55 replies to this topic

[mrzane]

คำถามนะครับ ถ้าแผ่น DVD ที่คุณซื้อมามีทั้งแทร็ค Dolby Digital และ DTS คุณจะเลือกเปิดฟังแทร็คไหนครับ? โหวตแล้วอย่าลืมโพสท์บอกเหตุผลด้วยนะครับ

ก่อนตั้งโพลก็พอจะทราบแล้วล่ะครับว่าผลจะออกมาแนวไหน เพียงแต่อยากเปิดประเด็นให้ถกกันด้วยเหตุผล และไร้ความเป็นแฟนบอย (fanboyism) นะครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเอาข้อมูลทางเทคนิคมาฝากอย่างละเอียดครับ ตอนนี้ขอเวลาไปแปลก่อนครับผม
-------------------------

Update: ณ วันนี้ คะแนนค่อนข้างเป็นเอกฉันท์ครับ เพื่อนๆ เห็นว่า DTS เสียงดีกว่า ผมได้มาให้ข้อมูลแล้วตามสัญญาใน rep ข้างล่างนะครับ ไปอ่านกันได้เลย จิ้มตรงนี้เลยจ้า 2

Edited by mrzane, 23 May 2008 - 04:37 PM.

[xenia]

ผมว่าเสียงDTSมานชึดเจนกว่าครับ หมายถึงสามารถเเยกความต่างของเสียงขณะดูหนังได้อ่ะครับ

[tbn_d]

ผมว่า DTS ครับ

[t610]

DTS ครับ ต้องเป็นDTSแท้นะครับ ไม่ใช่DTS ปลอม

[PoOnO_o]

เหตุผล

ระบบเสียงดิจิตอล

DTS : Digital Theater System
ระบบนี้ถูกพัฒนาโดยค่ายมัตสึชิตะ ซึ่งในขณะนี้ดูเหมือนว่าระบบนี้จะเป็นที่นิยมมากกว่ามาตรฐานฟอร์แมทอื่น ๆ วิธีการบันทึกข้อมูลของทาง DTS เป็น 5.1 ช่องเสียงเหมือนกับดอลบี้ แต่จะแตกต่างไป คือจะไม่มีการบันทึกสัญญาณดิจิตอลโดยตรงลงบนแผ่นฟิล์ม แต่ DTS ได้แยกระบบเสียงโดยใช้เครื่อง CD-ROM บันทึกสัญญาณดิจิตอล แล้วใช้โค้ดรหัสเวลาไปบันทึกลงบนแผ่นฟิล์ม เพื่อทำงานซิงโครไนซ์กับ CD-ROM ( ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงเครื่องถอดรหัสคำบรรยายภาษาไทย ที่นำมาใช้กับ Laser Disc ดูจะเข้าใจง่ายขึ้น ) ซึ่งข้อมูลของ DTS ที่บรรทึกลงไปนั้น บีบความหนาแน่นของข้อมูลอยู่ที่อัตรา 4 : 1 เท่านั้น

ระบบ 5.1 ช่องเสียง คือลำโพงขวาหน้า® ซ้ายหน้า(L) กลาง© ซ้ายหลัง (LS) ขวาหลัง (RS) และซับวูฟเฟอร์ (SUB) ถ้าลองนับดูจะนับได้หกตัว แต่ทำไมถึงเป็นแค่ 5.1 ช่องเสียง ? ก็เพราะตัว Sub นั้น เป็นตัวขับเสียงต่ำ 20-200 Hz โดยประมาณ เสียงที่ต่ำระดับนี้ เค้าวิจัยแล้วว่ามนุษย์ไม่สามารถจับตำแหน่งของเสียงได้ ว่ามาจากทิศทางใด เสียงจาก Sub จึงไม่มีทิศทาง เค้าจึงไม่นับเป็นหนึ่งช่องเสียง แต่นับเป็น จุดหนึ่งแทน ( สังเกตจากโฮมเธียเตอร์ ซับวูฟเฟอร์จะไม่ Fix ตำแหน่งว่าต้องวางตรงไหน )

