`

Jump to content









Photo

[เนื้อเรื่องไม่ย่อ] Call of Duty: Modern Warfare 1 ... part 3 (ฉบับเสริมข้อมูล)



Posted Image
เนื้อเรื่องไม่ย่อ.... ให้เสียงภาษาไทยโดย หยาด
CALL OF DUTY
modern warfare 1

Part 3 พญามังกรอารักขา

ย้อนอ่าน Part 2

ACT 1.4 : Hunted
แทนสายตา: SAS จ่า โซป แมคทาวิช

Quote

เกส: "เราได้ตัวนิโคไลแล้ว กำลังเดินทางไปยังเซฟเฮ้าส์ที่แฮมเบิก ETA* 0700* เปลี่ยน"
ETA* ย่อมาจาก Estimated Time of Arrival  เวลาถึงจุดหมายอย่างคร่าวๆ
เราจะได้ยินบ่อยๆในหนัง หรือเกมเมื่อจะถามเวลาถึงที่หมาย

0700* ในที่นี้หมายถึงเวลาเจ็ดโมงเช้า เวลาทหารเอ่ยหรือเขียนถึงเรื่องเวลา
เขาจะเรียกเป็นหน่วยแบบนี้ อย่างกรณีนี้ไม่ได้อ่านออกเสียงว่า เซเว่นโอคล๊อก
แต่ออกเสียงเป็น โอ-เซเว่น-ฮันเดรด

ทางตะวันตกของรัสเซีย

หลังจากภารกิจชิงตัวสายข่าว นิโคไล ออกมาจากกองกำลังต่อต้านของรัสเซียได้สำเร็จ
ทั้ง 4ก็โดยสารฮ. หวังพานิโคไลข้ามพรมแดนไปยังเซฟเฮ้าส์

"อี๊ดดด ๆ ๆ ๆ ๆ" เสียงสัญญานเตือนจากการถูกล๊อคเป้าดังรัวขึ้นบนหน้าปัดฮ.ที่พวกเขาโดยสาร

หัวจรวด SAM* ก็พุ่งวาดหางเป็นสาย ดิ่งมายังฮ.ของSAS

Quote

SAM* Surface-to-Air Missile จรวดต่าต้านอากาศยาน
บางทีก็เรียกกันว่า ground-to-air missile (GTAM) มิซไซล์พื้นสู่อากาศ
ในที่นี้ใช้เรียกประเภทจรวดที่ยิงจากภาคพื้นสู้อากาศยานโดยอาศัยการล๊อคเป้า
ไม่ว่ามันจะยิงออกมาจากอะไรก็ตามเช่น พลยิงเคลื่อนที่ ฐานยิง พาหนะ

เริ่มใช้เป็นครั้งแรกโดยกองทัพเยอรมันในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2
ปัจจุบันSAM ที่ยิงโดยฐานยิงจะใช้ระบบเรด้า ซึ่งยิงอัติโนมัติทันทีที่พบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย
แต่หากเป็นอากาศยานฝ่ายเดียวกัน มันจะไม่ยิงใส่ รุ่นใหม่ๆสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 40กม.

แต่ในส่วนของจรวดแบบพกพายังคงใช้ระบบพื้นฐานอย่างล๊อคเป้าติดตามความร้อนอยู่

Posted ImagePosted Image
รูปแบบนึงของจรวดแซมประเภทฐานยิง เจอนี่เข้าไปเหนือเสียงก็เหนือเสียงเหอะ_______แบบพกพาพร้อมเก้าอี้ให้นั่งยิงแบบชิลๆ

Posted Image
หรือจะแบบพาหนะ มีครบทุกรสชาติ (ในเรื่อง Behind the enemy line พระเอกของเราก็โดนไอพวกนี้สอยร่วง)

การปล่อยมิซไซล์จากฐานยิง และระบบค้นหา___________________นี่ขนาดเจทมิราจที่โดดเด่นเรื่องหลบเรด้า หักสุดตัวยังไม่รอด
"เฮ้ย!!! ชิบหงายละ มิซไซล์มา เกาะไว้!!!"..............ตูมมม!!!!
มิชไซล์จับเปาะเข้าที่ท้ายเครื่องจนหมุนควง

"เมย์เดย์ๆ นี่แฮมเมอร์ซิกโฟ เรากำลังตก ย้ำ เรากำลังตก....." ....โครมมมมม!!!!
.............
..........
.....
..

