็น ขนมปังปิ้ง
แต่เดี๋ยวนี้มีร้านหรู ดูดี มีสาขาย่อยด้วย คนเต็มร้านตลอด แค่ขายขนมปังปิ้งเนี้ย??????

ขายน้ำเปล่าอีก เมื่อก่อนมีคนคิดจะขายไหม ไม่มี ไร้สาระ ตอนนี้นับเงินไม่ทันแล้ว มีหลายยี่ห้อผุดขึ้นมาแข่งกันขาย...

[wooka]

ผมเป็นคนไม่กินไม่เที่ยวครับไม่โกงไม่เอาเปรียบใครและไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ แต่ก็จนครับกำลังรอโอกาสอย่างเดี๋ยว

[iberry]

มีซิค้า แต่อาจจะช้าก่าพวกโกงที่มักม่ายั่งยืน เราต้องสู้ด้วยลำแข้งค่ะ สู้ๆ

[kikuntin]

มีครับเพื่อนผมก็เป็นแบบนี้ครับ

[marco_o]

ไม่รู้จะตอบอะไร เเต่งงตรงที่อ่านไปอ่านมาเเลวเกิดคำถามว่า "ทำไมต้องรวย" ???

[varakonr]

จังหวะ แล้วก็ดวง ครับ

ผมว่า เกือบ 80% มาจากตรงนี้

อย่างร้านติดตั้งแก๊ส แถวบ้าน ดูเถอะตอนนี้ เปิดเป็นอู่ใหญ่

มีลูกจ้าง 50 คน รถเข้าไปเปลี่ยน วันละ 70 คัน - -"

รวยไหมละ เอาง่ายๆ กำไร คันละ 2000 พอ จาก เปลี่ยนคันละ 15000-7000

แค่นี้ก็รวยเละ แล้ว

[tappoko]

เกิด แก่ เจ็บ ตาย <<< ล้วนแต่มีค่าใช้จ่าย... ไม่แปลก ที่คนจะคิดว่า เงินคือพระเจ้า ในทางกลับกัน เราแค่มีกินมีใช้ ในแต่ละวัน ไม่อดข้าว มื้อ กินมื้อ ก็หรูแล้ว พอเพียง คำเดียว ที่ช่วยให้เราอยู่ได้เป็นสุข คิดแล้วขนลุก เป็นบุญที่ได้เกิดมามีพ่อหลวง ประทานแนวคิดให้เราได้ดำเนินชีวิต โดยไม่เบียดเบียนใคร