`

Jump to content





[Science Fiction] "Star Blood - สายเลือดแห่งดวงดาว"


4 replies to this topic

#1 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 14 December 2009 - 08:20 PM

Star Blood

-สายเลือดดวงดาว-



QUOTE
-บทนำ-

วงโคจรเข้าสู่สภาวะมีเสถียรภาพหรือยัง?

เข้าแล้ว . . .

อีกนานไหมจึงจะเริ่มต้นได้?

ไม่นานแล้ว . . .

คุณไปก่อนแล้วกัน แล้วฉันจะตามไป!!!

คุณคิดว่า . . . เรา . . . จะประสบความสำเร็จไหมกับดาวเคราะห์ดวงนี้?

ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน สิ่งเดียวที่เราทำได้ ก็คือพยายามเท่านั้น!!!



----------------------------------------------

+บ็อบบี้+


+บ็อบ บี้กำลังร้อง หน้าเล็กๆของเขาแดงก่ำ มือทั้ง 2 กำเป็นกำปั้นเกร็งแน่น ไม่สนใจหุ่นพี่เลี้ยงที่กำลังอุ้มเขา โยกตัวไปมาขณะร้องเพลงกล่อมเขาอยู่ . .

+เดนนิสันเดินตรงรี่เข้ามาอย่างรำคาญใจ ปิดสวิทช์หุ่นแม่เลี้ยง อุ้มทารกน้อยลูกชายของเขาขึ้น แล้วเดินตรงออกไปที่ระเบียงพลางมองหาภรรยาของเขา ซึ่งกำลังฝึกเล่นบอลแม่เหล็กอยู่กับหุ่นครูฝึกอย่างไม่พอใจ . .

+"บ็อบ บี้ร้องมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่บ่ายมานี่ยังไม่หยุดเลย" เดนนิสันพูดเสียงดังกับภรรยาของเขา "คุณทำอะไรสักอย่างให้เขาหยุดร้องซะทีจะได้มั๊ย"

+นางเดนนิสันพูดเสียงดังสวนกลับมาเช่นกัน "ก็ให้หุ่นแม่เลี้ยงดูเขาสิ"

+"ผมปิดหุ่นบ้านั่นไปแล้ว" เดนนิสันพูด "เพราะมันทำอะไรไม่ได้เลย คุณพาบ็อบบี้ไปขึ้นคอปเตอร์ทีสิ เขาชอบ จะได้หยุดร้องเสียที"

+"คุณ ก็พาเขาไปเองสิ" อลิซ เดนนิสันพูด "คุณไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังฝึกลูกโต้กลับอยู่ คุณเองก็รู้นี่นะ ว่าฉันจะต้องลงแข่งอาทิตย์หน้า"

"คุณไม่สนใจลูกชายของคุณเลยใช่ไหม?"

+เธอไม่ตอบ กลับหันไปผงกหน้าให้สัญญาณกับหุ่นครูฝึก "ฉันพร้อมแล้ว" นางเดนนิสันร้องบอกหุ่นครูฝึก

+แผ่น แม่เหล็กพุ่งออกมาจากมือของหุ่นทันที อลิซ เดนนิสันยกมือข้างซ้ายที่สวมถุงมือป้องกันขึ้นสกัดแผ่นแม่เหล็กอย่างแคล่ว คล่อง จนแผ่นแม่เหล็กถูกดีดกลับออกไปจากมือของอลิซ เดนนิสัน

+"ดีมาก ครับ คุณเดนนิสสัน" หุ่นผู้ฝึกพูด . . ขณะนั้นเอง เดนนิสันก็เดินตรงเข้าไปหาหุ่นผู้ฝึกอย่างรวดเร็วด้วยอาการเกรี้ยวกราด เขายกไม้ถือโลหะขึ้นสุดแขน แล้วฟาดเปรี้ยงเข้าที่คอของหุ่นผู้ฝึก . .

+"ดี จริงนะ!!! คุณคงพอใจแล้วสิที่รัก" ภรรยาของเขาพูดเสียงดัง "หุ่นตัวนี้ราคาหนึ่งหมื่นห้าพันดอลลาร์ . . ฉันต้องไปซื้อตัวใหม่มาอีกตัวหนึ่ง"

+"ตามใจคุณ" เดนนิสันพูด "แต่ตอนนี้คุณพาบ็อบบี้ไปขึ้นคอปเตอร์ได้แล้ว ผมไม่อยากได้ยินเสียงของเขาอีก"

+นางเดนนิสันอุ้มบ็อบบี้ขึ้นอย่างไม่พอใจ บ็อบบี้ยังคงอ้าปากร้องอยู่ เธอก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้วกดขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้า
สตาร์ท เครื่องคอปเตอร์ขนาดครอบครัว วางบ็อบบี้ไว้ในคอปเตอร์ แล้วบังคับเครื่องให้บินขึ้นในอากาศ ใบพัดของคอปเตอร์หมุนคว้างสะท้อนแสงแดดเป็นประกายวาววับ

+เหนือน่าน ฟ้าเมืองชิคาโก้ที่ระดับความสูงห้าไมล์ อลิซ เดนนิสันเปิดสวิทช์เครื่องควบคุมการบินอัตโนมัติ เปิดประตูเครื่องคอปเตอร์ออก แล้วจับลูกชายของเธอยื่นออกไปนอกตัวเครื่อง . . ลมแรงพัดกรรโชกปะทะลูกชายและเธอเต็มที่

เธอยิ้มให้บ็อบบี้แล้วก็ปล่อยมือ

+ร่างของทารกน้อย บ็อบบี้ เดนนิสัน ตกละลิ่วลงสู่พื้นโลกเบื้องล่าง พร้อมกับเสียงที่ยังร้องอย่างไม่ยอมหยุด!!!