โซปได้สติพบว่าตัวเองนอนอยู่กลางทุ่ง แรงเหวี่ยงทำให้เขาหลุดออกจากตัวเครื่องก่อนตก
"นายยังครบ 32 เอ้า...ลุกซะที" กัปตันไพรซ์ตรงเข้ามาฉุดโซป

บรึ้มมมมม!!! ซากฮ.ระเบิดซ้ำ เท่ากับเป็นการแจ้งตำแหน่งให้กับฝ่ายต่อต้านของรัสเซีย
ให้มามุงไม่ผิดจุด

"เร็วน่า... เราต้องออกไปจากที่นี่ก่อนที่ หน่วยลาดตระเวนจะมาดูจุดตกนะ
รายงานความเสียหายซิ"

"นักบินทั้งหมดเสียชีวิตครับ"
.... "เวรเอ๊ย!!! ไม่เป็นไร จุดถอนตัวไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ ไปกันเลย"


ผู้รอดชีวิตทั้ง 5 ประกอบไปด้วย ทหารSAS1นาย ไพรซ์ เกส โซป และ นิโคไล จึงอาศัยความมืด
หวังเดินเท้าให้ถึงจุดถอนตัว


"บราโว่ซิก ....นี่ฐาน ยานบินสนับสนุน AC-130 กำลังเดินทางเข้าไปสนับสนุนการถอนตัว
แต่คงต้องใช้เวลาหน่อย เปลี่ยน"

"บราโว่ซิกรับทราบ เปลี่ยน...."
"AC-130 งั้นเหรอ ไม่ได้บู๊ด้วยกันมานานละ
" ทันทีที่ได้ยินว่าจะได้รับการสนับสนุน
จากมังกรเพลิง เกสก็ยิ้มได้ขึ้นมาทันควัน

"ซุ่มไว้นะ หลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด" ไพรซ์สั่งการ

หน่วยของไพรซ์ ได้ลัดเลาะไร่นา ท้องร่องไปในความมืด
ขณะนั้น ฮ.ศัตรูก็บินสวนเข้ามา จากทิศทางแสดงให้รู้ว่าพวกมันคือ หน่วยลาดตระเวนเข้ามาดูจุดตกนั่นเอง

Posted Image
"หยุด... มีศัตรูอยู่แถวนี้" ไพรซ์ได้ยินเสียงพูดคุยเป็นภาษารัสเซียแว่วมา
ขณะพยายามตัดผ่านบ้านของชาวไร่ พวกเขาซุ่มอยู่ในโรงเก็บของ

ทหารฝ่ายต่อต้าน กำลังพูดคุยกึ่งข่มเหงกับชาวนารัสเซีย

"เอาล่ะ.. เรามาฆ่าไอ้พวกเปรตนี่ก่อนที่มันจะฆ่า ตาลุงนั่นดีกว่า"

แต่ไม่ทันแล้ว สิ้นประโยค... ชายในชุดทหารก็ซัดปืนพกเข้าหัวชาวนาจนหงายตึง
ก่อนที่ SASจะซุ่มซัดกระสุนฆ่าพวกมันตายตกตามกันไป

ขณะเดินทาง พวกเขาพบฮ.อีกลำ แต่ลำนี้เปิดสปอทไลท์ค้นหา
คาดว่าพวกลาดตระเวณคงรายงานกลับหลังจากเจอแค่เครื่องเปล่ากับศพนักบิน
คงไม่มีทางที่นักบินจะมาขับฮ. เล่นกันลำพังตอนนี้แน่ๆ


"หมอบลง... ฮ.มา นิ่งไว้ๆ" ดูเหมือนลูกทีมจะหมอบกันก่อนที่ไพรซ์จะพูดจบประโยคด้วยซ้ำ
จนฮ.ออกจากพื้นที่พวกเขาจึงลุกขึ้น

แต่แล้วทหารในรถบรรทุกที่เพิ่งขับสวนมาดันเห็นพวกเขา การต่อสู้จึงเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
รถบรรทุกปล่อยทหารลงมาอีกหลายสิบ

"ศัตรู!!! 6นาฬิกา* ยิงตอบโต้" ไพรซ์ตั้งกระบวนรับการโจมตีจากด้านหลัง
6นาฬิกา*  ขออธิบายตรงนี้นิดนึง คิดว่าหลายท่านคงทราบแล้วว่าการบอกทิศทาง
ของทหาร เขาจะไม่บอกว่า ข้างหน้า ทางซ้าย 
เขาจะเรียกตามทิศทางเข็มนาฬิกา โดยถือว่าเลข 12คือด้านหน้า ดังนั้น 6นาฬิกาในที่นี้
จึงหมายถึงศัตรูอยู่ทางด้านหลังเรานั่นเอง

โดยวิธีนี้จะสามารถชี้ตำแหน่งได้ละเอียดกว่า เช่น 4นาฬิกา ก็คือด้านซ้ายเยื้องหลัง
เวลาผู้เขียนเจอสาวงามก็จะบอกเพื่อนสั้นๆเป็นโค้ดว่า '2นาฬิกา' เท่านี้เป็นอันรู้กัน 
ทันทีที่ไพรซ์ยิงกลับ ประกายไฟจากปลายปืนก็บอกตำแหน่งของพวกเขา
ฮ.เมื่อสักครู่ตีลำกลับมา สาดไฟค้นหา และยิงมินิกันกราดลงมาด้วย