SR.D : Dolby Stereo Digital ( Dolby Digital )
ระบบนี้ดูเหมือนว่าจะทำตลาดได้ดีกว่าในตลาดโฮมเธียเตอร์ แต่ในเธียเตอร์แล้ว ระบบนี้ดูเหมือนจะถูก DTS ดึงเอาผู้ผลิตและสตูวดิโอบันทึกเสียงเข้าเป็นพวกไปมากกว่า ระบบเสียงนี้จะมีข้อแตกต่างกับ DTS ตรงที่เค้าบันทึกเสียงตรงช่องหนามเตยที่มีเนื้อที่เล็กมาก ขนาดเพียง 0.1 * 0.1 นิ้ว ตามปกติฟิล์มภาพยนตร์จะวิ่งด้วยความเร็ว 24 เฟรมต่อวินาที ( โทรทัศน์จะอยู่ที่ 30 เฟรมต่อวินาที สังเกตได้ว่าเมื่อเข้าไปดูหนังใกล้จอ ๆ มาก ๆ จะทรมานสายตา เพราะว่าสายตาคนเรามองได้มากกว่า 24 เฟรมต่อวินาที ผิดกับโทรทัศน์ถึงแม้จะมองใกล้ ๆ ก็ไม่รู้สึกอะไร ) ในหนึ่งเฟรมจะมีพื้นที่หนามเตย 4 ร่อง ซึ่งจะบันทึกเสียงได้แค่เฟรมละ 23 กิโลบิทเท่านั้น จึงต้องมีการบีบสัญญาณให้น้อยลงถึงขนาด 10 ต่อ 1 เพื่อที่จะให้สัญญาณทั้งหมดสามารถบันทึกลงในพื้นที่ช่องเล็ก ๆ ได้เพียงพอ ทำให้เป็นข้อกังขาต่อผู้ที่เคยชินกับระบบข้อมูลเต็ม ๆ ของคอมแพคดิสค์หรือเลเซอร์ดิสค์มาก สัญญาณจากคอมแพคหรือเลเซอร์ดิสค์นี้ บันทึกสัญญาณ 16 บิท ด้วยอัตราส่งข้อมูลถึง 1.44 เมกะบิทต่อวินาที แต่ดอลบี้ดิจิตอลกลับบันทึกสัญญาณลงไปแค่ 320 กิโลบิทต่อวินาทีเท่านั้น จะทำให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีจริงหรือ ส่งผลให้คู่แข่งอย่างระบบ DTS ซึ่งเป็นดิจิตอลเซอร์ราวด์เหมือนกัน คิดหาวิธีที่เหมาะสมกว่าขึ้นมาใช้งาน และเป็นคู่แข่งที่สำคัญของดอลบี้ดิจิตอล
ร่องหนามเตย ที่บันทึกเสียงของดอลบี้
: ร่องเสียงอนาล็อกเป็นร่องเสียงสำรองเผื่อร่องเสียง Digital เกิดขัดข้อง หรือโรงภาพยนตร์นั้น ๆ ไม่มีตัวถอดรหัส Digital จะสามารถใช้ร่องเสียงอนาล็อกแทนได้

และ

ระบบเสียง DTS เริ่มเข้ามามีบทบาทเป็นระบบเสียงสำหรับโรงภาพยนตร์ตั้งแต่ปี 1995 ประกอบด้วยสัญญาณเสียงแบบ digital 5.1ช่องทาง (เหมือน Dolby Digital) แต่สิ่งที่ แตกต่างกันก็คือ การบีบอัดข้อมูลของสัญญาณ digital โดย Dolby Digital จะบีบอัดสัญญาณ เสียงที่สัดส่วนคงที่ คือ 12:1 แต่ DTS จะใช้การบีบอัดแบบไม่คงตัว ในสัดส่วนตั้งแต่ 1:1 ถึง 40:1 ทำให้คงรายละเอียดของเสียงในส่วนที่มีเสียงซับซ้อนได้ดีกว่า และไปลดขนาดในช่วงที่ไม่ค่อยมีเสียงประกอบอื่น ทำให้เสียงที่ออกมามีความใสกว่าในระบบ Dolby Digital