----------------------------------------------

+เดวิด+


+"ผมเกลียดร้านหนังสือ" เดวิดโวย

+"เธอยังเป็นเด็กอยู่" ผู้ปกครองของเขาพูด "เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เธอก็จะรู้คุณค่าของหนังสือ"


+เดวิดอายุ 17 ปี เขาจำต้องยอมตามผู้ปกครองพาเขาเข้าไปในร้านหนังสืออย่างจนใจ . . .

+"ผมจะรับใช้อะไรได้ครับ?" ชายแก่ร่างสูงคนหนึ่งยิ้มให้เดวิดและผู้ปกครอง ชายแก่สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาแบบเดียวกับผู้ทรงความรู้ทั้งหลาย

+"นี่คือเดวิด" ผู้ปกครองพูด "เขาอยากจะเช่าหนังสือที่นี่"

+ชายแก่ผงกหัว "แล้วเธอมีเรื่องที่อยากได้หรือยังล่ะ เดวิด?"

+"ผมไม่มี" เดวิดพูด "ให้ผู้ปกครองของผมเลือกแทนก็แล้วกัน"

+"ถ้าอย่างนั้น . . . " ชายแก่ยิ้มอีก "ผมจะช่วยแนะนำบางเรื่องที่น่าสนใจให้ดีไหมครับ?"

+"ดี" ผู้ปกครองตอบ

+ชายแก่ทำปากเม้ม "อืมม!! . . . เอาเรื่อง โมบี้ ดิกค์ ดีไหมครับ? เป็นเรื่องผจญภัยทะเลลึก แล้วก็ยังแทรกข้อปรัญชาดีดีเอาไว้ด้วย"

+"ผมเกลียดปลาวาฬ" เดวิดพูด "ผมไม่ชอบพวกสัตว์ทะเล"

+"อืมม!! ถ้าอย่างนั้น ผมขอแนะนำผ่านนายเมลวิน และนายเวิร์น ให้นำเรื่องตื่นเต้นสยองขวัญของไดแอน โธมัส ชื่อเรื่อง "ใต้ป่าน้ำนม" มาฝากคุณดีไหมครับ?"

+"ขอฟังสักหน่อยซิ" เดวิดพูด

+ชายแก่กดปุ่มปุ่มหนึ่งที่ผนังห้อง พลันนั้น ประตูเปิดออก แล้วร่างของชายคนหนึ่งเดินก้าวเข้ามาในห้อง หน้าเครียด คิ้วขมวด จมูกแดงและใหญ่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ชายผู้นั้นเดินตรงมายังคนทั้งสาม กล่าวด้วยวาจาเสียงดัง

+เขาพูดถึงเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ห่างไกลจากทุกสิ่งทุกอย่าง ท้องฟ้ามืดมิดปราศจากดวงดาว เขาเล่าถึงป่าอาถรรพ์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับดำมืด เวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสมือนราวกับหยุดนิ่ง ความมืดมิดเหมือนอีกาสีดำ กับท้องทะเลที่บ้าคลั่ง พร้อมเรือหาปลาลำหนึ่งกำลังจะจม . . .

+"ไม่เอาแล้ว ผมไม่ชอบ" เดวิดขัดขึ้นมาตรงๆ "ส่งเขากลับไปเถอะ"

+"เอ้า ไปได้แล้ว คุณโธมัส" ชายชราพูด

+ชายหน้าเครียด คิ้วขมวด ผมยุ่ง หยุดเล่า หันหลังกลับทันที แล้วเดินหายกลับเข้าไปในประตู

+"ผมอยากได้เรื่องการล่าสัตว์แบบสมัยก่อน" เดวิดพูด "คุณมีไหม?"

+"มีซี่ เรามีมากทีเดียว ลองเรื่อง ป่าใหญ่ ดูสักหน่อยไหมละ?"

+"ใครเขียน?" เดวิดถาม

+"วิลเลี่ยม โฟล์กเนอร์ รับรองเลยว่าคุณจะต้องชอบเขาแน่ๆ"

+เดวิดยักไหล่ แล้วชายแก่ก็กดปุ่มที่ผนังห้องอีกปุ่มหนึ่ง ทันใดนั้นเอง ชายร่างสูง นัยน์ตาเศร้า ไว้หนวดแหลมเรียวเล็กก็เดินก้าวเข้ามาในห้อง

+เขาเริ่มต้นพูดช้าๆ น้ำเสียงเนิบๆ เขาเล่าถึงป่า แม่น้ำ และแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ที่ต้นฝ้ายงอกงามจนสูงใหญ่เท่ากับคนกำลังขี่ม้า . . .

+"ตกลง ผมเลือกเขา" เดวิดพูด

+"ตกลง" ผู้ปกครองของเดวิดเห็นชอบด้วย

+"วิเศษมาก" ชายแก่เจ้าของร้านพูด

+วิลเลี่ยม โฟล์กเนอร์ ยืนรออยู่อย่างเงียบๆ ขณะที่ใบยืมกำลังถูกเซ็นชื่อ แล้วเขาก็เดินออกไปจากร้านพร้อมกับเดวิดและผู้ปกครอง

+"มีเรื่องๆ หนึ่งในหนังสือของผม" วิลเลี่ยม โฟลคเนอร์พูดกับเดวิด "ชื่อเรื่อง หมี เธออยากฟังไหมละ?"

"อยากสิ . . ผมอยากฟังหมดทั้งเล่มเลย ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการล่าสัตว์"

+"เดวิดมีรสนิยมแปลกๆ เขาชอบฟังเรื่องเกี่ยวกับความตาย" ผู้ปกครองหันมาพูดกับโฟล์กเนอร์

+"ถ้าอย่างนั้น ผมจะเริ่มจากหน้าหนึ่งเลยนะ" ชายร่างสูงพูด ขณะที่ทั้ง 3 คนกำลังเดินข้ามทางแยก

+เดวิดเงยหน้าขึ้นมองดูตาเศร้าๆ ของโฟลก์เนอร์ และทันใดนั้นเอง รถยนต์คันหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามา . .

+เดวิดไม่ทันเห็น ผู้ปกครองร้องอย่างตกใจ คว้าเสื้อนอกของเด็กชายไว้หมายจะดึงเขากลับคืนมา แต่ช้าเกินไป . .

รถชนกับเดวิดเข้าอย่างจัง เขาขาดใจตายทันที . . .

+"จะส่งผมคืนกลับร้านไหมครับ?" วิลเลี่ยม โฟลก์เนอร์ถามด้วยแววตาเศร้าสร้อย . . .

----------------------------------------------


- -> โปรดติดตามตอนต่อไป

Edited by rbgel, 14 December 2009 - 09:12 PM.


#2 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 14 December 2009 - 08:46 PM

+ลินดา+


+ลมพัดอื้ออึง หิมะตกกระหน่ำจนซัดเข้าตาและปากของลินดา เธอยืนเผชิญหน้ากับพายุหิมะที่ตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง คอเสื้อกันพายุของเธอเปิดอยู่ ปล่อยให้ลมและหิมะซัดสาดปะทะร่างของเธอแบบเต็มๆ ตัวของเธอยืนหนาวสั่น . .

+แต่แล้ว ผนังห้องก็สว่างขึ้นมา ใครซักคนต้องการพบเธอ . .

+ลินดาปิดระบบพายุหิมะอย่างขัดเคืองใจ ลมหยุดพัดแล้ว หิมะละลายไปทันที ท้องฟ้าที่ฝ้าเพดานเหนือศีรษะของเธอเปลี่ยนกลับเป็นสีน้ำเงิน และสงบอีกครั้งหนึ่ง . . ลินดาก้าวออกมาจากห้องสภาพลมฟ้าอากาศ ถอดเสื้อกันพายุและรองเท้าบู๊ตออก . .

+พ่อของลินดารอเธออยู่ ชายผู้มีร่างใหญ่ บึกบึน และทำหน้าเครียดเหมือนเช่นเคย

+"เสียใจที่ต้องดึงแกออกมาจากห้องนั่น แต่พ่อมีเรื่องต้องพูดกับแก"

+ลินดาเดินไปที่บาร์ตรงมุมห้อง กดแผ่นไม้โอ๊กที่ผนัง พลันนั้น . . แก้วบรรจุเหล้าสก็อตช์พร้อมน้ำแข็งก้อน ก็ไหลเข้าสู่มือของเธอ "เครื่องดื่มไหมพ่อ?" เธอถาม

+"แกก็รู้นี่ ว่าพ่อไม่เคยดื่มเวลาทำงาน"

+เธอจิบสก็อตช์ "จริงสินะ พ่อเข้าเมืองมาทำงานเหรอคะ?"

"ใช่"

+"หนู ว่านะ . . งานของพ่อมันไม่ดีเลย" ลินดาสั่นศรีษะ "ทำไมพ่อไม่เลิกเสียล่ะ? พ่อแก่เกินไปแล้วที่จะทำงานฆ่าคนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ซักวันหนึ่งพ่อจะต้องพลาด แล้วก็จะต้องถูกเก็บ"

"พ่อรู้ดีอยู่แล้วนี่ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา"

+"ไม่หรอก มันจะไม่มีวันเกิดกับพ่อหรอก" เขาพูด "พ่อรู้จักงานของพ่อดี . . ก็นะ มันดูเลวร้ายก็จริง . . แต่มันก็ทำให้แกมีทุกสิ่งทุกอย่างที่แกอยากจะได้"

+"เหรอ คะ . . งั้นตอนนี้ หนูก็ควรจะเริ่มสำนึกในสิ่งที่หนูทำได้ แล้วควรจะดีใจที่เป็นลูกสาวของนักฆ่ารับจ้างมืออาชีพชั้นสูง ร่ำรวยเงินทอง แต่ก็เสียผู้เสียคนอย่างนั้นสิ"

+"จริงๆแล้วหนูกลายเป็นส่วนเกินของสังคมที่ไม่มีค่าอะไรเลย . . ขอบคุณพ่อมากนะที่ทำให้หนูเป็นอย่างนี้" ลินดาพูดอย่างมีอารมณ์

+"ถ้าอย่างนั้น แกคงไม่ว่านะ ที่จะต้องละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป" ชายร่างใหญ่พูด

"พ่อหมายความว่ายังไง?"

"พ่อหมายความว่า งานของพ่อครั้งนี้ เป้าหมายคือ แก"

+และแล้ว ปืนเลเซอร์ในมือของเขาก็ถูกยิงออกมาจากใต้เสื้อคลุม พุ่งเข้าใส่กลางแสกหน้าของลินดาทันที!!!

"ฉึบบบบบบบบบบบบบบบ"

----------------------------------------------

+แบ๊กซ์+


+ทั้งสองกำลังรับประทานกุ้งผัดผงกระหรี่อยู่ที่ท็อป ออฟ เดอะ มาร์กในซานฟรานซิสโก แต่แล้วบรรดาฝูงฉลามเริ่มทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
"พวกมันเข้ามาใกล้จังเลย" เธอกล่าว "ทำไมพวกมันถึงเข้ามาใกล้ได้มากขนาดนี้ล่ะ?"