ไพรซ์สังเกตเห็นว่าใกล้ๆกับเขานั้น มีประตูสำหรับลงไปยังชั้นใต้ดินของโรงนา
เขาสั่งการให้เกสงัดประตูเพื่อหลบหนี

"ประตูเปิดละครับ" .... "ทุกคนเข้าไปในบ้าน ไปๆๆๆ"

ทั้งหมดอาศัยบ้านเป็นกำแพงตั้งรับ ต่างจากกองกำลังต่อต้านที่อยู่ที่โล่งด้านนอก
ไพรซ์อาศัยความได้เปรียบจุดนี้ ถล่มกองกำลังต่อต้านจนล่าถอยไป

"ทำไมมันถอยง่ายๆอย่างงี้"
"ก็เพราะมันมีแผนที่่ดีกว่าเมื่อกี้ไง มันคงหาที่เหมาะๆซุ่มโจมตีเรา"


แม้จะรู้อย่างนั้น แต่ก็ต้องเดินทางไปต่อ แต่ด้วยความระมัดระวังที่มากขึ้น
เสียงเยอรมันเชพเพิดเห่ากรรโชกมาแต่ไกล แยกเขี้ยวพุ่งเข้าใส่โซปทันทีที่เห็นหน้า
.....แต่พวกมันก็ไม่ไวไปกว่าปืนในมือเขา

ทหารต่อต้าน อีกหลายนายซุ่มโจมตีSASจากบ้านร้าง แต่ไม่อาจหยุดพวกเขาลงได้

ข้างหน้าเป็นไร่ โปร่งโล่ง แต่กองกำลังค้นหากระจายตัวปิดทางของไพรซ์เต็มไปหมด
แถมฮ.ยังเปิดไฟค้นหาบินวนอยู่รอบบริเวณ

ไพรซ์พยายามพาหน่วยของตนผ่านไปอย่างเงียบๆ แต่กองกำลังต่อต้านไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น
พวกมันเปิดฉากยิงใส่หน่วยของไพรซ์ทันทีที่เห็น คราวนี้ทั้งไร่กำลังรุมทึ้งพวกเขากลางลานเปิดโล่ง

"วิ่งยิง!!!!!! เข้าไปในบ้านข้างหน้าให้ได้"
ไพรซ์ออกคำสั่งแก้ไขสถานการณ์
เมื่อพูดจบ ไพรซ์ส่งกระสุน3นัดไปที่ฮ. พลยิงมินิกัน ประจำฮ.ก็ร่วงผลอยลงมาจากเครื่อง
เปิดโอกาสให้หน่วยของเขาตีฝ่าไปกบดานในเรือนเพาะชำเล็กๆแถวๆนั้น
Posted Image

แต่แทนที่จะหนีพ้น เขากลับพาหน่วยมาปะทะเข้ากับกองกำลังที่ซุ่มอยู่ในโรงนาร้าง
ในความซวยนั้นมีโชคซ่อนอยู่ พวกเขาพบ Stinger* วางนิ่งอยู่ในโรงนา
ความซวยของไพรซ์กลับกลายเป็นความซวยของ ฮ.ค้นหาลำนั้นทันที

Quote

Posted Image
FIM-92 Stinger
เป็นเครื่องยิงจรวดนำวิถีต่อต้านอากาศยานขนาดพกพาจากอเมริกา
ชื่อของมันมีความหมายว่า 'เหล็กใน'
มันสามารถล๊อคเป้า และติดตามความร้อนจากยานบินแล้วเลี้ยวตามได้
ตั้งแต่เป้าหมายเป็นแค่ฮ. หรือเจทความเร็วเหนือเสียง
(ผมรู้จักครั้งแรกจากเกม Metal Gear 2 PS2)

มูลค่า: 1,216,000 บาท
นน.: 15.2 กก.
ยาว: 1.52 เมตร

ระยะทำการ: 4,800 เมตร
ระบบนำวิถี: ตรวจจับความร้อน
ผู้ใช้: 1คน

ข้อมูลของ Stinger
"โซป เอาสติงเกอร์สอยมันเลย!!!"
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ โซปล๊อคเป้าแล้วลั่นไกทันที มิซไซล์ดีดตัวพุ่งใส่ฮ.ราวมีชีวิต
แต่นักบินก็ไม่ใช่กากๆ เขาโปรยพลุล่อออกมาจากฮ.ได้ทันท่วงที ทำให้มิซไซล์
พลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย

แต่ไม่ใช่กับลูกที่ 2 ซึ่งเลี้ยวราวกับงูฉกเข้ากลางลำ ส่งผลให้ฮ.จอมตื้อร่วงลงพื้น
ได้สำเร็จ แต่ข้างหน้าทีมSASกลัีบเจออุปสรรคใหม่เป็นปั๊มน้ำมันที่ทั้งรถบรรทุก และยานเกราะ
พร้อมทหารราบอีกหลายสิบของฝ่ายศัตรู แวะจอดเติมน้ำมันกันอยู่ ซื้อหนมจีบซาลาเปาเพิ่มกันอยู่

"บราโว่ซิกโปรดทราบ ขณะนี้ AC-130 บินเข้าน่านฟ้าในตำแหน่งของคุณ
และพร้อมปฏิบัติการแล้ว เปลี่ยน"

"บราโว่ซิก นี่ 'ค้อนศึก'(ยานบิน AC-130)พร้อมยิง หากต้องการการสนับสนุน
ชี้ตำแหน่งได้"
เสียงนักบิน AC-130ยืนยันความพร้อมมายังไพรซ์

หมดเวลาหนีหัวซุกหัวซุนแล้ว เมื่อไพรซ์ได้รับการสนับสนุนจาก AC-130
ซึ่งเปรียบได้กับมังกรเพลิงล่องหน... การตอบโต้เริ่มขึ้นจริงๆซักที


"ถึง ค้อนศึก ภารกิจยิงหวังผล ระยะใกล้มาก เป้าหมายคือ ยานเกราะ และทหารราบ
100เมตรทางตะวันตกเฉียงใต้จากเรา"
กัปตันไพรซ์ชี้เป้าให้นักบิน

"รับทราบ ปฏิบัติทันที"

หลังจากถ่ายทอดตำแหน่งได้2วินาที ก็มีสิ่งคล้ายดาวหางดวงเล็กๆหลายดวงฟาดผ่านฟ้า
กระแทกลงไปกลางวงกลุ่มต่อต้าน ยานเกราะระเบิดกระจุยหนมจีบกระจายจิ๊กโฉ่วหกเลอะเทอะทันที
และอีกหลายนัดที่ตามมาก็ล้างบางกลุ่มทหาราบจนตายคาที

.......โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมด ไม่มีใครรู้ได้ว่าตนโดนโจมตีจากไหน และอะไร

"บราโว่ซิก.. เราจะทำการวนคุ้มกันให้ท่านจนถึงจุดถอนตัว ขอให้ท่านรีบเดินทาง เปลี่ยน"
"รับทราบ ค้อนศึก... เราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ไป..พวกเรา"




ACT 1.5 : Death from above
แทนสายตา: จออินฟาเรทยานรบ AC-130


Quote

[ล๊อคตำแหน่ง: AC- 130 Spectre]

[ พลปืนที่ 1]
[ 25mm gatling gun........ RPM* : 1800 ]

RPM* Rounds Per Minute จำนวนนัดต่อนาที หรือ Rate of fire นั่นแหละ
เท่ากับว่าถ้ามีเวลาสัก 1วิ แกทลิ่งสามารถสาดกระสุนใส่คุณได้ถึง 30นัด แม้ว่านัดที่
5เป็นต้นไป มันจะผ่านตัวคุณไปเฉยๆเพราะ 4นัดแรกมันเจาะตัวคุณจนโหว่ไปหมดแล้วก็เหอะ
[ พลปืนที่ 2 ]
[ 40mm bofors cannon....... RPM: 100 ]

[ พลปืนที่ 3 ]
[ 105mm m102 howitzer cannon...... RPM: 10 ]


ทางตะวันตกของรัสเซีย

AC- 130* ยานรบสนับสนุนระยะไกลฉายาที่ทหารเรียกกันติดปากว่า 'มังกรเพลิง'
ได้บินวนอารักขาการถอนตัวของ SAS ราวกับเป็นสัตว์อสูรในเทพนิยาย

Quote

Posted Image
มังกรอารักขา AC-130 เห็นแท่งดำๆที่ยื่นออกจากด้านซ้ายของตัวเครื่องข้างเดียวปะครับ นั่นคือสารพัดอาวุธของเค้า มวยถนัดซ้ายว่างั้นนะ

AC- 130* Spectre
ยานรบสนับสนุนติดอาวุธหนัก ภาคอากาศสู่พื้น(Air to Ground) และถือเป็นยานรบ
เอนกประสงค์นิยมใช้ในหลายภารกิจตั้งแต่ ดูลาดเลา โจมตีเป้าหมายภาคพื้นดิน
อารักขา หรือแม้แต่ส่งพลร่มจำนวนมาก ซึ่งสามารถเลือกติดเซทอาวุธให้เหมาะสม
กับปฏิบัติการที่ต่างกันไปได้