Dolby Digital - ระบบดอลบี้ดิจิตอล

Maximum number of speakers/channels: 5.1
จำนวน channel ของลำโพงสูงสุด :5.1
จุดเด่น : ใช้กันแพร่หลายมากกก DVD แทบทุกแผ่น ต้องมี เสียง Dolby Digital มาให้ด้วย
จุดด้อย : คุณภาพเสียงถึงแม้ว่าจะใช้ได้ดีสำหรับการชมภาพยนตร์ แต่เมื่อเทียบกับ format คุณภาพสูงอื่น เช่น SACD , DVD-Audio ยังถือว่าเป็นรองครับ
คำทำนาย : คงจะคงอยู่คู่วงการโดยเฉพาะ แผ่น DVD ภาพยนตร์ต่อไปอีกนานครับ
อย่างที่บอกล่ะครับ Dolby Digital มีให้ในแทบทุกๆแผ่น ของ DVD ,หนัง ,MV หรือแม้กระทั่งรายการ TV ที่มาแบบ HDTV หลายช่อง (หมายถึงใน US นะครับ บ้านเราคงอีกนานนน) . เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ใน receiver และ Home theater in a Box ทุกรุ่นในปัจจุบัน

DTS - ระบบเสียงดีทีเอส
Maximum number of speakers/channels: 5.1
จำนวน channel ของลำโพงสูงสุด :5.1
จุดเด่น : เนื่องจากในทางทฤษฏีแล้ว DTS จะให้ bit rate ที่สูงกว่า Dolby Digital ทำให้เซียนๆหลายท่านยกให้ DTS เป็นต่อ Dolby Digital อยู่พอควร
จุดด้อย : แผ่น DVD ที่มีระบบเสียง DTS มาให้มีจำนวนยังน้อยอยู่เมื่อเทียบกับ Dolby Digital
คำทำนาย : แผ่นที่ให้ระบบ DTS มาด้วย คงจะมีมากขึ้นในอนาคตแน่นอนครับ
ระบบดีทีเอส เป็นระบบเสียงรอบทิศทางเช่นเดียวกับ ดอลบี้ดิจิตอล แต่มีการบีบอัดข้อมูลที่น้อยกว่า (แต่ก็ใช้พื้นที่เก็บมากกว่า) ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า ระบบดีทีเอส น่าใช้ให้เสียง bass และ dynamic ของเสียงที่ดีกว่า (อันนี้เพื่อนๆ ไปลองฟังกันเองนะครับ ระหว่าง ดอลบี้ดิจิตอล แบบดีๆ กับ DTS Full rate แท้ๆ อันไหนมันดีกว่า)

[mrzane]

รู้สึกผลโหวตจะค่อนข้างเป็นเอกฉันท์แฮะ :aha:
รบกวนโหวตต่อกับอีกซักพักนะครับ กำลังเตรียมข้อมูลอยู่ครับ แล้วจะเอา Matrix เปรียบเทียบมาให้ชมครับ ระวังจะประหลาดใจนะครับ

[gotobanana]

ผมหูไม่เทพผมว่าเหมือนๆกันน่ะ

[Milanista]

ผมหูไม่เทพผมว่าเหมือนๆกันน่ะ

เป็นอีกเสียงหนึ่งที่ฟังไม่ออกถึงความต่างเหมือนกันครับ อิอิ

ตอนแรกจะโหวต what on earth .... แล้วหละครับ แต่พอดีได้ rep บนๆ มาไขความกระจ่างเบื้องต้น ต้องขอบคุณครับ

[luzifer]

ไม่ขอโหวตได้มั้ยคับ อิอิ ผมว่ามันแล้วแต่เรื่องน่ะคับ เท่าที่ผมฟัง บางเรื่อง ดอลบี้ ก็ฟังดูดีกว่า บางเรื่อง ก็ดีทีเอส อ่ะคับ ผมเลยฟันธงไม่ได้ เพราะผมฟังจากหูตัวเองอ่ะคับ แหะๆ

