`

Jump to content





รีวิวหนัง One-Armed Swordman Trilogy - เดชไอ้ด้วน ไตรภาค


  • You cannot reply to this topic
No replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 29 May 2008 - 04:40 PM

One-Armed Swordman Trilogy

-เดชไอ้ด้วน ไตรภาค-


+กับคนรุ่นใหม่หลายๆคนอาจจะไม่ได้รู้สึกทึ่ง , ชื่นชม หรือ "อิน" ไปกับชอว์บราเธอร์สมากนัก แต่กับยุคสมัยหนึ่ง หนังฮ่องกงไม่ว่าจะเป็นหนังยุคใหม่ หรือว่ากำลังภายใน ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานสร้างสรรค์ของชอว์บราเธอร์สทั้งนั้น . .

+ปัจจุบันแม้ชอว์บราเธอร์สอาจจะไม่ยิ่งใหญ่อะไรนักในโลกภาพยนตร์ เมื่อเทียบกับอีกหลายๆบริษัท แต่กับวงการโทรทัศน์ฮ่องกง ชอว์บราเธอร์สก็ยังผลิตงานออกมาเรื่อยๆ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีนั่นเอง . .

+สำหรับงานคลาสสิคของชอว์บราเธอร์สที่หยิบมาแนะนำกันในหนนี้ เป็นไตรภาคของหนังเรื่อง One-Armed Swordman หรือที่บ้านเรารู้จักกันดีในชื่อของ "เดชไอ้ด้วน"


+เดชไอ้ด้วนเป็นหนังที่กำกับโดย "จางเชอะ" ผู้กำกับหนังกำลังภายในมือหนึ่งของชอว์บราเธอร์สในยุคนั้น และเป็นหนังกำลังภายในเรื่องแรกๆที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนมีการสร้างภาคต่อตามมาอีก 2 ภาค และให้นักแสดงถึง 2 คนรับบทจอมยุทธแขนพิการ นั่นก็คือ "หวังหยู่" และ "เดวิด เจียง" . . ในภายหลังช่วงต้นยุค 90's เดชไอ้ด้วนก็กลับมามีลมหายใจใหม่อีกครั้ง เมื่อผู้กำกับแถวหน้าของฮ่องกงอย่าง "ฉีเคอะ" นำกลับมาสร้างใหม่ โดยให้
"เจ้าเหวินจั๋ว" รับบทเป็นจอมยุทธแขนเดียว ซึ่งตัวเรื่องค่อนข้างดูซีเรียส จริงจังมากกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับอย่างเห็นได้ชัด . .

+สำหรับเดชไอ้ด้วนภาคแรก หรือ One-Armed Swordman นั้น นำแสดงโดยหวังหยู่ โดยเป็นเรื่องราวของการล้างแค้นของจอมยุทธแขนเดียว "ฟางกัง" ที่เติบโตมาในสำนักดาบทอง ซึ่งพ่อของเขาได้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องสำนัก . . แต่แล้วฟางกังกลับถูกลูกสาวของเจ้าสำนักที่ไม่ชอบหน้าเขาอยู่แล้ว กับศิษย์ร่วมสำนักอีก 2 คนทำร้ายจนแขนขาด . .


+ฟางกังตัดสินใจออกจากสำนัก และทำการฝึกใช้ดาบด้วยมือซ้ายข้างเดียวที่เหลืออยู่ ภายใต้การดูแลของสาวชาวบ้านนางหนึ่งที่มีคัมภีร์ดาบเก็บไว้ ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ถูกทำลายไปแล้วครึ่งเล่ม และเนื้อหาในอีกครึ่งเล่มที่เหลืออยู่ก็คือเคล็ดวิชาการใช้ดาบด้วยมือซ้าย . . แม้จะถูกกลั่นแกล้งจนต้องเสียแขน แต่เมื่อสำนักถูกรุกรานโดนยอดฝีมือ . . ฟางกังก็ต้องเดินทางกลับช่วย โดยทิ้งเรื่องบาดหมางของเขากับตัวลูกสาวเจ้าสำนักเอาไว้เบื้องหลัง . .

+นั่นคือเรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นของหนังกำลังภายในคลาสสิคอีกเรื่องหนึ่งในโลก
ภาพยนตร์ โดยเดชไอ้ด้วนออกฉายตั้งแต่ปี 1967 และทำรายได้ในฮ่องกงได้ถึง 1 ล้านเหรียญดอลล่าร์ ซึ่งนับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำรายได้มากขนาดนี้ . .


+หลังความสำเร็จของเดชไอ้ด้วน หรือ One-Armed Swordman ก็มี Return Of One-Armed Swordman ตามมา หลังจากเรื่องแรกเพียงแค่ 2 ปี . . โดยในครั้งนี้ จางเชอะเน้นความเป็นหนังแอ็คชั่นมากกว่าเดิม โดยเลือกสานเรื่องราวต่อจากภาคแรกโดยตรง แต่คราวนี้จางเชอะเลือกที่จะละเลยพัฒนาการของตัวละคร แต่กลับไปมุ่งเน้นที่ความบันเทิงจากฉากแอ็คชั่นแทน . .

+ในภาคนี้ฟางกังต้องกลับสู่ยุทธภพอีกครั้ง เมื่อมี 8 นักฆ่าออกมาอาละวาด ด้วยการจัดประลองเพื่อหลอกบรรดาหัวหน้าสำนักดาบทั้งหลาย แล้วจับตัวทายาทของแต่ละสำนักเพื่อเรียกค่าไถ่ ทำให้ฟางกังที่ปลีกตัวมาใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ชาวนาในชนบทอย่างสงบต้องออกโรงอีกครั้ง . .

