`

Jump to content





[FF XIII-2] สุมหัว 13-2 มาพูดคุยกันทางนี้


38 replies to this topic

#1 tapakitchan

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 904 posts
  • Gender:Male

Posted 15 December 2011 - 08:23 PM

เกมออกเรียบร้อย ทั้ง PS3 / XBOX360

---------------------------------------------
บรรยายการเล่น Final Fantasy XIII-2
บรรยายการเล่น XIII-2 [0]
บรรยายการเล่น XIII-2 [1]
บรรยายการเล่น XIII-2 [2]
บรรยายการเล่น XIII-2 [3]
บรรยายการเล่น XIII-2 [4]
บรรยายการเล่น XIII-2 [5]

หมายเหตุ - บทความนี้เขียนขึ้นลวก ๆ แปลได้มั่งไม่ได้มั่ง แค่เขียนตามความเข้าใจงู ๆ ปลา ๆ
หากผิดพลาดประการใดหรือตกหล่น ณ จุดใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
อีกทั้งบทความนี้สามารถนำไปก็อปแปะที่ไหนก็ได้
จะใส่หรือไม่ใส่เครดิตให้ผม เด็กชาย tapakitchan ก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส เชิญตามสบาย

----------------------------------------------------------
เอา TVCM ไปชมกันซะ



มาฟื้นความจำ เกี่ยวกับตำนาน Fabula Nova Crystallis กันหน่อย

Quote

บทแปลตำนาน Fabula Nova Crystallis

เนื้อหาตำนานในส่วนนี้เป็นสิ่งที่คุณคิตาเสะกล่าวไว้ว่าทีมงานได้ช่วยกันคิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว จากนั้นพวกเขาก็ได้แจกจ่ายนี้ไปให้ทีมงานต่างๆ ได้ช่วยกันพัฒนาเกมที่มีเนื้อเรื่องต่อยอดมาจากตำนานนี้ขึ้นมา นั่นจึงเกิดขึ้นมาเป็นเกมทั้งหลายแหล่ในโปรเจคท์ Fabula Nova Crystallis

เนื้อหาของตำนานจริงๆ นั้นมีคิดไว้ยาวและละเอียดมาก แต่ล่าสุดนี้ทีมงานได้สรุปย่อแล้วเผยให้ผู้คนได้ชมกันในงาน 1st Production Department Premiere ที่ผ่านมา ซึ่งทางแฟมิซือก็ได้นำเนื้อหาส่วนนั้นมาเรียบเรียงเป็นบทความ ด้านคุณ Lissar เองก็ได้ดูคลิปดังกล่าวแล้วก็แปลเป็นภาษาอังกฤษตามไปด้วย ส่วนผมนั้นจะแปลโดยอิงจากเนื้อหาที่ทางแฟมิซือเรียบเรียงขึ้นเป็นหลัก อาจจะมีบางส่วนที่นำเสนอไม่ตรงกับคุณ Lissar แต่บอกได้ว่าสิ่งที่สื่อออกมานั้นเป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่คุณ Lissar เค้าจะพยายามแปลให้เข้าใจง่าย แม้ว่าจะต้องดัดแปลงรูปประโยคและความหมายไปบ้างก็ตาม

เทพนิยาย (โดย BoN)

โลกทั้งหมดได้ถูกปกครองโดยเทพ ผู้ถูกเรียกขานนามว่า บูนิเบลเซ่

บูนิเบลเซ่นั้น ได้สังหารเทพธิดามูอินผู้เป็นมารดา แล้วเข้ายึดครองโลกเสียเอง
มูอินนั้น ได้หายไปสู่โลกที่ไม่ปรากฏ โลกที่ตามิอาจมองเห็น

บูนิเซ่เป็นเทพผู้ช่างกังวล
โลกนั้นมีขีดจำกัด ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องล้มตายไปตามชะตากรรม อย่างที่มันควรจะเป็น
เขาเชื่อว่านี่คือคำสาปของมูอิน มารดาผู้อยู่ในโลกที่มองไม่เห็น

เพื่อจะคลายคำสาปแห่งหายนะนี้ บูนิเบลเซ่จึงคิดที่จะทำลายมูอิน
เพื่อเข้าสู่โลกที่มองไม่เห็นซึ่งมารดาของเขาคอยอยู่ เขาจำต้องค้นหาประตู

บูนิเบลเซ่ ใช้เจตจำนงค์แบ่งแยกตัวเอง สร้างฟัลซิขึ้นมา
ตนแรกที่ถูกสร้างขึ้นก็คือ ฟัลซิ=พัลส์
หน้าที่ของพัลส์ คือการเปิดโลก และค้นหาประตูสู่โลกที่มองไม่เห็น

ผู้ที่ถูกสร้างต่อมาก็คือ ฟัลซิ=เอโทร
บูนิเบลเซ่ได้ก่อความผิดพลาด เขาได้สร้างเอโทรออกมามีรูปลักษณ์เหมือนกับมูอิน
ด้วยความเกรงกลัวที่บูนิเบลเซ่มีต่อ เอโทรจึงมิได้รับพลังใดมา

ผู้ที่ถูกสร้างมาแทนก็คือ ฟัลซิ=ลินด์เซย์
หน้าที่ของลินด์เซย์ ก็คือการปกป้องบูนิเบลเซ่ จากภยันตรายทั้งปวง
บูนิเบลเซ่ได้ออกคำสั่งกับลินด์เซย์ไว้ว่า ให้ปลุกเขาเมื่อเวลานั้นได้มาถึง
จากนั้นเขาก็กลายเป็นคริสตัล เข้าสู่การหลับใหลชั่วนิรันดร์

พัลส์ปรารถนาที่จะแผ่ไพศาลทั่วโลก เขาจึงสร้างฟัลซิและลูซิขึ้นมามากมาย

ลินด์เซย์ปรารถนาที่จะปกป้องโลก เธอจึงสร้างฟัลซิและลูซิขึ้นมามากมาย

ทว่าเอโทรนั้น ไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลย
เอโทรนั่นเปล่าเปลี่ยว เธอนึกถึงแม่ผู้คล้ายกับเธอ
เอโทรได้ทำร้ายตัวเอง หลั่งไหลเลือดเนื้อออกมา แล้วก็หายไป

จากเลือดของเอโทรที่หลั่งไหลออกมา มนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้น
มนุษย์ที่ถือกำเนิดมา เพียงเพื่อการตาย

การดับสูญของโลกที่มองเห็น ไม่ใช่คำสาป หากแต่เป็นชะตากรรม
โลกได้แบ่งออกเป็นสองส่วน โลกที่มองเห็นและโลกที่มองไม่เห็น
หากสมดุลของทั้งสองถูกทำลาย ในท้ายที่สุด โลกก็จะพังทลายลง

มูอินผู้เป็นมารดาของบูนิเบลเซ่ ไม่อาจทำอะไรเพื่อหยุดยั้งชะตากรรมนี้ได้
เธอถูกกลืนกินเข้าไปยังความโกลาหลของโลกที่มองไม่เห็น

แต่แล้วก่อนที่มูอินจะมลายสิ้น เอโทรก็ได้มาถึง
มูอินได้บอกให้เอโทรช่วยปกป้องสมดุลของโลก ก่อนที่ความโกลาหลจะเข้ากลืนกินชั่วนิรันดร์

ทว่าเอโทรนั่นช่างโง่เขลา ไม่เข้าใจความหมายในคำกล่าวของมูอิน

เอโทรนั้นช่างเปล่าเปลี่ยว แต่แล้วเธอกลับรู้สึกเมตตาต่อมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่เพื่อความตาย
ในยามที่พวกเขาตาย รอยยิ้มและความโกลาหล คือสิ่งที่เธอมอบให้

มนุษย์ ได้เรียกความความโกลาหลที่เอโทรมอบให้ว่า "หัวใจ"
หัวใจที่จะกลายมาเป็นพลังให้กับพวกเขา โดยที่มนุษย์ไม่เคยได้รู้

ท้ายที่สุดพวกเขาก็ถูกเรียกขานว่า พัลส์ผู้ปกครองแสนอำนาจ ลินด์เซย์ผู้ปกป้อง เอโทรเทพแห่งความตาย
หัวใจจากโลกที่มองไม่เห็น บัดนี้ได้ดำรงอยู่แล้ว
เพราะมนุษย์ได้เผชิญกับความโกลาหล สมดุลของโลกจึงถูกผดุงเอาไว้

บูนิเบลเซ่ยังคงหลับใหลต่อไปในสภาพคริสตัล
จวบจนจุดสิ้นสุดของห้วงนิรันดร์

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

จุดสังเกตจากเทพนิยายนี้

1. ปัญหาของศัพท์ที่กำกวม

ก่อนอื่นประเด็นที่สำคัญที่สุดเลย ใครที่เล่น Kingdom Hearts น่าจะทราบปัญหาที่ว่าเกมนี้มันใช้คำว่า 世界 (เซไค) สื่อความหมายรวมกันทั้ง ดวงดาว (World) และ ดินแดน (Realm) ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ชวนให้คนเล่นสับสนมากว่าตัวเกมมันจะสื่ออะไรของมัน ตอนไหนมันพูดถึงดวงดาว ตอนไหนมันพูดถึงดินแดน ซึ่งในภาคภาษาอังกฤษของ Kingdom Hearts ภาคแรกเวอร์ชั่นผู้แปลก็ยังใช้คำว่า World เหมารวมกันไปในทั้งสองความหมาย ทำให้พวกที่เล่นเกมเจาะเนื้อเรื่องประสาทกินไปตามๆ กัน... แต่แล้วปัญหานี้ก็มาแก้ไขตอน Kingdom Hearts II ที่ผู้แปลได้ใช้คำว่า World กับ Realm แยกออกจากกันแล้ว

สิ่งที่ผมอยากจะสื่อคือ ผมสังหรณ์ว่าไอ้เทพนิยายอันนี้ก็ใช้ศัพท์ได้คลุมเครือไม่แพ้กัน ถ้าสังหรณ์ของผมถูกต้อง คำว่าโลกที่มองเห็นและโลกที่มองเห็น ที่จริงควรจะเป็นคำว่า Visible Realm และ Invisible Realm ซะมากกว่า โดยในแต่ละ Realm นั้นก็จะประกอบไปด้วย World อีกมากมาย ซึ่งหากตีความแบบนี้แล้วทุกอย่างจะลงตัวกันพอดี แล้วเราจะตีความประโยคต่อไปได้ง่ายขึ้น

2. ตีความศัพท์

- ที่บอกว่าโลกทั้งหมดถูกปกครองโดยบูนิเบลเซ่ ไม่ได้หมายถึงโลกที่มองเห็นและโลกที่มองไม่เห็น แต่หมายถึงโลกทั้งหมดใน Visible Realm

- บูนิเบลเซ่มอบหน้าที่ให้พัลส์เปิดโลก นั่นหมายถึงการเดินทางไปยังดวงดาวต่างๆ เพื่อสำรวจ ค้นหา สร้างอารยธรรมขึ้นมา หากตีความแบบนี้จะสอดคล้องกับการกระัทำของพัลส์ใน FFXIII

- ประโยคที่ว่าพัลส์ปรารถนาที่จะแผ่ไพศาลไปทั่วโลก หมายถึงต้องการเดินทางไปทั่ว Visible Realm เพื่อค้นหาประตู หากตีความแบบนี้ก็จะสอดคล้องกับที่พัลส์ได้มาสร้างอารยธรรมบนโลก FFXIII แล้วก็ออกเดินทางต่อไปได้ ที่พัลส์ทำแบบนี้ก็เพราะคำสั่งที่ได้รับจากบูนิเบลเซ่

- ที่บอกว่าเมื่อสมดุลของโลกถูกทำลาย โลกก็จะพังทลายลง หมายถึงสมดุลระหว่าง Visible Realm และ Invisible Realm ซึ่งหากพังทลายลง Realm ทั้งหมดจะหายไปแล้วทุกอย่างจะกลับสู่ความว่างเปล่า

3. ส่วนที่สอดคล้องกับภาคอื่น

- FF Versus XIII เรียกเอโทรว่าเป็นเทพแห่งความตาย

- FFXIII ระบุในกลอนว่าเทพธิดาเอโทรอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของประตู ในสถานที่ๆ มองไม่เห็น

- FFXIII บอกว่าวิญญาณของคนตายจะล่องลอยผ่านประตูไปอีกฟากนึง เหมือนกับเอโทรและมูอินในเทพนิยายนี้

4. เคออส=ความโกลาหล=หัวใจ?

