+แม้จะเพิ่งมาจับงานภาพยนตร์กับบริษัทใหญ่เป็นครั้งแรก แต่ "พีท เทรวิส" ก็แสดงให้เห็นว่ากับโอกาสที่ไดรับมานั้น เขาทำได้ และใช้เป็น เมื่อโอกาสที่ว่าถูกผันมาเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น ที่มีวิธีการเล่าเรื่องได้สนุก และน่าตื่นเต้นระทึกใจไม่น้อยอย่าง Vantage Point . . .
+เมื่อมีการประชุมระดับสุดยอด ว่าด้วยการป้องกันการก่อการร้ายเกิดขึ้นที่จตุรัสซาลามานก้า ในประเทศสเปน ซึ่งมีผู้นำจากหลากหลายประเทศมาร่วมประชุมกัน ซ่งหนึ่งในนั้นก็คือประธานาธิบดี "เฮนรี่ แอชตัน" แห่งสหรัฐอเมริกา โต้โผใหญ่ของงานนี้ ที่ตกเป็นเป้าในการสังหารโดยมี "เคนท์ เทย์เลอร์" และ "โธมัส บาร์นส์" ทำหน้าที่ดูแลอารักขาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะฝ่ายหลัง ที่เพิ่งกลับมาจากอาการรักษาตัว หลังจากเอาตัวเองเป็นเกราะรับกระสุนแทนประธานาธิบดี . .
+แม้จะมีการวางแผนป้องกันอย่างแน่นหนา แประธานาธิบดีก็ถูกยิงเข้าจนได้ และบาร์นส์สามารถจับตัวผู้ต้องสงสัย ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของสเปนได้ ในขณะเดียวกัน ทีมอารักขาประธานาธิบดีก็มีวิดีโอที่ถ่ายโดย "โฮเวิร์ด ลูอิส"
นักท่องเที่ยวอเมริกันขาจร เป็นเบาะแสสำคัญในการล่าตัวผู้ต้องสงสัยในแผนการที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนซ่อนเงื่อน มีนกต่อ มีเหยื่อล่อ มีมือสังหารที่ซ้อนแผนมือสังหารด้วยกัน เข้ามาเกี่ยวพัน รวมไปถึงเป้าสังหารที่ก็มีการวางแผนไว้ตลบหลังบรรดามือสังหารด้วยเช่นกัน . .
+จากพล็อตเรื่องที่ว่า Vantage Point เองก็ไม่น่าจะต่างไปจากหนังแอ็คชั่นลอบสังหารคนสำคัญทั่วๆไป ที่มักจะจบลงตรงที่ฝ่ายอารักขา สามารถตามจับตัว หรือจัดการกับพวกมือสังหารได้สำเร็จ และเป้าสังหารก็มักจะมีชีวิตรอด ปลอดภัย และมีหักมุม หรือมีการเฉลยปริศนาตัวผู้บงการที่มักจะเป็นสิ่งเหนือความคาดหมายของผู้ชมตามสูตร . . .
+แม้โดยโครงเรื่อง Vantage Point ก็เป็นอย่างที่ว่า แตาเอาเข้าจริงๆ หนังของพีท เทรวิสเรื่องนี้ก็มีความมากพอที่จะบอกออกมาตรงๆได้ อย่างน้อยที่สุด บทภาพยนตร์ของแบร์รี่ เลวี่ ก็มีความโดดเด่นในการเล่าเรื่องมากพอที่จะสร้างความบันเทิงให้กับคอหนังแอ็คชั่น ที่ต้องการความแปลกใหม่
+หรือความต่างไปจากความคุ้นเคยเดิมๆจากหนังแอ็คชั่นเรื่องอื่นๆที่มีให้เห็นกันจนชิน
ตา เพราะกับ Vantage Point แบร์รี่ เลวี่ เลือกที่จะเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวละครหลายๆตัว สำหรับฉากลอบสังหารที่เป็นที่มาของเรื่องราวตางๆใน Vantage Point . . .
+ไม่ว่าจะเป็นมุมมองของโธมัส บาร์นส์ เจ้าหน้าที่ที่ทำการอารักขาประธานาธิบดี , โฮเวิร์ด ลูอิส นักท่องเที่ยวขาจร , เจ้าหน้าที่ตำรวจของสเปน , มือสังหารและนางนกต่อ , คู่แม่-ลูกที่พลัดมาอยู่ในเหตุการณ์ชุมนุม หรือแม้แต่ตัวประธานาธิบดีเอง ตลอดจนภาพจากกล้องของทีมข่าว
+ซึ่งทำให้หนัง 1 ชั่วโมงแรก เป็นการเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในจตุรัสซาลามานก้า ที่เปรียบได้กับการฉายหนังซ้ำไปซ้ำมา ถึงเหตุการณ์เพียงแค่ไม่กี่น่ทีของการสังหาร หากแต่ด้วยมุมกล้องที่ต่างกัน อันเป็นผลมาจากการเล่าเรื่องที่บอกผ่านตัวละครที่อยู่ในกรรมวาระไม่เหมือนกัน . . .
