เมื่อตอนเด็กๆผมฝันอยากมาเที่ยวอเมริกา แต่ด้วยความที่ที่บ้านไม่ค่อยจะมีกะตัง ผมก็เลยอาศัยดูหนัง อ่านหนังสือเที่ยวอะไรไปเรื่อยเปื่อย ประกอบกับเป็นเด็กต่างจังหวัดอย่าว่าแต่เมืองนอกเลย เอาแค่กรุงเทพยังไม่คิดว่าจะได้ย้ายมาอยู่ ผมย้ายจากใต้มากรุงเทพตอนประมาณ ป.5 ลำบากเหมือนกันต้องมาเจอเพื่อนใหม่ๆ พอปรับตัวได้ก็เริ่มซึมซับความเป็นเด็กกรุงเข้าไปเรื่อยๆ เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจากโรงเรียนสอนภาษาแห่งนึงตอน ป.5 แล้วก็ชอบเพราะหนังสือน่าเรียนกับไก่ทอดอร่อย 555
ตอนนั้นมีโปรแกรมแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนภาษาไปออสเตรเลีย เพื่อนๆก็ไปกัน แต่ไอผมมันไม่ค่อยมีกะตังก็เลยต้องผ่านไป พอโตมาหน่อยก็เริ่มอยากมีอะไรเหมือนเด็กฝรั่ง หมายถึงว่าพวกกิจกรรมการแต่งตัวอะไรแบบนี้ ตอนนั้นก็เลยบ้ากีฬา X Games เอาเรื่อง เริ่มด้วยการเล่น Skateboard แล้วก็แต่งตัวฮิปฮอปให้เข้า concept พอเริ่มเล่น Skate ก็อยากลองเล่น Wakeboard สมัยนั้น Johny Anwar ดัง เห็นเค้าเล่นกัน แต่ค่าอุปกรณ์ก็โคตรจะแพง เลยต้องพับโครงการ หลังๆเริ่มดูเค้าเล่น surf เอาอีก อยากเล่น แต่เมืองไทยมันมีที่ surf แบบนั้นก็แค่ที่ภูเก็ตหย่อมนึง อด และความบ้าผมก็มาจบลงที่ Snowboard อันนี้หนักสุด เพราะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่รู้จะไปเล่นที่ไหน วันนึงเลยตั้งมันว่าถ้ากุได้ไปเมืองนอก จะไปเล่น snowboard ผมเคยไปยืนจ้อง snowboard ที่เค้าวางขายในร้าน Quiksilver สาขา Siam Discovery แพงดีแท้ แต่พอมานั่งคิดๆตอนนี้ยังไงสงสัยว่ามันจะเอามาขายทำไมวะ ที่ไทยจะไปเล่นตรงไหน แต่ผมก็เกือบโง่หยอดกระปุกซื้อ 555
และแล้วเหมือนโชคชะตาเล่นตลก อันนี้ผมยังมานั่งขำทุกวันนี้ ผมมีเรื่องต้องย้ายจากเมืองไทยมาอยู่อเมริกานอกจากนั้นยังไม่พอ ต้องย้ายมาเมืองที่หนาวสุดของอเมริกาอีก เมืองที่ผมอยู่มีหน้าหนาวยาวถึง 8 เดือนกันเลยทีเดียว :'( ประมาณว่าให้มึงเล่น snowboard ให้สะใจไปเลย
แต่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ผมบินไปๆมาๆบ่อย เนื่องจากแฟนเรียนโทอยู่ที่นี่ แล้วการคบกันระยะไกลมันทรมารมาก อันนี้เราไม่ได้พูดถึงกรุงเทพเชียงใหม่ แต่นี่กรุงเทพ ชิคาโก้ โคตรไกล
ก่อนมาก็ทุลักทุเลพอดูเพราะช่วงนั้นขอ VISA มาอเมริกายาก เรื่องมาก กว่าจะผ่านเล่นเอาเหนื่อย มาถึงนี่ครั้งแรกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ถามซะเยอะเหลือเกิน ไอเราก็กลัวโดนส่งกลับไทยอย่างที่คนไทยหลายๆคนโดนกัน แต่แล้วก็ผ่านมาได้ โดยทำหน้าให้น่าเห็นใจไว้ บอกผมมาหาแฟนนะ คิดถึง :D
ผมไปๆกลับๆแบบนี้อยู่ 4 ปี จนสุดท้ายแฟนได้งานที่อเมริกา เอาล่ะสิกุทำไงดีวะ แต่จริงๆแล้วผมก็เตรียมตัวไว้แล้วแหละ ตัดสินใจไม่ทำงานประจำ เปิดธุรกิจส่วนตัวกับเพื่อน สุดท้ายก็แต่งงานย้ายประเทศตามแฟนไป ดีนะงานผมทำจากที่ไหนก็ได้ ไม่งั้นล่ะวุ่นตายชัก