หัวใจนั้นเป็นที่อาศัยของความรู้สึกมากมาย ที่แออัดปะปนกันอย่างไร้ระเบียบ พร้อมจะปะทุเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่ง หากจะเปรียบมันเป็นความโกลาหล ผมว่ามันก็เมคเซนส์ชัดเจน

5. ตกลงลินด์เซย์มันเป็นตัวดีหรือตัวร้าย...?

จะไปรู้ได้ไงล่ะโว้ย... ในเทพนิยายยังเขียนอยู่ว่าเป็นเทพแห่งการปกป้อง แต่ใน FFXIII ดันกลายเป็นนางมารจอมทำลายล้าง มากด้วยเล่ห์กลไปแล้ว... บางทีบูนิเบลเซ่มันอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่ามันสร้างลินด์เซย์มาพลาดเหมือนกัน หรือถ้าไม่งั้นวันหนึ่งลินด์เซย์เธอคงล้มหัวฟาดพื้นระหว่างกำลังอาบน้ำอยู่ก็เป็นได้

หรือคิดอีกนัยหนึ่ง การกระทำของลินด์เซย์ อาจเป็นการรักษาสมดุลของทั้งสอง Realm ไว้ก็ได้ พัลส์มีหน้าที่สำรวจสร้างหาประตู ลินด์เซย์ก็ตามไปก่อเรื่อง พัลส์ทำให้มีชีวิตเกิดขึ้น แต่หากมีชีวิตเกิดมากไปสมดุลอาจพังลง ลินด์เซย์เลยต้องตามไปก่อเรื่อง ปริมาณของดวงวิญญาณที่อยู่ใน Realm ทั้งสองมันจะได้สมดุลกัน

6. อะไรคือเมื่อเวลานั้นได้มาถึง..?

ปัดโธ่! ก็เวลาที่พัลส์หาประตูเจอแล้วน่ะสิ! ที่ฟัลซิในแกรนพัลส์มันพยายามตามหาอะไรบางอย่าง สรุปแล้วพวกมันก็ช่วยพัลส์ตามหาประตู หรือวิธีในการเปิดประตูนั่นแหละ

7. อ่าว..!? แบบนี้แปลว่า The Maker ก็คือ...

จนป่านนี้แล้วพึ่งจะคิดได้หรอค้าบบบ!!! พวกเราโดนต้มเปื่อยกันมาโดยตลอดแล้ว แท้จริงแล้ว The Maker ไม่ใช่พัลส์อย่างที่คาดคิดกัน เพราะพัลส์เองมันก็มีสภาพเป็นฟัลซิตนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้ตัวตนที่แท้จริงของ The Maker จึงคิดได้สองอย่างคือ

- The Maker=บูนิเบลเซ่ : จากที่ FFXIII บอกว่า The Maker เป็นผู้สร้างฟัลซิขึ้นมา ในเมื่อเทพนิยายบอกว่าบูนิเบลเซ่เป็นคนสร้างฟัลซิ 3 ตนเแรกขึ้น จึงหมายความว่าบูนิเบลเซ่คือ The Maker

- The Maker=มูอิน : จากที่ Barthandelus ต้องการบึ้มโคคูน เพื่อให้วิญญาณมนุษย์ล่องลอยไปอยู่อีกฟากหนึ่งของประตู ให้ประตูมันเปิดอ้าออก แล้ว The Maker ที่อยู่อีกฟากของประตูจะได้ตกใจพร้อมบินกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกทางนี้ ในเมื่อคนที่อยู่อีกฝากนึงของประตูคือมูอิน ดังนั้นก็คิดได้ว่า Barthandelus เชื่อว่ามูอินยังคงมีชีวิตอยู่ที่อีกฝากหนึ่งของประตู ก็เลยอยากให้มูอินซึ่งเป็นผู้สร้างที่แท้จริงซึ่งอยู่เหนือลินด์เซย์ อยู่เหนือบูนิเบลเซ่ขึ้นไปอีกที กลับมาช่วยชะล้างโลกทางนี้หน่อย

หากใครถามอีกว่าแล้ว Barthandelus มันจะรู้เรื่องของมูอินได้ไง ก็ตอบง่ายๆ ว่ารู้จากลินด์เซย์น่ะสิ

ในตอนนี้ผมคิดว่า... ผมเชื่อสมมติฐานอันหลังมากกว่า เหตุผลเพราะมูอิน อยู่ในตำแหน่งที่ควรถูกเรียกว่าเป็น The Maker ที่แท้จริงมากกว่าบูนิเบลเซ่ เท่านี้ตรงๆ เลย

Update!

ประเด็นนี้เต้ซังได้ตั้งสมมติฐานอีกแบบว่า

- The Maker=มูอิน,บูนิเบลเซ่ : The Maker อาจเป็นเพียงชื่อของเผ่าพันธุ์สูงสุด หรืออาจเป็นเพียงชื่อหัวโขนของผู้มีอำนาจสูงสุดในเอกภพ จึงมีความหมายครอบคลุมทั้งมูอินและบูนิเบลเซ่ หากคิดแบบนี้เรื่องที่กลอนเขียนว่า The Maker เป็นผู้สร้างฟัลซิก็จะลงตัวว่า The Maker ในที่นี้หมายถึงบูนิเบลเซ่ ส่วน The Maker ที่ Barthandelus พูดก็หมายถึงมูอินที่อยู่หลังประตู

8. แล้วภาค Versus XII, XIII-2, Type-0 มันจะเกี่ยวกับตำนานนี้ยังไง?

Versus XIII คงเป็นเพียงอีกดาวหนึ่งที่พัลส์และลินด์เซย์เคยไปแวะเวียนแล้วก่อวีรกรรมสร้างลูซิเอาไว้ หากยังจำกันได้ บางคนคงเคยเห็นภาพกระดานที่ทีมงานใช้เขียนข้อมูลลงไปตอนอธิบายคอนเซปต์เนื้อเรื่องให้แก่กัน ในกระดานนั้นมันก็เขียนอะไรไม่รู้ฟัลซิ ลูซิ....

XIII-2 ผมว่าเจ๊แกคงได้ไปตามหาหนทางในการช่วงแฟงก์กับวานิลที่ดาวอื่นแล้วแหละ

Type-0 ก็เป็นแค่ดาวหนึ่งที่พัลส์และลินด์เซย์เคยไปเยี่ยม

9. แล้วเทพนิยายนี้มันจะมีภาคจบมั้ย?

ถ้าจะมีภาคจบ... บอสใหญ่ต้องชื่อบูนิเบลเซ่... ตัวเอกต้องช่วยเอโทรกับมูอินได้ ซึ่งผมว่ายากกกกกกกส์

ตำนานนี้คงถูกใช้สร้างภาคใหม่ไปเรื่อยๆ อารมณ์เดียวกับโดราเอมอน และมันไม่มีวันจบ คงไม่มีภาคไหนเลยในซีรียส์ที่เราจะได้เผชิญหน้ากับพัลส์ ลินด์เซย์ เอโทร บูนิเบลเซ่ และมูอิน... ผมเชื่อแบบนั้น

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ต้องขอบคุณ คุณ Lissar ที่ช่วยให้ผมแปลง่ายขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากๆ นะค้าบ

ที่มา : Lissar

เครดิต คุณบอน แห่ง ffplanet

------

Edited by tapakitchan, 19 December 2011 - 12:56 AM.


#2 pencil

    นักเล่นเกมมือฉกาจ

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 594 posts
  • Gender:Male

Posted 16 December 2011 - 09:26 AM

รอรีวิวอยู่นะครับ :love2:

#3 GodSlaYeRz

    นักเกมมือเซียนชั้นที่ 2

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3562 posts

Posted 16 December 2011 - 12:11 PM

เรื่องภาพบน 360 ถ้าด้อยกว่า PS3 ผมพอจะรับได้ แต่ถ้าเฟรมตกมากๆ นี่รับไม่ได้นะ T_T

อยากรู้เรื่องเฟรมเรทมากๆ

#4 sanook

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 880 posts

Posted 16 December 2011 - 01:16 PM

ผมจัดมาแล้วนะครับ..ช่วงค่ำๆ คงได้เล่น ของ PS3

#5 tapakitchan

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 904 posts
  • Gender:Male

Posted 16 December 2011 - 05:09 PM

เล่นมาก็ไม่เห็นว่ามันจะเฟรมเรทตกตรงไหนเลยหนิ
ตรงช่วง QTE มันไม่ใช่เฟรมเรทตกนะ ช่วงนั้นเกมมันทำให้สโลว์ เพื่อกดปุ่มให้ทันต่างหาก -*-
เล่นมาก็ลื่นปรื๊ด ๆ นี่นา -*-

--------------------------------------------------------
บรรยายการเล่น XIII-2 [0]
-----------------------------

มาเล่าบทเรียนราคาแพงให้ฟัง -*-

ด้วยความอยากเล่นใจจะขาด แผ่นที่สั่งก็ยังไม่มา
เลยไปด้อมมอง ๆ ตามเว็บบอร์ด และเว็บบิทหลาย ๆ ที่
จนได้ลิ้งค์โหลดไฟล์ตั้งแต่ ตี 2 ของ วันที่ 15/12/2011 ทั้งหมด 9 พาร์ท
โหลดทิ้งไว้แล้วไปนอน กะว่า 6-7 โมงเช้า มันต้องเสร็จแน่ ๆ
ทว่า รหัสพรีเมี่ยมดันหมดเวลาก่อนมั้ง -*- พาร์ทที่ 6 เลยต้องโหลดใหม่
เลยต้องรอจน 9 โมงเช้าถึงโหลดเสร็จ แตกไฟล์อะไรต่อมิอะไรเรียบร้อย เหลือแค่ไรท์ลงแผ่น
แต่เอ๊ะ เค้าไรท์แผ่น 360 กันยังไงวะ ไม่เคยซะด้วย -*-
เปิดอากู๋ เจอใจความสำคัญว่าต้องไรท์ด้วย imgburn ที่ความเร็ว 2 - 2.4x และต้องเป็นแผ่น +R ด้วย
ก็จัดแจงเตรียมการไปตามระเบียบ กดไรท์ตามปกติ ปรากฏว่าไดรฟ์ดีวีดีตูดันไรท์ได้ต่ำสุดแค่ 4x
ด้วยความตกใจ เลยรีบกดยกเลิก สรุปแผ่นนี้กลายเป็นเสียไปเรียบร้อย
ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปซื้อใหม่ (ของ Melody ร้านแมร่งขายปลีก 36 บาท หลอด 10 แผ่น 320 บาท)
กะว่าไม่พลาดแน่ แต่กันเหนียวเลยซื้อมาสัก 2 แผ่น เอาไปไรท์ที่ออฟฟิซ ปรากฎว่า 50% แล้วเดี้ยงทั้งคู่ Orz
เปลืองน้ำมันไปซื้อใหม่อีกรอบ 2 แผ่น เอาไปไรท์กับโน๊ตบุ๊คที่บ้านก็ได้วะ ปรากฎว่า 0.1% แมร่งเฟล -*-
เสียเปล่าไปอีก 2 แผ่น ไอ้เยสตาม่อน 36 บาท * 5 แผ่น แมร่ง 180 บาท แล้วนะเว้ย
ด้วยความโมโห เดิมพันครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ได้ก็ไม่เล่น รอแผ่นที่สั่งมาถึงค่อยเล่นก็ได้วะ
บิดมอไซค์คู่ใจไปซื้อมาอีก "1" แผ่น ในใจคิดว่าถ้าไม่ได้กุไปเล่น Gundam Musou 3 ต่อก็ได้วะ
มาถึงบ้าน จัดแจงแผ่นเข้าเครื่อง PC คู่ใจ นามว่า อริเชีย (PC ผมเป็นสาวน้อยนะ ขอบอก555+)
ไม่สนใจละ ลองไรท์ที่ 4x ก็ได้วะ 40 นาทีกว่า ๆ แห่งการรอคอย
ผัดกระเพราเครื่องในไก่กินรอ จนอิ่มท้องก็ได้เวลาทดสอบ
แต่เอ๊ะ ชักกลัว ๆ Verify สักหน่อยละกัน แต่มันไม่หน่อยแหะ ใช้เวลาพอ ๆ กับตอนไรท์เลย -*-
verify ผ่านวุ้ย เหลือแต่เอาใส่เครื่อง 360 คู่ใจนามว่า อลิซ (XBOX360 ผมก็เป็นสาวน้อยอีก 1 นางนะขอบอก)
ผลปรากฏว่า ผ่างเข้าเกมได้ ในตอนนั้น บ้านก็เปิดโล่งโจ้ง แต่กุไม่สนแล้ว
ความพยานตั้งแต่ตี 2 มาสัมฤทธิ์ผลเอาตอนจะ 3ทุ่ม
ขอกุกระโดดโลดเต้น พร้อมกู่ร้องอย่างสะใจในความโง่ของตัวเองหน่อยเหอะ
ถ้าไรท์ 4x ตั้งแต่ตอน 9โมงเช้า คงได้เล่นไปแล้ว -*- ไม่ต้องเปลืองเงินด้วย
สรุปหมดเงินไป 216 บาท แบบเสียเปล่า รู้งี้ซื้อเป็นหลอดไปเลยดีกว่า โฮๆๆๆๆ T^T