+แบ๊กซ์ดีดนิ้ว พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งรีบเดินรี่มาที่โต๊ะทันที "ทำอะไรกับเจ้าพวกนั้นหน่อยซิ" แบ๊กซ์ออกคำสั่ง

"ขออภัยครับท่าน ตอนนี้เกราะพลังเสียครับ"

+"แล้วซ่อมได้หรือเปล่าล่ะ" แบ๊กซ์ถาม

+"แน่นอนครับ ตอนนี้ช่างของเรารีบดำเนินการอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของเราอย่างเป็นปกติดี และไม่ช้า เกราะพลังก็จะกลับมาทำงานอย่างเต็มที่เหมือนเดิมอีกครั้งครับท่าน" พนักงานเสิร์ฟกล่าว

+แบ๊กซ์โบกมือไล่พนักงานเสิร์ฟไป "ว่าไง พอใจหรือยังล่ะคุณ?" เขาถามเธอ

+เธอก้มหน้าลงเขี่ยอาหารตรงหน้า "ฉันจะยอมไม่มองดูพวกมันก็แล้วกัน" เธอกล่าว


+ฝูงฉลามยังคงว่ายน้ำชนผนังชั้นนอกอันโปร่งใสต่อไป ปลากระเบนตัวใหญ่ยักษ์ตัวหนึ่งแหวกคลื่นผ่านมาใกล้ๆ . . มองผ่านออกไป เหล่าฝูงปลาสีรุ้งว่ายเข้าๆ ออกระหว่างซากอาคารที่พังทลายจากแผ่นดินไหว

+รถบรรทุกและรถเคเบิ้ลล้วนจับไปด้วยตะไคร่ใต้น้ำเป็นแผ่นหนาประดุจผืนพรม แท็กซี่ใต้น้ำที่อัดแน่นไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยว เคลื่อนที่ดำผ่านภัตตาคารมาเป็นครั้งคราว . .

+แบ๊กซ์โน้มตัวมาข้าง หน้า เอื้อมไปจับมือของหญิงสาวมากุมไว้ พลางชายตาจ้องมองใบหน้าของเธอ "ผมคิดว่าคุณคงจะชอบที่นี่ เพราะที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ให้เหมือนกับของเดิม จากตรงนี้คุณสามารถมองเห็นวิวทั่วทั้งหมดของเมืองได้"

+"แต่ฉันรู้สึกเหมือนถูกขังเอาไว้" เธอกล่าว "ฉันชอบอยู่บนพื้นผิวโลกมากกว่าค่ะ แบ๊กซ์ . . ฉันไม่ชอบที่นี่เลย"

+แบ๊กซ์ยิ้มนิดๆ "จริงๆ แล้ว ผมก็ไม่ชอบที่นี่นักหรอก แต่ว่าตอนนี้เราไม่มีทางเลือก"

+"ฉันรู้ค่ะ" เธอบีบมือขวาเขา "ฉันเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนักหรอก เพียงแต่ . . ."

+"ดูนั่นสิ" แบ๊กซ์ขัดขึ้นมา "พวกเขาซ่อมมันเสร็จแล้ว"

+ฝูงฉลามว่ายน้ำห่างออกไปทันที เมื่อระบบเกราะพลังงานทำงานอีกครั้ง โดมชั้นนอกแผ่รังสีสีเงินกระจายออกไปรอบๆ ทำให้คลื่นน้ำรอบๆโดมส่องสว่างเป็นประกายเจิดจ้า เหล่าปลาฉลามยิ่งว่ายน้ำถอยร่นไกลห่างออกไปจากโดมอีก ห่างออกไปสู่ชั้นน้ำสีดำเขียวของมหาสมุทรแปซิฟิก . . .

+"ฟันของพวกมันน่ะค่ะ" หญิงสาวพูดกับแบ๊กซ์ "ดูราวกับคมมีดเป็นพันๆ เล่มพุ่งขึ้นมา"

"พวกมันไปแล้วล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว จัดการกับผัดกระหรี่ของคุณดีกว่า"

+"เมื่อไหร่คนติดต่อจะมาพบกับเราคะ?" เธอถาม

"เขาน่าจะมาถึงแล้วล่ะ เพราะนี่มันก็เลยเวลานัดกันมาพอสมควรแล้ว ผมคิดว่าอีกสักครู่ก็คงมา"

"หรือว่า . . มีอะไรผิดพลาดขึ้นคะ?"

+แบ๊กซ์สั่นหน้า "จะเป็นไปได้ยังไง" เขาแตะมือที่ด้านในเสื้อโค้ทของเขา "ผมมีของนี่อยู่ พอพวกเขาจ่ายเงินค่าของแล้ว เราก็จะออกไปจากซานฟรานซิสโก ไปหาหมู่เกาะสวยๆซักที่กัน แล้วพักผ่อนให้นานๆ ให้คุ้มค่ากับเงินของเรา"

+"แต่ . . ถ้าเผื่อมีการวางแผนซ้อนล่ะคะ?" เธอมองหน้าแบ๊กซ์ พูดเสียงจริงจัง "ถ้าเกิดพวกเขาจ้างสายลับอีกคนหนึ่ง ให้มาเอาของแทน แล้วเก็บคุณล่ะ?"

+แบ๊กซ์หัวเราะ "คุณหมายถึง เรา ใช่ไหม ที่ถูกเก็บ?"

+หญิงสาวจ้องมองสบตาของเขาอย่างเย็นชา "ไม่หรอก . . ฉันหมายถึงคุณนั่นแหล่ะค่ะ แบ๊กซ์"

เฮือกกกกกกกก

+แบ๊กซ์สะดุ้ง ไวน์ครึ่งแก้วพลันหลุดตกจากมือ "แก นังตัวร้าย" คำพูดสุดท้ายหลุดออกมาจากปากของเขาเบาๆ แล้วแบ๊กซ์ก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ร่างกายไม่ไหวติง!!!

+หญิงสาวสอดมือเข้าไปหยิบห่อของอะไรบางอย่างออก มาจากกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขา แล้วก็จับมันยัดใส่ในกระเป๋าถือของเธอ . . พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นตรงมายังโต๊ะ . .

+"สามีของฉันเป็นโรคหัวใจล้มเหลว" เธอบอก "ฉันจะไปตามหมอมา" แล้วเธอก็เดินออกไปจากบาร์อย่างใจเย็น

+เบื้องนอกห่างออกไปโน่น ไกลโพ้นจากรัศมีของแสงสว่างสีเงิน ฝูงปลาฉลามฟันแหลมคมเหมือนมีดยังคงว่ายน้ำอยู่รอบๆ โดม อย่างที่เคยเป็นมา . . .