[Tonkza]

DTS ให้ความชัดของเสียงมากกว่า ชัดเจนกว่า ดังกว่า และใช้พื้นที่เยอะกว่า DD

แต่ถ้าเอาหูผมฟังผมชอบ DD เพราะว่า นุ่มหูกว่า DTS ฟังมากๆ เสียงมันแข็งๆ ยังไงก็ไม่รู้ดังเกินชัดเกิน เอาไว้ดูเป็นเดโมไรเงี้ยมันส์มาก แต่ดูทั้งเรื่องไม่ไหว

[harts]

DTS ดีกว่าเยอะ ทุกด้าน ชัดๆ เลยคือเสียงต่ำ เสียงเบสนี่สุดๆ

[mrzane]

มาอัพเดทตามสัญญาครับผม

ก่อนอื่นขอบอกว่าสิ่งที่ผมจะนำเสนอจะไม่ฟันธงนะครับว่า CODEC ไหนดีกว่ากัน เนื่องจากแต่ละตัวมีจุดเด่น และจุดด้อยต่างกัน และที่สำคัญ คำว่า “เสียงดี” ค่อนข้าง subjective ครับ คือขึ้นอยู่กับความเห็นของแต่ละคนเป็นหลัก เสียงดีสำหรับเราอาจไม่ดีสำหรับคนอื่น และเสียงดีสำหรับคนอื่น อาจไม่ดีสำหรับเราครับ

ผมขอนำเสนอตามข้อเท็จจริง (facts) ที่ผมรวบรวมได้จากการอ่านตามแหล่งข้อมูล และตาม forum ต่างๆ นะครับ โดยแสดงเป็น matrix เปรียบเทียบข้อมูลทางเทคนิค และ analogy ของ CODEC ทั้งสองตัวครับ โดยการเปรียบเทียบนี้จะเป็นการเปรียบเทียบเฉพาะ Dolby Digital และ DTS รุ่นแรก ที่ใช้กับแผ่นหนัง DVD และใช้กับ interactive content ทั้งหลาย เช่นเกมบน XBOX360 และ PS3 ครับ ซึ่งจะไม่รวม new generation CODEC อย่างเช่น Dolby Digital Plus/True HD และ DTS-HD/MA นะครับ

Matrix เปรียบเทียบระหว่าง Dolby Digital กับ DTS – ส่วนที่ไฮไลท์เป็นสีเหลือง แสดงถึงคุณสมบัติทางเทคนิคที่เหนือกว่า ถ้าไม่อยากอ่านข้อมูลทางเทคนิค สามารถข้ามไปอ่านในส่วนท้ายตารางได้เลยครับ



จากตารางข้างบน ตีความได้ว่า:

• ตามคุณสมบัติทางเทคนิคแล้ว DTS เหนือกว่าแทบจะทุกด้าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Dolby Digital นั้นใช้อัลกอริธึมในการบีบอัดข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า DTS
• DTS ที่ full rate (1536 kbps) ตอบสนองช่วงความถี่ของเสียงได้มากกว่า ทำให้การสูญเสียคุณภาพจากการบีบอัดมีน้อยกว่า Dolby Digital นักวิจารณ์บางคนกล่าวว่า DTS ที่ full rate นั้นให้เสียงที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากทีเดียว (ค่อนข้าง transparent)
• DTS ที่ใช้กับแผ่น DVD ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ถูก encode ไว้ที่ 768 kbps ทำให้การตอบสนองความถี่ลดลงมาเหลือ 19 khz แต่จากการทดสอบจริงพบว่า จริงๆ แล้วมันตอบสนองถึงแค่ 15 khz เท่านั้น ในขณะที่ Dolby Digital ที่ 448 kbps สามารถตอบสนองความถี่ได้สูงถึง 20 khz (ลองคิดดูสิครับ แล้ว DTS-ES Discrete มันจะถูกลด frequency response เหลือเท่าไหร่กันเนี่ย)
• ถึงแม้ Dolby Digital ที่ 448 kbps สามารถตอบสนองความถี่ได้ถึง 20 khz ก็ตาม แต่ความถี่ใดๆ ที่สูงกว่า 20khz จะถูก encode ให้เป็น mono(!) – โดย Dolby ให้เหตุผลว่า หูของคนเราไม่สามารถแยกทิศทางของเสียงที่ความถี่ขนาดนั้นได้
• DTS กล่าวว่า ด้วย bitrate ที่สูงกว่าทำให้ CODEC ของพวกเขาให้เสียงที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากกว่า ในขณะที่ Dolby เถียงว่า CODEC ของเขามีประสิทธิภาพสูงกว่า (high efficiency) เนื่องจากใช้สามารถตอบสนองความถี่ได้มากกว่า และใช้พื้นที่น้อยกว่า (ลองนึกถึง MP3 กับ WMA ไว้ครับ)
• ด้วยความที่ Dolby สนับสนุน Dynamic Range Compression ซึ่งเป็นความสามารถในการทำให้ decoder สามารถลดความแตกต่างของเสียงที่ดังที่สุด กับเสียงที่เบาที่สุดได้ (เสียงตูมตามในหนัง กับเสียงพูดกันเฉยๆ) ทำให้เราสามารถดูหนังในเวลากลางคืนได้โดยไม่รบกวนชาวบ้าน – ความสามารถนี้สามารถปิดได้ ลองปิดดูสิครับ แล้วจะรู้ว่าเสียงเบสของ DD ก็ดังตูมตามเหมือนกัน
• ในดีวีดีส่วนใหญ่ที่มีทั้งเสียง DTS และ Dolby แทร็ค DTS จะให้เสียงที่ดังกว่าประมาณ 4 db เนื่องจากการใช้ Dialog normalization ของ Dolby ลองปรับเสียงของแทร็ค Dolby ให้ดังขึ้นอีก 4db ดูสิครับ
• นักวิจารณ์หลายๆ คนมองว่า DTS Connect มี latency ต่ำกว่า Dolby Digital Live ทำให้มันเหมาะกว่าที่จะเอามาสร้าง interactive content เช่น วีดีโอเกม เป็นต้น (ตัวเลข latency ที่แท้จริงยัง unclear อยู่ครับ ถ้าค้นคว้ามาได้แล้วจะมาอัพเดทอีกที)

เพิ่มเติม (โดยผมเอง):

จากการสำรวจในหลายๆ forum เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมานาน แต่ส่วนใหญ่แล้วทุกคนจะชื่นชอบ DTS เป็นพิเศษ และมองว่า DTS ดีกว่า Dolby Digital แต่เมื่อได้ดูข้อมูลทางเทคนิคของทั้งสอง CODEC อย่างละเอียดแล้ว จะพบว่า แต่ละตัวต่างมีข้อดี และข้อด้อย และเมื่อว่ากันตรงๆ แล้ว DTS ที่ 768 kbps (ซึ่ง DVD ส่วนใหญ่ใช้) ก็ไม่ได้ดีกว่า Dolby Digital มากมายนัก (แต่ไม่มีใครเถียงว่า DTS full rate แล้วข้อมูลทางเทคนิคเหนือกว่า Dolby Digital แทบทุกด้าน)

แต่เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ ก็จะถึงข้อสรุปที่ว่า จริงๆ แล้วหนังที่คุณดูมันถูก mix ด้วย CODEC ตัวไหนมาก่อน หนังบางเรื่องตอนฉายในโรงให้ความสนใจกับ DTS mix เป็นพิเศษ และต้องมาทำ Dolby Digital mix ในภายหลัง ทำให้แทร็ค DTS ฟังดูดีกว่า ในทางตรงกันข้าม หนังบางเรื่องให้ความสนใจกับ Dolby Digital mix มากกว่า ทำให้แทร็ค DD ฟังดูดีกว่า และหนังบางเรื่อง เราแทบฟังความแตกต่างระหว่าง DD กับ DTS ไม่ออกด้วยซ้ำ

อย่าลืมนะครับ ว่าบรรทัดฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน รักใคร ชอบใคร ก็ฟังของคนนั้นครับผม

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย – คุณทราบหรือไม่ว่า???

