`

Jump to content





รีวิวหนัง Land Of The Dead - ดินแดนแห่งความตาย


2 replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 11 June 2008 - 10:56 PM

Land Of The Dead - ดินแดนแห่งความตาย


"The dead shall inherit the Earth"

+การกลับมาพร้อมกับหนังซอมบี้เรื่องใหม่ ของเจ้าพ่อหนังซอมบี้อย่าง จอร์จ เอ โรเมโร่ ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นต้นตำรับของหนังแนวนี้มาตั้งแต่ปี 1968 ด้วย Night Of The Living Dead ที่ในปี 1990 ทอม วาวินี่ ช่างเมคอัพมือดีของหนังเรื่องนี้ในปี 1968 นำกลับมาสร้างใหม่ โดยได้โรเมโร่เป็นผู้นวยการสร้าง จากนั้นก็เป็น Dawn Of The Dead ซึ่งมีการนำมาสร้างลงจออีกครั้งเมื่อปี 2004 แล้วก็ปิดท้ายด้วย Day Of The Dead ฉบับใหม่ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และน่ายินดีสำหรับแฟนหนังแนวนี้ไม่ใช่น้อย . .


+เพราะเท่าที่ผ่านๆมา ดูเหมือนว่าตำนานของหนังซอมบี้จะจบลงที่หนังทั้ง 3 เรื่องที่เป็นเสมือนหนังไตรภาค ที่เริ่มจากค่ำคืน - รุ่งสาง - และกลางวันแสกๆ แม้จะมีหนังในแนวนี้อย่าง Return Of The Living Dead ออกมาอีกในยุค 90's แต่ก็ไม่ได้ถูกนับเข้าพวกกับหนังซอมบี้ของโรเมโร่ที่ถือกันว่าเป็นหนังคลาสสิคไปแล้ว
แต่อย่างใด ด้วยความต่างของคอนเซ็ปท์เรื่อง ตลอดจนประเด็นหลักที่ต้องการนำเสนอนั้น ดูจะอยู่กันคนละเส้นทาง . .


+การกลับมาจับหนังที่ตัวเองสร้าง "แนว" เอาไว้ ของโรเมโร่ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่น่าสนใจ และยิ่ง Land Of The Dead ออกมาตามหลังความสำเร็จของ 28 Days Later หนังซอมบี้สัญชาติอังกฤษที่มาพร้อมกับประเด็นการเปรียบเทียบ-วิพากษ์สังคมอันคมคาย และ Dawn Of The Dead ที่ถูกนำกลับมาสร้างใหม่ โดยที่ยังสามารถคงเสน่ห์ในเรื่องของการเสียดสี เรื่องของอารมณ์แบบตลกร้าย คล้ายๆกับหนังในเวอร์ชั่นแรกเอาไว้ได้ ยิ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Land Of The Dead ไม่มีความน่าสนใจในตัว . .


+ในขณะเดียวกัน การกลับมาของโรเมโร่ พร้อมกับหนังที่เขาเป็นคนถากถางแนวทาง มองกันตั้งแต่แรก นี่ไม่ใช่เรื่องไม่เสี่ยง เพราะหลายต่อหลายครั้ง การกลับมาของผู้กำกับรุ่นเก๋าหลายๆคน ที่มาพร้อมกับแนวหนังที่ตัวเอง "ถนัด" เห็นได้ชัดเลยว่าหลายๆอย่างที่นำเสนอออกมา เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่า "พ้นยุค" และขาดพลัง . .

+ไม่ต้องดูไหนไกล เอาแค่ Dawn Of The Dead ที่เป็นงานรีเมคเรื่องเดียวก็ยังได้ ตัวหนังแสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่า หนังที่มาพร้อมกับผู้กำกับรุ่นใหม่นั้น นำเสนอได้อย่างระทึกใจ น่าติดตาม และทรงพลังมากขนาดไหน . .


+และนั่นก็คือสิ่งที่ Land Of The Dead จะต้องเอาชนะ หรือเทียบระดับให้ได้ โดยที่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่สูญเสียอารมณ์ขัน ตลอดจนประเด็นที่เป็นเรื่องราวของการวิพากษ์-เสียดสีสังคม ผ่านภาพ และเรื่องราวอันน่าสยดสยองชวนแหวะออกมาให้ได้ ซึ่งอย่างหลังถือได้ว่าเป็นลายเซ็นต์สำคัญด้วยซ้ำไป ที่ทำให้หนังของโรเมโร่ทั้ง 3 เรื่องนี้ สามารถอยู่ยงคงกระพัน อมตะ เดินทางข้ามผ่านกาลเวลามาได้อย่างที่เห็น . .