พอย้ายมาจริงๆสบายหน่อยตรงไม่ต้องปรับตัวมาก เพราะเคยมาอยู่บ้างแล้ว เริ่มชิน แต่ที่วุ่นวายคือพอเรามาอยู่ยาวๆมันต้องทำเอกสารอะไรบ้าบอมากมาย เริ่มเข้าใจคนต่างชาติที่ต้องมาอยู่ในไทยบ้างแล้ว
การทำบัตรประจำตัวหรือพวกใบขับขี่ที่นี่เอกสารต้องให้คนในอเมริกาแปลให้อีก ก็ต้องมาจ้างคนไทยที่เป็นนักแปลที่นี่ ใครมีเอกสารแปลมาจากไทยก็ลืมๆไปได้เลยครับ ไม่ได้ใช้ เผื่อใครจะมาเรียนหรือมาทำงานหรืออะไรก็แล้วแต่หลายๆที่เค้าไม่ยอมรับการแปลจากไทยหรือแปลเอง
คนที่จะมาอเมริกาไม่ว่าจะมาทำอะไรก็ตามอย่าลืมเช็คพาสปอร์ตก่อนว่าใกล้หมดยัง ถ้าใกล้แล้วทำมาก่อนมาให้เรียบร้อย เพราะไม่งั้นต้องไปทำที่กงศุลไทยลำบากหน่อยถ้าอยู่เมืองไกลกงศุล ต้องบินไปทำ
ผมไปมาหลายรัฐก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ Minnesota ถาวร แล้วผมค่อนข้างจะมีความสุขกับที่นี่เพราะว่าคนขาวเยอะ คนนิสัยดีเยอะ รู้สึกว่าฝรั่งเค้ายิ้มแย้มแจ่มใส เจอหน้ากันก็ทักทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ไม่ใช่ฝรั่งทุกที่เป็นแบบนี้นะ ผมเองมีประสบการณ์กับเมืองใหญ่มาหลายที่ San Francisco เอย Chicago เอย หรือ New York (The Empire State) คนตามเมืองใหญ่จะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ แต่อย่างว่าการแข่งขันมันสูง แต่ถ้าเทียบระหว่างเมืองใหญ่ๆดังๆในอเมริกาที่เคยไปมา ต้องบอกว่าผมชอบ Chicago สุด เมืองสะอาด สวย เสียแค่คนดำเยอะไปหน่อย จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคนเหยียดผิวนะ แต่ผมไม่ค่อยอยากไปยุ่งกับคนดำ เพราะ 95% ที่ผมเจอมามันต้องเอาเรื่องมาให้ผมทุกที ไถตังเอย ด่าเอย สารพัด
ส่วน New York ผมต้องยกให้เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่อันดับ 1 หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม ผมบอกได้เลยว่ากรุงเทพดีกว่าเยอะ ไม่เชื่อลองอ่านที่ผมจะพูดข้อเสียให้ฟังอาจจะเปลี่ยนใจ
คนนิวยอร์คจะไม่ค่อยยิ้มแย้ม เร่งรีบ เดินชนก็ไม่ค่อยขอโทษ ข้ามถนนไม่เป็นระเบียบ ถ้าไม่บีบแตรไล่มันก็ไม่หยุดข้าม รถไฟใต้ดินเน่ามาก ผมได้ใช้แล้วคิดถึงรถใต้ดินบ้านเราเลย ดูดีกว่า 30 เท่า subway NY มีทั้งกลิ่นฉี่ คนจรจัดนอน บางทีมีกองอึเกลื่อน โอ้ว นี่มันเมืองห่าอะไรเนี่ย ผมบอกได้เลยว่าเมืองนี้เหมาะสำหรับคนรวยมากๆ ที่มีคนขับรถให้ เพราะถ้าพูดถึงความศิวิลัยมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมืองที่ไม่เคยหลับไหล มันพาลทำผมหลับไหลไม่ลงด้วย เพราะเสียงรถเสียงแตรมันล่อดังทั้งคืน เดี๋ยวมีรถขยะมาเก็บ นี่ผมพูดถึง Manhattan นะ ตอนผมไปเที่ยวนอนกลางเมืองเพราะขี้เกียจเดินทาง คิดผิดมหรร ถ้าไม่จำเป็นผมแนะนำให้ไปเมืองอื่นดีกว่า หมายถึงถ้าจะมาเรียนน่ะนะ เพราะที่นี่มันทรมาณมาก แต่ถ้าจำเป็นต้องมาอยู่จริงๆแล้วพอมีกะตังก็ลองไปอยู่แถว Upper East Side ใน New York ดู หลีกหนีความวุ่นวายได้พอดู สรุปแล้วผมกลายเป็นโรคเกลียจเมืองใหญ่ไปเลย :D