มังกรตัวนี้ มีตาจับความร้อนที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล
และความมืด เป็นการทีมเวิคของทีมทั้ง 13นาย บนตัวเครื่อง

ในภารกิจอย่างนี้ AC-130 จะบินวงเป็นวงกลมเหนือพื้นที่ในระดับความสูงเกินกว่าที่มิซไซล์
จากภาคพื้นดินจะโจมตีได้ แล้วเอียงตัวเครื่องเพื่อให้ปืนหลากประเภทที่ติดอยู่ข้างลำเพียงข้างเดียวนั้น
ได้องศาพอที่จะยิงสู่พื้น

Posted ImagePosted Image
ภาพขณะตีวงเอียงลำปล่อยอาวุธ สังเกตองศายิงนะครับ_____________ผังแสดงลักษณะการบินวนเพื่อปล่อยอาวุธ
จะทราบเลยว่ามันบินไกลเป้าหมายขนาดไหน


มันสามารถบินวนได้นานกว่ายานบินทั่วไป และสามารถปฏิบัติภารกิจได้ในวันที่สภาพอากาศ
เลวร้าย ดวงตาของเครื่อง นอกจากเรด้าแบบที่เครื่องบินพึงมีแล้ว ยังมีกล้องกำลังสูง
ที่มองด้วยระบบอินฟาเรท ทำให้สามารถแยกแยะศัตรูบนพื้นได้แม้ว่าจะมีเมฆหมอกบัง
และทำการที่ความสูง 9,000เมตร จากระดับน้ำทะเล ทำให้เหนือห่วงโซ่อาหารของมัน
มีเพียงเครื่องบินเจทขับไล่เท่านั้น

Posted Image
บาฮามุท จากFF ซีรี่ย์ชัดๆ ภาพที่ท่านเห็นนี้ไม่ได้ถูกตกแต่งให้เก๋ไก๋สไลเดอร์แต่อย่างใด
แต่(ผู้เขียนคาดว่าน่าจะ)เป็นภาพขณะปล่อยพลุล่อ คราวนี้ต่อให้โดนล๊อคเป้าสัก 4ลูก
ก็ไม่โดนกุง่ายๆหรอกเว้ย แถมเครื่องขนาดนี้มีพลุสำรองอีกเพียบ


Posted Image
โลโก้ประจำหน่วย AC-130 ซึ่งบ่งบอกตัวตนมันได้ชัดเจนมาก
ผีล่องหนที่ยิงปืนไฟจากดวงจันทร์ ...ใช่เลย


มูลค่า: 4,224 - 6,080 ล้านบาท
ประเทศ: อเมริกา
จำนวนยูนิต: 43 ลำ (ใช้ปฏิบัติการจริง 25 ลำ)

ความยาว: 29.8 ม.
ความเร็วสูงสุด: 480 กม:ชม
เพดานบิน: 9,100 ม.

ลูกเรือ: 13 นาย ประกอบด้วย
  • นายทหาร 5นาย (นักบิน, ผู้ช่วยนักบิน, ต้นหน, ผู้ควบคุมระบบการยิง, นายทหารช่างอิเลคโทรนิค)
  • ทหารอีก 8นาย (ทหารช่างการบิน, ผู้คุมจอภาพ, ผู้ควบคุมระบบตรวจจับอินฟาเรท, พลเติมกระสุน, ผู้ควบคุมปืนกระบอกต่างๆอีก 4นาย)
ผู้เขียนไม่รู้ว่าชื่อจริงๆของตำแหน่งเหล่านี้ทหารเค้าเรียกกันยังไงนะ แต่พยายามแปลให้ตรงกับภาษาอังกฤษที่สุดละ
Posted Image
ภายในตัวเครื่องก็กว้างขวางเพราะแต่เดิม AC-130 ก็เป็นเครื่องบินขนส่ง
มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกแล้ว


"เราจะผ่านเมืองข้างหน้าเพื่อไปยังจุดถอนตัวทางตะวันออก ช่วยยืนยันด้วย
ว่าคุณรับสัญญานอินฟาเรทบนตัวพวกเราชัดเจนหรือไม่ เปลี่ยน"

หน่วยSAS นำทีมโดยกัปตันไพรซ์ยืนยันตำแหน่งเพื่อปฏิบัติภารกิจร่วมกัน


"สัญญานอินฟาเรทบนตัวพวกท่านทำงานปกติ สัญญานชัดเจน เปลี่ยน"
ผู้ควบคุมมอนิเตอร์อินฟาเรทบน AC-130 ตอบรับ

"ลูกเรือทุกนาย ระมัดระวังการยิงด้วย เป้าหมายเดินเท้ามีสัญญานกระพริบ
นั่นคือคนของเรา"