+Return Of One-Armed Swordman อาจจะไม่ยอดเยี่ยมนักในการเล่าเรื่อง หรือนำเสนอความแปลกใหม่ในเนื้อหา แต่สำหรับฉากแอ็คชั่นและคิวบู๊ต่างๆ แล้ว Return Of One-Armed Swordman กลายมาเป็นต้นแบบ และแรงบันดาลใจให้กับหนังกำลังภายในในยุคต่อๆมาอีกหลายเรื่อง . .


+และด้วยความสำเร็จ 2 ครั้ง 2 หนซ้อน ทำให้เดชไอ้ด้วนต้องกลับมาพบคนดูอีกเป็นครั้งที่ 3 แต่ครั้งนี้มากับพระเอกคนใหม่ ที่ชื่อว่า "เดวิด เจียง" ซึ่งเป็นผลมาจากการที่หวังหยู่ ดารานำของหนัง 2 ภาคแรกมีปัญหากับจางเชอะ จนทำให้ต้องมีการเปลี่ยนตัวนักแสดง . . แล้วกับตัวเรื่องเอง เดชไอ้ด้วน ภาค 3 หรือ The New One-Armed Swordman ก็แยกตัวเป็นอิสระจากหนัง 2 ภาคแรก เพราะนี่คือเรื่องราวการผจญภัยของไอ้ด้วนคนใหม่ ที่ไม่ใช่ฟางกังเหมือน 2 ภาคแรกอีกแล้ว . .


+ในภาคนี้เป็นเรื่องราวของจอมยุทธหนุ่ม "ลุยลี่" ที่ถูกหลอกโดยจอมยุทธหลงอี๊จือ และพ่ายแพ้ในการประลองจนต้องตัดแขนตัวเองทิ้ง และกลายเป็นบริกรในโรงเตี๊ยมซอมซ่อ แต่แล้วเมื่อจอมยุทธดาบคู่ "ฟง" เดินทางมาพบกับลุยลี่ สถานการณ์ก็กลับพลิกผัน . . จากอดีตจอมยุทธที่ใช้ดาบสองมือได้อย่างคล่องแคล่ว ในวันนี้ลุยลี่คือเดชไอ้ด้วนที่มาทวงความยุติธรรมกลับคืนจากหลงอี๊จือ . .

+นอกจากจะทำให้เดวิด เจียงแจ้งเกิดได้ในบทเดชไอ้ด้วนแล้ว The New One-Armed Swordman ก็ยังเป็นการแจ้งเกิด "ตี้หลุง" ยอดนักแสดงฝีมือดีของฮ่องกงอีกคนหนึ่งด้วย ขณะเดียวกัน จางเชอะก็สามารถสานต่อเรื่องราวของเดชไอ้ด้วนได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นการกลับมาพร้อมกับเรื่องราวใหม่ และทีมนักแสดงชุดใหม่ แต่กับการนำเสนอ หรือวิธีเล่าเรื่องแล้ว The New One-Armed Swordman เปรียบได้กับการผสมผสานจุดเด่นของหนังสองภาคแรกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างเนียนตา . .


+นั่นคือ เรื่องราวที่มีอารมณ์ดราม่าและความลึกในตัวของหนังภาคแรก เข้ากับฉากแอ็คชั่นที่น่าตื่นตา (ในยุคนั้น) ของภาคสอง โดยเฉพาะการเน้นในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ที่ทำให้หนังมีอารมณ์อบอุ่นและโรแมนติกอยู่ในตัว . .

+One-Armed Swordman Trilogy คือหนังที่ต้องดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคอหนังกำลังภายใน . . อย่าไปคุยกับใครเด็ดขาดว่าเป็นเซียนหนังจีน หากไม่เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้แม้แต่ภาคเดียว . .

+ให้ 3 ดาวค่ะ* (ความคิดเห็นส่วนตัว) 4412144b.gif 967339c1.gif

+ภาพประกอบจากเว็ปไซต์ http://www.acdrifter.com/Asian-Movie-Revie...-Swordsman.html และ http://www.dvdbeaver.com/film2/DVDReviews3...d_swordsman.htm ค่ะ


QUOTE
+ขอเก็บค่าอ่านคนละ 1 คอมเม้นต์เท่านั้นจ้า+
+ yoyo_55.gifเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนค่ะจ้า . . ไม่ตอบ Reply ให้กันมั่ง ขอให้จู๊ดๆ (นิสัยๆ ^ ^)+yoyo_55.gif +


+อีกสักนิด เนื่องจากมีเพื่อนๆ พี่ ๆ หลายท่าน ถามเรื่องระดับของดาวมา . . จะขอชี้แจงดังนี้ค่ะ+

QUOTE
+ดาวที่ให้ วัดกันง่ายๆเลยจาก 1-4 ดาวค่ะ โดย+
1 ดาว - หนังดูไม่สนุกเอาซะเลย
2 ดาว - หนังดูได้แบบเพลินๆ อย่างน้อยก็ยังดูเอามันได้
3 ดาว - หนังสนุก คุ้มค่า มีความน่าสนใจ และมีดีในระดับที่ชวนติดตาม และน่าซื้อหาเก็บไว้ยามออกเป็นแผ่น
4 ดาว - หนังยอดเยี่ยมอย่างที่สุด และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


+และแน่นอนว่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อาจจะไม่ตรงกับบางท่าน เพราะรสนิยมความชอบที่ต่างกันนั่นเองค่ะ

+ และสำหรับรีวิว เขียนเพื่อให้อ่านเป็นแนวทาง สำหรับการเลือกดู หรือเก็บสะสมแผ่น . . หรือแลกเปลี่ยนความรู้สึก และประสบการณ์จากหนังเรื่องนั้นค่ะ


+ดูหนังให้สนุกนะคะ+

Edited by rbgel, 06 January 2010 - 10:07 PM.