----------------------------------------------

- -> โปรดติดตามตอนต่อไป


#3 rbgel

    <อัศวินมาไค ยศกาโร่>

  • DGO Reporter
  • 6945 posts
  • Gender:Female

Posted 14 December 2009 - 09:10 PM

+ทริส+


+ในเกรตเตอร์ นิวยอร์ค ภายใต้แสงอาทิตย์อันอบอุ่นของฤดูร้อน เสียงดนตรีจากทางเดินดังขับกล่อมโสตประสาท คลื่นความร้อนจากแสงอาทิตย์ทำให้แถบรังสีตามพื้นข้างทางเดินพลิ้วไหว ราวกับม้วนตัวขึ้นสูง ทำให้ผู้คนบนทางเดินรู้สึกสบายใจขึ้น จิตใจผ่องใสขึ้น จากความกดดันของชีวิตในมหานครใหญ่ . . .

+ทริสอายุ 16 ปี และเคยเป็นนักบุญมาก่อน จิตใจของเธอกำลังถูกบีบคั้นอย่างหนัก เสียงดนตรีตามทางเดินไม่ได้ช่วยให้เธอสบายใจขึ้นเลย จริงๆแล้วสภาพจิตของเธอใกล้ถึงจุดแตกสลายเต็มทีแล้ว เมื่อนักบุญถูกขับออกจากความเป็นนักบุญ โอกาสเดียวที่มีให้เลือกคือ การกลับคืนสู่สภาพความเป็นนักบุญใหม่ แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ทางออกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือความตาย . . .

+ทริสเป็นคนสวย เป็นคนมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นอิสระ ร่างกายของเธอสมบูรณ์พร้อมอย่างที่สุดสำหรับการเป็นนักบุญ ทริสบอกกับตัวเองว่าเธอจะต้องได้กลับไปสู่ความเป็นนักบุญอีกครั้ง

"ผู้อ่านจิตพร้อมจะพบกับคุณแล้ว"

+มีเสียงดังขึ้นจากผนัง "เชิญข้างในในห้องแรกทางซ้ายมือ" ทริสเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ผ่านผนังห้องเลื่อนไป แล้วก็เลี้ยวซ้าย

+ผู้อ่านจิต "สเติร์นนิ่ง" กำลังรอเธออยู่ ชายร่างสูงในชุดผ้าไหมยาว ยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งสองสัมผัสมือกัน แล้วทริสก็นั่งลง

+"อืมม! อืมม!" สเติร์นนิ่งพึมพำเสียงดังในลำคออย่างเข้าใจ "ฉันรู้ว่าเธอมาที่นี่ทำไม! และฉันบอกเธอได้เลยว่าฉันเห็นใจ"

+"ขอบคุณค่ะ ท่านผู้อ่าน" ทริสกล่าวเบาๆ

"เธอเป็นนักบุญมานานแค่ไหน"

+ทริสหักนิ้วมือที่วางอยู่บนตักอย่างอึดอัด เธอไม่เคยถูกอ่านจิตมาก่อน และเธอรู้สึกกลัวมากทีเดียว "คุณ . . . พอจะปิดผนังห้องหน่อยได้ไหม?" ทริสเอ่ยถามเชิงร้องขอ

+"ได้สิ" สเติร์นนิ่งยิ้ม จากนั้นรังสีแสงบนผนังห้องที่ม้วนตัวอยู่ไปมาก็หายไป เหลือไว้แต่ผนังห้องสีดำสนิท "ฉันไม่จำเป็นต้องใช้มันกับเธอหรอก ฉันต้องการให้เธอปล่อยตัวตามสบายที่สุด . . เอาล่ะ เธอเป็นนักบุญมานานแค่ไหน?"

+ตาของทริสกระพริบ "เกือบ 1 ปีค่ะ พระเจ้าองค์หนึ่งทรงเลือกฉันในโอฮาม่า พระองค์เสด็จไปที่นั่น และฉันก็เสนอ..."

"เธอเสนอตัวของเธอเองเพื่อพระเจ้าตลอดไปใช่ไหม?"

"ถูกแล้วค่ะ และพระองค์ก็ทรงรับฉัน พระเจ้าองค์นั้น"

"ชื่อเดนโบ ใช่ไหม?"

+ทริสผงกหน้า และหน้าของเธอก็แดงขึ้นมา "พระองค์รับฉัน และมอบความเป็นนักบุญให้ฉัน"

+สเติร์นนิ่งผงกหน้า "มันเป็นเกียรติที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก เป็นการตัดสินใจที่ดี และเธอเองก็เหมาะสมทีเดียวล่ะ"

+ทริสกระพริบตาอีกครั้งหนึ่ง "เหมาะสมทีเดียวหรือคะ?"

+"ใช่ . . เธอสวย ขา . . สะโพก . . หน้าอก . . เธอเหมาะสมจริงๆที่จะเป็นนักบุญ" เขาถอนหายใจ "น่าเสียดายนะที่เธอถูกขับออกจากความเป็นนักบุญ แต่เรามาเริ่มกันเถอะ"

+สเติร์นนิ่งเดินอ้อมโต๊ะ มานั่งลงใกล้ๆกับทริสบนเก้าอี้ยาว ตาสีดำจับจ้องมองเธอ "เอนหลังลงแล้วนอนให้สบาย ฉันจะเริ่มอ่านเธอล่ะ หลับตาลงได้แล้ว"

+ทริสรู้สึกตัวสั่นขึ้นมา เธอทราบดีว่าจะไม่มีความเจ็บปวดหรอก จะมีก็แค่การเปลือยอย่างสิ้นเชิง . . การเปิดจิตใจส่วนลึกของเธอให้กับคนอื่น!!

