"He's the only kid ever to get into trouble before he was born"
+ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับออสการ์ "โรเบิร์ต เซเม็กคิส" ก็เคยเป็นผู้กำกับหนังตลาดขายความบันเทิงที่ประสบความสำเร็จในทุกๆทางในแบบเดียวกับ
สตีเว่น สปีลเบิร์กในยุค 1980 ด้วยกันจากหนังไซไฟชุด Back To The Future ที่โด่งดัง และทำเงินสูงจนต้องมีภาคต่อตามมาอีก 2 ภาค และไม่ได้ลดคุณภาพในตัวลงเลยสักนิด . .
+ย้อนกลับไปยังปี 1985 ในตอนที่หนังเปิดตัว เรื่องราวหลักของ Back To The Future ความจริงก็ไม่ได้มีอะไรมาก นอกจากวัยรุ่นจอมซ่าที่รับบทโดย "ไมเคิล เจ ฟ็อกซ์" ถูกศาสตราจารย์สติเฟื่องที่รับบทได้เป็นการ์ตูนจ๋าสุดๆ โดย "คริสโตเฟอร์ ลอยด์" ส่งตัวย้อนกาลเวลากลับไปยังอดีต
+ซึ่งแค่ประเด็นที่เป็นพล็อตหลักประโยคนี้ประโยคเดียว แค่นี้ก็ทำให้ Back To The Future เป็นหนังในบรรยากาศปัจจุบันที่มีทั้งอารมณ์ที่เป็นความมหัศจรรย์ในเรื่องของ
เทคโนโลยีอันล้ำยุคในโลกอนาคต และส่วนที่เป็นความมหัศจรรย์ในอดีตสำหรับประสบการณ์ของพระเอกของเรื่องในเวลาเดียว
กันได้แล้ว
+แน่นอนว่าความต่างระหว่างยุคเป็นจุดขายในตัวพอๆกับที่หนังใช้ความเป็นไซไฟในที่นี้ ทำให้หนังมีโอกาสได้ขายงานในส่วนที่เป็นสเป
เชียลเอฟเฟ็คต์ของเรื่อง และจากการนำเสนอของโรเบิร์ต เซเม็กคิสในครั้งนี้ Back To The Future ก็คือความบันเทิงต้นแบบที่คุ้มค่าของหนังฮอลลีวู้ดยุค 80's อีกหนึ่งเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย . .
+เซเม็กคิสกำกับ Back To The Future จากบทภาพยนตร์ดังเดิมที่เขาเขียนร่วมกับบ๊อบ เกล . . ซึ่งรายหลังนี้ยังเป็นเจ้าของเครดิตผู้อำนวยการสร้างด้วยอีกหนึ่งตำแหน่ง และฉลาดในการขายความน่าสนใจหลายๆในประเด็น และความคมในส่วนของตัวเรื่อง ไม่เพียงแต่จะทำให้ Back To The Future เอาใจผู้ชมได้ในวงกว้างมากที่สุดเท่านั้น แต่ยังเหนือชั้นถึงขนาดที่ออสการ์ต้องส่งให้หนังเข้าชิงออสการ์ระดับบทดั้งเดิมยอด
เยี่ยมเลยทีเดียว . .
+ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ตรงที่พอย้อนเวลากลับไปหาอดีตได้แล้ว ใครล่ะ? ที่หนุ่มมาร์ตี้ แม็กฟลายของฟ็อกซ์จะต้องเจอ ถ้าไม่ใช่พ่อกับแม่ของเขาเอง . . และในตอนที่เป็นวัยรุ่นเสียด้วย . .
+ประเด็นหลังนี้ถือเป็นหัวใจของ Back To The Future เลยทีเดียว เนื่องจากตามปกตินั้นคนเราโดยเฉพาะหนุ่มสาวอายุน้อย มักไม่เคยนึกภาพว่าพ่อแม่ของตัวเองก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อนเหมือนกัน และที่เป็นเช่นนั้นก็พราะความคิดที่ว่า ก็ถ้าพ่อกับแม่ของพวกเขาเคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน แล้วเหตุไฉนพ่อกับแม่ของพวกเขาถึงไม่ "เข้าใจ" วัยรุ่นอย่างที่พวกเขาเป็นในวันนี้เอาเสียเลย . .