+โรเมโร่เลือกที่จะสานต่อเรื่องราวของ Land Of The Dead ตามเรื่องราวที่หนังซอมบี้ไตรภาคของเขาวางเอาไว้แล้ว . . หลังจากที่เกิดอาการแพร่ระบาดเชื้อ ในที่สุดโลกก็เต็มไปด้วยซากศพไร้ชีวิต โดยมนุษย์ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ต้องไปอยู่รวมกันในสถานที่ที่ไม่ต่างจากป้อมปราการ มีการจัดการปกครองอย่างเป็นระบบ มีหน่วยปฏิบัติการณ์นำเอาเสบียงกรังทั้งหลายในเมืองร้างที่เต็มไปด้วยพวกซอมบี้เดิน
ยั้วเยี้ยไปหมด มาขายให้กับผู้คนเหล่านี้ ที่ต้องหาทางเอาชีวิตรอดให้ได้ด้วยสถานะทางสังคมที่ต่ำต้อย ผิดกับบรรดาเหล่าชนชั้นปกครองที่อยู่ในตึกระฟ้า . .


+"คาฟแมน" ผู้ปกครองที่พยายามจะหาประโยชน์และความสุขสบายให้ได้มากที่สุด โดยมีกองกำลังพิเศษที่มี "ไรลีย์" เป็นหัวหน้า และมี "โชโล" เป็นหมายเลข 2 เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ ซึ่งทั้งคู่เองต่างก็มีความฝันส่วนตัว . . ไรลีย์อยากออกจากเมืองที่อยู่ภายในรั้วไฟฟ้า ไปใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ในที่ที่ไร้กำแพง ขณะที่โชโลเองก็หวังจะได้เข้าไปอยู่ในตึกฟิดเลอร์ สกรีน ซึ่งเป็นที่อยู่ของชนชั้นสูง และบรรดาผู้ปกครองในเมือง . .


+หลังงานชิ้นล่าสุดจบลง ไรลีย์ตัดสินใจลาออกไปทำตามความฝัน โชโลยื่นเงินก้อนโตให้คาฟแมนเพื่อซื้อสิทธิ์การอยู่ในฟิดเลอร์ สกรีน แต่กลับถูกปฏิเสธ และถูกหมายหัว . . โชโลตัดสินใจปล้นรถหุ้มเกราะติดอาวุธทำลายล้างสูง
"เดด เรคอนนิ่ง" ไปด้วย เพื่อเรียกเงินจากคาฟแมน ที่ต้องไปตามตัวไรลีย์ ที่จู่ๆ พาหนะเดินทางที่เตรียมไว้ก็หายไปซะอย่างนั้น มาจัดการกับลูกน้องเก่า . .

+แต่ที่ทุกคนไม่รู้ก็คือว่า บรรดาซอมบี้เองก็เริ่มมีการสื่อสาร มีการติดต่อกัน มีการเรียนรู้ และภายใต้การนำของ "บิ๊ก แด้ดดี้" ซอมบี้ที่โกรธแค้นการทำลายล้างจากหน่วยพิเศษของคาฟแมน กำลังเดินหน้ามาเป็นร้อยๆพันๆตน เพื่อที่จะชำระแค้น . .


+เรียกได้ว่า นอกจากจะสานต่อเรื่องราวที่ถูกทิ้งค้างไว้ Land Of The Dead เองก็ยังสร้างพัฒนาการให้กับเรื่องได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าไปอยู่รวมกัน ในโลกที่คับแค้นของมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ หรือการมีพัฒนาการของพวกซอมบี้ ที่เคยมีความจำหลงเหลือก็แค่สิ่งสุดท้ายที่ตัวเองตั้งใจจะทำ ในขณะเดียวกันก็กล้าที่จะคงลักษณะเดิมๆของพวกนี้เอาไว้ . . แม้ในหนังแนวทางเดียวกันในช่วงหลายปีมานี้ ซอมบี้จะดูกระฉับกระเฉง และว่องไวมากกว่าที่เห็นใน Land Of The Dead ก็ตาม . .


