`

Jump to content





รีวิวหนัง Shadowless Sword - ตวัดดาบให้มารมากราบ


  • You cannot reply to this topic
No replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 30 May 2008 - 10:50 PM

Shadowless Sword - ตวัดดาบให้มารมากราบ

-무영검 - 無影劍-


"The killer blades versus the killer babe!"

+ส่วนหนึ่งที่ทำให้วงการหนังเกาหลีกลายเป็นที่สนอกสนใจได้ในตลาดโลก องค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งก็คงไม่พ้นความหลากหลายของตัวภาพยนตร์ ที่มีให้เสพหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะมองในแง่ประเภทของหนัง หรือตัวเรื่องที่หยิบมาทำ แม้ในหลายๆครั้งจะเห็นได้ชัดถึงความไม่ลงตัว โดยเฉพาะกับหนังแอ็คชั่นกำลังภายใน ที่ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นของแสลงของบรรดาผู้กำกับหนังเกาหลี เพราะส่วนใหญ่เท่าที่ได้เข้ามาฉายในบ้านเรา หากจะมีที่พอเรียกว่าพอดูดีอยู่บ้าง ก็คงไม่พ้น Musa ที่ออกไปในทางของหนังสงครามโบราณมากกว่า . .


+นอกเหนือไปจากนั้นล้วนแล้วแต่มาพร้อมกับความไม่ลงตัว ขาดๆเกินๆอยู่แทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น BiShunmoo ยอดหนังทำเงินอันดับหนึ่งในบ้านเขา ที่กลายเป็นหนังอืดๆนิ่งๆอยู่ไม่ใช่น้อยสำหรับคอหนังบ้านเรา หรืออย่าง Duelist ก็ปรุงแต่งเสียจนประดักประเดิด น่ารำคาญ เป็นหนังขายสไตล์ที่ตัวเนื้อหาเองก็ไม่รู้จะจับต้องอะไรตรงไหนให้ดูสนุกกัน . .

+แต่ก็ต้องยอมรับด้วยเช่นกันว่า หากมองกลับไปถึงครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับหนังกำลังภายในเกาหลีอย่าง Bishunmoo มาถึง Shadowless Sword เห็นได้ชัดว่าหนังแอ็คชั่นกำลังภายในเกาหลีเริ่มจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ยิ่งมีความสามารถในการสานอารมณ์ในแบบต่างๆ เข้ากับทางของส่วนดราม่าเป็นทุนตั้งอยู่แล้ว ขอแค่มีบทที่วางจังหวะของหนังดีๆ มีคิวบู๊ที่มีเสน่ห์ และโดนมากกว่าที่เห็น หนังแอ็คชั่นกำลังภายในจากจีนแผ่นดินใหญ่ หรือฮ่องกง ที่พักหลังๆดูจะเป็นพวกท่ามาก กับเน้นความเป็นดราม่านำ ก็อาจจะเจอคู่แข่งคนสำคัญได้ในเร็ววันนี้ . .


+Shadowless Sword เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยศตวรรษที่10 เมื่ออาณาจักรบัลเฮถูกอาณาจักรโกรานเข้ายึดครอง บรรดาข้าแผ่นดินทั้งหลายจึงพยายามก่อการกบฎเพื่ออิสระภาพ แต่แล้วบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายต่างก็ถูกสังหารอย่างถอนรากถอนโคน เหล่าขุนศึกบัลเฮต่างแปรพักตร์จนหมดสิ้น เหลือเพียงองค์ชายจองฮุนที่ถูกขับออกจากวังไปใช้ชีวิตอิสระ เป็นนักค้าของเถื่อนเพียงองค์เดียว . .

+เพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและต้องการผู้นำ บรรดาทหารของบัลเฮจึงส่งจอมยุทธ์สาว "โซยิน" ไปตามตัวองค์ชาย ขณะเดียวกับที่ฝ่ายโกรานก็ส่งพวกดาบสังหารตามไปจัดการกับองค์ชายด้วยเช่นกัน . .