+"เธอไม่ต้องห่วงเรื่องเปิดใจ ให้กับฉันหรอก" สเติร์นนิ่งกล่าว "มันเป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดาๆ สำหรับเรา . . สำหรับคนที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้อ่านดังเช่นเรา ฉะนั้นเธอไม่ต้องกลัวอะไรหรอก"

+"ฉันรู้ค่ะ" ทริสกล่าว "แต่ . . . มันก็ไม่ง่ายนักสำหรับฉัน"

"ทำตัวทำใจให้สบาย . . . ก็แค่นั้นแหล่ะ"

+ทริสปฏิบัติตาม จิตใจของเธอเปิดออกสำหรับผู้อ่าน

+สเติร์นนิ่งขยับจิตของเขา ลงลึกไปถึงระดับใต้ผืนผิว แล้วพลางถอนหายใจ "อาาา . . ความเศร้า . . และความรู้สึกผิด" เขาเริ่มอ่านต่อ "เธอเป็นนักบุญที่มีความรู้สึกลุ่มลึก และพระเจ้าก็ทรงพอใจเธอมาก เธอเข้ากับนักบุญคนอื่นๆได้ดี . . เธอร่วมชีวิตกับนักบุญอื่นๆจนกระทั่ง . . ."

+สเติร์นนิ่งชะงักไปชั่วขณะ แล้วก็ขยับจิตของเขาให้ลึกลงไปอีก "จนกระทั่งเธอทำความผิดอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอถูกถอดออกจากความเป็นนักบุญ"

+"ถูกแล้ว" ทริสพึมพำขณะหลับตา ขนตายาวของเธอขยับไปมา "ฉันผิดเอง . . ฉันไม่ควร-"

+"-อารมณ์ เสีย" สเติร์นนิ่งกล่าวต่อแทนความคิดของเธอ "เธอตำหนิพระเจ้า และอารมณ์เสียใส่พระองค์ พระองค์จึงลงโทษเธอ คำตำหนิของเธอมันโหดร้าย ถากถางและรุนแรงมาก"

"ตอนนั้นฉันกำลังโกรธ" ทริสกล่าว ". . . โกรธเดนโบ"

"เพราะว่าพระองค์หันไปสนใจ . . . ไปชอบ . . . นักบุญคนอื่นมากกว่าเธอใช่ไหม?"

"ใช่แล้ว"

"แต่เธอไม่มีสิทธิที่จะโกรธ . . พระเจ้าอาจจะรักใคร ชอบใครก็ได้ นั่นเป็นสิทธิของพระองค์ไม่ใช่หรือ?"

+"ฉันรู้ดี ฉันรู้" ทริสกล่าว "แต่ฉันคิดว่าเดนโบ . . ."

". . . จะเข้าใจความรู้สึกของเธอ ทว่าพระเจ้าไม่จำเป็นจะต้องสนใจความรู้สึกของนักบุญหรอก เธอไม่สามารถปฏิบัติตามกฎของสวรรค์ได้"

+"ฉันพยายามแล้ว" ทริสเริ่มต้นร้องไห้แม้ว่าตาจะปิดอยู่ น้ำตาใสๆเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม . . .

+สเติร์นนิ่งเริ่มอ่านจิตของเธอต่อ ความรู้สึกของทริสไม่ได้ทำให้เขาสะดุ้งสะเทือน "เธอถูกขับออกจากความเป็นนักบุญ ก็เพราะด้วยความหัวแข็งของเธอเอง ความรู้สึกในส่วนลึกของเธอเอง เธอรู้สึก . . ." เขาขยับจิตให้ลงลึกเข้าไปอีก "เธอรู้สึกว่าตัวเธอเองก็ทัดเทียมกับเดนโบ ทัดเทียมกับพระเจ้า เธอปรารถนาสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าความเป็นนักบุญเสียอีก"

+"ถูกแล้ว" ทริสพึมพำเบาๆ

+"แล้วเธอต้องการอะไรจากฉัน" สเติร์นนิ่งถาม

+"คำตอบค่ะ . . . คำตอบที่ซ่อนอยู่ในสมองของฉัน ที่ไหนสักแห่งที่คุณสามารถอ่านเข้าไปลึกๆ ได้" เธอกล่าว

+พลันนั้น ผู้อ่านจิต "สเติร์นนิ่ง" ยืนขึ้น ตัดจิตของเขาออกจากจิตของทริส เลิกอ่าน . . . หันเดินกลับไปที่โต๊ะของเขาแล้วนั่งลงอย่างหนักใจ

+"ความปรารถนาของเธอมันรุนแรงเกินไป สูงเกินไป . . เห็นจะไม่มีทางกลับเสียแล้วสำหรับเธอ . . ความเป็นนักบุญไม่มีทางกลับมาเป็นของเธอได้อีกแล้ว"

+"ถ้าอย่างนั้น . . ฉันก็ขอตาย" ทริสลืมตาขึ้น แล้วกล่าวออกมาตรงๆ "คุณจะช่วยฉันได้ไหม?"

"ฉันไม่อยากทำเลย ฉันมักจะไม่ . . ."

"ได้โปรดเถอะ"

+สเติร์นนิ่งถอนหายใจยาว "ก็ได้"

"ขอบคุณค่ะ ท่านผู้อ่านจิต สเติร์นนิ่ง"

+และแล้วเขาก็ดับชีวิตของเธอ!!!