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ โชว์ภาพสักนิด

Posted Image
กระโดดได้แล้วโว้ย กระโดดขึ้นเตียง ขึ้นอะไรก็ได้ ไม่เหมือนภาคแรกที่ต้องไปยังจุดที่ต้องกระโดดเท่านั้น -*-


Posted Image
ทักทายแฟงก์ที่นอนเล่นบนคริสตัลโคคูน (ฮา)

วันนี้หมดแรง ไว้มีแรงโอกาสหน้าจะมาบรรยายเกมนี้ใหม่

บ๊ายบาย

Edited by tapakitchan, 16 December 2011 - 05:14 PM.


#6 tapakitchan

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 904 posts
  • Gender:Male

Posted 16 December 2011 - 05:17 PM

เกริ่นนำไว้ก่อนว่า การเขียนบรรยายในครั้งนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวทั้งนั้น
อาจมีัผิดพลาด และตกหล่นในรายละเอียด
และมีส่วนที่สปอยล์เนื้อเรื่องอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
โดยผมจะพยายามถมขาวในส่วนที่เป็นการสปอยล์เนื้อเรื่องทั้งหมด
เพื่อมิให้เกิดการสปอยล์โดยไม่จำเป็นอย่างเด็ดขาด

ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เชิญติชม
และท้วงติงในจุดที่ผิดพลาด หรือตกหล่นได้ตามสบาย
และผมยินดีรับฟังพร้อมทั้งแก้ไขความผิดพลาดด้วยความเต็มใจ


----------------------------------------------------------------
บรรยายการเล่น XIII-2 [1]
--------------------------------

-บทนำ-

ผ่าง ผ่าง ผ่างงงง !!!

เปิดเกมมาก็เจอสงครามระหว่างเจ๊เครียด กับใครวะ เอ้ย "ไคอัส" โดยทันที
โดยช่วงนี้เกมจะมี Tutorial มาสอนการเล่นเราอยู่เรื่อย ๆ
ซัดกันไปซัดกันมาก็มี QTE ขึ้นมา (Quick Time Event การกดปุ่มตามที่ขึ้นมาเพื่อดำเนินเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น ๆ )
ซึ่งถ้ากดพลาดก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น -*- ด้วยนิสัยไม่ยอมแพ้ เรื่องอะไรจะยอมปล่อยผ่านล่ะ 555+
ช่วงนี้ของเกมไม่มีอะไรมากครับ กด ๆ ตามระบบไปเรื่อย ๆ ชมภาพงาม ๆ ไปพลาง ๆ ก็จะผ่านได้ง่าย ๆ
ฉะกันได้สักพัก "โนเอล" ก็จะถูกส่งมาจากฟากฟ้าเหนือ "วาลฮาร่า" ซึ่งดูเหมือนว่าจะถูก "เอโทร" ส่งมาอีกที
"ไลท์นิ่ง" ก็ดูเหมือนจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะมี "เด็กดอย" ร่วงลงมา จึงรีบบึ่งมนต์อสูรที่ดูเหมือนบาฮามุทสีขาวไปรับโนเอลเอาไว้
แล้วก็เล่นไล่จับกลางเวหากันต่อกับไคอัสที่กลายร่างเป็น "บาฮามุทคาออส" จนสลัดการไล่ล่าของมันไปได้ซะที
จากนั้นไลท์นิ่งก็รีบฝากงานให้โนเอลทำในทันที พร้อมทั้งส่ง "โมกุริ" ที่สามารถเปลี่ยนร่างให้เป็นได้ทั้งดาบ และธนู ให้โนเอลเอาไปส่งให้ "เซร่า"
โดยบอกว่า เจ้าแมวอ้วนสีขาวบินได้นี่เป็น "เครื่องราง" ระหว่างที่ำกำลังพูดคุยกันอยู่ ไคอัสก็เข้ามาขัดจังหวะการสนทนา
ไลท์นิ่งจึงไล่ให้โนเอลรีบไปยัง "เกท" เพื่อข้ามผ่านเวลาไปหาเซร่าอีกที ส่วนตนนั้นจะต้านไคอัสเอาไว้เอง
ว่าแล้วโนเอลก็รีบดิ่งไปยังเกทโดยไม่รอช้า โดยมีเวทที่เหมือน"เมเทโอ" ของไคอัสไล่บี้มาอย่างกระชั้นชิด

-จบบทนำ-

--------------------------------

-บทที่ 1-

ตัดกลับมาที่เซร่าที่กำลังนอนน้ำลายยืดฝันหวานถึงพี่สาว ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงบทนำนั้นเซร่าเองก็ฝันเห็นมันด้วยเหมือนกัน
ขณะที่กำลังหลับอยู่ก็โดนโปรดิวเซอร์จับเปลี่ยนชุดระหว่างนอนหลับโดยไม่รู้ ตัว พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้แต่มึน ๆ งง ๆ ว่าตัวเองแต่งชุดบ้าไรเนี่ย !?
แคะขี้ตาเสร็จ ก็ออกมานอกที่พัก ระหว่างนี้เกมจะสอนเรื่องการตั้งค่าการใช้อนาล็อกขวาในการหมุนมุมกล้อง และรวมถึงการกระโดดด้วยปุ่ม B (ถ้า PS3 ก็ ปุ่ม O)
เมื่อออกมายังด้านนอก ก็ดูเหมือนว่าจะเงียบ ๆ แปลก ๆ แล้วก็จะมีฉากที่มัว ๆ ให้เราเดินข้ามผ่าน พร้อมระบบการเลือกตอบคำถามของเกม

เดินไปสักพัก จู่ ๆ ก็จะพบว่าชาวบ้านกำลังปะฉะดะกับเหล่าแมลงแปลก ๆ ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้กันนัวเนีย โดยที่เจ้าตัวก็ไปอยู่กลางดงสนามรบเสียแล้ว
ดูเหมือนว่าจะมีแมลงตาถึงอยู่หนึ่งตัว มันหมายตาเซร่าไว้เรียบร้อย แต่ก่อนที่จะได้งาบ ก็โดน "เรโบร" เข้ามาช่วยเซร่าไว้ซะก่้อน
สักพัก โนเอลก็โผล่มาจากไหนไม่รู้พร้อมยื่นอาวุธ "โมกุริ" ให้เซร่าไว้ต่อสู้กับทัพแมลง

-ระบบต่อสู้-
เกมจะยังคงใช้ระบบการเปลี่ยน Paradigm เหมือนกับภาคก่อน ๆ
โดยเริ่มต้นเราจะมี 3 สาย คือ ATK = ATTACKER / BLA = BLASTER / DEF = DEFENDER
ก็เลือกใช้ให้ถูกจังหวะกันเองละกัน -*-

หลังจากจัดการทัพแมลงบริเวรนั้นเสร็จก็ออกไปด้านนอกหมู่บ้าน ตามโนเอลไปยังซากอุกกาบาต ที่ร่วงลงมา

Quote

ซึ่งระหว่างเดินทางนั้นอยู่ดี ๆ "โคคูน" ก็หายวับไปซะเฉย ๆ สร้างความฉงนให้ทั้งเซร่าและผู้เล่นอย่างมาก
ทว่าโนเอลกลับบอกว่า "ในอนาคต 700 ปีข้างหน้า ที่ตนจากมา ก็ไม่้มีโคคูนเหมือนกัน"

ก่อนถึงจุดหมายก็เจอกับบอสที่โผล่หน้าและแขนขวามา 1 ข้าง การต่อสู้กับมันก็ไม่ยาก
เวลามันใช้ท่าโจมตีแรง ๆ จะขึ้นชื่อท่าสีแดงบนหัวของบอส จังหวะนั้นให้รีบเปลี่ยน Paradigm เป็น DEF/DEF ซะ
แล้วค่อยกลับมา BLA/ATK เพื่อให้บอสติดเชนเบรคโดยไว แล้วเปลี่ยนเป็น ATK/ATK เพื่อทำดาเมจอีกที

-ทริปเล็กน้อย-
คุณรู้หรือไม่ ว่าภาคนี้เวลาเปลี่ยน Paradigm จะไม่มีการแอคท่าครั้งแรกแบบตอนภาค XIII แล้ว ทำให้การต่อสู้ลื่นไหลยิ่งขึ้น
และรู้หรือไม่ว่าในการเปลี่ยน Paradigm (พาราไดม์) ในตอนแรกเริ่ม เราจะได้โบนัสเกจ ATB เต็ม
และทุก ๆ 10 วินาที หากกดเปลี่ยน Paradigm เราก็จะได้โบนัสเกจ ATB เต็มเช่นกัน ^^

เมื่อมาถึงซากอุกกาบาต "กาโด้" และพรรคพวกจะเข้ามาโวยวายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
โนเอล ก็พูดถึงพี่สาวของเซร่าขึ้นมา แต่คนอื่น ๆ กลับบอกว่าเจ๊เครียดน่ะจากไปแล้ว
แต่โนเอลก็หลอกจับมือเซร่า แล้วลากเข้าไปสัมผัสกับอุกกาบาตดังกล่าว จนเกิดแสงวิ้ง ๆ ขึ้นมาทำให้ทุกคนตกใจเล่น พร้อมบอกว่านี่แหละเกทที่จะพาเซร่าไปหา "โอเน่จัง"

ตัดกลับมายังที่พักหลังจากการสู้รบสงบลง โนเอลก็เล่าเรื่องที่เขามาจากอนาคตให้ทุกคนใน "โนร่า" ฟัง