พอแค่นี้ก่อน พล่ามมากเกิน นั่นแหละครับ ดวงผมเหมือนจะได้มาอยู่ที่นี่จริงๆ ไว้รอบหน้าผมจะเขียนแนะนำคนที่อยากมาเรียนหรือทำงานที่นี่ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง แล้วจะต้องมาเจออะไรบ้าง อะไรหลายๆอย่างมันไม่สวยหรูอย่างที่คิด
ตอนนั้นมีโปรแกรมแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนภาษาไปออสเตรเลีย เพื่อนๆก็ไปกัน แต่ไอผมมันไม่ค่อยมีกะตังก็เลยต้องผ่านไป พอโตมาหน่อยก็เริ่มอยากมีอะไรเหมือนเด็กฝรั่ง หมายถึงว่าพวกกิจกรรมการแต่งตัวอะไรแบบนี้ ตอนนั้นก็เลยบ้ากีฬา X Games เอาเรื่อง เริ่มด้วยการเล่น Skateboard แล้วก็แต่งตัวฮิปฮอปให้เข้า concept พอเริ่มเล่น Skate ก็อยากลองเล่น Wakeboard สมัยนั้น Johny Anwar ดัง เห็นเค้าเล่นกัน แต่ค่าอุปกรณ์ก็โคตรจะแพง เลยต้องพับโครงการ หลังๆเริ่มดูเค้าเล่น surf เอาอีก อยากเล่น แต่เมืองไทยมันมีที่ surf แบบนั้นก็แค่ที่ภูเก็ตหย่อมนึง อด และความบ้าผมก็มาจบลงที่ Snowboard อันนี้หนักสุด เพราะเป็นไปไม่ได้เลย ไม่รู้จะไปเล่นที่ไหน วันนึงเลยตั้งมันว่าถ้ากุได้ไปเมืองนอก จะไปเล่น snowboard ผมเคยไปยืนจ้อง snowboard ที่เค้าวางขายในร้าน Quiksilver สาขา Siam Discovery แพงดีแท้ แต่พอมานั่งคิดๆตอนนี้ยังไงสงสัยว่ามันจะเอามาขายทำไมวะ ที่ไทยจะไปเล่นตรงไหน แต่ผมก็เกือบโง่หยอดกระปุกซื้อ 555
และแล้วเหมือนโชคชะตาเล่นตลก อันนี้ผมยังมานั่งขำทุกวันนี้ ผมมีเรื่องต้องย้ายจากเมืองไทยมาอยู่อเมริกานอกจากนั้นยังไม่พอ ต้องย้ายมาเมืองที่หนาวสุดของอเมริกาอีก เมืองที่ผมอยู่มีหน้าหนาวยาวถึง 8 เดือนกันเลยทีเดียว :'( ประมาณว่าให้มึงเล่น snowboard ให้สะใจไปเลย
แต่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ผมบินไปๆมาๆบ่อย เนื่องจากแฟนเรียนโทอยู่ที่นี่ แล้วการคบกันระยะไกลมันทรมารมาก อันนี้เราไม่ได้พูดถึงกรุงเทพเชียงใหม่ แต่นี่กรุงเทพ ชิคาโก้ โคตรไกล
ก่อนมาก็ทุลักทุเลพอดูเพราะช่วงนั้นขอ VISA มาอเมริกายาก เรื่องมาก กว่าจะผ่านเล่นเอาเหนื่อย มาถึงนี่ครั้งแรกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ถามซะเยอะเหลือเกิน ไอเราก็กลัวโดนส่งกลับไทยอย่างที่คนไทยหลายๆคนโดนกัน แต่แล้วก็ผ่านมาได้ โดยทำหน้าให้น่าเห็นใจไว้ บอกผมมาหาแฟนนะ คิดถึง :D
ผมไปๆกลับๆแบบนี้อยู่ 4 ปี จนสุดท้ายแฟนได้งานที่อเมริกา เอาล่ะสิกุทำไงดีวะ แต่จริงๆแล้วผมก็เตรียมตัวไว้แล้วแหละ ตัดสินใจไม่ทำงานประจำ เปิดธุรกิจส่วนตัวกับเพื่อน สุดท้ายก็แต่งงานย้ายประเทศตามแฟนไป ดีนะงานผมทำจากที่ไหนก็ได้ ไม่งั้นล่ะวุ่นตายชัก
พอย้ายมาจริงๆสบายหน่อยตรงไม่ต้องปรับตัวมาก เพราะเคยมาอยู่บ้างแล้ว เริ่มชิน แต่ที่วุ่นวายคือพอเรามาอยู่ยาวๆมันต้องทำเอกสารอะไรบ้าบอมากมาย เริ่มเข้าใจคนต่างชาติที่ต้องมาอยู่ในไทยบ้างแล้ว