+แล้วก็ยังคงมีอารมณ์ มีเสน่ห์จากอารมณ์ขันในแบบตลกร้าย ไม่ว่าจะเป็นจากลักษณะท่าทางของตัวซอมบี้ หรือจากบทสนทนา ตลอดจนแคแร็คเตอร์ของตัวละคร ในขณะเดียวกัน ก้ไม่หลงลืมสิ่งสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ หรือหนังแนวนี้ที่ดีๆ ได้รับการยกย่อง นั่นก็คือ การวิพากษ์-เสียดสีสังคม ผ่านเรื่องราว ผ่านตัวละคร ผ่านเหตุการณ์ในหนัง . .

+กับ Land Of The Dead หนังแสดงนัยเสียดสีมาให้เห็นตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อคนที่มีชีวิต มีลมหายใจ กลับต้องมาใช้ชีวิตในที่แคบๆขาด ขาดอิสระเสรี แต่กับคนที่ไม่มีลมหายใจ เป็นเหมือนซากชีวิตเดินได้ กลับสามารถเดินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเสรี และกับกำแพงรั้วกั้นที่สร้างขึ้นมาเพื่อความปลอดภัย ในวันหนึ่ง มันก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับกำแพงหนาที่ขวางกั้นเราไปสู่ที่ปลอดภัย . .


+ในเวลาเดียวกัน หนังก็นำเรื่องราวของการเมืองมานำเสนอผ่านชนชั้นของมนุษย์ในเมืองที่แออัดแห่งนี้
อย่างแยบคาย เรื่องของมนุษย์ที่เป็นชนชั้นสูง ซึ่งนอกจากจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่ใส่ใจกับชนชั้นล่างแล้ว พวกเขาก็ยังพยายามหาผลประโยชน์จากคนระดับรากหญ้าให้ได้มากที่สุด . .

+ในประเด็นนี้ ไม่ต่างไปจากการวิพากษ์ซ้ำต่อชนชั้นปกครอง ที่แทบจะเป็นเช่นนี้ในทุกมุมโลก ขณะที่ชนชั้นล่างเอง ก็พยายามที่จะดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดไปวันๆ และบางคนเองก็ยังพยายามไต่ระดับให้สูงขึ้นไป โดยที่ก็ยังมีบางคนที่พยายามทำตัวเป็นแกนนำในการต่อสู้กับความอยุติธรรมของชนชั้นปก
ครองในปัจจุบัน ยิ่งหากมองไปในภาพรวม ก็จะทำให้เห็นภาพอีกภาพหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพของโลกที่รายรอบไปด้วยอันตราย ที่ไม่รู้ว่าจะคุกคามมาถึงตัวในวันไหน หากแต่ผู้คนก็ยังคงใช้ชีวิตไปโดยที่ไม่รู้สึกรู้สา หรือใส่ใจกับอะไร . .


+แล้วกับตัวละครอย่างคาฟแมนเอง จะว่าไปเขาก็ไม่ต่างไปจากซอมบี้ แม้จะไม่แทะทึ้งเลือดเนื้อผู้คน แต่การหาประโยชน์จากผู้คน และกำจัดคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเลือดเย็น ก็ทำให้เขาไม่ต่างอะไรจากซากชีวิตเหล่านั้นเลย แถมยังมีดีกรีความร้ายกาจที่น่ากลัวยิ่งกว่า จากความคิดที่ซับซ้อน และแยบยลมากกว่า ซึ่งต่างไปจากการกระทำของซอมบี้ หรือบิ๊ก แด้ดดี้โดยสิ้นเชิง . .

+ซอมบี้ "ฆ่า" เพื่อ "หาอาหาร" เอาตัวเองให้รอด ขณะที่คาฟแมน "ฆ่า" และ "หาประโยชน์ใส่ตัว" ไม่ใช่เพียงแค่เอาตัวเองให้รอด หากยังเพื่อให้ตัวเองได้เสวยสุขอยู่ชั่วกาลนาน . . ขณะที่อีกภาพหนึ่ง เขาก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้บริหารของบริษัทชั้นนำทั่วโลก ที่มักจะหาทางหนีทีไล่ให้กับตัวเองเสมอ เวลาล้ม จะได้ล้มลงบนฟูกนิ่มๆทุกครั้งไป . .


+หนังปิดท้ายได้อย่างน่าสนใจ เมื่อให้ไรลีย์ตั้งคำถามกับอดีตผู้นำการต่อต้านคาฟแมน ที่วันนี้ได้กลายเป็นผู้นำชุมชนสมใจ ในเรื่องของการวางตัวว่าที่สุดแล้วจะกลายเป็นอย่างคาฟแมนอีกคนหรือเปล่าในที่สุด . .