• หลายๆ คนให้เหตุผลว่า DTS เกิดมาเพราะ Spielberg ไม่อยากให้อุตสาหกรรมถูกผูกขาดโดย Dolby เพียงเจ้าเดียว
• ทั้ง Dolby และ DTS track ที่บันทึกลงในแผ่น DVD มี bitrate สูงกว่าที่เปิดในโรงหนัง (แปลว่า DVD เสียงดีกว่าหรือเปล่าเอ่ย?)
• ATRAC CODEC ของโซนี่ (Adaptive TRansform Acoustic Coding 3) ที่ใช้กับ MD และเครื่องเล่น MP3 ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Dolby Digital
• หนังหลายๆ เรื่อง ตอนบันทึกเสียงออกมาจากสตูดิโอ บันทึกเป็นแบบ 5.1 แต่เมื่อผลิตเป็นดีวีดีแล้วจึงนำมา mix ใหม่ให้เป็นแบบ 6.1
• ก่อนหน้านี้หนัง IMAX ใช้เสียง DTS เป็นหลัก จนกระทั่งถูก Dolby ครองส่วนแบ่งตลาดไปในที่สุดในปี 2001

อ้างอิง:
http://archive2.avsforum.com/avs-vb/archiv...p/t-648095.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Dolby_Digital
http://en.wikipedia.org/wiki/Digital_Theater_System
http://firstdtsstudio.hit.bg/dolby_vs_dts_eng.html
ขอบพระคุณที่ติดตามครับผม

Edited by mrzane, 23 May 2008 - 10:26 PM.

[Tonkza]

ข้อมูลแน่นมากเข้าใจง่ายด้วย ขอบคุณครับ

เสียงจะเป็นไงอยู่ที่หูของแต่ละคน เลือกอันที่ชอบที่สุด

[rahxephone]

เท่าที่ดูหนังมาก็ยกให้DTSล่ะนะ

[Aibrazy]

dtsเท่านั้นๆๆๆๆ

หนังเกือบทุกเรื่องที่มีตัวเลือกให้เปิดสองระบบเสียง ผมรู้สึกว่า dts มัน กระหึ่มกว่าอะ

Edited by Aibrazy, 02 June 2008 - 01:35 AM.

[goog]

DTS จะได้เสียงที่ชัดเจนดูโปร่งกว่าคับ โดยส่วนตัวผมให้DTSไป 1จึ้ก

[nnnn]

ผมฟังไม่เคยออกเลย รู้แต่ว่า ถ้า volumn เท่ากัน DTS เสียงดังกว่า

Edited by nnnn, 12 June 2008 - 04:51 PM.

[wisthawat]

ผมก็ว่า DTS เสียงดีกว่านะครับ...คือฟังแล้วมันเคลียร์กว่าน่ะครับ

[boXy]

เท่าสังเกต DTS ให้เสียงที่ครอบคลุมย่านความถี่เสียงมากกว่า แต่ DD ให้เสียงต่ำๆได้หนักกว่า

หนังที่เน้นระเบิดตูมตามก็จะเลือก DD หนังทั่วๆไปก็ DTS ถ้าเลือกได้นะ

[mrzane]

มาเล่า implications ของ rep ของผมข้างบนให้ฟังครับผม:

แผ่นหนังส่วนใหญ่ที่มีทั้ง Dolby Digital และ DTS track ส่วนใหญ่แล้วจะ encode DD ที่ 448 kbps และ DTS ที่ 768 kbps ครับ ซึ่ง DTS ที่บิทเรทเท่านี้เป็น DTS แบบ half-rate (มีบิทเรทแค่ครึ่งเดียวของบิทเรทสูงสุดที่ DTS สามารถ mux ลง DVD ได้)