การทำบัตรประจำตัวหรือพวกใบขับขี่ที่นี่เอกสารต้องให้คนในอเมริกาแปลให้อีก ก็ต้องมาจ้างคนไทยที่เป็นนักแปลที่นี่ ใครมีเอกสารแปลมาจากไทยก็ลืมๆไปได้เลยครับ ไม่ได้ใช้ เผื่อใครจะมาเรียนหรือมาทำงานหรืออะไรก็แล้วแต่หลายๆที่เค้าไม่ยอมรับการแปลจากไทยหรือแปลเอง
คนที่จะมาอเมริกาไม่ว่าจะมาทำอะไรก็ตามอย่าลืมเช็คพาสปอร์ตก่อนว่าใกล้หมดยัง ถ้าใกล้แล้วทำมาก่อนมาให้เรียบร้อย เพราะไม่งั้นต้องไปทำที่กงศุลไทยลำบากหน่อยถ้าอยู่เมืองไกลกงศุล ต้องบินไปทำ
ผมไปมาหลายรัฐก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ Minnesota ถาวร แล้วผมค่อนข้างจะมีความสุขกับที่นี่เพราะว่าคนขาวเยอะ คนนิสัยดีเยอะ รู้สึกว่าฝรั่งเค้ายิ้มแย้มแจ่มใส เจอหน้ากันก็ทักทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ไม่ใช่ฝรั่งทุกที่เป็นแบบนี้นะ ผมเองมีประสบการณ์กับเมืองใหญ่มาหลายที่ San Francisco เอย Chicago เอย หรือ New York (The Empire State) คนตามเมืองใหญ่จะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ แต่อย่างว่าการแข่งขันมันสูง แต่ถ้าเทียบระหว่างเมืองใหญ่ๆดังๆในอเมริกาที่เคยไปมา ต้องบอกว่าผมชอบ Chicago สุด เมืองสะอาด สวย เสียแค่คนดำเยอะไปหน่อย จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคนเหยียดผิวนะ แต่ผมไม่ค่อยอยากไปยุ่งกับคนดำ เพราะ 95% ที่ผมเจอมามันต้องเอาเรื่องมาให้ผมทุกที ไถตังเอย ด่าเอย สารพัด
ส่วน New York ผมต้องยกให้เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่อันดับ 1 หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม ผมบอกได้เลยว่ากรุงเทพดีกว่าเยอะ ไม่เชื่อลองอ่านที่ผมจะพูดข้อเสียให้ฟังอาจจะเปลี่ยนใจ
คนนิวยอร์คจะไม่ค่อยยิ้มแย้ม เร่งรีบ เดินชนก็ไม่ค่อยขอโทษ ข้ามถนนไม่เป็นระเบียบ ถ้าไม่บีบแตรไล่มันก็ไม่หยุดข้าม รถไฟใต้ดินเน่ามาก ผมได้ใช้แล้วคิดถึงรถใต้ดินบ้านเราเลย ดูดีกว่า 30 เท่า subway NY มีทั้งกลิ่นฉี่ คนจรจัดนอน บางทีมีกองอึเกลื่อน โอ้ว นี่มันเมืองห่าอะไรเนี่ย ผมบอกได้เลยว่าเมืองนี้เหมาะสำหรับคนรวยมากๆ ที่มีคนขับรถให้ เพราะถ้าพูดถึงความศิวิลัยมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เมืองที่ไม่เคยหลับไหล มันพาลทำผมหลับไหลไม่ลงด้วย เพราะเสียงรถเสียงแตรมันล่อดังทั้งคืน เดี๋ยวมีรถขยะมาเก็บ นี่ผมพูดถึง Manhattan นะ ตอนผมไปเที่ยวนอนกลางเมืองเพราะขี้เกียจเดินทาง คิดผิดมหรร ถ้าไม่จำเป็นผมแนะนำให้ไปเมืองอื่นดีกว่า หมายถึงถ้าจะมาเรียนน่ะนะ เพราะที่นี่มันทรมาณมาก แต่ถ้าจำเป็นต้องมาอยู่จริงๆแล้วพอมีกะตังก็ลองไปอยู่แถว Upper East Side ใน New York ดู หลีกหนีความวุ่นวายได้พอดู สรุปแล้วผมกลายเป็นโรคเกลียจเมืองใหญ่ไปเลย :D
พอแค่นี้ก่อน พล่ามมากเกิน นั่นแหละครับ ดวงผมเหมือนจะได้มาอยู่ที่นี่จริงๆ ไว้รอบหน้าผมจะเขียนแนะนำคนที่อยากมาเรียนหรือทำงานที่นี่ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง แล้วจะต้องมาเจออะไรบ้าง อะไรหลายๆอย่างมันไม่สวยหรูอย่างที่คิด