+Land Of The Dead อาจจะเต็มไปด้วยภาพโหดๆ ภาพชวนแหวะ ที่อาจจะทำให้คนขวัญอ่อนต้องปิดตา หรือออกอาการสะอิดสะเอียนแทบจะทั้งเรื่อง ซึ่งถือได้ว่าน่าจะมีระดับของความรุนแรงที่มากกว่าในอดีตอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของเอฟเฟ็คต์ที่ก้าวหน้าไปตามวันเวลาในปัจจุบัน . .


+ส่วนในแง่ของการเล่าเรื่องด้วยภาพ และการตัดต่อ โรเมโร่ก็สามารถทำออกมาได้ดีชนิดแบบที่ไม่มีใครว่าเอาได้ว่า เป็นผู้กำกับตกยุค . . แม้ในหลายๆครั้งจะรู้สึกได้ถึงความเป็นหนังทุนต่ำ ขณะที่กับการแสดงของ "จอห์น เลกุยเซโม่" ที่หลายๆครั้งมักจะได้บทเป็นตัวประกอบเจ๋งๆอยู่บ่อยๆ ก็ไม่ทำให้ตัวเองต้องเสียชื่อ เพราะกับโชโล นี่ไม่ใช่ตัวละครที่ผู้ชมจะเกลียดลงได้ง่ายๆ แม้หากจะให้รัก ก็บอกได้ไม่เต็มปากเช่นกัน . .


+กับเสน่ห์ที่ทำให้หนังแนวนี้คงอยู่ หรือยังคงได้รับการพูดถึงยกย่องมาตลอด 3 ทศวรรษ และทำให้มีอะไรมากกว่าหนังสยองขวัญธรรมดาๆ Land Of The Dead ถือว่ามีให้ในแบบที่ไม่น่าเกลียด . . ดูแล้วอาจจะทำให้รู้สึกว่าในสังคมที่เราใช้ชีวิต กิน ดื่ม หายใจ กุ๊กกิ๊กกันแบบในทุกวันนี้ มีใครบางคนที่ทำตัวไม่ต่างไปจากคาฟแมน หาประโยชน์จากชนชั้นล่าง มาสร้างความมั่งคั่งให้กับพี่น้อง พวกพ้อง ลูกเมีย . . .
ดูหนัง ดูละคร แล้วย้อนกลับมามองดูตน แล้วจะรู้ว่าโลกจริงๆ คนเป็นๆด้วยกันนี่แหล่ะ น่ากลัวกว่าซอมบี้เยอะเลย ให้ตายเถอะ . . .

+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)

+ภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่เหมาะกับเด็ก และคนขวัญอ่อน เพราะหนังเต็มไปด้วยฉากการสังหารที่สยดสยอง น่าหวาดกลัว และเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ชวนอึดอัด ตึงเครียด ตลอดทั้งเรื่องค่ะ


+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m147.html และ http://thecia.com.au/reviews/l/land-of-the-dead.shtml ค่ะ


QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 08 December 2009 - 08:49 PM.


#2 ballxx

    นักเล่นเกมมือฉมัง

  • High Members
  • PipPipPipPipPipPip
  • 457 posts
  • Gender:Male

Posted 12 June 2008 - 11:05 AM

รีวิวได้สุดยอดมากๆครับ+ละเอียดยิป ขนาดดูแล้วยังอยากจะเปิดดูอีกครั้งเลย ขอบคุณมากๆครับ เป็นกำลังใจให้นะครับจะได้รีวิว อีกหลายเรื่อง อิอิ

ปล.ขอบคุณครับๆ

#3 The Fool

    LaW GaRDeN

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 5362 posts
  • Gender:Male

Posted 08 July 2008 - 09:28 PM

ขอตั้งชื่อเรื่องนี้ซอมบี้พี่มืด หากเป็นแฟนพันธ์แท้ของ จอร์จ เอ โรเมโร โปรดสังเกตุเถอะเค้าเป็นคนที่ยกเลิกคนผิวสีมาก ขนาดเป็นหลักๆเลยคือพี่มืดจะไม่ตายง่ายๆและไม่แพ้ง่ายๆ และที่สำคัญในช่วงเค้าตัดสินใจเอาคนผิวดำมาเป็นพระเอกในหนังของเค้าในช่วงแรกๆสร้างค
วามแตกตื่นให้กับคนในยุคนั้นเป็นอย่างมาก หนังของเค้าไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนยังคงประเด็นเสียดสีสังคมที่เป็นความจริงได้ตลอดเว
ลาจริงๆ