Quote

และยังอธิบายอีกว่าการที่จะเปิดเกทได้ต้องมีสิ่งที่เรียกว่า "โอพาร์ท" เป็นกุญแจเสียด้วย (แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เครื่องประดับ +atk20 ใน Reishiki นะ)
ซึ่งแน่นอนว่ายากที่จะเชื่อว่าไอ้เด็กดอยนี่มันมาจากอนาคต (ถ้าเป็นหุ่นยนต์แมวอ้วนสีฟ้า คงน่าเชื่อถือกว่านี้สินะ) และยากที่จะเชื่อว่าเรื่องที่มันพูดมาเป็นความจริงซะทั้งหมด

แล้วเซร่าก็จะไปนอนพัก ตื่นมาก็จะพบกล่องไอเท็มอีกแบบที่เป็นทรงลูกบากศ์ ซึ่้งจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า นอกจากมีโมกุริอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งจะทำให้มันโผล่ออกมา

-ระบบคริสตาเลี่ยม-
ภาคนี้การอัพเกรดความสามารถจะคล้าย ๆ กับภาคที่แล้ว
เพียงแต่ว่า คริสตัลที่ให้เราเดินนั้นจะไม่มีการแบ่งแยกอีกแล้วว่าเป็นของสายอะไร
แต่จะเป็นลูกแก้วคริสตัลกลม ๆ เปล่า ๆ ให้เราเลือกอัพเกรดได้เลยว่าจะยัดความสามารถสายไหนลงไปในลูกแก้วลูกนั้น
(แน่นอนว่าผู้เล่นจะยัด โจมตี 99 ป้องกัน 1 ก็ได้ ^^)
ซึ่งข้อแนะนำระหว่างอัพเกรดนั้น ให้ลองเลื่อนสายที่อยากอัพดู
ถ้าสายไหนมีชื่อสกิลขึ้นมาบนลูกแก้ว ก็ขอแนะนำให้อัพสายนั้นไปเลย
แต่ถ้าไม่มี ก็ให้อัพสายที่อยากเล่นไปก็ได้ ^^
ซึ่งภายหลังก็จะมีสายอื่น ๆ ขึ้นมาให้อัพเกรดได้อีก ซึ่งสายที่เหลือก็คือ JAMMER / ENCHANT / HEALER

-ระบบสวมใส่ไอเท็ม-
ภาคนี้ยังคงเหมือนภาคที่แล้วคือใส่ได้ 1 อาวุธ 4 เครื่องประดับ ต่อ 1 ตัวละคร
เพียงแต่ช่องใส่เครื่องประดับนั้นไม่ต้องไปอัพเกรดเพื่อให้มันเพิ่มอีกต่อไป แต่เราจะมี 4 ช่องตั้งแต่เริ่มเลย
เพียงแต่การใส่เครื่องประดับจะมีค่าสำหรับการใส่เครื่องประดับอยู่ด้วย
เช่น แหวน+เลือด 10% ต้องการค่าสำหรับการใส่เครื่องประดับที่ 30 หน่วย
หากตัวละครมี "ค่าเครื่องประดับ" แค่ 50 หน่วย ก็จะใส่ได้แค่วงเดียว เป็นต้น

จัดแจงตัวละครเสร็จก็ออกจากที่พักได้เลย

Quote

เมื่อออกจากที่พักเราจะมาคุยกับโนเอลว่าไอ้โอพาร์ทเนี่ยมันคืออะไร หน้าตาเป็นยังไง จะไปหาได้ที่ไหน
ซึ่งโนเอลมันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่ (อ้าว ไอ้หมอนี่สรุปเอ็งขี้จุ๊สินะ)
สักพักโมกุริจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างแล้วก็บินออกไป โนเอลจึงนึกว่าโมกุริเจอเบาะแสของโอพาร์ท จึงให้เราตามมันไป
เมื่อเราตามไปก็พบกับฝูงแมวกลุ่มนึง พอฝูงแมวเห็นเราก็พากันสลายโต๋ตามประสาแมว ๆ
แต่โมกุริก็ยังคงไล่ตามแมวที่ล็อคเป้าไว้ต่อไป

ก่อนจะตามโมกุริไปจับแมว ถ้าเราไปยังต้นมะพร้าวทางซ้าย จะพบ "มีดพกของไลท์นิ่ง"
ที่เซร่าเคยให้เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 21 ปีของไลท์นิ่ง
แล้วเซร่าจะเล่าเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อน หลังจากที่โคคูนกลายเป็นคริสตัลให้โนเอลฟัง

-ท้าวความถึงเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อน (เหตุการณ์ในฉากจบภาคที่แล้ว)-
ในช่วงที่โคคูนกำลังร่วงหล่นมายัง "แกรนพัลส์" แต่พลันเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น
ได้มีเสาคริสตัลขนาดมหึมา มาหยุดยั้งการร่วงหล่นของโคคูนเอาไว้
จึงกลายเป็นโคคูนที่เราเห็นกันอย่างทุกวันนี้

Quote

ในวันนั้นที่เซร่าได้คลายจากการเป็นคริสตัล
พอเธอได้พบกับ "โสนว" ก็รีบวิ่งเข้าไปโผกอดชายอันเป็นที่รักเอาไว้
ทว่า.. เธอกลับมองหาพี่สาวของตัวเองไม่พบเลย โฮปก็ทำได้แค่ยื่น "มีดพก" ที่เก็บได้มามอบให้กับเซร่า
ส่วนโสนวก็บอกกับเธอว่า "พี่สาวน่ะกลายเป็นคริสตัลอยู่ข้างในโคคูนเพื่อพวกเรา"
แต่เซร่ากลับรู้สึกต่างออกไป เธอจำได้เป็นอย่างดีว่าในความทรงจำจริง ๆ ของเธอนั้น เธอได้พบกับพี่สาว
อีกทั้งพี่สาวก็ยังส่งยิ้มให้เธอ พร้อมทั้งยอมรับให้มีการแต่งงานของเธอกับโสนว
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอกลับต่างออกไป ทุกคนต่างก็คิดว่าพี่สาวของเธอนั้นจะไม่กลับมาอีกแล้ว

นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน
แต่ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าพี่สาวของเธอยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอนที่ "วาลฮาร่า" ...

ฟังเซร่าเล่านิทานประกอบภาพเสร็จแล้วก็ไปไล่จับแมวกันต่อ
เมื่อจับแมวได้ เราก็จะได้ยินเซร่าเรียกชื่อแมวตัวนี้ว่า "สโนว" (เออดี แฟนไม่อยู่เลยเอาแมวมาเป็นตัวแทนสินะ)
แต่สิ่งโนเอลคาดไว้ก็ผิดมหันต์ เนื่องจากโมกุริมันแค่วิ่งตามแมวมาเฉย ๆ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโอพาร์ทเลย....

วิ่งมาหน้าที่พักจะพบกับ "มากี้" ที่กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่คนเดียว
มากี้ : หรือว่าคนร้ายจะเป็นเด็กคนนั้น...

วิ่งไปที่เด็ก ๆ ที่จับกลุ่มกัน เด็กกลุ่มนี้ก็จะเข้ามาออรอบ ๆ เซร่า และเรียกเธอว่า "เซร่าเซนเซย์" (คุณครูเซร่า)

Quote

เซร่าก็ทักเด็ก ๆ ว่าทำการบ้านกันรึยัง ตามประสาคนที่รับหน้าที่ให้ความรู้เด็ก
โนเอลก็แซวว่า "นี่เซร่าเป็นครูจอมเข้มงวดหรือเนี่ย" เด็ก ๆ บางคนก็เลย ล้อเลียนเซร่าว่า "เข้~ม งว~ด เข้~ม งว~ด" ก่อนวิ่งหนีไป

มากี้เดินมาเห็นเด็กคนนึงในกลุ่มเราแล้วก็ร้องโวยวายว่า เด็กคนนี้เป็นคนร้าย ทำให้เด็กคนดังกล่าวตกใจวิ่งหนีไป
หนักกบาลเราอีก ที่ต้องไล่จับเด็กคนดังกล่าว -*-

เมื่อไล่ตามเด็กทัน เซร่าก็จะกล่อมจนเด็กยอมคายความจริงออกมา
ว่าตนแอบเอาสร้อยของโสนวที่ฝากไว้กับเซร่ามา ก่อนจะคืนให้แล้วกลับหมู่บ้านไป

Quote

โนเอลก็สงสัยว่าสร้อยนั้นหมายความว่ายังไง
เซร่าก็เล่าให้ฟังว่า สโนวนั้นได้ออกตามหาไลท์นิ่งที่หายตัวไป ก่อนไป จึงได้ฝากสร้อยที่เป็นรูปโคคูน ที่เคยมอบให้เซร่าตอนขอแต่งงานไว้กับเซร่า ก่อนจะออกเดินทางไป

โนเอลก็ยังสงสัยอีกว่าสโนวเนี่ยมันเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน เซร่าถึงเพ้อหาอยู่ได้ (ตรงนี้ผมใส่ไข่เองนะ 555+)
เซร่าก็ตอบแบบ นางเอีกนางเอกว่า "เค้าคือคนที่สำคัญที่สุดในโลก" (O_o)
(ตรงนี้ เราเลือกตอบได้นะครับว่าจะตอบแบบไหน มีทั้งฮีโร่ ทั้งคนรัก ทั้งคนสำคัญ)

-การเซฟเกม-
ภาคนี้จะไม่มีจุดเซฟสารพัดประโยชน์แบบภาคที่แล้วอีกต่อไป
แต่เราสามารถกด Start แล้วเลือกข้อแรกเพื่อเซฟเกมได้เลย
แต่จริง ๆ แล้ว ทุก ๆ ครั้งที่เกมเปลี่ยนฉากมันก็เซฟให้ออโต้อยู่แล้ว
โดยสังเกตุได้จาก วงกลมหมุน ๆ สีเหลือง บนมุมซ้ายด้านบนของจอ

วันนี้พอแค่นี้ก่อน ร่ายยาวสุด ๆ ไปเลย -*-
ไว้ต่อกันใหม่พรุ่งนี้ (จริง ๆ แล้วเล่นถึงแค่ตรงที่ร่ายมานั่นแหละ 555+)

สัญญาว่าการบรรยายรอบต่อไปจะต้องมีภาพประกอบด้วยอย่างแน่นอน -.-

-------------------------------------------------------

โปรดอย่าถามว่า

- เซร่าไม่ได้เป็นลูชิแล้ว ทำไมยังมีเวทใช้ได้อีกล่ะ

- โนเอลแมร่งก็ไม่ได้เป็นลูชิแน่ ๆ แต่ดันใช้เวทได้ มันหมายฟายว่าไงอ่ะ

เพราะผมก็อยากถามคุณ ๆ เหมือนกัน -*-

#7 blackes05

    นักเล่นเกมฝึกหัดระดับ 3

  • High Members
  • PipPipPipPip
  • 104 posts

Posted 16 December 2011 - 05:42 PM

จองเเผ่นเเล้วเเต่ไม่มีเวลาไปเอา

#8 tapakitchan

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 904 posts
  • Gender:Male

Posted 16 December 2011 - 11:39 PM

----------------------------------------------------
บรรยายการเล่น XIII-2 [2]
------------------------------

หลังจากได้จี้ห้อยคอคืนมาจากเด็กก็เดินทางกลับมายังหมู่บ้าน
จะพบฝูงชนกลุ่มนึงมามุงดูอะไรสักอย่างข้าง ๆ ห้องนอนของเซร่า
จึงเข้าไปสำรวจในห้องดูก็พบว่า มีกระจกแปลก ๆ มาตั้งอยู่ในห้อง เมื่อสำรวจกระจกอยู่ดี ๆ ก็มีคริสตัลออกมาจากกระจก
และโนเอลก็บอกว่า นี่แหละคือ "โอพาร์ท" ที่ใช้สำหรับการทำให้เกททำงาน
Posted Image
Posted Image

ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปยังจุดที่เกทตั้งอยู่ ซึ่งระหว่างทางก็จะเจอบอสเจ้าเก่าที่โผล่มาแค่หัวกับแขนขวา วิธีสู้ก็เหมือนเดิม
สู้เสร็จก็มีโจโคโบะโผล่มาให้ขี่เล่น ต่อให้ลงจากโจโคโบะ มันก็ไม่หนีไปไหนไกล ยังสามารถกลับมาขี่ได้ต่อ
Posted Image
เมื่อมาถึงหน้าเกท โนเอลจะถามเซร่าว่าพร้อมไม่พร้อม ถ้าพร้อมก็กด Y หรือ /_\ ได้เลย
ในขณะที่กำลังจะเปิดใช้งานเกทนั้น พวกของกาโด้ก็เข้ามาร่ำลา และอวยพรให้เซร่ากลับมาอย่างปลอดภัย
ว่าแล้วทั้งคู่ ก็ลอยหายวับเข้าไปในเกทเป็นการเริ่มต้นการเดินทางสู่วาลฮาร่า

เกมจะตัดมาที่หน้า "ตารางเวลา" แต่สำหรับผม ผมจะเรียกมันว่า "เวิร์ลแมป" (จำใจเรียก หรือจะว่าประชดดีล่ะ -*-)
ที่หน้านี้จะเป็นการเลือกว่าจะเดินทางข้ามเวลาไปยังช่วงเวลาไหนบ้างนั่นเอง
โดยตอนนี้มีแค่ ปี AF003 กับ AF005 เท่านั้น ก็เลือก AF005 เพื่อไปยังบทต่อไปได้เลย
Posted Image

-จบบทที่ 1-

-------------------------------------------------------------------------------------------

-บทที่ 2-
เราจะท่องเวลามายังอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งเวลาในตอนนี้ก็คือ ปี AF005 นั่นเอง ซึ่งสถานที่ที่เกทส่งทั้งคู่มานั้นก็คือด้านในของโคคูน
เมื่อมาถึงไม่ทันไรก็โดน "แอตลาส" ยักษ์ใหญ่ล่องหนที่เห็นแต่มือโจมตีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พวกเซร่าเองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้กับมันเท่านั้น

การสู้กับแอตลาสครั้งนี้ไม่มีอะไรมาก การโจมตีไม่มีอะไรน่ากลัว จะมีก็แต่การโจมตีแบบใหม่ที่เรียกว่า "Blood Damage"
ซึ่งผลของมันจะทำให้ Max HP ของเราลดลง หากสู้ยืดเยื้อกับศัตรูที่มีสกิลนี้ เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบซะเอง
สู้ไปสักพักจะตัดเข้าสู่ QTE ของโนเอล ก็กดตามให้ทัน เราก็จะสามารถทำให้แอตลาสเบรคได้
พอมันเบรคการสู้ก็ไม่มีอะไรแล้ว โจมตีไปเรื่อย ๆ จนมันใกล้แพ้ ก็จะมียานของกองทัพโผล่มาระดมยิงใส่แอตลาส จนมันสงบไป

เซร่าจะดีใจที่มีกองทัพมาช่วย แต่กองทัพกลับควบคุมตัวพวกเธอไว้ แล้วพาไปขังไว้ชั่วคราว
ในระหว่างที่ถูกขัง เซร่า จะพูดถึงลิฟท์ที่เอาไว้เดินทางระหว่าง โคคูน และ พัลส์ ว่า "ปีหน้า" มันก็สร้างเสร็จแล้ว
แต่ทหารที่คุมอยู่ก็บอกว่า มันเสร็จตั้งแต่ "ปีที่แล้ว" ต่างหาก ทำให้โนเอลจับใจความได้ว่า พวกตนได้เดินทางมายังอนาคต 2 ปีข้างหน้านี่เอง
ระหว่างนั้นก็มีสาวน้อยปริศนาผมสั้น สีบลอนด์ทอง แถมยัง "นุ่งสั้น" (สำคัญมาก)
มาทึกทักบอกว่าพวกเราเป็นคนสำคัญสุดยอดของ "อคาเดมี่" ทำให้ทหารยอมปล่อยตัวเราออกมา
โนเอลจึงถามว่าเธอเป็นใคร ซึ่งชื่อของสาวนุ่งสั้น (ติดใจนุ่งสั้นจริงนะเรา -*-) ก็คือ
อลิซ่า ไซเดล (Arisa Zaideru หรือ Alisa Zaidell) เธอจะบอกว่าเธอเห็นเราออกมาจากเกท และให้ความสนใจสิ่งที่เรียกว่าเกทอย่างมาก จึงมาช่วยพวกเราไว้
โนเอลจึงไม่ว่าอะไรหากอลิซ่าจะขอตรวจสอบเกทอันนี้สักหน่อย แล้วอลิซ่าก็จะให้บัตรผ่านอคาเดมี่แก่เรา พร้อมทั้งอัพเดทแผนที่บริเวณนั้น ๆ ให้เราด้วย
Posted Image
ถ้าได้เล่นเอง คุณจะรู้ว่าเธอขาขาวกว่าเซร่าเห็น ๆ (ฮา)

จากนี้เราจะสามารถเปลี่ยนหัวหน้าปาร์ตี้ได้แล้ว โดยเลือกที่หัวข้อ レ-ダ-チいェンジ

เดินเล่นในเมืองซักนิดคุณจะสะดุดตากับสาวอีก 1 นาง นั่นก็คือ
"โจโครีน่า" สาวประหลาดที่แต่งตัวเหมือนลูกครึ่งฟินิกซ์ผสมโจโคโบะ
อา... ใครมันออกแบบชุดเธอเนี่ย น่าให้รางวัลความอาร์ทสุดติ่ง จริง ๆ -*-
Posted Image

เช็คแผนที่ แล้วก็ออกวิ่งไปยังจุดที่มีเครื่องหมาย ! สีเหลือง บนแผนที่กันเลย
ระหว่างทางจะเจอมอนสเตอร์กลุ่มนึงให้เราปราบ เมื่อปราบจะได้คริสตัลของมอนสเตอร์มา
แล้วเกมจะสอนเรื่องของการจับมอนสเตอร์เข้ากลุ่ม รวมถึงการใช้งานด้วย

-การจับมอนสเตอร์ และการใช้งาน-
ในบางครั้งที่เราชนะ เราจะได้มันเข้ากลุ่มเองโดยอัตโนมัติ โดยมอนสเตอร์ 1 ตัวจะมีแค่ 1 Roll เท่านั้น
และในเมนูจัดตั้ง Paradigm เราสามารถจัดมอนสเตอร์เข้าทีมได้ด้วย

-การอัพเลเวลให้มอนสเตอร์-
หลังจากสู้เสร็จเราจะได้ไอเท็มบางอย่างมา ซึ่งไอเท็มเหล่านี้ก็จะมีทั้งไอเท็มสำหรับอัพเลเวล และพวกเครื่องประดับของมอนสเตอร์

เดินทางมาสักพัก จะพบกับเกทอีกอันหนึ่งระหว่างทาง เดินทางต่อไปจะเจอกับสิ่งที่เราคิดถึงจากภาคที่แล้ว มันคือ "ท่อ"
มุดไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอเกทอีกอันให้เราฉงนเล่นว่าแต่ละบานมันจะส่งเราไปที่ไหนบ้าง
ซึ่งในตอนนี้เรายังไม่มีโอพาร์ทสำหรับเปิดเกท จึงทำได้แค่ปล่อยผ่านไปก่อน

วันนี้หมดแรงแค่นี้แหละ -*-
ไว้คราวหน้าจะลองหาข้อมูลการโอนถ่ายอบิลิตี้ระหว่างมอนสเตอร์มาลงแล้วกัน

また会うな..

#9 tha

    นักเกมมือเซียนชั้นที่ 1

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 2899 posts
  • Gender:Male

Posted 17 December 2011 - 12:17 AM

อยากเล่นมากเลยครับบบ แต่ต้องรอ eng เข้ามาเก็บข้อมูลก่อน

#10 Kisame

    DearimaZ

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3646 posts
  • Gender:Male

Posted 17 December 2011 - 01:12 AM

อยากเล่นแฮะ

#11 Galaxy Exposition

    เกิดมาเพื่อสิ่งนี้พี่น้องเอ้ย

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 13085 posts
  • Gender:Female

Posted 17 December 2011 - 01:59 AM

เยี่ยมคับ ปักหมุดให้เบยคับ :like:

#12 tapakitchan

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 904 posts
  • Gender:Male

Posted 17 December 2011 - 04:56 PM

----------------------------------------------------
บรรยายการเล่น XIII-2 [3]
-------------------------------
(ขออภัย กล้องไม่ว่าง รอบนี้เลยไม่มีภาพปลากรอบ)
เมื่อเดินทางมาจนถึงแท่นควบคุมอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับแอทลาส (จำไม่ได้ว่ามันเรียกว่าอะไร)
พวกเราจะโดนแอทลาสตะบบโดยไม่ทันตั้งตัว โมกุริจึงรีบพุ่งเข้าไปยังมือของแอทลาสทันที แล้วฉากจะตัดมาที่ "วงกตแห่งเวลา"
-วงกตแห่งเวลา-
ที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่สำหรับเล่นพัซเซิลเกมแบบหนึ่ง
โดยที่ให้เราเดินไปเก็บคริสตัลบนพื้น โดยห้ามเดินกลับทางเก่าจนไปถึงปลายทาง
คาดว่าหลัง ๆ คงจะมีความยากเพิ่มขึ้นแน่ ๆ -*-
เราสามารถกด X หรือ [ ] สำหรับ PS3 เพื่อกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้เรื่อยเมื่อเจอทางตัน
เมื่อหลุดออกมาจากวงกตแห่งเวลาแล้วเราจะสามารถทำให้แท่นควบคุมกลับมาทำงานอีกครั้ง
เมื่อแท่นควบคุมทำงาน แอทลาสก็ดูเหมือนจะอ่อนแรงลง ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของเราแล้วที่จะออกไปจัดการมันให้สิ้นซากไป
แอทลาส รอบที่ 2
การต่อสู้ดูเหมือนจะง่ายขึ้นเยอะ เพราะบอสตัวนี้นั้นจะมีพลังชีวิตเหลือไม่มากแล้ว เน้นสร้างเชนเบรคไปเรื่อย ๆ ก็จะสู้ได้ไม่ยาก
เมื่อมันใกล้ตาย เกมจะตัดมาที่ CINIMATIC ACTION หรือที่ผมจะเรียกง่าย ๆ ว่า QTE นั่นเอง
พยายามกดปุ่มตามที่ขึ้นมาให้ทัน เท่านี้ก็จะชนะได้โดยง่ายดายแล้ว
(ข้อดีของ QTE เกมนี้ แม้กดผิด ก็ไม่เกิดอาการเฟลแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องรีบกลับมากดปุ่มที่ถูกต้องให้ทันเวลาเท่านั้นเอง)
หลังจากจัดการแอทลาสลงแล้ว จะเกิดเหตุการณ์ไทม์พาราดอกซ์ขึ้น
สิ่งปลูกสร้างบางอย่างที่ถูกทำลายก็กลับมาคงสภาพดังเดิมก่อนที่จะพังทลายไป (แต่ก็ไม่ได้กลับมาทั้งหมด)
เมื่อเดินมาอีกหน่อยจะพบกับป้ายหลุมศพจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะมีป้ายที่โดดเด่นอยู่หนึ่งอัน
ซึ่งอลิซ่าจะวิ่งเข้ามาดูพร้อมบอกว่าป้ายอันนี้จะบันทึกรายชื่อของเหล่าผู้คนที่ได้ถูกชำระบาป (Purge) ในภาคที่แล้ว