+แต่เมื่อพบกับเจ้าชาย โซยินก็ต้องพบกับปัญหา เพราะพระองค์ไม่ประสงค์ที่จะกลับมาทำหน้าที่กษัตริย์ หากแต่พอใจที่จะใช้ชีวิตอิสระ หลบๆ ซ่อนๆ จากพวกนักฆ่าของพวกโกราน . . เธอจึงต้องหาทางพาเจ้าชายกลับไปยังบัลเฮแบบมีลมหายใจ และในเวลาเดียวกันก็ต้องทำให้พระองค์ตะหนักในหน้าที่ และความสำคัญที่ตัวเองมีอยู่ด้วย . .

+อาจจะเป็นโครงเรื่องแบบง่ายๆ ที่ไม่ต่างไปจากหนังแอ็คชั่นกำลังภายในอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Star Wars (หรือดู Star Wars แล้วไม่นึกถึงหนังกำลังภายใน!?) ที่ได้แรงบัลดาลใจมาจากหนัง The Hidden Fortress ของปรมาจารย์หนังชาวญี่ปุ่นผู้ล่วงลับ "อากิระ คูโรซาวะ" อีกที . . ซึ่งก็เป็นเรื่องของฝ่ายกบฎที่พาองค์หญิงของตัวเอง เดินทางข้ามแดนไปยังดินแดนในการควบคุมของพวกตัวเอง โดยต้องหนีการตามล่าของผู้ปกครองแผ่นดินอยู่ให้ได้ . .


+โครงเรื่องหลักของ Shadowless Sword แน่นอนว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ที่น่าสนใจก็คือสิ่งละอันพันละน้อยที่ใส่เข้ามาในหนัง เป็นปมที่ทำให้หนังดูสนุกมากขึ้น โดยเฉพาะปมที่เกี่ยวพันอยู่กับปูมหลังของตัวละคร อย่างตัวละครองค์ชายจองฮุน ที่หนังเผยให้เห็นตั้งแต่ต้นเลยว่า ดูยังไงๆก็ไม่มีทางที่จะเป็นกษัตริย์ที่ดีได้ แต่ทว่าข้ารับใช้อย่างโซยิน หรือคนอื่นๆต่างก็พร้อมจะถวายชีวิตปกป้อง . .

+ซึ่งเมื่อหนังเดินหน้าไปเรื่อยๆ ปมตรงส่วนนี้ก็ค่อยๆถูกเผยออกมาทีละน้อยๆ ซึ่งส่วนนี้เองถูกใช้เป็นแรงส่งสำคัญในส่วนของความเป็นดราม่า ที่ทำให้รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาได้เหมือนกันในช่วงท้าย . .


+แต่ก็ใช่ว่าหนังจะสามารถใช้ประโยชน์จากปูมหลังของตัวละครที่ค่อยๆถูกเผยขึ้นมาได้
ทั้งหมด เพราะกับปมของตัวละครบางตัวอย่างเช่น หัวหน้ากลุ่มดาบสังหาร กับมือสังหารสาวข้างกาย บทหนังไม่ได้เล่าถึงที่มาที่เป็นเนื้อเป็นหนังมากนัก จนทำให้คนดูไม่รู้สึกถึงสายใยของคนคู่นี้ และทำให้บทสรุปของคนทั้งคู่เป็นได้แค่สูตรสำเร็จของหนังทำนองนี้
กระทั่งปมแค้นของหัวหน้าดาบสังหารที่มีต่อราชวงศ์บัลเฮเองก็ออกจะขาดความหนักแน่นไป จนไม่ส่งผลด้านความลึกให้กับอารมณ์ของตัวละครตัวนี้สักเท่าไหร่ . .