+ซึ่งกับเรื่องราวในแต่ละหน ก็จะมาพร้อมกับความเข้มข้น จริงจัง หนักแน่นมาโดยตลอด ทำให้เหตุการณ์ที่ถูกวนย้อนกลับมาให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ได้มาพร้อมกับความน่าเบื่อ หากแต่ละมุมมองกลับกลายเป็นส่วนต่อเติมซึ่งกันและกัน และเมื่อจิ๊กซอว์แต่ละตัวเรียงต่อกันจนครบ ก็จะนำไปสู่เหตุการณ์ที่เป็นบทสรุปรวบในตอนท้าย . . . และกับกลวิธีเล่าเรื่องที่หนังใช้ ก็คือเสน่ห์ที่เปรียบได้กับหัวใจของหนังเรื่องนี้ . . .
+หลังจากปล่อยคนดูให้พบกับสถานการณ์เดิมๆ ที่เวียนมาให้ดูกันซ้ำแล้ว-ซ้ำเล่า . . . เมื่อหนังเดินหน้ามาถึงจุดที่ส่วนต่างๆถูกปะติดปะต่อ ประกอบเข้าด้วยกันอย่างลงตัวแล้ว หนังก็หลอมรวมกลายมาเป็นเรื่องหนึ่งเดียวกัน ซึ่งหลังจากนี้ หนังก็เดินเครื่องกลายมาเป็นหนังแอ็คชั่น-ไล่ล่าเต็มรูปแบบ . . .
+ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับบทภาพยนตร์ของเลวี่ เมื่อสามารถสร้างความน่าติดตาม น่าสนใจให้กับสถานการณ์เดียวๆ ที่ถูกเล่าซ้ำไปซ้ำมา ผ่านสายตาของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ และยังคงอารมณ์ตื่นเต้น ระทึกใจเอาไว้ได้ ในแบบที่ไม่เสียอรรถรสในการชมไปสักเท่าไหร่ ยิ่งเมื่อตัวเรื่องหลอมรวมกัน หนังก็ยิ่งทวีความเข้มข้นน่าตื่นเต้นมากขึ้น ในความเป็นหนังแอ็คชั่น-ไล่ล่า ซึ่งในที่สุดก็พาคนดูไปสู่จุดขีดสุดของอารมณ์จากฉากแอ็คชั่นอันน่าตื่นเต้นได้ . . .
+แต่ที่น่าเสียดายคือ แม้จะดูสนุก และให้ความบันเทิงได้เต็มที่ในครึ่งหลังของหนัง แต่เอาเข้าจริงๆ หลังจากที่เปิดตัวด้วยความจริงจัง หนักแน่นมาโดยตลอดตั้งแต่แรก กับการเปลี่ยนตัวเองเพื่อไปสู่จุดคลี่คลาย . . .
+Vantage Point กลับกลายเป็นหนังแอ็คชั่นพื้นๆ ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน กับการที่ให้ตัวละครหนึ่งๆ "อึด" เกิดขีดมนุษย์ธรรมดา และดูเป็นฮีโร่จ๋า ในอารมณ์แบบอเมริกันสุดๆ . . เป็นบทจบที่ดูแฮปปี้แอนดิ้งในแบบหนังแอ็คชั่นธรรมดาๆเรื่องหนึ่ง . . .
+จะว่าไป Vantage Point ก็คือการปรับของเก่าที่เคยทำไว้เอากลับมาใช้ใหม่อย่างได้ผล แล้วก็นำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจ และลงตัว โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่จตุรัสซามานก้า ที่ถือเป็นไฮไลท์ของเรื่อง และเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำ
ให้ Vantage Point ได้รับการพูดถึงในแง่ชื่นชม และแน่นอนว่าส่วนนี้คือส่วนที่ดีที่สุด และแข็งแรงที่สุดของหนัง . . .
+ขณะที่เหตุการณ์หลังจากที่ทุกอย่างถูกขมวดมารวมกัน ทำให้ Vantage Point กลายเป็นเพียงหนังแอ็คชั่นธรรมดาๆ ที่ดูเอาสนุกได้อีกเรื่องหนึ่ง หากหนังสามารถเก็บความหนักแน่น สมจริงสมจังแบบช่วงแรกเอาไว้ได้ Vantage Point จะกลายเป็นความน่าพอใจในแง่ของการเป็นหนังแอ็คชั่นที่เน้นความบันเทิง ที่มีกลเม็ดในการเล่าเรื่องที่เท่และชวนให้ติดตาม และมีความแปลกใหม่ที่น่าสนใจมากกว่าที่เป็นอยู่ . . .
+ให้ 3 ดาวค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1533.html ค่ะ
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
Edited by rbgel, 08 December 2009 - 07:55 PM.