และถ้ามองด้วยข้อมูลทางเทคนิคแล้ว half-rate DTS ตอบสนองความถี่สูงสุดที่ 19 khz และจากการทดสอบจริง พบว่ามันตอบสนองสูงสุดแค่ 15 khz เท่านั้น (ขอยกตัวอย่างให้เปรียบเทียบเป็นไอเดียนะครับ ว่า MP3 ที่ 128 kbps ตอบสนองความถี่สูงสุดที่ 16 khz และคุณคงทราบดีว่า mp3 ที่บิทเรทเท่านั้นคุณภาพเป็นยังไง)

ในขณะที่ Dolby Digital ที่ 448 kbps ตอบสนองความถี่สูงสุดที่ 20 khz ครับ และความถี่ที่สูงกว่านั้น (22 - 24 khz) จะถูก encode ให้เป็น mono พูดง่ายๆ คือได้ย่านความถี่ครบ แต่เสียงย่านความถี่สูงจะถูก encode แบบไม่แยกทิศทาง

เสียง DD ตอน encode จะถูกลดทอนลงประมาณ 4db ทำให้หลายๆ คนบ่นว่า เล่นดีวีดีบางแผ่นแล้วเสียง DTS ดังกระหึ่มสะใจกว่า ลองเปลี่ยนไปเล่นแทร็ค DD แล้วเพิ่มเสียงอีก 4db ดูสิครับ... นั่นไง ไม่ต่างกันแล้วใช่มั้ยครับ? [อ่านเรื่อง Dialog normalization ได้จาก rep ของผมข้างบนได้เลยครับ]

เพราะฉะนั้น ถ้าถามผมว่า ถ้าดีวีดีแผ่นนั้นมีทั้งแทร็ค DD และ DTS ผมจะเลือกฟังแทร็คไหน ผมตอบว่า:

• ถ้า DTS บนแผ่นนั้นเป็นแบบ half-rate (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนั้นซะด้วยสิ) ผมจะเลือกฟัง Dolby Digital
• ถ้า DTS บนแผ่นนั้นเป็นแบบ half-rate แต่มี Dolby Digital ที่ 384 kbps (เช่น DVD ส่วนใหญ่ของ Paramount หรือ Sony/Columbia) ผมจะเลือกฟัง DTS
• แต่ถ้า DVD แผ่นนั้นมี DTS แบบ FULL-rate (เช่นแผ่นคอนเสริ์ต) อันนี้ไม่ต้องคิดเลยครับ ฟัง DTS แน่ๆ

อย่างไรก็ดี มันก็ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกครับ ถ้าหนังเรื่องนั้นถูก mix มาเป็น DTS ตั้งแต่ต้น แล้วค่อยเอามาใส่ DD ทีหลังตอนออกเป็นดีวีดี อันนี้บางครั้งแทร็ค DTS จะฟังดูดีกว่า ในทางกลับกัน ถ้าหนังเรื่องนั้นถูก mix มาเป็น DD ตั้งแต่ต้น DD ก็ฟังดูดีกว่าเหมือนกันครับ และในทางปฏิบัติแล้ว คงไม่มีใครมานั่งสนใจหรอกครับว่าแต่ละ track ถูกบีบอัดมาด้วย bitrate เท่าใด จริงมั้ยครับ

หนังบางเรื่องที่ mix ดีๆ ทั้ง DD และ DTS (เช่น Lord of the rings trilogy, Terminator 2) อันนี้ผมลองฟังทั้งสองแทร็คแล้วบอกความแตกต่างไม่ได้จริงๆ ครับ mix ได้เยี่ยมยอดมากๆ แต่ต้องออกตัวไว้ก่อนว่าผมไม่มีชุดเครื่องเสียง/ลำโพงราคาแพงไว้ฟังนะครับ เพราะฉะนั้นจะฟันธงจากความเห็นผมไม่ได้ครับ