Quote

เมื่ออลิซ่าเข้ามาเช็คป้ายหลุมศพ จนเธอหาชื่อเพื่อนของเธอเจอ ซึ่งเธอจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่ "โบดัม" เมื่อ 5 ปีก่อน
เธอจำได้ว่าเพื่อนของเธอต้องตายไปในการชำระบาปครั้งนั้น
แต่กลับไม่มีใครจำเพื่อน ๆ ของเธอ หรือเหล่าคนที่ถูกชำระบาปได้เลย มีเพียงอลิซ่าเท่านั้นที่จำได้
อลิซ่าจึงกลัวเหลือเกินว่าที่เธอใช้ชีวิตอยู่นี้เป็นความจริงหรือความฝันกันแน่
โนเอลเลยโบกกะบาลให้รู้ตัวว่านี่มันไม่ใช่ความฝันหรอกหนู แล้วอลิซ่าก็คร่ำครวญว่า "ถึงแม้ทุกคนจะลืม แต่ชั้นจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด"
ทำให้เซร่าก็ฉุกใจคิดขึ้นมาได้เหมือนกันว่า ถึงแม้คนอื่น ๆ จะลืมเรื่องราวบางอย่างไป แต่เธอก็ไม่มีทางลืมมันเช่นกัน
อีกทั้งยังคงเฝ้าโทษตัวเองเพราะการชำระบาปที่เกิดขึ้นนั้นก็เริ่มมาจากการที่ตนกลายเป็นลูชิของพัลส์
จนทำให้รัฐบาลออกมาตรการชำระบาปคนในเมืองโบดัมในภาคที่แล้วนั่นเอง

(ตรงจุดนี้ แปลผิดแปลถูกยังไงก็ขออภัย ไว้ถ้ามีโอกาสได้วนมาเล่นเหตุการณ์นี้อีกรอบค่อยมานั่งเก็บรายละเอียดอีกที)
เมื่อพูดคุยกันจบ จะมีไอเท็มล่องหนลอยไปมา วิธีการทำให้มันโผล่ออกมาคือวิ่งไปใกล้ ๆ หรือปล่อยให้โมกุริบินไปใกล้ ๆ ไอเท็มล่องหนที่เห็นลาง ๆ นั้น
แล้วกด RB (หรือ R1 สำหรับ PS3) แล้วสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ก็จะโผล่ออกมา ซึ่งในบริเวณสุสานนี้เราจะได้รับเป็นโอพาร์ทมา
แนะนำให้ไปวิ่งเล่นค้นหาไอเท็มล่องหนก่อนจะเดินทางไปยังเกท
นอกจากจะได้ไอเท็มสำหรับส่งเควส และไอเท็มใช้สอยต่าง ๆ แล้ว ยังจะได้โอพาร์ทมาเพิ่มอีก 1 ชิ้นด้วย
เมื่อไม่มีอะไรจะทำแล้ว หรืออยากเก็บไว้ทำคราวหน้าก็ให้วิ่งไปที่เกทได้เลย
ในตอนที่เราใช้โอพาร์ทเพื่อทำให้เกททำงาน เซร่ามักจะเห็นภาพนิมิตแปลก ๆ เข้ามาอยู่ตลอด
ซึ่งเธอเองก็ไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก โนเอลก็ดูท่าจะเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งคู่ก็ยังคงออกท่องกาลเวลาต่อไป
-เพิ่มเติม-
ในปี AF005 นี้จะมีเกทอยู่ 2 จุด (ไม่นับจุดที่เราเข้ามาทีแรก)
จุดแรกที่อยู่ข้างกำแพงจะพาเราไปยังปี AF010
อีก 1 จุดที่อยู่ในท่อ จะพาเราไปยังปี AF300
(สามารถเลือกได้ว่าจะไปอันไหนก่อนหลัง)
ตรงนี้ผมยังไม่ได้เลือก ง่วงเสียก่อน ขอตัวไปนอนก่อนละกัน
พรุ่งนี้ค่ำ ๆ มาเล่น ผมกะว่าจะมุ่งเป้าไปที่ AF010 ดีกว่า ไว้เจอกันเมื่อเวลานั้นมาถึง
またな...

#13 tapakitchan

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 904 posts
  • Gender:Male

Posted 18 December 2011 - 02:14 AM

---------------------------------------------------------------

จากนี้ไม่ถมขาวแล้วนะ ขี้เกียจ -*-

---------------------------------------------------------------
บรรยายการเล่น XIII-2 [4]
--------------------------------------

-จบบทที่ 3-
(ไม่ต้อง งง เพราะถ้าเราเลือกเดินทางข้ามเวลาต่อจากที่เขียนไว้คราวที่แล้ว จะเป็นการเริ่มบทใหม่ทันที
ผมก็เพิ่งรู้เลยมาเขียนคำว่า "จบบทที่ 3" เอาไว้ตรงนี้ไง 5555+)

ต่อจากที่เขียนไว้คราวที่แล้ว จะมี 2 ทางเลือกให้ไปคือ AF010 กับ AF300
ซึ่้งผมเลือกไปที่ AF010 จะเป็นการเริ่มต้นบทที่ 3 Side A ทันที

-บทที่ 3-
(SIDE - A)

เริ่มต้นมาเราจะมาโผล่ที่ "หุบเขายาจัส" (มันคือเส้นทางไปเมืองร้างในภาคที่แล้ว ซึ่งเมืองร้างนี้จะเป็นที่ที่เราได้สู้กับบอสสุดโหดของเควสที่ 64 ในภาคก่อนนั่นเอง)
ซึ่งที่นี่จะมีบรรยากาศที่แปลกไปออกไป โดยท้องฟ้าจะมืดมิดอยู่ตลอดเวลา แถมโคคูนยังมีเมฆดำแปลก ๆ ปกคลุมเต็มไปหมด

เซร่าจะสงสัยว่าพวกตนนั้นโผล่มาในปีไหนกันแน่ โนเอลเลยเล่าว่า ใน 700 ปีข้างหน้าที่เขาอยู่ จะมีบันทึกเหตุการณ์ว่า
"เมื่อ 500 ปีก่อน ท้องฟ้าทั่วแกรนพัลส์ได้มืดมิดไปหมด พร้อมทั้งการปรากฏตัวของฟัลชิขนาดมหึมาอีกด้วย"
เซร่าจึงสรุปว่า ตอนนี้พวกตนก็น่าจะอยู่ในปีประมาณ AF200 กว่า ๆ โนเอลก็ต้องการที่จะยืนยันว่าปีที่พวกเขาโผล่มานั้นเป็นปีอะไรกันแน่
จึงไปถามกับคนของอคาเดมี่ที่อยู่ใกล้ ๆ ว่า "เฮ้ย ปีนี้มันปีไรวะ" ทำให้เซร่าตกใจอย่างมาก ที่พี่แกเล่นโพล่งออกมาโต้ง ๆ เลย
(แสดงว่า ใครจะรู้ว่าพวกมันจะมาจากอดีตหรืออนาคตก็ไม่แคร์สินะ) NPC หน้าปลาบู่ก็ตอบว่านี่คือปี AF010 นั่นเอง
โนเอลเลยแปลกใจว่า เหตุการณ์ที่น่าจะเกิดในช่วงปี AF200 กว่า ๆ ทำไมมันมาเกิดในช่วงนี้
NPC หน้าเดิมก็เล่าให้ฟังอีก ว่าเมื่อไม่นานมานี้ (หรือไม่ก็เมื่อไม่กี่ปีก่อนมั้ง -*-) จู่ ๆ ท้องฟ้าก็มืดมัวไปทั่วบริเวณนี้
อีกทั้งยังมี "ฟัลชิเฟนริล" (Fal'cie Fenrir) โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้อีกต่างหาก หลังพูดคุยกันเสร็จ ก่อนจะจากกันไป
NPC ท่านนี้ก็ยังตั้งข้อสันนิษฐานว่าพวกเซร่าเป็น "นักท่องเวลา" อีกด้วย (ก็เออสิ แถมไทม์แมชชีนกุยังใหญ่กว่าของไอ้แมวอ้วนสีฟ้าด้วย)


Posted Image
ท้องฟ้าที่มืดมัว และโคคูนที่ถูกบดบัง


ให้เปิดแผนที่แล้วเดินทางไปยังเครื่องหมายตกใจสีเหลือง ระหว่างทางจะพบพื้นที่มืดมิด แต่มีแสงสปอตไลท์ส่องอยู่เรื่อย ๆ
ซึ่งศัตรูแถวนี้โหด ๆ ทั้งนั้น (เช่น เบฮีมอธ) แถมไม่ให้เวลาเราวิ่งหนีสักเท่าไหร่เสียด้วย วิธีเลี่ยงคือต้องไปอยู่ใต้แสงไฟ
หรือไม่ก็วิ่งตามแสงสปอตไลท์จนศัตรูหายไป แล้วค่อยออกเดินทางต่อไป

เมื่อมาถึงสุดทาง ซึ่งดูเหมือนจะไปต่อไม่ได้ นอกจากจะเป็นคนของอคาเดมี่เท่านั้น
แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจว่าจะเอาไงต่อ จู่ก็มีบอสหน้าเดิมที่โผล่มาแค่หัวกับแขนขวา พุ่งเป้าโจมตีมาที่พวกเราอีกแล้ว

วิธีสู้กับเจ้าบอสหน้าเดิม แต่ไปแต้มสีม่วงมาจากร้านเสริมสวยแถวไหนก็ไม่ทราบได้นั้นก็ยังคงใช้วิธีเดิม
เพียงแต่คราวนี้เรามีมอนสเตอร์มาช่วยสู้ด้วยแล้ว โดยอย่างน้อยแนะนำให้ติดตั้งมอนสเตอร์ที่ฮีลได้ไว้ด้วย
โรลแนะนำ โดยเรียงจาก เซร่า/โนเอล/สัตว์เลี้ยง คือ BLA/ATK/BLA โดยเฝ้าระวังเวลามันจะใช้ท่าแรง ๆ ให้ดี
ถ้าเห็นว่ามันเริ่มจะงัดท่าโหดมาใช้ให้รีบเปลี่ยนไปใช้โรล DEF/DEF/HLR โดยไว จะทำให้เราเจ็บน้อยลงไปเยอะ
พยายามทำให้มันติดเบรค แล้วลากเบรคไปให้ได้สัก 500% ค่อยเปลี่ยนเป็น ATK/ATK/ATK รุมยำบอสได้เลย
ชนะแล้วไม่มีอะไรดรอป นอกจากได้โบนัสแต้ม CP 3500 หน่วย

หลังจากสู้เสร็จ ก็ดูเหมือนว่าบอสจะยังไม่หมดฤทธิ์ เริ่มเปิดฉากการโจมตีก๊อก 2
แต่ยังไม่ทันไรก็โดน "ธันเดอร์โบลว" จากบูมเมอร์แรงปริศนาซัดจนกลายเป็นโกโก้ครั้นช์
แล้ว "โฮป เอสไฮม์" ก็จะโผล่เข้ามา พร้อมทักทายว่าศัตรูกาก ๆ แค่นี้อย่าไปเสียเวลากับมันเซ่ (เออเมิงเก่ง)