----------------------------------------------

+มอร์แกน+


+แสงเลเซอร์พุ่งสาดมายังล้อหน้าข้างซ้ายของรถยนต์ และมอร์แกนก็ควบคุมรถต่อไปไม่ได้แล้ว แสงเลเซอร์อีกลำหนึ่งพุ่งจับประตูรถยนต์ในขณะเดียวกับที่เขาพุ่งทะยานออกจาก ตัวรถ

+รถยนต์พลิกคว่ำลงจากไหล่ถนนสูงชัน ไฟลุกพรึ่บท่วมรถ ระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ควันไฟลุกโพลงหนาเป็นม่านกำบังให้มอร์แกนหลบลี้จากผู้ตามล่าเขาไปจามขอบถนน สูงชัน มือของเขากำปืนช็อตไฟฟ้าไว้แน่น อาวุธในมือของเขามีอานุภาพการทำลายเทียบกันไม่ได้เลยกับปืนเลเซอร์ นั่นก็เพราะอาวุธอื่นๆของเขาถูกทำลายไปหมดแล้วพร้อมกับรถยนต์คันนั้น

+ม่านควันมิเพียงจะเป็นประโยชน์ต่อมอร์แกนฝ่ายเดียว หากแต่เขาเองก็ไม่สามารถมองเห็นผู้ไล่ล่าได้เช่นกัน ไม่ทราบว่าฝ่ายนั้นมีกี่คน แต่บางทีเขาอาจจะหนีรอดไปจากผู้ตามล่าเขาได้ เพราะพวกนั้นอาจนึกว่าเขาตายไปกับแรงระเบิดของรถเรียบร้อยแล้ว

เขาคิดผิด

+ทันที ทันใดนั้น ไหล่ของเขาก็ถูกอัดเปรี้ยงด้วยฝ่ามือหรืออะไรสักอย่าง มอร์แกนล้มลงกับพื้น แต่ทว่ายังมีสติอยู่ เขากลิ้งตัวแล้วยกปืนไฟฟ้าในมือขึ้นยิงทันที ศัตรูคนหนึ่งผงะหงายไปข้างหลัง ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด มอร์แกนกวาดมือเล็งปืนไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว จ่อตรงหน้าของศัตรูอีกคนหนึ่ง แล้วลั่นไก . . .

+มอร์แกนใช้มือข้างหนึ่งบีบนวดไหล่ เพื่อให้เลือดไหลเวียนสะดวกอีกครั้งหนึ่ง แล้วยันร่างของเขาให้ลุกขึ้นจากเศษดินกรวด . . อากาศยามค่ำคืนกำลังหนาวเย็น ณ เบื้องหลังของเขา รถยนต์คันหนึ่งลุกโชนด้วยเปลวเพลิงลุกท่วมโพลง เขาเงี่ยหูตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวรอบตัว พวกที่ตามไล่ล่าเขายังมีอยู่แถวๆนี้อีกไหม? พวกมันกำลังจะกระโจนเข้าใส่เขาใช่ไหม?

+ไม่มีเสียงอื่นใดอีก ไม่มีเลยสักนิด คงไม่มีพวกที่ตามล่าเขาอยู่แถวๆนี้อีกแล้ว เจ้าพวกนี้คงมากันแค่ 2 คนจริงๆ แล้วก็ตายไปเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 คนเลยด้วย . .

+มอร์แกนหยิบอาวุธปืนเลเซอร์จากคนตายขึ้นมา ค้นตัวศพ พบว่าทั้งคู่นั้นยังมีอายุน้อยอยู่ อาจจะแค่ 15 หรือ 17 เท่านั้นเอง และบางที 2 คนนี้อาจจะเป็นพี่น้องกันด้วย แต่มอร์แกนก็ไม่แน่ใจ เพราะหน้าของคนอายุน้อยกว่าเกือบจะไม่เหลือให้เห็นมากนัก ปืนไฟฟ้าถ้าใช้ในระยะใกล้ อานุภาพของมันก็ร้ายแรงเอาการเลยทีเดียว . .

+มอร์แกนชาร์จปืนไฟฟ้าของเขา และตรวจสอบสภาพปืนเลเซอร์ทั้ง 2 กระบอก พบว่ายังใช้งานได้ดีอยู่ . .

+มันสายไปเสียแล้วที่จะหารถอีกคันหนึ่ง มอร์แกนตัดสินใจจะไปนอนค้างคืนใกล้ทะเลสาบ พอเช้าวันรุ่งขึ้นจึงจะเดินทางต่อ . .

+ทะเลสาบ เป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว ความเย็นชุ่มฉ่ำของน้ำจะทำให้เขาดีขึ้น ความเครียดสะสมในกล้ามเนื้อทุกส่วนจะได้คลายลง มอร์แกนเติบโตขึ้นมากับทะเลสาบแบบเดียวกันนี้ ว่ายน้ำและจับปลากับจิม เด็กเคอร์ จิมโบ้ เพื่อนเก่าผู้น่าสงสาร . .

+ตำรวจตามจิมโบ้ได้ทันในดีทรอยต์ และยิงเขาด้วยปืนเลเซอร์ในคลังสินค้าแห่งหนึ่ง จิมโบ้ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องตาย . . "เราก็ต้องตายกันทั้งนั้นล่ะ" มอร์แกนคิด "ไม่เร็วก็ช้า"

+ทะเลสาบโลทาวาน่าอยู่ข้างหน้านี้เอง อยู่อีกด้านหนึ่งของป่าห่างไกลจากเขาไปอีกแค่ไม่ถึง 1 ไมล์ มอร์แกนเดินทะลุป่าไม้ดกหนาไป . .

+ที่ริมฝั่งทะเลสาบเต็มไปด้วยใบร่วงหล่นจากต้น เขาไถลตัวลงจากฝั่งทะเลสาบจนมาถึงขอบน้ำ ผิวทะเลสาบอาบแสงจันทร์วาววับเป็นประกายเหมือนเปลวไฟสีเงินอ่อน . . มอร์แกนใช้มือวักน้ำล้างหน้า ทำความสะอาดเนื้อตัว น้ำเย็นชื่นฉ่ำทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้น . .

+มอร์แกนสูดลมหายใจเอา อากาศบริสุทธิ์ของเดือนกันยายนเข้าสู่ปอดอย่างแรง อากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นต้นเมเปิ้ลและต้นโอ๊ก . . เสียงนกกลางคืนตัวหนึ่งดังมาเหนือน้ำทะเลสาบดำมืด . .