"เอ่อ.. มอนิเตอร์ช่วยยืนยันว่าสิ่งปลูกสร้างคล้ายโบสถ์ในเมืองนั่น ใช่โบสถ์หรือไม่"
"ยืนยันว่าเป็นโบสถ์ ...นั่น ท่าทางจะได้เวลาลุยแล้ว"

"หน่วยยิง ขอให้ท่านหลีกเลี่ยงความเสียหายของโบสถ์ อย่ายิงใส่โบสถ์โดยตรง"
"รับทราบ... เราพบยานพาหนะกำลังขับเคลื่อนแล้ว"

"มีคนออกมาจากโบสถ์ครับ"
"เราพบ กลุ่มบุคคลติดอาวุธ ออกมาจากโบสถ์ ขออนุญาติยิงครับ"


ภาพที่เห็นจากจอมอนิเตอร์ ปรากฏร่างเงาคนหลายคนวิ่งออกมาจากโบสถ์
เด่นชัด ทั้งที่สภาพจริงนั้นมืดสนิท และมีเมฆกั้นระหว่างพวกเขาก็ตาม


ภาพมอนิเตอร์จริงขณะปฏิบัติการถล่มตาลีบัน ระเบิดจริงตายจริง เริ่มยิงนาทีที่4นะครับ

"คุณได้รับอนุญาติยิงทั้งพาหนะ และบุคคล ที่อยู่ในระยะสายตา"
"รับทราบครับ... ลูกเรือทุกนาย คุณได้รับอนุญาตให้ยิง แต่ห้ามยิงใส่โบสถ์"


กลุ่มบุคคลติดอาวุธปะทะกับ หน่วยSASที่ด้านล่าง เท่ากับการประกาศการ
เป็นศัตรูกับพวกเขาด้วย 40mm bofors cannon* ถูกยิงออกไป 3นัด

ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!......

หลังจากนั้น 1วินาที ก็เกิดกลุ่มควันจากการระเบิด 3ลูกเรียงแถวบนพื้นดิน
กลุ่มต่อต้านที่เรียงแถวกับแนวกำแพง เพื่ออาศัยเป็นกำบังปะทะกับSAS
ได้ลอยขึ้นฟ้า 3-4เมตร ไปคนละทิศละทาง โดยไม่มีสิทธิรู้ด้วยซ้ำว่าโดนอะไรเข้า

Quote

40mm bofors cannon*
รุ่นแรกเริ่มเดิมที่นั้นเป็นปืนใหญ่อัติโนมัติต่อต้านอากาศยาน ซึ่งใช้กันมาตั้งแต่
สงครามโลกครั้งที่ 2กันเลยทีเดียว แต่ปัจจุบันสามารถพัฒนามาติดตั้งกับเครื่องบิน หรือแม้แต่รถถัง

Posted Image
ดูขนาดกระสุนของ โบฟอ ซะก่อน เรียกว่าแค่ปลอกกระสุนหล่นจากเครื่องมาโดนหัวก็ไม่รอดแล้ว

Posted Image
นี่อันเดียวกัน แต่แบบใช้ปกติ ภาคพื้นดิน
"เรียกไฟป่า(AC-130)... นี่บราโว่ซิกโปรดทราบ เราตัดผ่านโบสถ์ขนาดใหญ่และกำลังจะไปถนนอีกเส้น
ช่วยยิงเปิดเส้นทางด้วย ....เลิกกัน"


"รับทราบ... ยิงทุคนที่ไม่มีสัญญานกระพริบ ทั้งหมดเป็นกลุ่มต่อต้าน"
"มีรถเข้ามาในพื้นที่ครับ"
"ยิงทันที"

"เดี๋ยวๆๆ อย่ายิง... อย่ายิงยานพาหนะก่อนได้รับอนุญาต ย้ำอย่าโจมตีพาหนะบนถนนหลัก"


"เรียกไฟป่า ขณะนี้เรากำลังเข้ายึดรถพลเรือนที่อยู่บนถนนหลัก อย่ายิงรถเด็ดขาด"
กัปตันไพรซ์ บอกแผนใหม่ของเขาให้ยานรบรับรู้

"ลูกเรือ.... ห้ามโจมตีพาหนะบนถนนหลัก นั่นรถพลเรือน
ทีมภาคพื้นดินกำลังจะใช้รถพลเรือน ห้ามยิงยานพาหนะใดๆบนถนน นอกจากชัดเจนว่าเป็นศัตรู
"


ทีมSAS ใช้อาวุธยึดรถพลเรือนทันทีที่พวกเขาจอดตามปืนของไพรซ์ที่เล็งไปทางเขา

"เหอะๆ ผมว่าไอ้นั่นคงเยี่ยวราดแล้วมั้งนั่น รถสวยซะด้วย"
"คงไม่ใช่แค่เยี่ยวล่ะงานนี้ คงขี้ราดน่องเลยล่ะ ฮ่ะๆๆๆ"