+ถือว่ายังดีที่ในส่วนของตัวองค์ชายจองฮุน หนังเอาอยู่ . . เลยทำให้จุดเด่นของหนังเกาหลีที่ผสมผสานแนวทางต่างๆของหนังเข้ากับความเป็นดราม่า ยังคงแข็งแรงในตัวเองอยู่ และทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับหนังได้ . . ส่วนหนึ่งก็คงต้องให้เครดิตกับการนำเสนอที่ไม่ได้ให้น้ำหนักกับฉากแอ็กชั่นมากจนหนัง
เสียเรื่อง แม้จะไม่ทำให้ถึงกับซาบซึ้ง สะเทือนใจอะไรมากมาย แต่ Shadowless Sword ก็ไม่ใช่หนังที่ละเลยในส่วนของอารมณ์ไปจนหมด . .


+สำหรับคิวบู๊ หรือฉากแอ็กชั่นต่างๆ แม้จะดูดีขึ้น พัฒนาขึ้น แต่ก็เป็นการปรับใช้จากที่มีคนเคยทำเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฉากการต่อสู้ในป่า ที่ทำให้นึกถึง House Of Flying Daggers . . การเหาะเหินใช้วิชาตัวเบา ที่เป็นการต่อยอดดึงวิธีคิดแบบที่เห็นกันใน Crouching Tiger , Hidden Dragon ตลอดจน Hero มาใช้ . . ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะแม้กระทั่งหนังฮ่องกง หรือหนังจีนที่เป็นต้นตำรับเอง ก็ไม่ได้ฉีกไปจากเดิมๆได้ซะทุกเรื่อง . .


+ที่น่าสนใจก็คือ หากตามหนังกำลังภายในเกาหลีมาได้สักระยะ จะมองออกถึงลักษณะเฉพาะตัวของคิวบู๊แบบหนังกำลังภายในเกาหลี ที่เปรียบได้กับการผสมผสานฉากการต่อสู้ของญี่ปุ่น และจีนเข้าไว้ด้วยกัน . . แม้จะมีเทคนิคใกล้เคียงกับหนังจีน หากก็เน้นความแข็งแกร่ง ดุดัน ฉากแอ็คชั่นสั้น กระชับแบบหนังญี่ปุ่น ถึงจะมีการใช้เทคนิคด้านภาพมาช่วย เช่นการใช้ภาพสโลว์โมชั่น แต่ก็ไม่ได้เห็นถึงความอ่อนช้อย หรืองดงามสักเท่าไหร่ . . หากจะมองว่านี่คือเสน่ห์เฉพาะตัวก็ยังได้ อย่างน้อยๆในความคล้ายก็ยังมีความต่างให้ได้เห็น . .

+ถ้าหนังวางจังหวะของฉากแอ็กชั่นได้ดีกว่านี้ Shadowless Sword จะมีสัดส่วนของความตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้น เพราะเท่าที่รู้สึก อารมณ์ของหนังแอ็คชั่นดูออกจะอืดๆอยู่สักนิด ไม่กระฉับกระเฉง คึกคักตื่นเต้นอย่างที่ควรจะเป็น แม้งานด้านภาพจะวูบวาบฉับไวก็ตาม . .


+หนังยังทิ้งร่องรอยของความไม่ลงตัวให้ได้เห็นอยู่ประปรายตลอดทั้งเรื่อง แต่ Shadowless Sword ก็ไม่ใช่หนังที่ถึงกับแย่ อย่างน้อยปมในเรื่องความสำคัญของกระบี่ ก็ทำให้หนังมีความคมคายบางอย่างในตัว รวมไปถึงส่วนของความเป็นดราม่าที่แม้จะตามมาทีหลัง หากก็ยังรั้งความรู้สึกเอาไว้ได้ แล้วในภาพรวมๆก็ไม่ถึงกับขาดความน่าติดตามไปเลยซะทีเดียว . . เพียงแค่ในแง่ของความมัน สะใจ ถึงอารมณ์แบบหนังแอ็คชั่น หนังออกจะหย่อนๆไปสักหน่อย . . เท่านั้นเอง!!!

+ให้ 2 ดาวครึ่งค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว) 4412144b.gif 967339c1.gif

+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.nangdee.com/title/html/m1203.html ค่ะ


QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 16 December 2009 - 04:16 PM.