+มอร์แกนหวังว่า เขาจะยังคงมีชีวิตอยู่นานพอที่ไปจะถึงแคนซัส ซิตี้ . . ไปทำงานที่เขาได้รับมอบหมายมา

+มอร์แกนเกือบ ตายมาแล้วหลายครั้งทั้งในรถยนต์ที่ระเบิด หรือในอิลลินอยส์ โอไฮโอ เพนน์ซิลวาเนีย หรือไม่กี่คืนก่อนในแคนซัส . . พวกนั้นไล่ตามเขากระชั้นเข้ามาทุกที . .

+มอร์แกนทำที่นอนคลุมด้วย ใบไม้ หักกิ่งไม้แห้งเล็กๆวางต่อกันเป็นวงกลมรอบตัว รัศมีห่างจากตัวเขาหลายฟุต ถ้ามีใครลอบเข้ามาใกล้ตัวเขา เจ้าบรรดากิ่งไม้แห้งพวกนี้ก็จะคอยเตือนให้เขารู้ตัว . .

+มอร์แกนเอนตัวลงนอน วางปืนเลเซอร์อยู่แนบชิดกับตัวเขา พรุ่งนี้เขาจะหารถอีกคันหนึ่ง แล้วไปให้ถึงแคนซัส ซิตี้ . . แม่สาวน้อยและเงินจะรอเขาอยู่ที่นั่น มอร์แกนยิ้มแล้วก็หลับตา

+ขณะที่มอร์แกนกำลังหลับสนิท เหล่าศัตรูของเขาก็แกะรอยตามมาถึงริมฝั่งน้ำอย่างเงียบเชียบ เป็นเงาดำในความมืดมิดที่เคลื่อนไหวอย่างมืออาชีพ . . พวกเขามองเห็นแนววงกลมกิ่งไม้รอบๆตัวของมอร์แกน พลันคุกเข่าลงค่อยๆ จับกิ่งไม้เปิดเป็นทางเดินเข้าถึงตัวมอร์แกนอย่างเงียบๆ พวกเขาตั้งใจจะใช้ดาบ จึงต้องพยายามเข้าให้ถึงตัวมอร์แกน . .

+มอร์แกนรู้สึกตัวในวินาทีสุดท้าย เขากลิ้งตัว คว้าปืนเลเซอร์ แต่สายเกินไป ศัตรูของเขากรูกันเข้ามาถึงตัวเขาเรียบร้อยแล้ว พวกมันล้อมรอบรุมรวบตัวเขา พร้อมด้วยดาบเหล็กเงาวาววับในมือ . .

ควับ

+มอร์แกนต่อสู้ ดิ้นรนสุดแรง จนกระทั่งหลุดจากวงล้อม เท้าทั้ง 2 พาร่างของเขาซวนเซถอยหลังเข้าสู่ทะเลสาบ . . ปืนเลเซอร์หลุดจากมือ เลือดกลบปาก มือทั้ง 2 กุมหน้าท้อง ตาจับจ้องไปยังกลุ่มศัตรูเบื้องหน้า . .

วืดดดดดดดดดด

+และแล้ว ร่างของเขาก็หงายหลังตกลงไปในน้ำที่ดำมืดของทะเลสาบ เสียงน้ำกระเซ็นแตกซ่า แหวกเป็นคลื่นใหญ่วิ่งไล่เป็นวงกลมออกไป กลืนร่างที่ปราศจากชีวิตของมอร์แกน!!!


----------------------------------------------


QUOTE
-บทส่งท้าย-

ทุกแบบแผนเหมือนกันหมด ไม่มีหวังเลย . . .

อยากจะลองอะไรอีกไหม?

เพื่ออะไรล่ะ? ทุกครั้งที่เราเข้าร่วมกับพวกเขา เราก็ถูกกำจัดออกมา ดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ต้องการเรา เราจะต้องเดินทางออกไปจากระบบสุริยะของพวกเขา . . .

เจ้าของร่างที่เราอาศัยชั่วคราวนั้น จะคงอยู่ได้ต่อไปไหม ถ้าเราไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย?

มนุษย์ ทุกคนบนโลกนี้ต้องตายเมื่อถึงเวลา แต่เรากลับไปกระตุ้นให้ความตายของพวกเขาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรง นั่นเป็นวิธีที่พวกเขากำจัดเรา กีดกันเรา เราต้องยอมรับแบบแผนของพวกเขา . . .

ฉันชอบเด็กสาวในนิวยอร์ค . . . ที่ชื่อทริส แล้วก็เด็กผู้ชายที่ชื่อเดวิด เราพอจะอยู่ในร่างของเธอและเขาได้
จักรวาลช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน ต้องมีที่ไหนซักแห่งที่เราจะต้องได้พบกับดาวเคราะห์ที่อ่อนโยน และต้อนรับเรา!!!

เรากำลังจะออกจากวงโคจรรอบโลกแล้ว . . .

ดวงดาวกำลังรอเราอยู่ ดวงดาวจำนวนนับพันพันล้าน

โชคดี และ . . ลาก่อน!!!



-จากหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด Star Blood ของ William F. Nolan ค่ะ-


#4 kikuntin

    บันทึกลับอสูรฟ้า เคล็ดวิชาอมตะ ตำนานกระบี่เมตไตร ม้วนภาพเทพยุทธ์

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 10921 posts
  • Gender:Male

Posted 14 December 2009 - 11:03 PM

อืมๆในเนื้อเรื่องแต่ละบทที่หนูตูนเอามาลง หมายถึงบางอย่างใช่ไหมครับเพียงแต่ผมตีความไม่ออก

ช่วงนี้สมองไม่ค่อยทำงานเท่าที่ควรเลย ซึ่งปกติแล้วมันก็ทำงานไม่ดีอยู่แล้ว

#5 Kanon๐ForeLize

    DGO Lover~*

  • High Royal Executive Members
  • PipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPipPip
  • 7873 posts
  • Gender:Male
  • Location:DGO :

Posted 16 December 2009 - 04:27 PM

ว่าแต่ เจ๊ตูน สปอย กาโร่ให้หน่อยจิว่าจะหาโหลดมาดู ได้ยิน กิติศัพท์มานาน