โฮป จะดีใจที่ได้พบกับเซร่าอีกครั้ง จึงปรี่เข้าไปจับมือเซร่าแสดงความดีใจที่ไม่ได้พบกันนาน แต่พอรู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาทก็รีบผละมือออกมา
โฮปเล่าว่าตัวเองนั้นจำได้ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน (เหตุการณ์ในภาคที่แล้ว)
ทั้งยังเล่าอีกว่าทั้งไลท์นิ่ง ทั้งสโนว แม้แต่พ่อลูกซัสส์ ก็เงียบหาย ไร้ร่องรอยให้ตามหา แม้แต่แฟงก์ กับวานิลา จะยังอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้
ระหว่างพูดคุยกัน จู่ ๆ โนเอลก็ถามโฮปว่า "เอ็งเป็นใครฟระ" (หึงเหรอนาย) โฮปก็ตอบว่าตัวเองเป็นใคร ทั้งยังรู้จักชื่อของโนเอลอยู่แล้วอีกต่างหาก
สักพักอลิซ่าก็จะวิ่งตามโฮปมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมทั้งบ่นอิดออดว่า "รุ่นพี่โฮป ใจร้ายจัง ไม่รอกันมั่งเลย"
แล้วโฮปก็จะนำทางเราเข้าไปยังอคาเดมี่ แล้วอลิซ่าก็จะวิ่งเข้ามาควงแขนโฮป แต่โฮปกลับมีท่าทีแปลก ๆ ก่อนจะรีบดึงแขนตัวเองออกมาซะงั้น Orz

Posted Image
โฮปสายอุเคะ และอลิซ่าสายเซเมะ =_=a


หมายเหตุ - หากเราใช้ความสามารถที่ทำให้ของล่องหนโผล่ออกมาของโมกุริภายในเขตเมือง
ชาวบ้านจะเข้ามารุมล้อม พร้อมซุบซิบ "โอ้ว แม่เจ้า เวทมนต์" (xxxเพิ่งเคยเห็นเรอะ -*-)

เดินตามโฮปไปเรื่อย ๆ คุยกับยามเพื่อไปต่อ
ลองคุยกับอลิซ่าเธอจะบอกว่า "เมื่อ 5 ปีก่อน จู่ ๆ พวกเราก็หายตัวไป เล่นเอาวุ่นวายน่าดูเลย"
คุยกับโฮป โดยเลือกถามเกี่ยวกับไลท์นิ่ง จะได้ใจความว่า ไม่ใช่แค่เซร่า กับสโนวและตนเองเท่านั้นที่คิดว่าไลท์นิ่งยังอยู่
แม้แต่พ่อลูกซัสส์เองก็ยังออกตามหาไลท์นิ่งด้วยเช่นกัน

คุยกับโฮป โดยเลือกถามเรื่องของซัสส์ต่อ โฮปจะเล่าให้ฟังว่า
"โดจจิ" ลูกชายซัสส์เองก็ตั้งเป้าจะเป็นนักบินเหมือนพ่อ แต่อยู่ ๆ วันนึงพวกเขาก็หายไปทั้งคู่
ออกตามหาเท่าไหร่ก็ไร้วี่แวว ซึ่งวันนี้ที่ได้มาเจอกับเซร่าก็ถือว่าช่วยเป็นกำลังใจให้โฮปได้เยอะเลย
ส่วนเซร่าก็ได้แต่ตัดพ้อเรื่องที่ทุกคนต่างก็กระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง

คุยกับโฮป โดยเลือกถามเรื่องของทาร์ซาน เอ้ย สโนว ซึ่งแม้แต่โฮปเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสโนวเป็นตายร้ายดียังไง
เพราะเขาเองก็ไม่ได้ข่าวคราวมานานนับ 10 ปี แล้ว ซึ่งโนเอลก็ได้แต่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าสโนวอาจจะไปพัวพันกับเกท และเหตุการณ์พาราดอกซ์อื่น ๆ อยู่ก็เป็นได้

ตามโฮปไปต่อ
โฮปจะเล่าเกี่ยวกับคนที่เคยอยู่ที่นี่ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นพวกเดียวกับโนเอลก็ได้ ซึ่งคนนั้นก็คือ "มิโกะ ยูรุ" (หรือ ยูล แล้วแต่จะเรียก)
แล้วโฮปจะพามาดูเครื่องบันทำนายรูปทรงหลายเหลี่ยม ซึ่งในนั้นจะบันทึกเหตุการณ์ "แร็กน่าร็อก" ในภาคที่แล้ว โดยภาพจะตัดไปมาระหว่าง ไลท์นิ่งและแร็กน่าร็อก
เมื่อดูเหตุการณ์แรกเสร็จ โฮปก็นำเสนอเหตุการณ์อีกอันต่อ ซึ่งเห็นเหตุการณ์การสู้รบของไลท์นิ่งในวาลฮ่าที่เกิดขึ้นในช่วงบทนำของภาคนี้
แล้วเซร่าจะฉุกคิดเกี่ยวกับเรื่อง ไทม์พาราดอกซ์ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ประหลาด ๆ ในช่วงนี้ เลยคิดว่าถ้าหาวิธีแก้ไขมันได้ก็จะน่าจะได้ข้อมูลของพี่สาวเพิ่มขึ้นมาบ้าง
ว่าแล้วโฮปก็งัดโอพาร์ทออกมามอบให้เซร่าโดยไม่รีรอ

Posted Image
นี่แหละไอ้ลูกหลายเหลี่ยมที่พูดถึง แถมมันยังฉายภาพนิมิตได้ งั้นตั้งชื่อมันว่า "ลูกนิมิต" ดีมั้ย (ฮา)


ภารกิจต่อไป คือตามหาเกทกันเถอะ (บทที่แล้ว เจอเกทแต่ไม่มีโอพาร์ท บทนี้มีโอพาร์ทแต่ไม่มีเกท ช่างคิดเนาะเหลี่ยม -_-ll)

วันนี้เลยมาเขียนได้แค่นี้แหละ ไว้ต่อกันคราวหน้า
To Be Continue
----------------------
หมายเหตุ - บทความนี้เขียนขึ้นลวก ๆ แปลได้มั่งไม่ได้มั่ง แค่เขียนตามความเข้าใจงู ๆ ปลา ๆ
หากผิดพลาดประการใดหรือตกหล่น ณ จุดใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
อีกทั้งบทความนี้สามารถนำไปก็อปแปะที่ไหนก็ได้
จะใส่หรือไม่ใส่เครดิตให้ผม เด็กชาย tapakitchan ก็ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส เชิญตามสบาย
----------------------

วันนี้มีเวลาเล่น 1 ชม.กว่า ๆ เอง
ไปทำงานแต่เช้า เลิกงานมา 5 ทุ่มครึ่ง
เดี๋ยวเช้าต้องออกจากบ้านตั้งแต่ 7 โมงเช้าอีก ไม่รู้จะได้กลับตอนไหนซะด้วย เฮ้อ T^T

แล้วเจอกันเมื่อเวลานั้นมาถึง

ราตรีสวัสดิ์

#14 Nero's

    นักเล่นเกมชั้นครู

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 2363 posts
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:Final Fantasy

Posted 18 December 2011 - 05:32 PM

แว๊กกก เป็นกำลังใจให้ค้าบบบ ตามอ่าน ๆ ^ ^ ผมยังไม่ได้ซื้อเลย อยากรู้แผ่น Zone 2 ราคาประมาณเท่าไหร่ครับ แถวไหนเอามาขายบ้างเนี่ย เห็นแต่ Zone 3

#15 フェイト

    เซียนเกม

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 7815 posts
  • Gender:Male

Posted 18 December 2011 - 08:03 PM

อ้าวมีมู้ด้วยเหรอ

#16 tapakitchan

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 904 posts
  • Gender:Male

Posted 19 December 2011 - 12:49 AM

---------------------------------------------------------------
บรรยายการเล่น XIII-2 [5]
--------------------------------------
รอบนี้ก็ร่ายยาวไม่มีภาพปลากรอบเลย สงสัยต้องเอากล้องไปซ่อนไม่ให้น้องเอาไปใช้ละ -*-
--------------------------------------
จากคราวที่แล้วที่กล่าวถึงลูกทรงหลายเหลี่ยม
ชื่อเต็มของมันคือ 予言の書 (Yogen no Sho ) แปลตรง ๆ ก็ "บันทึกพยากรณ์"
แต่จากนี้ผมจะเรียกว่า "ลูกนิมิต" ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย (แน่นอนว่าเอาไปฝังก็คงไม่ได้บุญหรอกนะ 555)

ส่วนเมืองที่อยู่ในหุบเขายาจัสนั้นชื่อว่า "พาโดร่า" นะครับ คราวที่แล้วไม่ได้ดูให้ดี เลยเรียกว่าอคาเดมี่เฉยเลย

Yuuru หรือ ยูล นั้น ผมจะเรียกว่า "ยูรุ" นะครับ ขอให้เข้าใจตรงกันตามนี้ด้วย

ว่าแต่โจโครีน่าเนี่ย ไม่ว่าเราจะไปที่ไหนเธอมักจะไปดักหน้าคอยสูบตังเราตลอดเลยแหะ
อยากรู้จริง ๆ ว่าเธอมาดักหน้าเราได้ยังไง -*- หรือเธอจะมีแฝดนับสิบนับร้อย เดินทางอยู่ทั่วโลกทุกช่วงเวลากันแน่
นี่สิปริศนาที่ยากแก่ความเข้าใจยิ่งกว่าเนื้อหาหลักของเกมอีก =_=a

มาลุยกันต่อ
หลังจากได้โอพาร์ทมาจากโฮป ก็เปิดแผนที่ดู แล้วไปยังจุดเครื่องหมายตกใจสีเหลืองได้เลย
เมื่อไปถึงจะพบว่าเส้นทางที่ถูกปิด ตอนนี้เขาเปิดให้เราเข้าไปแล้ว เมื่อเข้าไปจนสุดทางก็จะพบกับเกทนั่นเอง
อย่ารีรอ รีบเปิดเกมแล้วมาเป็น "สาวน้อยผู้กระโดดข้ามผ่านเวลา" กันเถอะ

เมื่อเข้ามาแล้วเราจะมาโผล่ที่ปี AF200 แต่ทั้งเซร่า และโนเอลก็ไม่รู้หรอก ว่าพวกตนอยู่ในปีอะไร
มีเพียงสภาพพื้นที่ที่ดูเวิ้งว้าง เหมือนซากแผ่นดินที่ลอยเคว้งอยู่กลางอวกาศเสียมากกว่า
แต่หากดูจากบรรยากาศโดยรอบแล้วจะรู้เลยว่าที่นี่คือ "หมู่บ้านโอลบา" บ้านเกิดของ วานิลา กับ แฟงก์ ในภาคก่อนนี่เอง
ซึ่งสาเหตุที่สภาพดินแดงเกิดการเปลี่ยนแปลงแปลก ๆ ไปนี้คาดว่าน่าจะเป็นผลพวงจาก ไทม์พาราดอกซ์ในอดีตเป็นแน่

จึงเป็นภาระเราอีก ที่ต้องทำให้ชิ้นส่วนของกาลเวลาที่แตกกระจายกลับมารวมกัน ก่อนที่จะทำอย่างอื่นต่อไป
ว่าแล้วก็วิ่งไปยังกลางสะพาน ก็จะพบเสาแสงสีทองเด่นเป็นสง่า เมื่อสำรวจที่เสาแสงสีทองนี้เราก็จะถูกพามาที่ "วงกตแห่งเวลา"
ทว่าวงกตแห่งเวลานี้จะต่างออกไปจากที่เราเคยพบเจอ มันไม่ใช่การวิ่งเก็บคริสตัลโดยไม่ให้วิ่งกลับทางเดิมอีกแล้ว
แต่เป็นการ ลากเส้นโยงคริสตัล ให้เป็นรูป ตามที่เกมกำหนดต่างหาก (เหมือนเกมลากเส้นต่อจุดนั่นแหละ)