"เรียกไฟป่า... เราติดสัญญานอินฟาเรทบนหลังคารถทั้ง 2คันแล้ว โปรดยืนยันว่าคุณได้รับสัญญาน เปลี่ยน"
ทีมของไพรซ์เข้าไปอยู่ในตัวรถแล้ว

"รับทราบ... รับสัญญานได้ชัดเจน ลูกเรือ.. ห้ามโจมตีพาหนะที่มีสัญญานกระพริบ
ย้ำ ห้ามโจมตีพาหนะที่มีสัญญานกระพริบ นั่นคนของเรา"

"ศัตรูกำลังสุมกำลังซุ่มโจมตีที่โค้งหน้าครับ"

ผู้คุมมอนิเตอร์ดุจมีตาทิพย์ นอกจากจะเห็นในความมืดแล้ว การมองจากมุมสูง
ก็ทำให้เห็นอะไรที่อีกฝ่ายไม่อยากให้เห็นได้ง่ายเช่นกัน

"เอ่อ.. มอนิเตอร์ โค้งที่คุณว่าน่ะ โค้งไหนระบุด้วย ....เปลี่ยน"
"ผู้ควบคุมการยิง คุณเห็นหอเก็บน้ำตรงหัวโค้งหรือไม่ ...เปลี่ยน"

"คุณหมายถึง หอเก็บน้ำตรงแยกหน้านี่ใช่มั้ย"
"เอ่อ... ใช่ครับ อันนั้นแหละ มันซุ่มอยู่ที่โค้งหลังหอเก็บน้ำอันนั้น"

"เอาไงดี.. เราจะไปเคลียทางโค้งนั่นก่อนมั้ย หรือวนคุ้มกันดี"
"มีการซุ่มโจมตีในหมู่บ้านเลยทางโค้งที่ว่าด้วยครับ"

"หมู่บ้านที่ว่านี่ไกลแค่ไหน"
"อ่า... น่าจะประมาณ 200เมตร ไปตามทางโค้งนั่นน่ะครับ"

"งั้นผมขอตัดสินใจให้เราล่วงหน้าไปเคลียการซุ่มโจมตีให้ภาคพื้นดินก่อนดีกว่า
เตรียมการปะทะด้วย"


"ระวัง... พวกเขาถึงโค้งแล้ว คาดว่าพวกมันใช้ต้นไม้บังตา"
"เฮ้ย.. มีคนยิง RPGด้วย"


หางจรวด RPG พุ่งเป็นสายยาวไปทางรถของหน่วยSAS กองกลังต่อต้าน
ตั้งป้อมบนดาดฟ้าตึกทางเข้าหมู่บ้าน

"รับทราบ..ลูกเรือทั้งหมด ตั้งกระบอกไปที่หมู่บ้าน สังเกตหางRPG เคลียให้ราบ"
"รถหุ้มเกราะตรงนั้น มันกำลังออกจากโรงนา"
"เป้าหมายทั้งหมดในหมู่บ้าน ชัดเจนว่าเป็นศัตรู ซัดมัน"


"ไฟป่า เรากำลังถูกซุ่มโจมตี ยิงสนับสนุนด้วย เปลี่ยน"
ไพรซ์ร้องเสียงหลงใส่วิทยุ โดยไม่รู้ว่าเหล่าลูกเรือ AC-130 เตรียมการ
ปูพรมแดงให้เขาอยู่นานแล้ว

ปึ้งงง!!!!!
เสียงทึบเพียงนัดเดียวดังออกจากตัวยานรบ นั่นก็เพียงพอแล้ว
หากมันเป็น 1นัดจาก 105mm m102 howitzer cannon*

Quote

Posted Image
เข้.. ใหญ่กว่าเมื่อกี้อีก นัดเท่าแขนกันเลยทีเดียว

Posted Image
ปากกระบอก m102 ลองเทียบขนาดกับหน้าต่างเครื่องบินด้านบนดู เอาหัวเข้าไปได้เลยอ่า

105mm m102 howitzer cannon*
เดิมถูกใช้เป็นปืนใหญ่สำหรับทหารราบ ตัวกระบอกทำจากอลูมิเนียมทำให้มีน้ำหนักไม่มาก
สามารถขนส่งโดย ฮ. หรือผูกร่มแล้วปล่อยลงมาพร้อมพลร่มได้

Posted Image
อันนี้แบบภาคพื้นดิน ปืนใหญ่ชัดๆ
อาคารที่หน่วยต่อต้านใช้เป็นที่ซุ่มยิง RPG สลายหายไปทั้งอาคาร
การระเบิดทำให้เกิดควันคลุ้งตลบสูงเท่าตึก 8ชั้น
ไม่ต้องถามถึงทหารต่อต้านเกือบ 10นายที่อยู่บนหลังคา