+"เซเม็กคิส" กับผู้เขียนบท "เกล" มองโลกในแง่บวกได้อย่างสนุก และทำให้แคแรคเตอร์ "มาร์ตี้" ไม่เพียงแต่จะได้กลับไปเจอพ่อกับแม่ของเขาเองในตอนที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งทำให้เขาเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ผ่านความเป็นวัยรุ่นของพวกท่านมาก่อน
มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้ช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะทำให้หนุ่มสาวคู่นี้ อาจจะไม่ได้เป็นคู่รักที่ต่อมาจะกลายมาเป็นผู้ที่ให้กำเนิดเขาในวันนี้ก็ได้ . .
+ช่วงเวลาที่มาร์ตี้ย้อนเวลากลับไปหา 30 ปีก่อนหน้า Back To The Future มีโอกาสได้เล่นสนุกๆกับบรรยากาศย้อนอดีต และเป็นช่วงที่บทภาพยนตร์ถือโอกาสปล่อยมุกฮาเด็ดๆมากมาย นอกจากหนังจะเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจในส่วนของงานเทคนิคแล้ว เสียงหัวเราะที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ยังทำให้หนังเป็นหนังตลาดขายเอฟเฟ็คต์ปนฮาที่ถูกใจทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ได้ในทันที . .
+หนึ่งในมุขที่หนังทำได้อินโนเซนต์และชี้ให้เห็นอารมณ์ของหนังโดยรวมก็คือตอนที่
มาร์ตี้กลับไปพบกับผู้หญิงที่จะกลายมาเป็นแม่ของเขา ซึ่งตอนนั้นเธอก็คือวัยรุ่นหญิงคนหนึ่งที่อายุเท่ากับเขา แถมยังส่งสายตาปิ๊งปั๊งให้กับเขาอีกต่างหาก . .
+ในตอนนั้นเป็นที่รู้กันว่าเซเม็กคิสเป็นอีกหนึ่งผู้กำกับฝีมือดีที่กำกับหนังได้
สนุก แต่จาก Back To The Future นี่เองที่ตอกย้ำให้เห็นถึงฝีมือของเขามากยิ่งขึ้น เซเม็กคิสโชว์ฝีมือในการเป็นผู้กำกับเทคนิคที่ยอดเยี่ยมที่ในเวลาเดียวกันนี้ไม่ได้
ลืมความสำคัญของตัวละครไป . .
+หนังยังคงเน้นพัฒนาการและการมองโลกในแง่ดีของแคแรคเตอร์โดยรวม และการวางตัวทีมนักแสดงที่ลงตัว ก็ทำให้ Back To The Future อยู่เหนือกาลเวลา และกลายเป็นหนึ่งในงานชิ้นคลาสสิคของหนังแนวไซไฟปนฮาเอาใจตลาดในยุคปัจจุบัน . .
+ไมเคิล เจ ฟ็อกซ์ขึ้นจอด้วยบทนำเต็มตัวเป็นครั้งแรกใน Back To The Future และก็แจ้งเกิดเขาได้ในทันที และตัวสร้างสีสันอย่าง ลอยด์ , ลีอา ธอมป์สัน ในบทนางเอกตัวจริงของเรื่อง และคริสพิน โกลเวอร์ในบท
จอร์จ แม็กฟลาย ต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ด้วยการให้การแสดงที่น่าเอ็นดูและเป็นตัวละครที่ผู้ชมชอบใจ . .
+ครบสูตร และเอาใจตลาดที่ขายเสน่ห์ในแบบครอบครัว , ความเฉียบคมในการเล่าเรื่อง , การแสดงที่ลื่นไหล , งาน
เอฟเฟ็คต์ที่ทำได้อย่างถึงใจ และสุดท้ายขายเสียงฮาเด็ดๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไม Back To The Future ถึงได้เป็นหนึ่งในตำนานหนังไซไฟขายความฮาต้นแบบที่ปรากฎโฉมในยุค 1980 . . . อย่างที่เห็น!!!
+ให้ 4 ดาวค่ะ* (*ความคิดเห็นส่วนตัว)
+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.fanpop.com/spots/back-to-the-future/photos ค่ะ
QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+ +
+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+
QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ
+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ
+ดูหนังให้สนุกนะคะ+
Edited by rbgel, 16 December 2009 - 05:16 PM.