"วงกตแห่งเวลา 2"
วงกตแห่งนี้จะมีพื้นเป็นสีเทาเงิน วิธีเล่นคือ ให้ลากเส้นให้เหมือนที่รูปกำหนด ภายในเวลาที่จำกัด
โดยการลากเส้นคือต้องไปลากจากจุดนึง ไปยังจุดนึง โดยการกด A ค้างไว้ (PS3 อาจเป็นปุ่ม X หรือ O)
และมีอีกเงื่อนไขคือ การจะลากจากจุด ๆ นึง ไปหากัน ต้องเป็นคริสตัลสีเดียวกันเท่านั้นอีกด้วย
แต่ยังดีหน่อย ที่เกมไม่ได้บังคับว่าต้องลากเส้นติดต่อกัน คุณจะลากจากเส้นไหนก่อนก็ได้
ขอแค่ท้ายสุดคุณลากเส้นสำเร็จตามรูปที่เกมกำหนดมาให้เท่านั้นพอ แน่นอน หากคุณอยากเริ่มลากเส้นใหม่ก็กด รีไทร์ ได้เหมือนตอนวงกต 1

เสาแสงสีทองจะมีอยู่ทั้งหมด 3 จุด วิ่ง ๆ แถว ๆ กลางพื้นที่ ที่ถูกตัดขาดโมกุริก็จะช่วยเราหาจนเจอเอง
แล้วค่อยกด RB หรือ R1 เพื่อทำให้มันโผล่ออกมา แล้วจึงไล่เคลียร์วงกตแห่งเวลา 2 เท่านี้ก็ผ่านละ

เมื่อผ่านวงกตแห่งเวลา 2 ครบแล้ว ให้วิ่งลงมาที่ชายหาดแล้วเข้าบ้าน ขึ้นบันไดไปจนถึงดาดฟ้า จะพบลูกนิมิตตั้งอยู่ตรงนั้น
เมื่อเรากำลังจะทำการสำรวจลูกนิมิต ยูรุ ก็เข้ามาห้ามเราไว้ แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว เซร่าเผลอไปทำให้ลูกนิมิตฉายภาพที่ถูกบันทึกไว้ออกมาก่อนแล้ว
โดยภาพที่ถูกฉายออกมาจะเป็นเหตุการณ์ในฉากจบภาคที่แล้ว ฉากที่เซร่าโผกอดไลท์นิ่ง สโนวกับเซร่าได้รับการยอมรับให้แต่งงานกันจากไลท์นิ่ง
และก็จะมีภาพที่ไลท์นิ่งถูกธรณีสูบ อีกทั้งยังภาพสงครามที่วาลฮาร่า ฉายสลับไปมาอยู่อย่างนั้นจนจบ แล้วไคอัสก็จะโผล่เข้ามา
พร้อมกล่าวสุนทรพจน์ "หากเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ก็เปลี่ยนแปลงอดีตได้เช่นกัน" (ใครถามเมิงวะ)
โนเอล ตกใจอย่างมากที่ยูรุโผล่มา แต่ยูรุก็บอกว่าเธอนั้นไม่ใช่ยูรุที่โนเอลรู้จักหรอก
โนเอลก็ยิงคำถามใส่ไคอัสว่าทำไมมันถึงมาอยู่ที่ช่วงเวลานี้ได้
ไคอัสไม่บอก บอกแต่ว่า ยูรุ สามารถเฝ้ามองพวกเราได้ แล้วก็ท้าตีกับพวกเราแบบ 1 ต่อ 3

-ไคอัส AF200 หมู่บ้านโอลบา-
วิธีสู้ไม่ยากอะไร แนะนำให้จัด พาราไดม์ (เรียงจาก เซร่า/โนเอล/มอนสเตอร์) HLR/DEF/HLR กับ BLA/DEF/HLR เอาไว้ด้วย
ไคอัสจะไม่มีท่าที่โจมตีรุนแรงขนาดทีเดียวตาย แต่ก็คางเหลือง หากโดนแล้วเหลือง ๆ ก็เปลี่ยนมา BLA/DEF/HLR เพื่อให้เลือดเต็มไว้ก่อน
แล้วค่อยกลับไปปั้นเชนเบรคกับมันอีกที หากโดนจนเลือดแดง ส่อแววใกล้ตาย ค่อยสลับมาที่ HLR/DEF/HLR
พอมันเบรคก็ไม่มีอะไรยากแล้ว รักษาระดับพลังชีวิตไว้ให้ดีก็พอ แค่นี้ก็จะชนะได้ไม่ยาก

เมื่อสู้เสร็จ ไคอัสก็จะเปิดการโจมตีระลอกสองใส่เราต่อ จนหลบกันไม่พ้น
โนเอลที่เสียหลัก ก็บอกว่า "ชั้นไม่อยากจะสู้กับนายนะ ไคอัส" (เมิงกลัวเค้าอ่ะดิ) แต่เฮียเค้าฟังที่ไหน
พร้อมเล่นมุกเดียวกับยูรุ "กุไม่ใช่ไคอัสที่เมิงรู้จักหรอกเฟ้ย" แล้วก็ง้างดาบเตรียมจ้วงโนเอลเต็มที่
แต่โชคยังดี ที่ยูรุห้ามเอาไว้ทัน โดยอ้างว่าการฆ่าโนเอลนั้น "ไม่จำเป็น" แล้วก็ทิ้งคำพูดแบบเดียวกับไคอัสไว้ว่า
"หากเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ก็เปลี่ยนแปลงอดีตได้เช่นกัน" แล้วไคอัสกับยูรุก็จากไป พร้อมทิ้งโอพาร์ทไว้เป็นของขวัญ

ตรงนี้จะเป็นการเลือกตอบแบบ Live Trigger ผมเลือกให้เซร่าถามว่า "ไคอัสมันเป็นใคร"
เซร่า : ไคอัสเนี่ย เค้าเป็นใครกันแน่ ก่อนหน้านี้ชั้นก็เคยเห็นหน้าเค้าในฝันเหมือนกัน
โนเอล : ไคอัสที่เราเห็นไม่ชั้นคนที่ชั้นรู้จักหรอก เพราะไคอัสไม่น่าจะมาอยู่ในช่วงเวลานี้ได้...

ว่าแล้วก็วิ่งกลับไปยังเกทที่เรายังไม่ได้เปิดเมื่อสักครู่เพื่อเดินทางข้ามเวลากันต่อ
โดยก่อนที่จะเดินทางข้ามเวลา โนเอลก็บ่นว่า "ทั้งหน้า ทั้งเสียงก็เหมือนกันแท้ ๆ แต่ทำไมถึงไม่รู้จักชั้นล่ะ"
เซร่ารู้ดีว่าโนเอลกำลังพูดถึงยูรุ โนเอลก็เลยถามเซร่าก่อนว่าจะไม่ถามอะไรเลยรึ ซึ่งเซร่าก็เข้าใจดีว่า
เวลาที่ยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ ก็คงอึดอัดน่าดูที่จะพูดออกมา เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่ถามอะไรโนเอล
โนเอลเองก็ทำได้แค่ขอโทษ และสัญญาว่าสักวันจะเล่าให้ฟังทีหลัง
แล้วเราก็จะออกเดินทางข้ามเวลากันต่อมายังปี AF01X

-AF01X-
เมื่อเราออกจากเกทมาก็จะพบสถานที่ที่เป็นหุบเขาอันคุ้นเคย นั่นก็คือ หุบเขายาจัส ที่เราใช้ผ่านทางไปยังเหตุการณ์ที่โอลบาเมื่อสักครู่นี้นี่เอง
(Live Trigger) ระหว่างเดินทางไปหาโฮปที่พาโดร่า เซร่าจะถามโนเอล เกี่ยวกับคำพูดของ ยูรุ และ ไคอัส
ที่ว่า "หากเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ ก็เปลี่ยนแปลงอดีตได้เช่นกัน" ว่ามันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ถ้าหากเปลี่ยนอดีตแล้วอนาคตเปลี่ยนก็ยังพอเข้าใจได้
โนเอลก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผู้เล่นก็งงอีกคน ได้แต่ทำตามที่โนเอลบอกว่าไปถามโฮป กับอลิซ่าดูดีกว่า เผื่อพวกนี้จะมีคำตอบ

เมื่อเดิมทางมาถึงพาโดร่า ยูรุก็จะออกมาต้อนรับพวกเรา ซึ่งทำให้ทั้งเซร่าและโนเอลตกใจมาก นึกว่าว่ายูรุนั้นใช้เกทข้ามเวลามายังที่นี่
ยูรุจึงตอบว่า "ตัวชั้นที่เธอเห็นไม่ตัวชั้นตรงนี้ แต่เป็นตัวชั้นในอนาคตอันไกลโพ้นต่างหาก"
โนเอลก็เลยโพล่งออกมาว่า "นี่ก็คงไม่ใช่ยูรุที่ชั้นรู้จักสินะ" แต่ยูรุก็บอกว่า "รู้จักสิ เพราะชั้นเฝ้ามองพวกเธออยู่ตลอด"
ทำให้เซร่าอดสงสัยไม่ได้ว่า ยูรุเนี่ยมองเห็นอนาคตหรอกรึ แต่ยูรุก็ถล่มตนว่าตัวเองนั้นทำได้แค่อ่านกระแสเวลาเท่านั้นแหละ
แล้วก็ชี้นิ้วมายังเซร่าพร้อมทั้งบอกว่าเซร่ากับยูรุนั้นก็ไม่ต่างกัน ส่วนเซร่าก็ได้แต่ติดสตัน ไม่สามารถทำความเข้าใจในคำพูดของยูรุได้เลย

เมื่อเข้ามาในเมือง ลองพูดคุยกับชาวเมือง และฟังชาวเมืองบ่น ๆ กันจะได้ใจความว่า
บริเวณนี้จะไม่เหตุการณ์พาราดอกซ์ใหญ่ ๆ แล้ว และบางคนก็จะจำเราไม่ได้ ได้แต่บ่นว่าเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญไป
ไปยังจุด ! ก่อนจะถึงจุดที่โฮปอยู่ จะได้ยินเสียงโฮปกับอลิซ่าคุยกัน
อลิซ่า : เซมไป (รุ่นพี่) กำลังรอใครอยู่เหรอ
โฮป : ไม่รู้สิ จำไม่ได้เลยว่ากำลังรอใคร แต่รู้เพียงว่าต้องรออยู่ตรงนี้ก็เท่านั้น

โฮปที่ท่าทางจะจำการพบเจอกับเราครั้งล่าสุดไม่ได้นั้นจะเป็นยังไงต่อไป ไว้มาต่อกันคราวหน้าแล้วกัน

บ๊ายบาย ^^

--------------------------

Edited by tapakitchan, 20 December 2011 - 02:09 PM.


#17 GodSlaYeRz

    นักเกมมือเซียนชั้นที่ 2

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 3562 posts

Posted 20 December 2011 - 09:22 AM

มาเจิมไว้ก่อน ยังไม่รู้ว่าจะเล่นบน 360 หรือ PS3 ดี T_T

#18 digitup

    นักเล่นเกมมือโปร

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1738 posts
  • Gender:Male

Posted 20 December 2011 - 02:40 PM

ขอบคุณครับอ่านสนุกมาก

#19 GOONG-GAMER

    นักเล่นเกมมือโปร

  • Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 1961 posts
  • Gender:Male

Posted 20 December 2011 - 05:45 PM

ผมยังไม่ได้เล่นเลยลุงโอม :sad2:

#20 tapakitchan

    นักเล่นเกมระดับสูงชั้นที่ 1

  • Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPip
  • 904 posts
  • Gender:Male

Posted 21 December 2011 - 07:15 PM

ดองการบรรยายการเล่นไว้ชั่วคราว ตอนนี้ยิ่งเล่นยิ่งมั่ว
แวะนู่นแวะนี่แหลก ใช้ ワイルドオーパーツ จนเกลี้ยง -*-
ลืมไปเปิดเกทหุบเขายาจัส ในปี 100 เลยต้องวิ่งวนหา ワイルドオーパーツ ที่ยังไม่ได้เก็บจากสถานที่ต่าง ๆ
โชคดีได้เว็บนี้ช่วย เลยทำให้รู้ตำแหน่งมัน -.- รอดตัวไป

http://ff12.jp/

ช่วยได้เยอะเลยเว็บนี้