"Ka-boom*!!!" พลยิงพูดด้วยน้ำเสียงสะใจ
Ka-boom* หากแปลตรงตัวคือการที่เรายิงปืนแล้ว แทนที่กระสุนจะออกจากปากกระบอก
ปืนกลับระเบิดตรงรังเพลิงแทน ในที่นี้หมายถึง การระเบิดแบบสวยๆหาดูยาก นั่นเอง

"ทหารบนอาคารรููปตัวยู"
"เอ่อ.. ตึกไหนรูปตัวยู"
"ตึกแรกเลย ที่หลังคาแบนๆไงท่าน"


ทั้งยานเกราะ และทหารต่อต้าน หลายสิบนาย ไม่สามารถรั้งรถพลเรือนเพียง
2คันไว้ได้ เนื่องจากถูก AC-130 ยิงถล่มจนไม่เป็นกระบวน
ราวกับฝูงมดที่เดินเรียงแถวให้มนุษย์ใช้นิ้วบี้ทีละตัว โดยไม่อาจตอบโต้
SAS ขับผ่านหมู่บ้านมาได้แล้ว

"เรียกไฟป่า พวกผมใกล้จุด LZแล้ว กำลังสละรถเพื่อเดินเท้า เข้าไปในโรงเก็บซากรถ"
"รับทราบ.. ลูกเรือ ภาคพื้นดินเปลี่ยนเป็นเดินเท้า ห้ามยิงใส่บุคคลที่มีสัญญานกระพริบ"

"พบศัตรูเดินเท้าในสุสานรถ"


แม้ซากรถทั้งหลายที่กองๆอยู่ จะเป็นกำบังสำหรับยิงต่อสู้อย่างดี
แต่กับ AC-130แล้ว มันไม่มีประโยชน์ใดๆ กลุ่มต่อต้านทั้งหมดเหมือนอาศัย
กระดาษแผ่นบางๆเป็นที่กำบัง

"ไฟป่า... เราถึงLZแล้ว เราถูกโจมตีอย่างหนักจากทุกทาง ขอการยิงสนับสนุน
ในระยะอันตรายด้วย"


ไพรซ์หมายถึงเขาอนุญาตให้ยานรบยิงสนับสนุนในระยะประชิดใกล้ตัวพวกเขา
แม้ว่าจะเสี่ยงต่อการยิงโดนพวกเขาด้วยก็ตาม

"ศัตรูกำลังรุมทึ้งพวกนั้นจากทุกทางเลย ยิงระวังพวกเขาด้วย ใช้แค่ 25mm
(Gatling gun*)จะดีกว่านะ "

Quote

Posted Image
Gatling gun ขณะตั้งนิ่งอยู่ด้ายซ้ายของตัวเครื่อง รถถังก็รถถังเถอะ

Posted Image
นี่คือสาวน้อย พลปืนกลหนักหญิงคนแรก เธอประจำการแกทลิ่งบนเครื่อง AC-130
ผ่านศึกอิรัก กับ อาฟกานิสถานมาแล้วนะยะ

สถานการณืกำลังมั่วนัวสุดๆ SASกำลังตกอยู่ในวงล้อม ซึ่งระยะใกล้เท่านี้
AC-130 ทำงานได้ไม่ถนัดนัก เนื่องจากกลัวจะโดนพวกเดียวกันไปด้วย

"ลูกเรือโปรดทราบ ฮ.ที่จะเข้ามาทำการถอนตัว เข้ามาในพื้นที่แล้ว
พลปืนทุกนายระมัดระวังปืนของท่านด้วย"


"ไฟป่า นี่บราโว่ซิก เรากำลังขึ้นเครื่องเพื่อถอนตัวแล้ว ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน เลิกกัน"
ไพรซ์และหน่วยSASทุกนายวิ่งฝ่ากระสุนไปยังฮ.ได้อย่างปลอดภัย พร้อมนิโคไล

"เหอะๆ เกือบไปเหมือนกันแฮะ ลุ้นแทบตาย"
"เหมือนผมเลย..."

"ลูกเรือทุกท่าน.. VIP* ปลอดภัย ภารกิจเสร็จสิ้น ทำได้ดีมากทุกคน"
"รับทราบ... กำลังกลับฐาน"

VIP* อย่าดูถูกว่าเป็นคำย่อที่เจอบ่อย ยังมีหลายคนไม่รู้ว่ามันย่อมาจากอะไร
มันย่อมาจาก Very Important Person บุคคลที่สำคัญมากๆ ไง ง่ายๆงี้เลย 

 
						
						


ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับตอนต่อไปครับ


สนุกมากมายจริงๆครับๆ :like:
  • Report

March 2024

S M T W T F S
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 29 30
31